คงใกล้จบเสียทีกับคดีหวย 30 ล้านที่เป็นมหากาพย์ยาวนานข้ามปี ทั้งที่ดูเหมือนจะเป็นคดีง่ายๆ (หรือเปล่า?) เมื่อสำนวนคดีมาถึงมือกองปราบปราม โดยทำงานอย่างตรงไปตรงมา ชัดเจน รอบคอบ และยุติธรรม นี่สิที่ประชาชนฝากความหวังไว้ ตามสโลแกน “ที่พึ่งสุดท้ายที่หมายพึ่ง”
และในวันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เกิดความสงสัย อยากจะรู้ตามประสานักข่าวช่างคุ้ย และเชื่อว่าประชาชนอีกหลายคนที่กำลังติดตามคดีนี้ คงจะอยากรู้ไม่แพ้กันว่า “เอ๊ะ! ทำไมคดีแบบนี้ น่าจะจบตั้งแต่ในพื้นที่แล้วหรือเปล่า คงไม่ต้องถึงระดับยอดฝีมืออย่างกองปราบปรามหรอกมั้ง” คนที่จะมาไขข้อสงสัยได้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากตำรวจในพื้นที่...
...
คนแรกเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุในตลาดเรดซิตี้ นั่นก็คือ สภ.เมืองกาญจนบุรี นำโดย พ.ต.อ.ทศพร ปทุมยา ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี แต่น่าเสียดายที่ท่านผู้กำกับไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะให้สัมภาษณ์ในคดีหวย 30 ล้านได้ โดยเผยว่า ตอนนี้คดีอยู่ที่กองปราบ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่ก่อนหน้านี้ ผบช.ภ.7 ได้สัมภาษณ์สรุปการสอบสวนที่ภาค 7 ดำเนินการทั้งหมด พร้อมแถลงกับสื่อมวลชนไปแล้ว ส่วนตนเป็นเพียงตัวเล็กๆ ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะให้ข่าวอะไรได้ เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา จึงขออนุญาตไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับคดีนี้
“เป็นรูปแบบของคณะทำงานระดับภาค ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ผมไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตอบคำถามได้ ผมอยู่เมืองกาญจน์ ซึ่งอยู่ในภาค 7 เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาที่ได้ให้สัมภาษณ์ไปวันนั้นหมดแล้ว เพราะฉะนั้น เสร็จสิ้นในกระบวนการสอบสวนในขั้นตอนดำเนินการของภาค 7 แล้ว และขั้นตอนดำเนินการต่อไปอะไรยังไงท่านผบช.ภ.7 พูดไปหมดแล้ว และเป็นเรื่องนโยบายข้างบนที่สั่งการมา ก็เป็นไปตามแนวทางนั้น ผมไม่สามารถออกความเห็นหรือไปพูดตอบสื่อได้เลย” ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่ทีมข่าวอยากจะสอบถามในความสงสัยที่ว่า การสอบสวนตั้งแต่ต้นเกิดอะไรขึ้น จนนำมาสู่การเข้ามาทำหน้าที่ของตำรวจภาค 7 และกองปราบปราม???
ตร.ภาค 7 โล่งอก ยกคดีหวย 30 ล้าน สู่มือกองปราบ
อีกหนึ่งคนที่มีบทบาทในคดีนี้มากเช่นกัน นั่นก็คือ พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภ.7 อดีตหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีการแย่งชิงความเป็นเจ้าของสลากฯ ที่ จ.กาญจนบุรี โดยในวันนี้ “รองเป็ด” เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กแป๊ะ” ผบ.ตร. กล่าวว่า หมดกังวลหลังไม่ได้ทำคดี โดยเมื่อครั้งที่ภาค 7 ทำคดี เนื่องจากมีการร้องเรียนจากคู่กรณี เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพื้นที่ เมื่อไม่มั่นใจในพื้นที่ ผู้บังคับบัญชาก็จะให้หน่วยเหนือกว่าลงไป เมื่อหน่วยเหนือกว่าลงไป ผู้ร้องบอกว่า ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ผู้บังคับบัญชาก็ต้องส่งหน่วยเหนือกว่าลงไปอีก เป็นระเบียบปฏิบัติโดยทั่วไป
...
“ตอนนี้ไม่ได้กดดันอะไรแล้วครับ เพราะกองปราบนำคดีไปทำ ผมก็ได้แต่รอฟังข่าว ว่า จะมีการสรุปความเห็นอย่างไร ก็ไม่ได้สบายใจหรือไม่สบายใจ เพราะว่าจะให้ทำต่อก็ได้ แต่ถ้าเปลี่ยนให้คนอื่นทำก็ได้ เราก็คอยฟัง อยากจะรู้ว่าข้อเท็จจริงสุดท้ายลอตเตอรี่เป็นของใคร เราทำคดีมาเราก็อยากรู้” มือปราบภาค 7 กล่าวน้ำเสียงสบายๆ
ทีมข่าวถามต่อว่า ตอนที่ทำคดี ยังสรุปไม่ได้หรือว่าใครเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริง?
พล.ต.ต.กฤษณะ ตอบว่า ตอนที่ทำคดีเป็นระบบการกล่าวหา โดยเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายเอามาวิเคราะห์ ถึงจะสรุป เพียงแต่ว่าเบื้องต้นที่ ผบช.ภ.7 แถลงนั้น คดีพอมีมูล ณ เวลานั้น แต่ว่าพยานหลักฐานใหม่ที่กองปราบได้มาเป็นอย่างไรนั้น ไม่ทราบจริงๆ เชื่อว่าทางกองปราบมีพยานหลักฐานใหม่ ก็คงจะมีดุลยพินิจออกมาตามพยานหลักฐานที่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่การได้พยานหลักฐานมาว่า มีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน
...
รอง ผบช.ภ.7 เผย มีคลิปเสียงในสำนวน แต่น้อย ย้ำ นำหลักฐานที่กองปราบทำมาใช้จริง
เมื่อถามถึงเรื่องคลิปเสียงนั้น พล.ต.ต.กฤษณะ ตอบว่า คลิปเสียงมีอยู่ในสำนวนของภาค 7 ด้วยเช่นกัน แต่มีนิดเดียว จากที่กองปราบเก็บมาได้เป็นพันคลิป และมีคลิปเสียงบางส่วนที่ครูปรีชาเซ็นรับรองว่า เป็นเสียงของตัวเองด้วย ส่วนจะใช่คลิปที่หลุดออกมาหรือไม่นั้น ตนจำไม่ได้ แต่ยืนยันว่า ทางภาค 7 ก็ได้ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เรื่องคลิป นำมาประกอบในสำนวนด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่มีแต่พยาน
ทีมข่าวถามต่อว่า เมื่อครั้งที่ ภาค 7 ทำคดี เหมือนจะให้น้ำหนักกับพยานที่เห็นลุงจรูญเก็บลอตเตอรี่ และพยานที่ขอแบ่งลอตเตอรี่กับครูปรีชา?
“ขณะนั้น พยานหลักฐานมีเท่านั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นคลิปเสียงโทรศัพท์ อย่างกองปราบได้หลักฐานมาเยอะ เขามีเครื่องมือในการวิเคราะห์ ก็น่าจะมีข้อมูลที่ดีกว่าพื้นที่” รอง ผบช.ภ.7 อธิบาย
ส่วนก่อนหน้านั้น ตอนที่กองปราบได้มาช่วยทำคดี ก็ได้ส่งพยานหลักฐานให้กับภาค 7 บางส่วน แต่จำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้างอยู่ในสำนวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำมาวิเคราะห์ และนำทุกอย่างมาใช้ทั้งหมด ไม่ตัดพยานใดทิ้งเลย
...
มือปราบ ภาค 7 ยัน ตอนทำคดีหวย 30 ล้าน ไม่มีใครเข้ามาแทรกแซง
ก่อนที่คดีหวย 30 ล้าน จะมาถึงมือตำรวจภาค 7 มีผู้ใหญ่แทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่หรือไม่? ทีมข่าวตั้งคำถาม
พล.ต.ต.กฤษณะ กล่าวว่า ถ้าตอนที่ภาค 7 ลงไปทำไม่มีใครเข้ามาแทรกแซง โดยปฏิบัติหน้าที่ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ จนบางทีถูกบางฝ่ายตำหนิว่า จ้องจับผิด แต่ต้องเรียนตามตรงว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้จ้องจับผิดใคร และในการสอบสวนของภาค 7 ทางผู้บังคับบัญชาให้นโยบายว่า ให้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ลอตเตอรี่เป็นของใคร โดยให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ไม่เอนเอียงไปฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็เลยอยากได้พยานทั้งสองฝ่ายมาพิจารณาประกอบเท่านั้น
นอกจากนี้ ตอนที่ทำคดีก็ไม่อนุญาตให้ตำรวจพื้นที่เข้ามายุ่งในสำนวนการสอบสวนของภาค 7 ด้วย
ฟันไม่เลี้ยง! หากมีตำรวจในสังกัดภาค 7 เอี่ยวคดีหวย 30 ล้าน
สำหรับกรณีที่ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้ผบช.ก. เชิญตัวตำรวจ 4 นาย ยศพันตำรวจโท, ร้อยตำรวจเอก, ร้อยตำรวจโท และดาบตำรวจ ไปที่ศูนย์ซักถาม สถานีตำรวจทางหลวง 6 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี นั้นให้การอย่างไรบ้าง มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่
รอง ผบช.ภ.7 ตอบว่า ตนไม่ทราบจริงๆ เป็นเรื่องที่กองปราบเรียกไปสอบ และไม่มั่นใจว่ามีใครบ้าง ต้องถามทางกองปราบ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ของทางภาค 7 น่าจะเป็นตำรวจในพื้นที่ 4 นาย
ส่วนหากว่ามีนายตำรวจในสังกัด ภาค 7 ถูกดำเนินคดี คงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และเมื่อผลออกมาก็มีระเบียบที่จะดำเนินการต่อ ถ้าผิดก็ต้องว่ากันตามผิด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะโดนอะไรบ้าง เพราะกองปราบยังไม่ได้ชี้แจงออกมา
ปัด ตร.ภาค 7 เสียเครดิต ย้ำ ทำตามพยานหลักฐานขณะนั้น ย้อนเวลาได้คงสรุปเหมือนเดิม
พล.ต.ต.กฤษณะ เผยว่า หากย้อนกลับไปได้ตอนที่ทำคดี การสรุปสำนวนคงออกมาในลักษณะเดิม เนื่องจาก ณ เวลานั้น ภาค 7 มีพยานหลักฐานอยู่แค่นั้น ก็คงจะสรุปความเห็นเท่าที่มีพยานหลักฐาน เพราะว่าตอนที่ประชุมกัน ถกกันหนักมาก พยานหลักฐานได้มาอย่างไร มีอะไรสงสัยไหมว่า จะเป็นข้อมูลที่ปั้นแต่งขึ้นมา ซึ่งก็พยายามหา แต่ขณะนั้นยังไม่พบข้อพิรุธ ต่อมา กองปราบอาจจะพบข้อพิรุธ ก็เป็นข้อมูลของกองปราบ ซึ่งก็ไม่ได้ซักค้าน เพราะเราก็ต้องรับฟังเหตุผลของกองปราบ
“ผมมองว่า ไม่ใช่การเสียเครดิตของภาค 7 หรอกครับ เพราะเราตอบไปตามตรงว่า ณ เวลานั้น เรามีพยานหลักฐานอยู่เท่านี้ เราก็มีความเห็นอย่างนั้น เพราะจริงๆ แล้ว ดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนจะเป็นอิสระ แต่ว่าพนักงานสอบสวนต้องตอบให้ได้ว่า เราคิดอย่างนี้เพราะอะไร เหมือนที่ แต่มันยังไม่ได้สรุปว่า ลอตเตอรี่ เป็นของใคร เพียงแต่เชื่อว่ามีมูล มันก็จะเป็นขั้นตอนต่อไปในการเชิญคู่กรณีมาว่าถูกกล่าวหาอย่างนี้ มีพยานหลักฐานอะไรที่จะมาแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่ ก็ต้องฟังข้อมูลทั้งสองฝ่าย” รอง ผบช.ภ.7 อธิบาย
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
- ติดตาม คลิปซีรีส์สกู๊ป ศึกชิงหวย 30 ล้าน จากทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ที่นี่ -
- สกู๊ปศึกชิงหวย 30 ล้าน ของทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ที่เกี่ยวข้อง -