วันที่ 13 มี.ค. ปีที่แล้ว เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น หลังจาก พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง สว.(สอบสวน) สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันบนถนนพหลโยธิน ขาออก มุ่งหน้าสระบุรี กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย เมื่อมีรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถเก๋งฟอร์ดเฟียสต้าจนไฟลุกไหม้วอดทั้งคัน มีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกอยู่ในรถเก๋งฟอร์ด 2 คน โดยในเบื้องต้น ทราบว่า ผู้เสียชีวิตคือ นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี เป็นชาว อ.ขลุง จ.จันทบุรี ทราบว่าเพิ่งจบการศึกษาในระดับมหาบัณฑิต (ปริญญาโท) สาขาสันติศึกษา คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ส่วนผู้เสียชีวิต เป็นหญิงสาวอีกราย ทราบชื่อต่อมา คือ นางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย หรือ เบนซ์ ซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาโท เช่นกัน
...
รถชนครั้งนี้ ทำให้เราสูญเสียบุคลากรสำคัญของชาติ พ่อแม่สูญเสียบุตรที่รัก...
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหา ผู้ขับขี่ขับรถเบนซ์ ก็คือ นายเจนภพ วีรพร ผู้ต้องหา ในวันที่ 28 พ.ค. 60 ในฐานความผิด รวมทั้งสิ้น 8 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2. ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 3. ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 4. เป็นผู้ขับรถเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 5. ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ 6. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่น 7. ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานสอบสวนที่สั่งให้มีการทดสอบและตรวจสอบผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และ 8. ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงาน ซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายกำหนด โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร
กระทั่งวันนี้ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ โดยมีคำพิพากษาโดยสรุปให้จำคุก นายเจนภพ วีรพร จำเลย เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีวิต ซึ่งต่อมา ทนายได้ยื่นประกันตัวในวงเงิน 2 แสนบาท
ทำไมถึงไม่เบรก เลือกที่จะชนตรงๆ หมายถึงอะไร...
จากคดีดังกล่าว มีหลายคำถามเกิดขึ้นมากมาย หากใครได้ดูคลิป ก็ย่อมคาใจ ซึ่งเรื่องนี้ นายยุทธพงษ์ ภาษี นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เคยวิเคราะห์ตามทฤษฎี กับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ข้อแรก คือ การผิดพลาดจากคน ส่วนข้อสอง คือ การผิดพลาดจากยานยนต์ โดยสิ่งที่คนมักจะเชื่อมาตลอดคือ ‘คันเร่งค้าง’ ซึ่งในความเป็นจริงรถสมัยใหม่ไม่ได้ใช้สลิงแล้ว ใช้ไฟฟ้าแทน คันเร่งค้างเป็นไปได้แค่รถที่มีสลิงเท่านั้น ฉะนั้น ไม่น่าจะเป็นข้อผิดพลาดของรถยนต์ แต่อาจจะเป็นการผิดพลาดจากตัวคนมากกว่า ถ้าเป็นคนที่มีร่างกายปกติทั่วไป อาจจะมองใกล้เกินไป ไม่มีทักษะในการคาดการณ์ อีกทั้งรถเบนซ์ไม่ได้อยู่ในฐานะที่หักหลบได้ จึงคิดว่าผู้ขับน่าจะละสายตาชั่วขณะจากถนนมากกว่า (ทำไมไม่เบรก? ไข 5 ประเด็นคาใจ คดีเสี่ยซิ่งเบนซ์ชนฟอร์ด)
นายเจนภพ เคยก่อเหตุ อาชญากรรมรุนแรงหรือไม่...
...
เรื่องนี้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.พระนครศรีอยุธยา เคยกล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า รพ.สมเด็จเจ้าพระยา เป็นผู้ตรวจเลือดหาสารเสพติดในร่างกายของนายเจนภพ และพบว่าในร่างกายมีสารกล่อมประสาทนั้น น่าจะเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะแท้จริงแล้ว รพ.สมเด็จเจ้าพระยา ไม่ได้เป็นผู้ตรวจเลือด แต่เป็นสถานที่บำบัดรักษานายเจนภพ โดยจากการสอบถาม แพทย์ที่ทำการรักษา ทราบว่า นายเจนภพ ได้เข้ารับการรักษาที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2556 และรักษาต่อเนื่องมาโดยตลอด
สำหรับการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของ นายเจนภพ จากกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยระบบพิมพ์ลายนิ้วมือ ไม่ปรากฏว่า นายเจนภพ เคยต้องคดีร้ายแรงใดมาก่อน แต่หากเป็นความผิดเล็กๆ น้อยๆ แค่โทษปรับในชั้นโรงพักนั้น คงต้องตรวจสอบอีกครั้ง เพราะส่วนใหญ่เมื่อทำผิดก็ปรับทันที จะไม่มีการเก็บประวัติเอาไว้ (ส่องประวัติเช็กลายนิ้วมือ 'เจนภพ วีรพร' เสี่ยซิ่งเบนซ์ชนฟอร์ด)