icon member

ศิราพัชร ดวงใจนักรบ

ตอนที่ 16

หลังรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นและเห็นน้องสาวร้องไห้ อย่างหนักราวกับหัวใจจะแตกสลาย ธามรู้สึกเจ็บปวดไม่ แพ้กัน พร้อมกันนี้ก็เจ็บแค้นพชรไม่น้อยด้วยเหมือนกัน...

"ร้องซะลำธาร ร้องให้พอ แล้วจากนี้ไปลำธารต้องเข้มแข็งขึ้น อย่าไปเสียใจให้กับคนสับปลับไม่จริงใจอย่างนายพชรอีก"

"พี่ธาม ลำธารผิดเอง ลำธารไม่น่าไว้ใจคนอย่างเขาเลย ลำธารทำให้พี่ธาม ให้พ่อ ให้แม่ผิดหวัง"

"อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิ ลำธารไม่ได้ผิดอะไร ไอ้พชรต่างหากที่มันรังแกน้องพี่ ชาตินี้พี่ไม่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด"

"ตอนนี้ลำธารตื้อไปหมด ลำธารไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี"

"อยากกลับบ้านมั้ย พี่จะหาทางพาเรากลับบ้านเอง"

ลำธารชะงักไปด้วยความสับสน ตัดสินใจไม่ถูก จนเมื่อพี่ชายเร่งเร้าจะเอาคำตอบให้ได้ เธอจึงโพล่งขึ้นมาว่า

"ไม่ค่ะ ลำธารรู้ว่าลำธารมาทำอะไรที่นี่ ลำธารจะไปก็ต่อเมื่อทุกอย่างจบลงด้วยดี"

"แล้วหัวใจลำธารล่ะ ไม่เป็นห่วงมันบ้างเหรอ"

"จากนี้ไป ลำธารจะเก็บหัวใจตัวเองไว้กับตัว จะไม่ยกให้ใครง่ายๆอีกแล้ว โดยเฉพาะคนอย่างนายพชร ลำธารจะตัดเขาไปจากชีวิตลำธารให้ได้"

ธาม ไม่พูดอะไรอีก นอกจากดึงตัวน้องสาวมากอดแทนการปลอบใจ ขณะที่ในใจตัวเองก็ร้าวรานไม่ต่างกัน เมื่อนึกถึงว่าบาจรีย์จะต้องอภิเษกกับพชรในอนาคตอันใกล้นี้...

แยก จากพี่ชายมาแล้ว ลำธารกลับเข้าไปในห้องพัก แต่ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจึงเดินมาเปิด  ปรากฏว่าเป็นพชรที่พยายามจะมาอธิบายเรื่องราวเพราะไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด

"ใช่...ฉัน เข้าใจผิดมาตลอด เข้าใจผิดว่านายรักฉัน แล้วก็จริงใจกับฉัน แต่ความจริงนายมันก็แค่ผู้ชายเห็นแก่ตัว ที่เห็นความรักของคนอื่นเป็นแค่เรื่องสนุก"

"ลำธาร...ผมรักคุณจริงๆ รักด้วยความบริสุทธิ์ใจ"

"หยุด โกหกซักที ต่อไปนี้ฉันจะไม่เชื่อคำพูดนายอีกแล้ว" ลำธารพูดใส่หน้าพชรแล้วกระชากประตูปิดดังปัง และไม่ว่าพชรจะพยายามเคาะและเรียกเธออีกแค่ไหน เธอก็เอาแต่เงียบกริบ นั่งน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ

บาจรีย์เดินผ่านมาเห็นพชรกำลังเคาะ ประตูห้องลำธารอย่างเว้าวอนก็ชะงักหน้าเสีย เจ็บปวดร้าวรานใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ตัดสินใจหันหลังวิ่งออกไป แล้วไปชนกับธามอย่างแรง ตอนแรกธารตั้งท่าจะต่อว่า     แต่พอเห็นน้ำตาของบาจรีย์ก็สงสารขึ้นมาทันที   ถามเธอว่าเป็นอะไร แต่บาจรีย์ไม่ตอบ   วิ่งต่อไปทั้งน้ำตา

ธามเดินตามเธอไปด้วยความเป็น ห่วง กลับถูกเธอสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้ เขาอยากจะไปไหนก็ไป เธออยากอยู่คนเดียว ธามเลยไม่กล้าตอแย หันหลังกลับทันใด แต่กลายเป็นว่าไม่เป็นที่ถูกใจบาจรีย์ซะอีก

"นี่...ไล่แค่นี้จะไปเลยรึไง"

"อ้าว ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากอยู่คนเดียว"

"ใช่สิ ตอนนี้ใครๆคงไม่อยากอยู่ใกล้ฉันแล้ว แม้แต่พี่พชร"

"ฉัน เข้าใจนะว่าเธอรู้สึกยังไง เพราะจริงๆฉันเองก็ไม่ได้ต่างกับเธอหรอก คนที่ถูกปฏิเสธความรักและถูกมองข้ามมันเจ็บปวดแค่ไหน ฉันรู้ดี"

"มันไม่ใช่แค่นั้นนะ แต่ฉันรับไม่ได้ที่เจ้าหญิงอย่างฉันต้องแพ้ผู้หญิงสามัญชนธรรมดาอย่างน้องสาวนาย มันเสียหน้านายเข้าใจมั้ย"

"แล้วถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องศักดิ์ศรีหรือฐานันดรของเธอล่ะ เธอตอบฉันมาสิว่าเธอจะเสียใจรึเปล่า ถ้าเธอรู้ว่าพชรไม่มีวันรักเธอ"

บาจรีย์หน้าเจื่อนพูดไม่ออก ขณะที่ธามลุ้นแทบขาดใจ อยากให้บาจรีย์ปฏิเสธเหลือเกิน

"นายจะถามฉันทำไม ในเมื่อนายก็รู้ว่าฉันรักพี่พชรมาตลอด แล้วก็คงไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจฉันได้"

"แล้วถ้ามีผู้ชายอีกซักคนที่เขา...รักคุณมากกว่าพชรล่ะ"

"ต่อ ให้ใครดีแค่ไหนก็ไม่มีทางแทนที่พี่พชรได้ พี่พชรคนเดียวที่ฉันจะมอบหัวใจให้ และต่อให้เขาไม่รักฉันเลย ฉันก็จะรักเขาไปอย่างนี้ตลอดไป เข้าใจรึยังล่ะ"

ธามหน้าม่อยลงทันทีด้วยความผิดหวัง แต่ยังฝืนยิ้ม แข็งใจพูดต่อ

"งั้น คุณวางใจได้ ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วยังไงพชรก็ต้องเลือกคุณ เพราะคุณกับเขามีภาระหน้าที่ที่จะต้องร่วมมือกัน ถ้าคุณไม่เป็นไรแล้ว งั้นผมขอตัวแล้วกัน"

ธามพูดจบก็เดินออกไป บาจรีย์ทำท่าจะเดินตาม... แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ ได้แต่พึมพำกับตัวเองด้วยความสงสารและเห็นใจเขา

"ทำไมกับคนดีๆอย่างนายฉันถึงไม่เคยทำดีด้วยเลยนะ"

ooooooo

เมื่อ ธีรัชมาหาลำธารที่ห้องพัก พชรที่ยังวนเวียนอยู่แถวนี้รีบฉวยโอกาสแทรกตัวเข้ามาหาลำธาร แล้วพยายามจะอธิบายและปรับความเข้าใจกับเธอ แต่ ไม่เป็นผลเพราะลำธารเอาแต่เลี่ยงหนี ซ้ำยังตวาดไล่ จนพชรหน้าจ๋อย ส่วนธีรัชก็ติดร่างแหถูกเธอดุจนหน้าเจื่อนไปด้วย...

แยกจากกันไปสักพัก บาจรีย์ก็นำอาหารหนึ่งจานมาง้อขอโทษธาม แต่คำพูดของเธอยังคงไว้ฟอร์มเจ้าหญิงอย่างเช่นเคย

"รับไปสิ ฉันทำมาให้"

"เก็บไว้ให้เจ้าชายพชรกินเถอะ คนอย่างผมเจียมตัวเองดี ไม่เหมาะจะได้กินของดีๆจากฝีมือเจ้าหญิงหรอก"

"แต่ ฉันตั้งใจทำมาให้นายจริงๆนะ นายน่าจะรู้ว่าปกติฉันไม่ค่อยง้อใคร ฉันจะง้อแต่เฉพาะคนที่ฉันแคร์จริงๆเท่านั้น ของกินพวกนี้นายจะกินหรือไม่กินก็ช่าง แต่ฉันตั้งใจทำมาให้นายคนเดียว"

พูดจบ บาจรีย์ผละไปทันที ธามมองอาหารในถาดอย่างชั่งใจ จังหวะนี้เองจ่าแสงวิ่งเข้ามาบอกธามว่า

"ท่านอดิศรให้ผมมาตามผู้กองครับ ได้ยินว่ามีประชุมด่วน"

ภายในห้องประชุม วาสิน ภูษณะ ธาม เวคิน จ่าแสง และแกนนำของชาวบ้านต่างก็ฟังอดิศรชี้แจงด้วยความสนใจ

"เรื่อง ต่อไปที่เราจะต้องรีบทำให้เร็วที่สุดคือการหาทางโค่นอำนาจของดารัณ ตราบใดที่ดารัณมันยังอยู่ ผมเชื่อว่ามันจะส่งคนมาทำลายค่ายเราอย่างแน่นอน"

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย พชรเพิ่งเดินเข้ามา ธามมองแวบเดียวก็เบือนหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์

"ท่านพชร ผมกำลังพูดถึงแผนการที่ได้วางไว้สำหรับวันพรุ่งนี้"

"ว่ายังไงเหรอครับท่านนายพล"

"ท่า นมาดิสร์เพิ่งส่งข่าวมาว่า ตอนนี้มีการประชุมของเหล่ามิตรประเทศที่เขตชายแดนเพื่อนบ้านมินาลิน ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้รับความช่วยเหลือในการโค่นอำนาจขอ งดารัณ"

"ท่านนายพลกำลังจะบอกว่าเราจะส่งคนเข้าไปเจรจาเพื่อขอให้มิตรประเทศเป็นแนวร่วมกับเรางั้นรึ"

"ใช่ ครับ ในตอนนี้ความจำของท่านวาสินยังไม่ฟื้นกลับมา ท่านพชรในฐานะองค์รัชทายาทจึงสมควรไปเป็นตัวแทนเพื่อเจรจาต่อรองกับเหล่า มิตรประเทศ"

"ถ้าเช่นนั้นผมคิดว่าน่าจะให้บาจรีย์ติดตามพชรไปในฐานะ ว่าที่คู่หมั้นของพชรและเจ้าหญิงแห่งมินทุ เพราะจะช่วยให้การเจรจาต่อรองมีน้ำหนักมากขึ้น" ภูษณะจงใจเสนอ อดิศรพยักหน้าคล้อยตาม แต่สีหน้าพชรดูมีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

"ดี เหมือนกัน แต่การเดินทางครั้งนี้ต้องไปอย่างเงียบๆ และให้มีคนไปน้อยที่สุด เพราะไม่งั้นหากทางดารัณรู้เข้ามันอาจจะส่งคนมาขัดขวางเราได้" อดิศรเน้นย้ำ

"แล้วหากเกิดอะไรขึ้นกับท่านพชร ใครจะเป็นคนดูแลท่านล่ะครับ" เวคินทักท้วง

"ลำธาร จะติดตามท่านพชรในฐานะหมอ ที่สำคัญในสงครามจำเป็นต้องมีเวชภัณฑ์และเครื่องมือรักษาที่เพียบพร้อม ลำธารจะช่วยประสานงานตรงจุดนี้"

"แต่พ่อยังไม่ได้ถามลำธารเลยนะครับ ว่าเต็มใจจะไปด้วยรึเปล่า" ธามค้านขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ลำธารต้องไปสะเทือนใจใดๆอีก แต่อีกครู่ต่อมาเมื่อสองพ่อลูกไปบอกกับลำธาร กลับได้คำตอบที่เด็ดเดี่ยวจากเธอว่า

"ไม่เป็นไรหรอกพี่ธาม ถ้าพ่อคิดว่าลำธารสมควรจะไป ลำธารก็จะไป ลำธารไม่เป็นไรหรอก"

"แน่ใจนะว่าเราทำใจเรื่องพชรกับบาจรีย์ได้"

"มัน คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วค่ะพ่อ ลำธารรู้ดีว่ามาที่นี่เพื่ออะไร เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลำธารก็จะอดทนจนกว่าภารกิจกอบกู้มินาลินจะสำเร็จ"

"งั้นพี่จะไปกับลำธารด้วย เพราะพี่ไม่ไว้ใจไอ้พชร มีพี่อยู่มันจะได้ไม่กล้ายุ่งกับเราอีก ตกลงมั้ย"

ลำธารพยักหน้า...รู้สึกคลายกังวลไปได้เปลาะหนึ่ง

ooooooo

คืน นี้ ทหารของดารัณจับตัวชายชาวบ้านได้ คนหนึ่ง ดารัณข่มขู่คาดคั้นเขาถึงแหล่งที่ซ่อนตัวของพวกพชร แต่ชายคนนี้ไม่ยอมบอก จึงถูกดารัณจิกผมแล้วใช้ปืนจี้ที่ท้อง

"เราจะถามเป็นครั้งสุดท้ายว่า พวกไอ้พชรมันอยู่ที่ไหน ถ้าคิดจะแลกชีวิตตัวเองกับไอ้พวกสวะอย่างมันก็ลองดู เราจะสงเคราะห์ให้ ว่าไงฮึ" ท่าทางดารัณขึงขังเอาจริงจนเขาหน้าเสีย แววตาลนลานกลัวตายขึ้นมาทันที...

เช้าแล้ว ที่ค่ายแห่งใหม่ของพชร...บาจรีย์หิ้วกระเป๋าออกมาจากห้องอย่างไม่ค่อยเต็มใจ นัก  ภูษณะกำลังจะมาตาม พอเห็นสีหน้าและท่าทางน้องสาวก็อดแปลกใจไม่ได้

"มัวทำอะไรอยู่ น้องก็รู้ว่าวันนี้ต้องรีบเดินทางแต่เช้า"

"บาจรีย์ต้องไปจริงๆเหรอพี่ภู"

"ทำไม ล่ะ ก็ในเมื่อเราเป็นคู่หมั้นของพชร แล้วก็ยังเป็นเจ้าหญิงของมินทุด้วย เราก็ต้องไปช่วยพชรเจรจากับมิตรประเทศ ทำไมถึงถามอย่างนั้น"

"เปล่า หรอก น้องแค่สับสนอะไรนิดหน่อย ถามอะไรนิดนึงสิ สมมติว่าน้องกับพี่พชรไม่อภิเษกกัน พี่ภูว่ามันจะกระทบต่อความสัมพันธ์ของมินทุกับมินาลินมั้ย"

"แน่นอน มินาลินกับมินทุต้องรวมเป็นหนึ่งเพื่อความเป็นปึกแผ่น เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงการอภิเษกต้องเกิดขึ้น ไม่มีทางเลือกอื่น"

บาจรีย์ฟังแล้วถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่กับเหตุผลต่างๆที่บีบรัดเธออยู่

"เฮ้อ นี่ถ้าบาจรีย์ไม่เป็นเจ้าหญิงมินทุ อะไรๆก็คงจะดีกว่านี้"

"ปกติ เราเองไม่ใช่เหรอที่เป็นฝ่ายอยากลงเอยกับพชร นี่อะไร ทำท่าทางอิดออดอย่างกับไม่อยากอภิเษกกับพชรอย่างนั้นล่ะ หรือว่ามีใครทำให้เราเปลี่ยนใจรึเปล่า"

บาจรีย์ชะงักกึก รีบปฏิเสธอย่างลนลาน "มีที่ไหนกันเล่า น้องก็แค่ถามๆดู น้องรู้หรอกน่าว่าจะต้องทำอะไรเพื่อมินาลินและมินทุบ้าง"

"คิด ได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว การที่เราเป็นเจ้าหญิงมันไม่ใช่แค่เราเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขกษัตริย์ แต่มันหมายถึงภาระหน้าที่ที่เจ้าหญิงจะต้องเสียสละเพื่อประชาชนและคนหมู่ มาก"

"ค่ะพี่ภู ไม่ว่ายังไงภาระหน้าที่ของเจ้าหญิงก็ต้องสำคัญกว่าทุกสิ่ง งั้นน้องไปก่อนนะคะ"

ภูษณ ะโอบกอดให้กำลังใจน้องสาว แล้วมองตามเธอไปด้วยความรู้สึกที่ค้างคาใจในคำพูดและท่าทีที่เปลี่ยนไปของ เธอ...บาจรีย์เดินออกไปเจอธามที่สะพายเป้เตรียมจะเดินทางเช่นเดียวกัน ธามเห็นกระเป๋าใบโตของบาจรีย์ก็อดกระแนะกระแหนไม่ได้ว่าจะไปทำงานหรือไป ทัวร์ยุโรป...แต่แล้วธามก็แสดงน้ำใจจะช่วยถือให้ บาจรีย์กลับไม่ปล่อยมือบอกว่าไม่เป็นไร ตนถือเองได้

"อย่าดื้อน่า คนจะช่วยอย่าขัดศรัทธาได้มั้ย หรือว่าเรื่องเทกแคร์ดูแลคุณมันสมควรเป็นหน้าที่พี่พชรคนเดียวเท่านั้น"

ถูกธามเหน็บเข้าแบบนี้ บาจรีย์เลยของขึ้นทันที

"ใช่ นายมันเป็นแค่คนนอก ไม่ต้องมายุ่งเลยดีกว่า"

"ก็จริง ผมไม่น่าสาระแนยุ่งเรื่องของคนอื่นเลย" ว่าแล้วธามหันหลังเดินจากไปทันที แต่ก็ต้องชะงักเมื่อบาจรีย์ตะโกนไล่หลังว่า

"รู้ไว้อย่างนี้ก็ดีแล้ว เพราะอีกไม่นานฉันก็ต้องแต่งงานกับพี่พชร ฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจอะไรผิดๆ"

ธา มก้าวต่อไปด้วยความเสียใจ ขณะที่บาจรีย์พูดไปแล้วก็รู้สึกผิด พอจะแยกไปอีกทางก็เจอลำธารสะพายกระเป๋าสวนมา สองสาวมองหน้ากันนิ่ง ไม่มีคำทักทายใดๆ แล้วบาจรีย์ก็เดินเชิดหน้าออกไปอย่างหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนที่เหนือกว่า...

ธาม ทั้งเซ็งทั้งเสียใจ แล้วยังต้องมาอึดอัดใจร่วมเดินทางไปกับพชรและบาจรีย์...ลำธารเองก็รู้สึกไม่ ต่างไปจากธาม เธอเดินซึมๆ หิ้วกระเป๋ามาใส่รถที่ธามรออยู่ก่อน

"จาก ที่นี่คงใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงกว่าจะถึงเขตชายแดน แต่เราคงต้องเร่งเดินทางกันหน่อย เพราะไม่รู้ว่าระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า"

"ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ธาม เราผ่านอะไรมาตั้งเยอะ อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง ลำธารไม่กลัวอยู่แล้ว"

"ฉันก็ไม่กลัวเหมือนกัน" บาจรีย์ก้าวเข้ามา "ขนาดอยู่กับนายเจอทั้งปืนทั้งมีดไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เราก็ยังผ่านมาได้"

"ก็ยังดีที่คุณยังจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ ผมนึกว่าคุณจะลืมมันไปหมดแล้วซะอีก"

บา จรีย์ชะงัก เผลอสบตาธามโดยไม่รู้ตัว...พชรสะพายเป้เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ลำธารเลี่ยงไปเปิดประตูรถขึ้นนั่งเบาะหน้าข้างธามซึ่งเป็นคนขับ พชรจึงต้องขึ้นนั่งเบาะหลังกับบาจรีย์

"รีบไปเถอะค่ะพี่ธาม ลำธารอยากใช้เวลาอยู่ในรถให้น้อยที่สุด"

ธามเหลือบมองพชรอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ก่อนออกรถไปด้วยความเร็ว

ooooooo

ที่ ค่าย จ่าแสงกับเวคินรู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆพาริณ ก็ลุกขึ้นมาแต่งหน้าทาปาก ผมที่เคยรวบตึงก็ปล่อยสยายกลายเป็นสาวหวานแทนสาวห้าว พอสองคนกระเซ้าพาริณว่ามีความรักรึเปล่า พาริณออกอาการเขินอายก่อนไล่พวกเขาไปลาดตระเวน เธอเองก็จะออกไปเฝ้ายามเหมือนกัน

พอจ่าแสงกับเวคินผละไปแล้ว ภูษณะเข้ามาหาพาริณ อาสาไปเฝ้าเวรยามกับเธอด้วย...ขณะสองคนช่วยกันสำรวจตรวจดูความปลอดภัยรอบๆ ค่าย ไม่พบอะไรผิดปกติ

"หรือว่าราชิตมันจะถอนกำลังกลับแล้ว" พาริณเอ่ยขึ้น

"คน อย่างมันไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่   ในตอนนี้ ความหวังของเราทุกคนขึ้นอยู่กับพชร ถ้าการเจรจาสำเร็จ เราคงได้ทำสงครามครั้งสุดท้ายกับพวกมันซะที"

"ห่วงก็แต่ความรู้สึกของท่านพชร หากปัญหายังคงรบกวนจิตใจอยู่แบบนี้"

"พชรไม่มีทางเลือกอื่น เขาต้องยอมรับความจริงได้แล้วว่าคนที่ต้องครองคู่ด้วยคือบาจรีย์เท่านั้น"

"แม้ว่าท่านพชรจะไม่ได้รักเจ้าหญิงอย่างนั้นหรือ"

"ผู้นำ ประเทศเห็นแก่เรื่องส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ ส่วนรวมไม่ได้หรอกพาริณ พชรต้องทำใจให้ได้ เหมือนที่เจ้าทำใจได้ยังไงล่ะ หรือว่าเราพูดอะไรผิด บอกสิว่าเจ้ายังรักพชรอยู่"

ภูษณะจ้องตาพาริณอย่างอยากได้ยินคำตอบให้ชัดเจน แต่พาริณไม่กล้าสบตา...ภูษณะจึงจับมือพาริณมากุมไว้

"บอกเราได้มั้ย ว่าในใจของเจ้าไม่มีพชรอยู่อีกแล้ว"

พาริณเขินอายกับสายตาหวานๆของภูษณะ แล้วพยักหน้าน้อยๆอย่างยอมรับ

"แล้วตอนนี้ในหัวใจเจ้ามีใครจับจองรึเปล่า"

คราวนี้พาริณอึกอักอายหน้าแดง ค่อยๆชักมือกลับอย่างสุภาพ

"ฉันว่า...เรารีบไปดูทางนั้นดีกว่า" พาริณรีบเดินหนีไป ภูษณะก้าวตาม สีหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข

ooooooo

คณะ ของพชรมาถึงสถานที่ประชุมมิตรประเทศในตอนบ่าย แต่แทนที่พชรจะได้เข้าประชุมอย่างสง่าผ่าเผยในฐานะรัชทายาทแห่งมินาลิน เขากลับถูกบรรดาผู้นำจากห้าประเทศคัดค้านไม่ยอมให้เข้าประชุม ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนี้พชรเป็นเพียงกบฏกองกำลังใต้ดิน ส่วนประมุขแห่งมินาลินคือดารัณต่างหาก

"แต่กบฏคนนี้คือความหวังเดียว ของชาวมินาลิน และกบฏคนนี้คือคนที่จะช่วยพวกเขาออกจากนรกภายใต้การปกครองของคนที่ชั่วช้า ถ้ากบฏคนนี้พิสูจน์ได้ว่าเหมาะสมเป็นผู้นำแห่งมินาลินมากกว่าดารัณ ท่านจะยอมให้โอกาสเรารึเปล่า" พชรต่อรอง...ผู้นำมิตรประเทศมองความตั้งใจอันเปี่ยมล้นของพชรแล้วครุ่นคิดจะ พิสูจน์พชรอย่างไรดี

จากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ไปอยู่ยังลานประลองฝีมือ พชรต้องพิสูจน์ฝีมือด้วยการประลองกับราชองครักษ์หลวงพยัคฆ์ขาวและเหยี่ยวดำ ซึ่งสองคนนี้กิตติศัพท์ด้านการรบเป็นที่เลื่องลือ บาจรีย์เองก็รู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี เธอจึงหวาดหวั่นว่าพชรจะสู้ไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้พชรก็ยังบาดเจ็บอยู่ด้วย

แต่เพื่อมินาลิน พชรก็สู้ไม่ถอย บาดเจ็บจนเลือดโชก ผู้นำมิตรประเทศเห็นว่าสองรุมหนึ่งไม่แฟร์ จึงอนุญาตให้สหายของพชรช่วยเหลือได้ บาจรีย์จึงเร่งธามให้ลงไปช่วย ตอนแรกธามก็ยึกยักเพราะยังเคืองแค้นที่พชรทำให้ลำธารผิดหวังและเสียใจ แต่เมื่อเห็นสภาพพชรว่าไม่ไหวแน่ อาจบาดเจ็บถึงตาย แล้วสิ่งที่ร่วมทำกันมาทั้งหมดเพื่อมินาลินก็จะสูญเปล่า ธามจึงโดดลงสนามประลอง ร่วมกันสองแรงแข็งขันจนเอาชนะพยัคฆ์ขาวกับเหยี่ยวดำได้ในที่สุด

"พี่พชรชนะแล้ว พวกท่านต้องทำตามสัญญา ให้เราทั้งหมดเข้าประชุมในครั้งนี้ด้วย" บาจรีย์เรียกร้อง

"เรายังไม่ได้ตกลงอะไรกับพวกท่าน" ผู้นำกล่าวอย่างเคร่งขรึม

"แต่พชรก็พิสูจน์ให้พวกท่านได้ยอมรับแล้วว่าเขาเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำไม่ใช่เหรอคะ" ลำธารค้านอีก

"ใช่ แต่การจะให้ความช่วยเหลือพชรในการกู้ชาติ เราเหล่าผู้นำจะหารือเรื่องนี้อย่างละเอียด แล้วพวกท่านจะได้รับคำตอบในวันพรุ่งนี้"

พชร ธาม ลำธารและบาจรีย์ ต่างมองหน้ากันด้วยความผิดหวัง...แต่ตอนนี้พชรกับธามต้องรีบทำแผลโดยด่วน ทหารจึงพาพวกเขาไปส่งยังบ้านพัก ลำธารจะรีบทำแผลให้ธาม ส่วนบาจรีย์ขอทำให้พชรด้วยตัวเองอีกห้อง

แม้จะพยายามแยกเรื่องส่วนตัวกับหน้าที่ออกจากกัน แต่ลำธารก็อดเหม่อลอยไม่ได้ เผลอทำแผลให้ธามหนักมือจนธามสะดุ้งร้องโอ๊ย...

"แสบเหรอพี่ธาม"

"ใช่สิ เล่นทาซะแรง นี่กะให้พี่ตายคามือเลยรึไง"

"ขอโทษๆ ลำธารเหม่อไปหน่อยน่ะ"

"พี่พอเข้าใจนะว่าเรารู้สึกยังไง แต่เชื่อสิว่า...แล้วมันก็จะผ่านไป ไม่ช้าก็เร็ว"

"ลำธารจะพยายามให้ผ่านมันไปให้เร็วที่สุดนะพี่ธาม"

"ดีมาก อย่างนี้ถึงจะสมกับเป็นน้องพี่หน่อย จะ

ว่าไปพี่เองยังเจ็บตัวไม่เท่าไหร่นะ   คนที่เจ็บหนักคือนายพชรต่างหาก ที่สำคัญพี่ว่ายัยเจ้าหญิงทำแผลใหญ่แบบนั้นไม่ได้หรอก"

ลำธารนิ่งไป รู้สึกเห็นใจพชรขึ้นมา ธามเห็นสีหน้าน้องสาวก็รีบตัดบท

"แต่อึดอย่างนายนั่นพี่ว่าคงไม่ตายง่ายๆ เดี๋ยวพี่กลับห้องก่อนดีกว่า เราเองก็พักผ่อนซะ"

ลำธารพยักหน้ารับ แต่ใจยังครุ่นคิดเป็นห่วงพชร...

ส่วนที่ห้องพชร บาจรีย์มาพร้อมอุปกรณ์ทำแผล พอเห็นเลือดใกล้ๆ บาจรีย์ก็ลมแทบใส่ พชรจึงรีบพูด

"ขอบใจมากนะ แต่พี่ทำเองได้ น้องบาจรีย์ไปพักผ่อนเถอะ"

"งั้นก็ตามใจพี่ บาจรีย์ไปก่อนนะ"

บาจรีย์ออกจากห้องไปครู่เดียว ลำธารก็หิ้วกล่องยาและอุปกรณ์ทำแผลเข้ามา แต่พอเห็นในห้องมีอุปกรณ์พร้อมอยู่แล้ว เธอก็ทำท่าจะกลับออกไป

"เดี๋ยวก่อนลำธาร อย่าเพิ่งไป"

"ฉันแค่จะเอายามาทำแผลให้นาย แต่ดูเหมือนคนที่นายต้องการจะไม่ใช่ฉัน"

"ไม่ใช่นะ เมื่อกี้บาจรีย์เขามา แต่เขากลับไปแล้ว"

"ช่างเถอะ ฉันไม่ได้สนใจอยากรับรู้เรื่องของนาย ฉันไปล่ะ"

"เดี๋ยวก่อน...ลำธาร"

ลำธารตัดใจจะออกจากห้อง แต่พอได้ยินพชรร้องโอ๊ยเพราะเจ็บแผล เธอก็ใจอ่อนหันกลับมาดูแลทำแผลให้เขาทันที ส่วนบาจรีย์ที่กำลังจะกลับห้อง เธอเดินไปเจอธามจังๆ ธามยังอยู่ในอารมณ์เศร้าเสียใจ เขาแดกดันบาจรีย์ว่าทำไมไม่อยู่ในห้องออเซาะคู่หมั้นให้หนำใจ รอโอกาสนี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ... บาจรีย์หน้าตึงไม่พอใจ ประชดกลับทันทีว่า

"จริงๆฉันก็เพิ่งออกมาจากห้องพี่พชรนั่นแหละ นี่ฉันแค่ลืมของเลยจะออกมาเอา แล้วก็จะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพี่พชรที่ห้องอีก ตอนนี้พี่พชรอ่อนแอทั้งทางร่างกายแล้วก็ทางจิตใจ ฉันเลยต้องดูแลเขาอย่างใกล้ชิด"

ธามหึงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จับไหล่บาจรีย์ดึงเข้ามา...

หาว่าเธอจงใจยั่วให้เขาโมโห

"ก็นายพูดจาหาเรื่องฉันตลอด ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาคอยกระแนะกระแหนฉันด้วย...ทำไม"

"โธ่เว้ย แม้แต่แมวมันยังรู้เลย ก็เพราะผมหึงคุณน่ะสิ"

"หึงฉัน นายบอกว่านายหึงฉันงั้นเหรอ หมายความว่ายังไง เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้เป็น...ฉันไม่ใช่แฟนนาย นายไม่มีสิทธิ์มาหึงหวงฉัน...บอกฉันเดี๋ยวนี้ ทำไมนายต้องหึงฉันด้วย ทำไม..."

เสียงโวยวายของบาจรีย์เงียบหายไปทันที เพราะถูกธามประกบปากอย่างดูดดื่ม บาจรีย์อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนผลักธามออกแล้วตบหน้าเขาอย่างแรง

"นายมันบ้าไปแล้ว นายล่ำ"

จากนั้นบาจรีย์ก็วิ่งกลับห้องพักโดยเร็ว ธามมองตามด้วยความรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วบาจรีย์คิดยังไงกับเขากันแน่...ฝ่ายลำธารที่ทำแผลให้พชรเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พชรยังไม่อยากให้เธอกลับออกไป กอดรัดเว้าวอนเธอไว้ อย่างรู้สึกผิด

"ผมขอโทษกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมผิดเองที่ไม่ได้บอกความจริงกับคุณ ที่ผมปิดบังเรื่องบาจรีย์กับคุณ แต่มันเป็นเพราะผมกลัวว่า ถ้าคุณรู้ความจริง ผมอาจจะต้องเสียคุณไป"

"คนเห็นแก่ตัว ฉันนึกไม่ถึงเลยว่านายจะกล้าพูดกับฉันอย่างนี้"

"ลำธาร คุณฟังผมก่อน"

"ไม่ แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าฉันไม่น่ารักคนอย่างนายเลย นายรู้มั้ยว่านายมันทั้งอ่อนแอ แล้วก็ใจร้ายที่สุด จำไว้นะว่า อย่ามายุ่งกับฉันอีก นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะทำดีกับนาย แต่ต่อไปนี้ฉันจะถือว่าเราไม่เคยรู้จัก ไม่เคยรัก และไม่เคยรู้สึกอะไรทั้งนั้น ฉันเกลียดนาย...ฉันเกลียดนาย!"

พชรอึ้งงัน ได้แต่มองตามลำธารที่ผลุนผลันจากไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจ

ศิราพัชร ดวงใจนักรบ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด