มหากาพย์ศึกชิงหวย 30 ล้าน เดินทางมาถึงจุดพลิกผัน ชนิดที่เรียกว่า กองเชียร์ทั่วประเทศที่เฝ้าติดตามข่าวนี้มาโดยตลอด แทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ เพราะจู่ๆ ฝ่ายทีมคุณครู ที่หากเป็นภาษามวย อาจจะเรียกได้ว่า ถูกต่อยจนแทบจะลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว กลับสามารถชิงความได้เปรียบ มาอยู่ในกำมือได้สำเร็จ
หลังทีมสืบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตั้งข้อหา ยักยอกของตกหล่น และรับของโจร แก่ คุณลุงตำรวจ นั่นเท่ากับเป็นการบอกกับสังคมไปกลายๆ ว่า เจ้าของลอตเตอรี่ 30 ล้าน ที่หาผู้เป็นเจ้าของมาช้านานนั้น คือฝ่ายคุณครู
เรียกว่า เป็นการดำเนินคดีที่ท้าทาย ความเชื่อของสังคมไทย ณ เวลานี้ แบบ 360 องศา อย่างชนิดที่ ใครๆ ก็คาดไม่ถึง !
ใจเย็นๆ ก่อน แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน !
หากท่านใด คิดจะผรุสวาท ต่อว่าต่อขานการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ อยากวอนให้ทุกท่าน ทำใจให้ร่มๆ แล้วร่วมกัน คิด วิเคราะห์ แยกแยะ หลังจากอ่านสกู๊ปชิ้นนี้
ซึ่งทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ไปพูดคุยกับ อดีตนายตำรวจมือปราบนครบาลชื่อดัง ซึ่งสามารถพิชิตคดีที่ว่ายาก ว่าเย็น มานักต่อนักแล้ว เพื่อให้ได้มุมมองที่รอบด้าน สำหรับการวิเคราะห์คดีที่อาจจะโด่งดังที่สุด ในสยามประเทศ ณ ชั่วโมงนี้กัน
...
“งานนี้ มันเป็นการเดิมพันหมดหน้าตักนะ ในเมื่อกระแสสังคมไปอย่างนี้แล้ว แต่ตำรวจ กลับไปทางตรงกันข้าม เท่ากับ เป็นเดิมพันระหว่าง ตำรวจ กับ ประชาชน เลยนะ
ฉะนั้น พี่จึงเชื่อมั่นว่า ทีมสืบสวนของตำรวจชุดนี้ จะต้องมีหลักฐานชิ้นสำคัญอยู่ในมือ เพียงแต่ยังไม่ได้เปิดเผยออกมาแน่นอน ตำรวจเขาอาจจะกลบไต๋ไว้ก็ได้ เรื่องอะไร จะมาเปิดเผย ข้อมูลสำคัญในสำนวนคดีทั้งหมด” อดีตนายตำรวจมือปราบนครบาลชื่อดัง ผู้ไม่ขอเปิดเผยตัว กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
แล้วพี่ว่า...ไอ้หลักฐานเด็ดที่ว่ามันคืออะไร?
อันนี้พี่คิดเล่นๆ นะ มันก็อาจจะเป็น อะไรบางอย่าง ที่สามารถระบุได้ว่า ใครอยู่ที่ไหน ในวันที่ เป็นจุดกำเนิดของคดีหวย 30 ล้าน ก็อาจเป็นได้ ! อดีตมือปราบชื่อดัง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ส่วนตัวพี่ หลังฟังจากการแถลงคดีด้วยความมั่นใจ หากคำให้การเป็นไปตามนั้นนะ พี่ เชื่อตำรวจ! เพราะการไล่เรียงคดี โดยเฉพาะเส้นทางของลอตเตอรี่มาถึงมือแม่ค้า มันสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน”
แต่ส่วนใหญ่มันเป็นการให้การ ของพยาน และที่สำคัญจู่ๆ ดันมีพยานปาก ที่ระบุว่า เห็นลุงตำรวจก้มเก็บลอตเตอรี่นะ มันน่าเชื่อถือ มากน้อยแค่ไหน ทีมข่าวฯ ขอทำหน้าที่แทนคนทั้งประเทศ ตั้งคำถาม
“เอาแบบนี้ น้องลองทำใจให้เป็นกลาง แล้วมาไล่เรียงไปพร้อมๆ กัน !”
ประเด็นที่ 1 ทำไมตำรวจ ต้องไปหาหลักฐานอื่นๆ มาประกอบ ทั้งๆ ที่ มีผลลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว
...
เรื่องนี้ ส่วนตัวพี่มองว่า รอยนิ้วมือ บนลอตเตอรี่ สามารถถูกหักล้างได้ด้วยว่า ก็เมื่อลุงตำรวจ เป็นคนนำไปขึ้นเงิน จะไม่มีรอยนิ้วมือบนลอตเตอรี่ ได้ยังไง?
ในขณะที่อีกฝ่าย ที่ไม่มีลายนิ้วมือปรากฏบนลอตเตอรี่ อ้างว่า ตัวเองไม่ได้จับที่ลอตเตอรี่ แต่จับเฉพาะที่พลาสติก ฉะนั้น น้ำหนักคำกล่าวอ้างของฝ่ายนี้ จึงไม่ได้ถูกทำลายลงไปด้วย
ฉะนั้น เมื่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่อาจพิสูจน์แบบฟันธงลงไปได้ จะให้ตำรวจไปให้น้ำหนักฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพียงฝ่ายเดียวได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ เมื่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถบ่งชี้ชัดได้ว่า ใครเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริง ตำรวจจึงต้องไปไล่เรียง เพื่อหาพยาน หลักฐานอื่นๆ มาประกอบสำนวนคดี
หากดึงสติกันสักนิด แล้วหันไปพิจารณาข้อเท็จจริง จนถึงตอนนี้ เอากันจริงๆ นะ หลักฐานฝ่ายลุงตำรวจ มีเพียงแค่รอยนิ้วมือบนลอตเตอรี่เท่านั้นนะ !
ในขณะที่ คำให้การอื่นๆ ล้มเหลวหมดเลย พยานก็ไม่มี อะไรก็ไม่มีนะ ซื้อที่ไหนก็จำไม่ได้ แม่ค้าก็จำไม่ได้ วันและเวลาก็ไม่สามารถที่จะยืนยันได้ว่า อยู่ที่ไหนด้วย?
ปัญหาตอนนี้ คือ ลุงตำรวจ พูดเพียงอย่างเดียวว่า ไปตลาดแล้วไปซื้อลอตเตอรี่ มาเท่านั้น ! แต่ยังให้การไม่ได้ว่า วันนั้นขับรถไปไหนมาบ้าง เอาแต่บอกแต่ว่า จำไม่ได้
ทำให้มันก็เป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกัน ที่จำรายละเอียดอื่นใด ไม่ได้เลย ซึ่งการให้การในลักษณะนี้ ไม่มีประโยชน์ในทางคดี อดีตมือปราบชื่อดัง พูดพลางถอนหายใจพลาง ด้วยความหนักใจ
ในความเป็นจริง พี่พูดแบบไม่เข้าใครออกใครนะ ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยที่สุด ลุงตำรวจก็น่าที่จะพอจำได้ว่า ซื้อลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลนี้มาจากใคร?
...
เอาละ หรือหากบอกว่า ซื้อที่ตลาด ในตลาด มันจะมีแม่ค้าหรือพ่อค้า ลอตเตอรี่ สักกี่คน?
หรือหากจำไม่ได้จริงๆ ก็น่าจะพอจำได้คลับคล้ายว่า ซื้อมาจาก ผู้หญิง หรือผู้ชาย หรืออย่างน้อยที่สุด รูปพรรณสัณฐานของแม่ค้า สูงต่ำ ดำ ขาว หรือเตี้ย ก็น่าจะยังพอจดจำได้ ถูกไหม?
คราวนี้ หากเกิดระบุออกไปว่า ซื้อมาจากแม่ค้าผู้หญิงคนหนึ่ง ทีนี้เราไปเอาแม่ค้าผู้หญิงทั้งหมด มาให้ลุงตำรวจลองทบทวนความจำดู ลุงตำรวจ ก็น่าจะพอสะกิดใจอยู่ได้บ้างนะว่า คนที่ซื้อมานั้น คือใคร....ถูกไหม?
แล้วที่แปลกอีกอย่างคือ...เอาละฝ่ายลุงตำรวจ อาจจะจำแม่ค้าไม่ได้ แต่หากไปซื้อจริงและเป็นข่าวโด่งดังขนาดนี้ แม่ค้า หรือพ่อค้า ที่ขายให้ลุงตำรวจไป ก็น่าจะออกมาแสดงตัว เพื่อยืนยันให้ลุงตำรวจได้นะว่า ซื้อไปจริง
หรือเอาละ อย่างน้อยที่สุด คนในตลาดตั้งเยอะแยะมากมายในวันนั้น ก็น่าจะพอเห็นได้บ้างละน่า ว่า ลุงตำรวจ ซื้อลอตเตอรี่
แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีใครสักคนออกมาปรากฏตัว เพื่อยืนยันให้ลุงตำรวจเลย ทั้งแม่ค้า หรือพยานคนอื่นๆ ในวันนั้น
...
แต่กลับกัน ฝ่ายตรงข้ามคุณลุง คือ ฝ่ายครู มีพยาน ยืนยันได้ว่า เขาซื้อมาจากใคร ! ซึ่งจุดนี้ทำให้เกิดน้ำหนักต่างกัน
เป็นไปได้ไหมว่า เขาอาจจะกลัว เพราะไม่อยากเป็นศัตรูกับคนมีสี? ทีมข่าวฯ ถามสวนแทนใจแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน ทันควัน
น้อง...เขาจะไปกลัวทำไม? อดีตตำรวจทำน้ำเสียงนิ่มๆ ตอบคำถามนี้
ข่าวดังออกขนาดนี้ หากแบบนั้นจริง พี่ถามกลับว่า แล้วฝ่ายที่ไปให้การเข้าข้างอีกฝ่าย มันจะไม่กลัวบ้างหรือ เพราะกระแสสังคมกดดันหนักมากกว่านี้อีก !
ประเด็นที่ 2 พยานในคดี ของจริง หรือ ถูกปั้นแต่ง
อดีตมือปราบชื่อดัง ตบเข่าทีมข่าวฯ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบว่า “เอาแบบนี้ ปัจจุบันสังคมอาจสงสัยในที่มาที่ไปของพยานสำคัญในคดีนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ในความเป็นจริง หากมีการปั้นพยานขึ้นมาจริงๆ นะ มันก็จะไปได้แค่ในชั้นสอบสวนเท่านั้นแหละ เพราะหากไปขึ้นศาลเมื่อไหร่ โดนทนายคู่กรณี ซักจนน็อก คาศาล แน่ๆ !
และต้องไม่ลืมนะว่า หากพยาน ขึ้นให้การเท็จในศาลนี่ ติดคุกสถานเดียวนะน้อง !
เชื่อพี่เถอะ เรื่องปั้นพยาน เอาละ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ใครๆ ก็คงมองไปในทางนั้น แต่ในความจริง ตำรวจก็มีวิธีการในการสอบปากคำ เพื่อหาข้อพิรุธ จากพยานแต่ละคน ตั้งเยอะตั้งแยะ
ไอ้ที่บอกว่า ช่วยกันๆ น่ะ คิดว่า ตำรวจ เขาจะหาทางจับผิด ไม่ได้จริงๆ หรือ?
คดีหนักกว่านี้ อย่างฆ่าคนตาย ยังสอบปากคำจนฆาตกรสารภาพได้เลย แล้วนี่ แม่ค้าขายหวย ตำรวจจะหาทางต้อนเพื่อจับผิดไม่ได้เลยเชียวหรือ?
เมื่อผลมันออกมาเป็นแบบนี้ แสดงว่า ตำรวจทีมสืบสวน เขาต้องพิสูจน์คำให้การของพยาน มาเป็นอย่างดีแล้ว
งานนี้ เดิมพันสูงนะน้อง ตำรวจไม่กล้าบิดหรอก เพราะสังคมจับตาดูอยู่ หากบิดขึ้นมานี่ ไม่พังกันทั้งกองบัญชาการ หรือ เขามากันทั้งกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 เลยนะ !
เชื่อเถอะงานนี้ ตำรวจเขาทำกันเต็มที่ เพราะมันเป็นหน้าตา ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
การสวนกระแสแบบนี้ มันเสี่ยงมากนะ เพราะมันเท่ากับต่อต้านสังคม เขาจะไปเปลืองตัวทำไม สู้ทำคดีเข้าข้างอีกฝ่าย ที่สังคมเชียร์อยู่ไม่ดีกว่าหรือ ได้ใจคนด้วย จริงไหม?
แล้วทำไม ถึงต้องตั้ง 2 ข้อหา คือ 1. ยักยอกของตกหล่น 2. รับของโจร กับลุงตำรวจ? ทีมข่าวฯ ขอสอบทานเป็นความรู้ด้านกฎหมาย
คือแบบนี้...สาเหตุที่ต้องมีการตั้งข้อหา ยักยอกของตกหล่น พ่วงกับ ข้อหารับของโจร เนื่องจากเมื่อทรัพย์ไปตกอยู่กับใครที่เป็นผู้ครอบครอง โดยไม่มีพยานรู้เห็น คนผู้นั้น อาจจะไม่ได้เป็นคนไปยักยอกทรัพย์นั้นมาก็ได้ ฉะนั้น หากไม่ตั้งข้อหารับของโจรพ่วงเอาไว้ ผู้ที่ครอบครองทรัพย์ ณ ขณะนั้น ก็จะหลุดคดีไปเลยน่ะสิ จริงไหม !
บทสรุปของคดีนี้...
“พี่พูดแบบกลางๆ นะ คดีนี้ จริงๆ ไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อนเลย แต่ที่มันลากยาวมาขนาดนี้ เพราะมันเป็นคดีดังที่ประชาชนให้ความสนใจ มันก็เท่านั้นเอง !”
และสาเหตุที่มันยุ่งยากมาจนถึงตรงนี้ ปัญหาของทั้งหมด มันมีเพียงจุดเดียวจริงๆ แต่มันได้พลิกโฉมหน้าคดีนี้ไปจนเกิดดราม่ามากมาย นั่นก็คือ การมี นายตำรวจใหญ่ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดี จนทำให้น้ำหนักของกระแสสังคม เทไปในทางทิศทางเดียวกันหมด
ซึ่งประเด็นนี้ เป็นเครื่องยืนยันได้ชัดเจนเลยว่า ทัศนคติของคนในสังคม ยังมองภาพลักษณ์ของตำรวจไปในเชิงลบอยู่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง
“จำได้ไหม คดีครูจอมทรัพย์ ตอนแรกคนด่าตำรวจกันเละเทะ แต่พอคดีพลิกเป็นไง ไม่เห็นมีใครชมตำรวจเลยนะ ย้ำอีกครั้ง ไม่มีเลยนะ” อดีตตำรวจชื่อดัง กล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ
นี่คือคำอธิบาย จากมุมมองของอดีตนายตำรวจมือปราบชื่อดัง ที่คลุกคลีการทำคดีสำคัญๆ มาแล้วหลายต่อหลายคดี ส่วนแฟนๆ ไทยรัฐ จะคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ อย่างไร ย่อมเป็นสิทธิส่วนบุคคล
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เพียงแต่ทำหน้าที่เสนอข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อประกอบการพิจารณาของทุกๆ ท่าน เท่านั้น !
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
- ติดตาม คลิปซีรีส์สกู๊ป ศึกชิงหวย 30 ล้าน จากทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ที่นี่ -
- สกู๊ปศึกชิงหวย 30 ล้าน ของทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ที่เกี่ยวข้อง -