ผ่านมาแล้ว 1 เดือนเต็ม... “คดียิงเสือดำ”
สังคมเริ่มเฉยชา และค่อยๆ ลืมเลือนคดีเลือดครั้งนี้ไปทีละน้อย หลายฝ่ายกังวลใจอย่างมากว่า “เสือดำจะตายฟรี!” จนวันนี้ พวกเขาต้องออกมาทวงถามให้ก้องฟ้า “ถ้าคนมีเงินถุงเงินถังฆ่าเสือดำ กระบวนการยุติธรรมไทย จะเอาผิดเขาได้หรือไม่?”
นอกเหนือจากนี้ มูลนิธิ และองค์กรที่ขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว ยังออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ด้วยหัวจิตหัวใจอันแรงกล้า...
...
- ศศิน เฉลิมลาภ -
ขณะเดียวกัน นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้กล่าวกับทีมข่าวเอาไว้อย่างสนใจว่า ตอนนี้ก็นับว่า ครบรอบ 1 เดือนของคดีเสือดำแล้ว โดยจุดประสงค์สำคัญของแถลงการณ์ครั้งนี้ คือ การจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ในสำนวนที่จะส่งให้อัยการในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ จะมีข้อหาเจตนาฆ่า-ล่าหรือไม่
“ผมว่า ตอนนี้มีบางฝ่ายพยายามเบี่ยงเบนประเด็นสำคัญ และพยายามทำให้สังคมหลุดโฟกัสไปยังประเด็นอื่นๆ ซึ่งประเด็นอื่นๆ นั้นเราไม่สนใจ เราสนใจในประเด็นที่ว่า สำนวนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งให้อัยการในอีกไม่กี่วันนี้ จะมีข้อหาเจตนาฆ่า-ล่าหรือไม่”
“หากสุดท้ายในสำนวนนั้นๆ ไม่มีข้อหานี้ปรากฏ ผม มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และองค์กรที่ขับเคลื่อนในเรื่องนี้อีกหลายองค์กร พวกเราคงจะยอมไม่ได้ และต้องทำอะไรบางอย่างให้ถึงที่สุด”
นายศศิน ยังไล่เรียงไว้อีกว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พูดตั้งแต่วันแรกๆ แล้วว่า หลักฐานวันนี้มีถึง 70% แล้ว พร้อมจะฟ้องได้เลย แต่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการไปสืบสวนเพิ่มเติม จากนั้น ก็ออกมาบอกว่า ปืนที่ใช้ยิงเสือดำยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า ใครเป็นคนยิง เพราะบริเวณไกปืนมีลายนิ้วมือและดีเอนเอไม่เพียงพอ
“ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า อาวุธปืนกระบอกใดยิงเสือดำ และใครเป็นผู้เหนี่ยวไกยิงเสือดำ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องหาหลักฐานที่ชัดเจน หรือเพียงพอ แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว หลักฐานนั้นๆ ไม่เพียงพอ หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือ ไม่ส่งฟ้องเลย หรือส่งฟ้องไปในลักษณะที่คลุมเครือที่สุด จนศาลไม่สามารถพิจารณาได้ เพราะศาลไม่ได้พิจารณาจากข่าวศาล แต่พิจารณาจากเอกสารที่ส่งไป”
...
“ถ้าคดีนี้ หลุดไปจนเหลือแค่ครอบครองซากสัตว์ป่า และพกพาอาวุธปืน ผมว่าจุดนี้เราคงยอมไม่ได้ ยอมไม่ได้แน่นอนครับ เราจะยอมให้มันเกิดไม่ได้ ผมคิดว่า ไม่ใช่แค่ มูลนิธิสืบฯ หรอกครับ ผมว่า ประชาชนชาวไทยก็ไม่ยอม”
“มูลนิธิสืบนาคะเสถียรจะส่งแถลงการณ์ฉบับนี้ไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก่อน และจะร่วมกับเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์อื่นๆ เดินทางไปพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เพื่อให้เร่งรัดการดำเนินการในเรื่องนี้ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องการให้รัฐบาล หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนตัวผู้ดูแลคดี”
...
“แต่เพียงอยากให้ในช่วงครบกำหนดส่งสำนวน ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐ ดำเนินการอย่างรอบคอบ แต่หากสำนวนที่ออกมาไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ ทางมูลนิธิฯ จะเตรียมเดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอเปลี่ยนตัวผู้ดูแลคดี”
“ขอประกาศว่า หากในสำนวนคดี ที่ตำรวจจะส่งฟ้องศาล ไม่มีข้อหาเจตนาฆ่า ล่าสัตว์ป่า เราคิดว่า เราไม่จำเป็นต้องนัดกับใคร เพื่อจะออกมาเรียกร้องเรื่องในเรื่องนี้ เพราะพวกเราไม่ยอม และนั่นย่อมหมายความว่าจะเกิดปรากฏการณ์ เป่านกหวีด ประชาชนจะออกมาเดินกลางถนน อีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน”
- ภาณุเดช เกิดมะลิ -
นายภาณุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกับศศินว่า พฤติการณ์ของนายเปรมชัย มีความชัดเจนว่าซุกซ่อนอาวุธไว้ในรถแล้วเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามที่สงวนไว้สำหรับการอาศัยและหากินของสัตว์ป่า ซึ่งแสดงถึงเจตนาเข้าไปล่าสัตว์ ไม่ใช่พักผ่อนตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งมีเสียงปืนดังขึ้นในบริเวณที่กลุ่มผู้ต้องหาตั้งแคมป์พักโดยไม่มีคนกลุ่มอื่น
...
นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับหลักฐานที่พบทั้งอาวุธปืน เครื่องกระสุน ปลอกกระสุน ซากสัตว์ป่า และร่องรอยกระสุนบนสัตว์ป่า เศษซากกระดูกสัตว์ป่าที่พบในลำห้วย และอาหารที่ประกอบมาจากสัตว์ป่า ซึ่งหลักฐานที่พบถือว่ามีความสมบูรณ์ในฐานความผิดแล้ว ในฐานล่าสัตว์ป่า นอกเหนือไปจากครอบครองซากสัตว์ป่าและฐานซ่อนเร้น
“ดังนั้น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด ตรวจสอบสำนวนในชั้นอัยการให้รอบคอบก่อนส่งฟ้องศาล เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง”
- เพชร มโนปวิตร -
นายเพชร มโนปวิตร รองหัวหน้ากลุ่มงานอนุรักษ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ไอยูซีเอ็น) ระบุกับทีมข่าวถึงรายละเอียดของเสือดำในประเทศไทยว่า เสือดำที่เพิ่งถูกล่า ถลกหนัง ชำแหละเนื้อในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนั้น เป็นชนิดเดียวกับเสือดาวอินโดจีน หรือ Indo-chinese leopard (Panthera pardus delacouri) ซึ่งเป็นเสือดาวชนิดย่อย delacouri ที่เคยกระจายพันธุ์อยู่ทั่วไปเฉพาะในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ปัจจุบันมีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ระดับโลก ทั้งโลกเหลือแค่ราว 2 พันตัว ส่วนในประเทศไทยคาดว่าเหลืออยู่ไม่กี่ร้อยตัว
ทั้งนี้ ภัยคุกคามที่สำคัญที่สุดคือขบวนการล่าเพื่อการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ส่วนปัจจัยคุกคามอื่นๆ ได้แก่ การลดลงของเหยื่อเนื่องจากปัญหาการลักลอบล่าสัตว์ การทำลายและรบกวนแหล่งที่อยู่อาศัย และโรคระบาด
“อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ ธรรมาภิบาลของผู้บริหารองค์ระดับชาติ และระดับภูมิภาคอย่างนายเปรมชัย ซึ่งธรรมาภิบาลขององค์กรแห่งนี้ เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่กระทำการใดๆ ที่จะมีผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพแวดล้อม และนี่คือสิ่งที่สังคมไทยจับตา และสื่อมวลชนจากนานาชาติก็ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน”
- ยรรยง เลขาวิจิตร -
นายยรรยง เลขาวิจิตร อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 กล่าวถึงนายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตกว่า วิเชียรเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ซึ่งผู้ชายคนนี้ ถือว่า เป็นผู้ที่มีใจรักษ์ในผืนป่าอย่างแท้จริง
“วิเชียรเขาเพิ่งย้ายมาได้ไม่ถึงปี เขาทำคดีใหญ่ตรวจยึดพื้นที่จากนักการเมืองผู้มีอิทธิพลในจังหวัดกาญจนบุรี เกือบ 200 ไร่ ที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อปลูกสร้างและทำสวนผลไม้ โดยที่เขาไม่เกรงกลัวอำนาจมืดใดๆ เพราะฉะนั้น เราอย่าให้คดีเสือดำทำลายขวัญและกำลังใจของคนทำงานนะครับ”
- เก๋ ชลลดา -
เก๋ ชลลดา ในฐานะตัวแทนมูลนิธิเดอะวอยซ์ เสียงจากเรา ประกาศกร้าวกับสื่อมวลชนว่า เราจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ถ้าคนทำผิดแล้วกฎหมายทำอะไรกับเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตนอยากจะฝากไปถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคน เพราะตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่าน จะทำให้คดีนี้ลบคำสบประมาทต่างๆ นานาออกไปได้
“1 ชีวิตที่ตายไป ไม่ใช่แค่สัตว์ตัวหนึ่ง แต่เป็นเสียงของคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้น เราจะไม่ยอมให้อำนาจหรืออิทธิพลมากลบเสียงความยุติธรรมลงไปได้”
นอกจากนี้ เก๋ ชลลดา ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ ว่า กฎหมายที่เกี่ยวกับสัตว์ในประเทศไทย ไม่ได้มีโทษร้ายแรงเหมือนต่างประเทศ ชนิดที่ว่าเทียบกันไม่ได้เลยสักนิด เพราะประเทศเป็นเมืองพุทธ เมืองแห่งความเมตตา คนไทยใจดี เกรงกลัวบาปกรรม
“ถึงแม้ความจริงเราไม่ได้มีกฎหมายที่ครอบคลุมและชัดเจนที่สุด ทั้งคน และสัตว์ก็ตามที (พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ ภาคประชาชน) ซึ่งร่างที่ประกาศใช้ คือ พ.ร.บ คุ้มครองสัตว์ ร่างกฤษฎีกา ที่มีช่องโหว่ในหลายๆ ข้อและไม่ชัดเจนในบทลงโทษ”
“และมาวันนี้กับคดีเสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครองแท้ๆ มีกฎหมายชัดเจน ออกมานานไม่รู้กี่ทศวรรษยังไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ และไม่สามารถหยุดการกระทำของคนใจร้ายได้เลย ในทางกลับกัน พ.ร.บ. ที่คนรักสัตว์ใฝ่ฝัน นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ อ่อนปวกเปียก ไม่มีอำนาจอย่างสิ้นเชิง แถมยังถูกปัดตก แบบใช้การไม่ได้ไปอีก นี่ขนาดเสือดำ สัตว์ป่าหายากที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย เดินเล่น อยู่ในเขตป่าสงวนตามวงจรชีวิตของมัน กฎหมายและเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ยังทำอะไรคนผิดตามมาตรการ และหลักฐานไม่ได้เลย”
ทั้งนี้ มูลนิธิเดอะวอยซ์ เสียงจากเราขอเชิญชวนชาวไทย ทุกคน ร่วมกันแสดงสัญลักษณ์ แห่งความเป็นธรรม และเป็นส่วนหนึ่งกับเรา ในการเรียกร้องขอความยุติธรรม ให้กับ เจ้าเสือดำ และเจ้าหน้าที่ผู้ทำงานเพื่อผืนป่าทุกท่าน (คุณวิเชียร และทีมเป็นต้น)โดยโพสต์ภาพ ตัวคุณ พร้อมใช้มือซ้าย (แสดงแทนหัวใจ) ทำเครื่องหมายกากบาท ไม่ยอมรับความไม่เสมอภาค และ 2 มาตรฐานของ กฎหมายไทย โพสต์ลงทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของคุณ พร้อม ติด แฮชแท็ก
#ตื่นเถิดชาวไทย
#ทุกชีวิตสำคัญเสมอกับเรา
#เสือดำต้องไม่ตายฟรี
#thaiequaljustice
#เสียงจากเรา
#thevoicefoundation
- โน้ต วัชรบูล -
ส่วนโน้ต วัชรบูล ถ่ายทอดความรู้สึกของเขาไว้อย่างน่าสนใจว่า จากการที่ตนมีโอกาสเข้าไปสัมผัสสัตว์ป่าอยู่พอสมควร พบว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทำงานกันอย่างหนัก พวกเขาทำด้วยหัวใจจริง เพราะอาจจะด้วยความเสี่ยงสูง แต่ค่าตอบแทนต่ำ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจึงมีไม่มากนัก
“ในขณะที่ มีคนไม่กี่คนพยายามรักษาผืนป่า หากตัวผมกลับนิ่งเฉยไม่ทำอะไร ซึ่งผมรู้สึกว่าการกระทำแบบนี้มันหยามน้ำใจกันเกินไป เขาเสียสละขนาดนี้ เราจะอยู่เฉยได้อย่างไร อย่าให้เรื่องนี้ต้องเงียบไป หรืออย่าให้เรื่องนี้เป็นเพียงกระแสๆ หนึ่งที่เข้ามาและผ่านไป”
“ในช่วงที่ผมถ่ายละครตามป่าตามเขา จะมีคนในพื้นที่มาบอกเสมอว่า การล่าสัตว์ในบริเวณนั้นๆ ยังมีอยู่ โดยเฉพาะคนมีสี มีอำนาจ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนยังไม่รู้”
แล้วคุณล่ะ
คุณจะยอมให้เสือดำ ตายฟรี เช่นนี้หรือ?