ตอนที่ 15
ภูษณะกับพาริณเดินบุกป่ามาจนถึงลำธาร จึงหยุดพักล้างหน้าล้างตา จากนั้นภูษณะก็อาสาไปหาของกิน พาริณจึงฉวยโอกาสลงอาบน้ำชำระร่างกายอย่างสบายใจ แต่พอขึ้นจากน้ำคว้าเสื้อผ้ามาใส่ ปรากฏว่ามีบุ้งติดเสื้อมาด้วย พาริณเกลียดกลัวบุ้งมากกรีดร้องจนภูษณะวิ่งพรวดเข้ามาอย่างแตกตื่น
"เกิดอะไรขึ้นพาริณ"
"บุ้ง ฉันเกลียดบุ้ง เอามันออกให้ฉันที"
ภูษณะอึกอักทำตัวไม่ถูกที่โดนพาริณกอดแน่น
"เร็วๆสิ ท่านภูษณะ เอามันออกไปที"
"ไหน มันอยู่ตรงไหน"
พาริณบอกที่ไหล่ แต่ภูษณะมองหาไม่เจอ จึงสรุปว่ามันไปแล้ว พูดพลางก็อมยิ้มอย่างขำๆ จนพาริณรู้ตัวผละออกห่างเขา
"ผู้หญิงแกร่งปานภูผาอย่างเธอ ไม่นึกว่าจะกลัวตัวบุ้งตัวนิดเดียว"
พา ริณหน้าเจื่อนเสียฟอร์มเล็กๆ ภูษณะเห็นที่ไหล่พาริณ มีรอยแดงๆ เขาทักถามอย่างเป็นห่วง พาริณกลับทำท่าไม่ เดือดร้อนอะไร บอกว่ารอยแพ้ตัวบุ้งตนเป็นมาจนชินแล้ว
"แต่เจ้าไม่ควรปล่อยไว้อย่าง นี้นะ ถ้าเกิดอาการแพ้ มากกว่านี้ขึ้นมาจะว่าไง เอาอย่างนี้ สมัยเด็กๆแม่นมของเราเคยใช้สมุนไพรทารอยแพ้แมลงให้ เดี๋ยวจะหามาทาให้เจ้าก็แล้วกัน"
"ไม่ต้องหรอกท่านภูษณะ"
"เจ้ารอเราอยู่นี่ก็แล้วกัน" พูดจบภูษณะก็รีบเดินออกไปทันที
ooooooo
ทางคณะของอดิศร พวกเขาโชคดีไปเจอชาวบ้านสองคนที่เข้ามาล่าสัตว์ จึงรู้ว่าไม่ไกลจากที่นี่มีหมู่บ้าน
"พวก เรากำลังต้องการความช่วยเหลือ ตอนนี้ชาวบ้านทั้งเด็กทั้งผู้หญิงต้องการที่พัก ถ้าผมขอให้พวกคุณพาไปที่หมู่บ้านให้ทุกคนได้พักเหนื่อยจะได้มั้ย"
"แล้วเราจะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกท่านมาดี เกิดท่านเป็นคนของไอ้ดารัณปลอมตัวมารังแกพวกเรา จะทำยังไง"
"เจ้าพูดอย่างนี้แสดงว่าเจ้าไม่ได้อยู่ข้างท่านดารัณงั้นรึ" เวคินถามทันที
"คนที่พวกเราจงรักภักดีมีแต่ท่านวาสินคนเดียวเท่านั้น กบฏชั่วอย่างไอ้ดารัณ พวกเราไม่มีทางยอมรับมันเป็นเจ้าเหนือหัวเด็ดขาด"
"งั้น พวกเจ้าก็จงวางใจได้ว่าพวกเราจะไม่มีทางก้มหัวให้ ดารัณเช่นกัน" วาสินเดินแทรกเข้ามา ชาวบ้านทั้งสองมองเพ่ง พินิจก่อนคุกเข่าลงทันทีอย่างจำได้ "ถ้าคนที่เจ้าจงรักภักดีหมายถึงเรา งั้นเราอยากขอให้เจ้าร่วมมือกับพวกเราจะได้หรือไม่"
"ถ้าเป็นพระบัญชาของท่านวาสิน ต่อให้แลกด้วยชีวิตพวกเราก็ยอม"
"ดี งั้นฝากท่านสองคนไปกระจายข่าวบอกชาวบ้านทุกคนที่สวามิภักดิ์ต่อท่านวาสินให้ ร่วมมือกัน ทันทีที่พวกเราเดินทางไปถึงหมู่บ้านทางตะวันตก เราจะตั้งค่ายขึ้นมาใหม่ เพื่อตั้งรับมือกับพวกดารัณ นี่เป็นโอกาสที่พวกท่านจะได้ ต่อสู้เพื่อแผ่นดินของท่านแล้ว"
"พวกเราจะทำตามพระบัญชาของท่านวาสิน ขอให้พวกท่านจงวางใจ"
ooooooo
อาการแพ้บุ้งของพาริณเริ่มปวดแสบปวดร้อน โชคดีที่ภูษณะไปหาสมุนไพรมาช่วยได้ พาริณขอบคุณ เขา และอดเปรยขึ้นมาไม่ได้ว่า
"ทำไมคนที่ทำเช่นนี้กับเราถึงไม่ใช่ท่านพชร"
ขณะ เดียวกันนั้น พชรกับลำธารยังลัดเลาะไปตามริมน้ำ ช่วงหนึ่งที่พชรทำถุงสร้อยหล่นลงน้ำ พชรจะลงไปงมหาให้ได้ แต่ลำธารไม่ยอม เพราะเขายังไม่หายไข้ดี สองคนยื้อยุดทุ่มเถียงกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่พชรจะวิ่งลงน้ำไป ส่วนลำธารหันกลับขึ้นฝั่งด้วยความโมโห
ขณะ ที่พชรงมหาสร้อย พลันก็มีทหารของดารัณสองคนโผล่จากพุ่มไม้ใกล้ๆ พชรต่อสู้และเกือบเอาชีวิตไม่รอด ลำธารได้ยินเสียงปืนดังก็วิ่งกลับมาหา แต่ไม่มีพชรเสียแล้ว มีแต่รอยเลือดเต็มไปหมด ลำธารใจเสียจะกระโดดลงน้ำไปตามหาพชร ทันใดนั้นเองพชรก็โผล่มาฉุดมือเธอเอาไว้ แต่แล้วพชรก็ล้มฟุบหมดสติไปต่อหน้าต่อตาเธอ
ฟากฝั่งของบาจรีย์กับธาม นึกไม่ถึงว่าธามจะทำเซอร์ไพรส์วันเกิดบาจรีย์ด้วยการทำมงกุฎดอกไม้มาให้เธอ รวมทั้งมีผลไม้ป่าและปลาเผามาให้เธอกินด้วย ทำเอาบาจรีย์ ประทับใจจนน้ำตาคลอ
ooooooo
ลำธารดูแลพชรด้วยใจที่ร้อนรนเป็น กังวล กว่าพชรจะฟื้นก็ทำเอาเธอร้องไห้ไปหลายตลบ แต่พอเขาถามหาสร้อย ทั้งที่มือยังกำมันแน่น ลำธารเกิดน้อยใจขึ้นมา นึกว่าพชรห่วงหวงสร้อยเส้นนี้มากก็เพื่อบาจรีย์
"นายหาสร้อยเจอจนได้จริงๆ แบบนี้บาจรีย์ก็คงไม่เสียใจแล้ว"
พูดแล้วน้ำตาพานจะไหล จนต้องรีบลุกหนีไป พชรต้องพยุงกายเดินตามไป
"เขารอดกลับมาก็ดีแล้ว ทำไมต้องมาบ่อน้ำตาตื้นด้วยนะเรา...ไม่เอาไหนเลย ทำไมเป็นแบบนี้" ลำธารตำหนิตัวเองอย่างอัดอั้น
"คุณว่าตัวเองทำไม" เสียงทักถามของพชรทำให้ลำธารสะดุ้งเฮือก
"ไม่ ไม่มีอะไร ฉันแค่ดีใจที่นายไม่เป็นอะไร ถ้าหากเจ้าชายรัชทายาทแห่งมินาลินเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ฉันก็เดือดร้อนน่ะสิ จะแก้ตัวกับทุกคนว่ายังไง แล้วนี่นายลุกมาทำไม กลับไปพักผ่อน ฉันมาเอาของแป๊บเดียว"
"ผมไม่ได้หาสร้อยนั่นเพื่อบาจรีย์"
"นาย...นายจะหาให้ใคร หรือไม่ให้ใคร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่ ไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันหรอก"
"เกี่ยวสิ เพราะว่าผมหามันมาเพื่อให้คุณ"
ลำธารอึ้งงันไปทันที มองสร้อยในมือเขา แล้วเงยหน้าสบตาเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
"ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง แต่ผมปล่อยให้สร้อยเส้นนี้หายไปไม่ได้จริงๆ เพราะมันเป็นเหมือนดวงใจของผม ที่ผมจะมอบให้กับคุณ"
"พชร..."
"อภัยให้ผมได้ไหม กับทุกสิ่งที่ผมทำให้คุณเสียใจ"
"ใช่ นายทำให้ฉันเสียใจ แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงเกลียดนายไม่ลง ฉันเป็นห่วงนายมากแค่ไหนรู้มั้ย ถึงสร้อยเส้นนี้จะสำคัญ แต่รู้ไหมว่าถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะทำยังไง...ถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะอยู่ได้ยังไง ฉันจะอยู่ต่อไปได้ยังไง" ลำธารระบายความในใจออกมาทั้งน้ำตา
"ผมขอโทษ...ลำธาร...ผมขอโทษ"
"รับปากฉันนะ ว่านายจะไม่ทำอย่างนี้อีก นายต้องไม่เสี่ยงตายแบบนี้อีก ไม่ว่าจะเพื่ออะไรทั้งนั้น"
พชรไม่ตอบแต่ดึงเธอมากอดไว้แน่น และเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน
ooooooo
หลังจากปรับความเข้าใจกันได้เมื่อคืน...ทันทีที่
ตื่นนอนในเช้าวันรุ่งขึ้นลำธารก็บอกกับพชรอย่างหมดความคลางแคลงใจว่า
"พชร...ฉันจะไม่สงสัยอะไรในตัวนายอีกแล้ว ฉันเคยคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายที่สุดในโลกที่รักเจ้าชายอย่างนาย แต่ถึงตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุด เพราะคงไม่มีใครรักฉันได้เท่านายอีกแล้ว ขอบคุณนะ ขอบคุณที่นายรักฉัน"
"ศิราพัชร...คุณคือดวงใจของผม"
"สร้อยเส้นนี้เตือนใจให้ฉันรู้ว่า ฉันมีความสำคัญกับนายมากแค่ไหน ฉันสัญญาว่าฉันจะรักษาไว้อย่างดีที่สุด"
พชรยิ้มอบอุ่นสบายใจ แล้วสวมกอดลำธารด้วยความรักที่ล้นหัวใจ...
ooooooo
สายวันเดียวกัน ราชิต ฟารุต และทหารอีกจำนวนหนึ่งมาเจอศพทหารสี่คนนอนตายในป่า จากสภาพศพที่ถูกยิง ราชิตไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือพวกไหน จึงหันมาถามความเห็นจากฟารุต
"เจ้าคิดว่าไงฟารุต"
"โดนยิงด้วยลูกซอง...พวกมันไม่ได้ตายเพราะอาวุธสงคราม บางทีพวกมันไม่ได้ปะทะกับกองกำลังใต้ดินด้วยซํ้า"
"แล้วเจ้าคิดว่าใครมันฆ่าไอ้พวกนี้"
"บางทีอาจจะมีชาวบ้านที่เข้าร่วมกับกองกำลังใต้ดินลอบสังหารคนของเรา"
"เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อไอ้พวกชาวบ้านมันก็รู้ดีว่าการเข้าร่วมกับกบฏใต้ดินก็ไม่มีทางโค่นล้มท่านดารัณได้ แล้วที่สำคัญพวกมันไม่ยอมตายเพราะไอ้พชรหรอก"
"เว้นเสียแต่...พวกมันรู้แล้วว่ากษัตริย์วาสินคนที่มันเคารพยิ่งชีวิตยังหายใจอยู่"
"ไอ้วาสิน!" ราชิตขบกรามแน่นโกรธแค้นขึ้นมาทันที
ขณะนั้นเอง คณะของอดิศรเดินไปเจอชาวบ้านอีกกลุ่ม ทุกคนระวังตัวแจ ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ แต่ชาวบ้านกลุ่มนั้นยืนยันว่า
"พวกเราไม่ใช่ศัตรู เราอยู่ฝั่งเดียวกับพวกท่าน เราเพิ่งฆ่าพวกทหารที่ลาดตระเวนแถวนี้ไปเพื่อเปิดทางให้พวกท่าน"
"นี่พวกท่านได้รับข่าวเรื่องท่านวาสินแล้วใช่มั้ย"
"ใช่ ตอนนี้พวกเราหลายหมู่บ้านแยกกันตั้งเป็นกองโจรคอยซุ่มดักโจมตีทหารดารัณอยู่ พวกเรารับหน้าที่มานำทางพวกท่านให้พ้นพวกทหารลาดตระเวน"
"ขอบใจ...ขอบใจพวกเจ้ามาก" วาสินพูดจากใจจริง
ชาวบ้านทุกคนก้มกราบวาสินอย่างจงรักภักดี...อดิศรยิ้มอย่างมีความหวัง หันไปบอกทุกคนทันที
"ค่ายอยู่ไม่ไกลจากนี้แล้วล่ะ เราคงไม่มีเวลาหยุดพักที่ไหน รีบไปกันเถอะ ก่อนที่ราชิตมันจะไหวตัวทัน"
สีหน้าทุกคนเกิดความฮึกเหิมขึ้นมา ตัดสินใจรีบรุดหน้ามุ่งสู่ค่ายใหม่
ooooooo
ด้านภูษณะกับพาริณ สองคนเดินทางอย่าง ระแวดระวังภัย พาริณยังดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ภูษณะเฝ้ามองอย่างเป็นห่วง
"ท่าทางเจ้าไม่ค่อยมีแรง เราไปทางนั้นดีกว่า เผื่อจะมีผลไม้ป่าให้รองท้องบ้าง"
"อย่าเสียเวลาเพราะหม่อมฉันเลย"
"ยังดีกว่าปล่อยให้ท้องว่าง เชื่อเราสิ"
ภูษณะเดินนำไป พลันพาริณก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวละแวกพุ่มไม้สองข้างทาง
"ท่านภูษณะ หลบ!"
ภูษณะพลิกตัวหลบ พาริณปามีดไปที่พุ่มไม้โดนทหารอย่างจังจนมันล้มคว่ำ ส่วนภูษณะก็กระหน่ำยิงทหารอีกสองคนดับดิ้นสิ้นใจ
ooooooo
ฟากลำธารกับพชร ทั้งคู่กำลังมีความสุขกับธรรมชาติป่าเขาจนลืมอันตรายไปชั่วขณะ ลำธารเด็ดดอกไม้ป่าทัดหูให้พชร พอเขาจะเอาออก เธอก็ร้องห้ามทันที
"อย่าเอาออกสิ"
"แต่ว่า...ไม่มีผู้ชายคนไหนทัดดอกไม้"
"อะไรกัน ผู้ชายที่เมืองไทยทัดกันเต็มเลยนะ เรื่องปกติ แค่นี้นายทำเพื่อฉันไม่ได้เหรอ"
พชรชะงักไป เห็นลำธารงอนหันหลังให้ก็รีบง้อ
"ผมขอโทษ ถ้านี่เป็นประเพณีที่บ้านเมืองคุณ ผมทัดก็ได้...แค่นี้พอรึยัง"
ลำธารยิ้มดีใจ แล้วก็อดขำไม่ได้ พชรเลยเอะใจ
"นี่...นี่คุณอำผมใช่รึเปล่า อ๋อ เดี๋ยวนี้กล้าแกล้งผมแล้วเหรอ"
"ฉันก็กล้าแกล้งนายมาตั้งนานแล้ว ลืมรึไง"
"เมื่อก่อนคุณแกล้ง ผมยกให้ แต่ตอนนี้ผมจะคิดบัญชีเอาคืนบ้างล่ะ"
พชรวิ่งไล่จับลำธารที่วิ่งไปหัวเราะไปอย่างสนุกสนาน... แต่อีกด้านของป่า ธามกำลังหน้าเครียด หลังเดินมาพบรอยล้อรถยนต์
"น่าจะเป็นเส้นทางลาดตระเวนของพวกไอ้ราชิต เรารีบหนีไปทางอื่นดีกว่า"
"แต่อาจเป็นเส้นทางสัญจรของชาวบ้าน หรือไม่ก็เป็นเส้นทางลำเลียงของเข้าสู่ตัวเมือง ไม่แน่ถ้าโชคเข้าข้างอาจจะได้เจอคนที่ให้ความช่วยเหลือเราก็ได้"
"เชื่อผมเหอะน่า ไปทางอื่น"
"ฉันไม่ไป ฉันเชื่อนายมาเยอะแล้ว นายต้องเชื่อฉันบ้าง"
ทันใดนั้นเองเสียงเครื่องยนต์ดังแว่วมา ธามกับ
บาจรีย์รีบซ่อนตัวหลังต้นไม้แอบมองรถกระบะคันหนึ่งที่แล่นผ่านมา จากสภาพที่เห็นบาจรีย์มั่นใจว่าเป็นพ่อค้าจึงวิ่งออกไปขวางหน้ารถไว้ โดยที่ธามก็ห้ามเธอไม่ทัน
"หยุดรถ หยุดๆๆๆ หยุดรถเดี๋ยวนี้"
รถกระบะหยุดกึกทันที ธามรีบวิ่งออกมาปกป้องบาจรีย์ ชายฉกรรจ์ลงจากรถพร้อมอาวุธปืนยาวเล็งใส่ทั้งคู่อย่างระวังตัวแจ
"หยุดอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าเป็นใคร"
"เราเจ้าหญิงบาจรีย์แห่งมินทุ เจ้าไม่รู้จักเรารึไง"
เขาขยับเดินเข้ามาใกล้ เพ่งมองบาจรีย์ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆลดปืนในมือลง แล้วคุกเข่าคำนับเจ้าหญิงอย่างจำได้
"เจ้าหญิงแห่งมินทุ ท่านจริงๆด้วย"
"เราอยากขอความช่วยเหลือ ท่านพอจะรู้ทางไปหมู่บ้านในหุบเขาทางทิศตะวันตกรึเปล่า ผมกับเจ้าหญิงจะไปรวมกับกองกำลังของท่านพชรที่นั่น"
"กองกำลังของเจ้าชายพชร...ข้ารู้จักเส้นทางไปหมู่บ้านนั้น"
"ขอบใจเจ้ามาก แล้วเราจะให้ท่านพ่อมอบของกำนัลแก่เจ้านะ"
"ขอเชิญเจ้าหญิงและพระสวามีขึ้นรถ ข้าจะไปส่งท่านทั้งสองเอง"
"เปล่านะ เขาเป็นเพียงสหาย ไม่ใช่สวามีของเรา ไม่ใช่คนรัก และไม่แม้แต่จะใกล้เคียงเลยด้วย" บาจรีย์รีบอธิบายปากคอสั่น ธามเห็นแล้วหมั่นไส้ ย้อนเข้าให้
"ยังกับอยากเป็นสวามีเธอนักล่ะ ขี้โวยวายแบบนี้แถมฟรียังต้องคิดเลย"
"นาย...นายล่ำปากกรรไกร ทุเรศที่สุด หมิ่นเกียรติเจ้าหญิงแบบนี้ได้ไง ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลย ถอนๆๆ"
"เอ๊ะ คุณนี่ยังไง ตกลงอยากให้ผมเป็นสวามี หรือไม่ อยากกันแน่ฮึ"
บาจรีย์ถึงกับชะงักไปด้วยความเขินอายที่ธามยื่นหน้ามาใกล้แก้ม แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งบนท้ายรถกระบะคนละมุมกับเขา แต่พอรถแล่นออกไปได้ครู่เดียว หนทางที่ขรุขระอย่างมากก็ทำให้ทั้งคู่หัวสั่นหัวคลอน ธามห่วงบาจรีย์จะหล่นจากรถจึงจับเธอมานั่งตัก โดยที่เธอก็ไม่ได้โวยวายอะไรมากนักเพราะรู้ว่าเขาหวังดี
เมื่อไปถึงเป้าหมายซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดย่อม ปรากฏว่าทั้งธามและบาจรีย์ต่างก็หลับซบกันอย่างแนบแน่น จนเจ้าของรถไม่กล้าปลุก พอบาจรีย์รู้สึกตัวก็สะดุ้งโหยงผลักธามพัลวัน จังหวะนี้เองหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามา ตามหลังด้วยชาวบ้านชายหญิงอีกสองสามคน
เจ้าของรถกระบะรายงานหัวหน้าหมู่บ้านว่าตนรับเจ้าหญิงแห่งมินทุกับพระสหายมาส่งที่นี่ พวกเขาคือกองกำลังใต้ดินต่อต้านดารัณ หัวหน้าหมู่บ้านเห็นบาจรีย์ก็จำได้ คุกเข่าลงกับพื้นทำความเคารพ คนอื่นๆทำตามเช่นกัน จากนั้นบาจรีย์ก็แจ้งต่อหัวหน้าหมู่บ้านว่าเจ้าชายพชรมีประสงค์ให้ที่นี่เป็นกองกำลังใต้ดินแห่งใหม่ ธามเสริมทันทีว่า พชรและทุกคนที่เหลือคงจะใกล้มาถึงแล้ว ตนอยากขอร้องให้พวกเขาส่งคนไปเฝ้าระวังรอบหมู่บ้าน อย่าให้พวกทหารชั่วของดารัณเข้ามาได้
"ข้ายินดี นับเป็นเกียรติอย่างสูงสุดที่ได้รับใช้ท่านพชร และกองกำลังใต้ดินทุกคน ข้าเพิ่งได้รับข่าวท่านวาสิน จริงรึไม่ ที่ท่านยังคงมีชีวิตอยู่"
"ใช่ ท่านวาสินจะเดินทางมาที่นี่เป็นขวัญและกำลังใจให้ทุกคน"
ทุกคนยิ้มด้วยความปลาบปลื้ม พนมมือพร้อมกับส่งเสียงพร้อมเพรียงกันว่า
"ขอพระองค์ทรงพระเจริญ"
ooooooo
เมื่อบาจรีย์ได้ห้องพัก เธอรีบจัดแต่งห้องใหม่ ด้วยตัวเอง โดยมีธามป้วนเปี้ยนดูความเรียบร้อย บางช่วงสองคนก็ทุ่มเถียงโต้แย้งเพราะคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ จู่ๆบาจรีย์กลับเป็นฝ่ายโดดเข้ากอดธามเพียงเพราะเห็นหนูวิ่งเข้ามาในห้อง
ด้วยความตกใจและไม่ทันระวังตัวทำให้ทั้งคู่ล้มไปบนเตียงในลักษณะปากต่อปากประกบกันอย่างเหมาะเจาะ ต่างคนต่างอายหน้าแดง ทันใดจ่าแสงก็พรวดพราดเข้ามา ตามด้วยอดิศรที่เพิ่งเดินทางมาถึงหมู่บ้าน หนุ่มสาวตกใจรีบผละออกจากกันทันที แล้วอธิบายเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเป็นอุบัติเหตุ
"ไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรก็ดีแล้วครับ พวกเราได้ยินเสียงดังเลยถือวิสาสะเข้ามา ว่าไงไอ้ลูกชาย นึกว่าจะมาไม่ถึง ที่ไหนได้ มาถึงก่อนพ่อซะอีก แล้วนี่ดูแลเจ้าหญิงดีรึเปล่า"
บาจรีย์เขยิบห่างออกมาจากธามอย่างไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด ธามอดรู้สึกจ๋อยๆในใจไม่ได้...
ตกกลางคืน ชาวบ้านจัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านวาสินและคณะ โดยมีการฟ้อนรำและดื่มกินกันตามอัตภาพ ขณะทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่นั้น ภูษณะกับพาริณก็เดินทางมาถึง บาจรีย์ ดีใจที่ได้พบพี่ชาย แต่ไม่พอใจที่พาริณมาด้วย แล้วก็ผิดหวังที่ไม่เห็นพชร ขณะที่ธามก็อดเป็นห่วงลำธารไม่ได้ ทั้งๆที่มั่นใจว่าลำธารน่าจะอยู่กับพชร
ooooooo
ลำธารกับพชรยังอยู่ด้วยกันในป่าตามลำพัง ต่างคนต่างแสดงความรักและห่วงใยกันตลอดการเดินทาง ทั้งเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันก็หลายหน นั่นยิ่งทำให้ทั้งคู่ รักและเข้าใจกันมากขึ้น มากเสียจนหัวใจของทั้งคู่ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ตกเป็นของกันและกันด้วยความยินยอมพร้อมใจในคืนนี้
พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว พชรกับลำธารลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของกันและกัน
"อรุณสวัสดิ์ครับ" พชรกล่าวด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข ลำธารหลุบตาลงอย่างเขินอาย "ลำธาร...ผมไม่รู้จะพูดยังไง คุณถึงจะรู้ว่าผมมีความสุขมากแค่ไหน ที่ได้กอดคุณเอาไว้แบบนี้ ถึงวันข้างหน้าจะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้น ผมก็คงไม่เสียใจ"
"พชร นายจะต้องอยู่ จะต้องรอด จะไม่มีเรื่องร้ายอะไรทั้งนั้น"
"ผมขอโทษ ผมจะไม่พูดให้คุณกังวลอีกแล้ว มีคุณอยู่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมสามารถทำได้ทุกๆอย่าง...ลำธาร ผมรักคุณคนเดียวนะครับ คุณอย่าลืมเด็ดขาดนะครับ"
พชรกุมมือลำธารแน่น แม้ใจจะอิ่มเอิบแค่ไหน แต่ความกลัว ลึกๆทำให้ต้องกล่าวย้ำออกไปอย่างนั้น
ooooooo
ที่หมู่บ้านซึ่งเป็นค่ายแห่งใหม่ บาจรีย์เดินออกมาเก็บดอกไม้ ในใจยังว้าวุ่นไม่สงบด้วยเรื่องระหว่างตนเองกับธาม เธอเก็บดอกไม้ไป สายตาสอดส่ายเหมือนหาใครบางคน...อีกมุม ธามเดินมาเมียงมองที่เรือนบาจรีย์ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกัน
แล้วบังเอิญสองคนเดินมาชนกันโครมใหญ่ ธามรีบคว้าตัวเธอไว้ก่อนที่เธอจะล้ม
"นี่นาย...ปล่อยฉันได้แล้ว"
"เดินเซ่อซ่าไม่มองทางเลยนะคุณ ใจน่ะลอยไปอยู่ที่ไหน คงจะไปอยู่กับคนที่เขายังไม่มาล่ะสิ"
"ถ้าบอกว่าฉันเซ่อ นายก็พอกันแหละ ไม่งั้นก็ไม่โดนฉันชนหรอก...นี่ถามจริง จะพูดดีๆบ้างไม่ได้รึไง เพราะงี้ไงล่ะ ฉันถึงคิดถึงคนที่เขายังไม่กลับมามากกว่าคนแถวนี้" บาจรีย์ ประชดกลับ แล้วจะผละหนีเข้าบ้าน แต่ถูกเขาคว้ามือไว้อย่างรวดเร็ว
"เดี๋ยว แล้วถ้าหากผมไม่ปากเสีย คุณจะหันมามองคนแถวนี้บ้างรึเปล่า"
คำถามของธามฮุกเข้ากลางใจ ทำเอาบาจรีย์จุกจนพูดไม่ออก ธามมองตาเธออย่างเว้าวอน บาจรีย์หวั่นไหวไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทันใดนั้นเอง จ่าแสงวิ่งพรวดเข้ามาหาทั้งคู่ รายงานว่าท่านพชรกับหมอลำธารมาถึงแล้ว นั่นแหละสองคนถึงดึงความรู้สึกนึกคิดของตัวเองกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ทุกคนแสดงความดีใจที่พชรกับลำธารปลอดภัย แต่พอภูษณะสังเกตเห็นสร้อยรักเท่าชีวิตที่คอลำธาร เขาก็ชะงักไปด้วยความขุ่นเคืองใจ จนเมื่อได้ยินพชรอาสาพาลำธารไปส่งที่บ้านพัก ภูษณะจึงแอบเดินตามไปเงียบๆ
เมื่อคิดว่าพ้นสายตาทุกคนมาแล้ว พชรกอดเอวลำธารทันที ลำธารตกใจรีบตีมือเขา และสั่งให้ปล่อย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า
"ผมไม่กลัว มาเห็นก็ดี จะได้รู้กันสักทีว่าคุณเป็นคนพิเศษของผม"
ภูษณะกำมือแน่นด้วยอารมณ์โมโห ปรากฏตัวออกมายืนตรงหน้าทั้งคู่
"ขอโทษที่มาขัดจังหวะ คุณลำธาร ผมขอเสียมารยาทขอคุยกับพชรตามลำพังสักครู่"
"ฉันขอไปส่งลำธารก่อน แล้วจะกลับมาคุยกับนาย...ไปครับ"
"แต่ฉันต้องคุยกับนายเดี๋ยวนี้ ขอโทษนะครับคุณลำธาร" ภูษณะกระชากแขนพชรไว้ พชรเริ่มโกรธ สลัดแขนออก แล้วย้ำว่า
"ฉันบอกแล้วว่าฉันต้องไปส่งคุณลำธารก่อน"
ท่าทีภูษณะยิ่งโมโห ลำธารเห็นแล้วไม่สบายใจ พอดีธามโผล่เข้ามาขัดจังหวะ
"ยัยลำธาร กลับมาจนได้นะเรา สบายดี ไม่สึกไม่หรอตรงไหนใช่มั้ย" ธามพูดเล่นๆ แต่แทงใจพชรและลำธารเข้าเต็มๆ
"พี่ชายของคุณลำธารมาแล้ว ทีนี้นายคงไปคุยกับฉันได้" พูดแล้วภูษณะเดินนำไปทันที พชรมองหน้าลำธารเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง แล้วก็ผละไป ส่วนธามไม่ได้เอะใจสงสัยเพราะมัวแต่ดีใจที่ได้เจอน้องสาว...
ทันทีที่เดินกลับไปถึงเรือนพัก ภูษณะก็คาดคั้นพชรว่าสร้อยรักเท่าชีวิตไปอยู่กับลำธารได้ยังไง พชรอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่า
"ฉันเป็นคนให้เธอเอง"
"นี่นาย...นายนึกว่ากล้ายอมรับ ก็กล้าหาญแล้วงั้นเหรอ แล้วสัญญาที่จะรวมมินทุกับมินาลินล่ะ น้องสาวของฉันล่ะ นายทำแบบนี้ได้ยังไง"
"ฉันเสียใจ แต่ลำธารเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรัก ฉันรักบาจรีย์อย่างน้องสาว และใจฉันไม่มีวันเปลี่ยน ไม่มีวัน..."
พชรยังพูดไม่ทันจบ กำปั้นภูษณะก็กระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขาเต็มๆ พชรถึงกับผงะแทบหงายหลังล้มทั้งยืน!