ตอนที่ 14
หลังตัดสินใจกระโดดหน้าผาหนีพวกพชร สองนักฆ่าคามินกับคเชนทร์รอดชีวิตแต่ก็บาดเจ็บสาหัส ต้องกระสนกระเสือกไปอย่างยากลำบากเพื่อจะกลับไปยังวังมินาลินให้ได้...
ส่วนพชรกับธาม และสหายในกองกำลังใต้ดินจำนวนไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ทุกคนได้รับการรักษาจากลำธารและธีรัชเป็นอย่างดี โดยมีบาจรีย์คอยประกบดูแลพชรอย่างใกล้ชิดด้วยความเป็นห่วงและหึงหวงไม่อยากให้ลำธารได้เข้าใกล้
ฝ่ายพาริณที่หนีเตลิดออกไปจากค่ายด้วยความอับอายหลังถูกบาจรีย์ประณามอย่างรุนแรง พาริณแทบจะฆ่าตัวตายหนีอาย แต่เสี้ยวนาทีก็ทำให้พาริณเปลี่ยนใจเพราะสำนึกได้ว่า หาก แม้ตนต้องตาย ก็ไม่ควรตายอย่างไร้ค่า ไร้ความหมายแบบนี้...
เสร็จจากรักษาสหายกองกำลังใต้ดินก็มืดค่ำ แต่ลำธารก็ยังแวะไปดูอาการวาสิน ทำให้วาสินซึ้งน้ำใจและเมตตาเอ็นดูลำธารยิ่งขึ้น พชรแอบดูสิ่งที่ลำธารกระทำต่อบิดาของเขาอย่างปลาบปลื้มชื่นชม พอเห็นเธอฟุบหลับเพราะเพลียจัด หลังจากดูแลวาสินจนหลับไปแล้ว พชรจึงเข้ามาอุ้มลำธารออกจากห้องเพื่อจะไปส่งที่เรือนพักของเธอ
ขณะนั้นเอง ธามกับบาจรีย์กำลังทุ่มเถียงเอาชนะกันอยู่ด้วยเรื่องไร้สาระ ธามรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้แกล้งบาจรีย์ เช่นเดียวกับบาจรีย์ที่พอออกฤทธิ์จนพลาดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอถึงกับอึ้งไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ หวั่นไหววูบวาบยังไงพิกล
ต่างคนต่างจ้องหน้ากันนิ่งนาน จนบาจรีย์เป็นฝ่ายผละออกห่าง จังหวะนี้เองธามเหลือบไปเห็นพชรอุ้มลำธารไปยังเรือนพัก ธามตกใจแต่ก็ไม่ทำให้บาจรีย์รู้เห็น เพราะเกรงจะเกิดเรื่องขึ้นอีก หลังจากบาจรีย์เพิ่งเล่นงานพาริณไปแล้วคนหนึ่ง
พชรอุ้มลำธารเข้ามาส่งถึงเตียงในห้อง ห่มผ้าให้แล้วผละออกไปเงียบๆ แต่เขาต้องสะดุ้งเมื่อเจอธามยืนจ้องมองมาด้วยสายตาเอาเรื่อง ไม่พอใจ
"เจ้าหญิงบาจรีย์เพิ่งจะไล่พาริณออกไป นายจะทำให้ ลำธารต้องเดือดร้อนอีกคนรึยังไง ถ้าเจ้าหญิงบาจรีย์เห็นนายอุ้มลำธารขึ้นเรือน อะไรจะเกิดขึ้น"
"ขอโทษ ฉันแค่พาเธอมาพักผ่อน"
"คราวหน้าฉันไม่ได้อยากได้ยินคำขอโทษอีก"
"ธาม...ฉันจะไม่ขอโทษ เพราะจะไม่มีครั้งหน้า และจะไม่มีใครมาลบหลู่เกียรติของลำธารได้" พชรกล่าวหนักแน่นจริงจัง ทำเอาธามอึ้งไป รู้สึกได้ถึงความตั้งใจลึกๆของพชร
ooooooo
แล้วแผนการสังหารดารัณเพื่อพชรก็เริ่มต้นขึ้นในเช้าวันนี้ พาริณปลอมตัวเข้าไปรวมกลุ่มกับคณะนางรำ แล้วใช้จังหวะที่ร่ายรำต่อหน้าดารัณจะใช้มีดสังหารเขา แต่ราชิตเกิดไหวตัวทันเข้ามาขัดขวาง ทำให้พาริณ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนและแทบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าคามิน กับคเชนทร์ไม่โผล่เข้ามาดึงความสนใจไปจากราชิตได้
สองนักฆ่าในสภาพบาดเจ็บสาหัสกลับมาขอความช่วยเหลือ พร้อมรายงานราชิตว่ารู้ที่ตั้งค่ายของพชรแล้ว และที่สำคัญวาสินยังไม่ตายอย่างที่ใครๆคิด ดารัณพอรู้ข้อมูลนี้ก็สั่งราชิตเตรียมนำกำลังทหารไปถล่มค่ายพชรให้ราบคาบ ไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก!
ไม่ทันที่กองกำลังของราชิตจะเคลื่อนพล เวคินที่ค่ายพชรก็ได้รับข้อมูลนี้จากใครบางคน พชรแปลกใจเหลือเกินว่าผู้หวังดีคนนี้เป็นใคร แต่อดิศรให้เลิกคิดอย่างอื่น ตอนนี้เราต้องรีบป้องกันค่าย ต้องรีบวางแผนจุดป้องกันต่างๆ ไม่ใช่ตั้งรับ แต่ต้องโจมตีไม่ให้มันบุกเข้ามาในค่ายได้
เมื่อทุกคนในค่ายทั้งเด็ก ผู้ใหญ่และผู้หญิงมารวมกลุ่มกันพร้อมหน้า พชรก็แจ้งสถานการณ์เลวร้ายซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
"ที่ผ่านมาพวกเราทุกคนยอมสละเลือดเนื้อ ชีวิต เพื่อคืนอิสรภาพให้แก่แผ่นดินมินาลิน แต่ตอนนี้ค่ายของพวกเราตกเป็นเป้าโจมตีของดารัณแล้ว หากรักษาค่ายไว้ไม่ได้ ชัยชนะที่พวกเราต้องการจะไม่มีวันเกิดขึ้น...เราในฐานะผู้นำ จะไม่มีวันยอมให้มินาลินอยู่ใต้การปกครองของคนชั่ว ศึกใหญ่ที่จะเกิดขึ้นขอให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจเพื่อความเป็นหนึ่ง เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะ ชนะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น"
สหายชายทุกคนชูปืนประจำกายขึ้นโห่ร้องอย่างฮึกเหิม ธีรัชยืนข้างลำธารก็พลอยคึกคักไปด้วย
"ขนลุกสุดๆ เราอยากรบด้วยเลยนะเนี่ย ดูสิ ท่านพชรมั่นใจสุดๆเลยเนอะ"
"ไม่หรอก ศึกครั้งนี้พชรกังวลมากกว่าครั้งไหนๆต่างหาก" ลำธารพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล...เป็นห่วงพรชรอย่างที่สุด
หลังจากนั้นคณะผู้นำก็ประชุมวางกำลังไปแต่ละทิศเพื่อสกัดกองกำลังของดารัณให้ได้ โดยใช้ระเบิดฝังไว้ตามทางเข้าออก โดยเฉพาะทิศใต้ที่เป็นจุดบอดต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะครั้งที่แล้วนักฆ่าสองคนลอบเข้ามาได้
หลังสั่งการไปพักใหญ่ๆ เวคินก็กลับมารายงานพชรว่าสหายของเรากำลังเร่งมือฝังระเบิดเส้นทางเข้าออกป่าจากทั้งสี่ทิศ คาดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงน่าจะแล้วเสร็จ
"ดี เมื่อมันเข้ามาแล้วอย่าให้พวกมันออกจากป่านี้ได้ เราจะตั้งกองกำลังตั้งจุดซุ่มยิงทั่วทุกทิศ ป่าแห่งนี้ต้องเป็นหลุมฝังศพของพวกมัน...ภูษณะ ฝากนายประจำตำแหน่งทางทิศเหนือ ส่วนธาม นายคุมพื้นที่ทิศตะวันออก เวคินประจำทิศตะวันตก ส่วนเราจะคุมพื้นที่ทิศใต้เอง"
"ไม่มีปัญหา แต่แห่ออกมากันหมดเนี่ย แล้วใครจะเป็นหัวหน้าเฝ้าค่ายล่ะ"
คำพูดทักท้วงของธามทำให้พชรนึกขึ้นได้ จากนั้นพชรจึงไปมอบหมายหน้าที่ให้ลำธารเป็นหัวหน้าเฝ้าค่าย
"หา! ให้ลำธารเนี่ยนะเป็นหัวหน้าเฝ้าค่าย หมอนะครับ ไม่ใช่ทหาร" ธีรัชค้านเสียงดังอย่างตกใจ แต่ลำธารกลับยกปืนขึ้นประทับอย่างทะมัดทะแมง
"ผู้ชายเกือบทั้งหมดต้องออกไปป้องกันข้างนอกค่าย เพื่อความรอบคอบต้องมีคนที่ทำหน้าที่คุ้มกันผู้หญิงและเด็ก" พชรย้ำ
"ถึงจะเป็นหมอ แต่ถ้าถึงคราวคับขันที่ต้องปกป้องชีวิตตัวเองและคนบริสุทธิ์ ก็ต้องยิงคนชั่วๆได้เหมือนกัน" ลำธารพูดเด็ดเดี่ยวไม่กลัว
"บ๊ะ เข้าท่าเว้ยไอ้น้องคนนี้ มิเสียแรงที่เกิดเป็นลูกทหาร พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง ปกป้องทุกคนแทนพี่ด้วยนะน้อง"
บาจรีย์เดินเข้ามาได้ยินธามชื่นชมน้องสาวตัวเอง ก็ตรงเข้าไปแย่งปืนจากลำธารมาถืออย่างเก้ๆกังๆ
"ฉันก็ปกป้องทุกคนได้ หน้าที่นี้ฉันรับผิดชอบเอง พี่พชรขัดข้องรึเปล่าคะ"
"ผมขัดข้อง" ธามสวนทันควัน "นั่นมันอาวุธสงครามนะคุณ ดูซิ แค่ถือปืนยังไม่ไหว"
"ไหวไม่ไหวก็ยิงนายทะลุแล้วกัน ลองมั้ย"
"ซ่าจริงนะตัวแค่เนี้ย เดี๋ยวเหอะ"
"เอาล่ะๆ เราดีใจที่ทุกคนมีใจร่วมปกป้องค่าย ลำธาร บาจรีย์ ฝากรับภาระนี้ไว้ด้วย"
"ด้วยความเต็มใจค่ะ บาจรีย์จะทำอย่างสุดความสามารถ และขออวยพรให้พี่ชนะ อย่าได้รับบาดเจ็บนะคะ"
พชรยิ้มบางๆให้บาจรีย์ แล้วเดินออกไปพร้อมธาม โดยมีสายตาของสองสาวมองตามด้วยความเป็นห่วง
ooooooo
เพิ่งจะฝังระเบิดเสร็จใหม่ๆ ราชิตก็นำกองกำลังดาหน้าเข้ามาจัดการกับเจ้าหน้าที่ของค่ายพชรตายหมด จากนั้นราชิตสั่งกระจายกำลังไปกู้ระเบิดทุกจุด โดยมีฟารุตเป็นหัวหน้าผู้ชำนาญการ
"ฟารุต สมแล้วที่เจ้าเป็นครูฝึกทหารของเรา เรื่องเก็บกู้ วัตถุระเบิดไม่มีใครชำนาญเท่ากับเจ้า"
"ขอน้อมรับคำชมจากท่านราชิต...เส้นทางนั้นไม่มีระเบิดแล้ว ผมจะรีบไปสมทบกับหน่วยจู่โจมภาคพื้นดินที่กระจายกำลังอยู่แถบนั้น"
"เราไม่เคยผิดหวังในตัวเจ้า เสียดายที่ข้าไว้ใจชาคร
มากไป ไม่เช่นนั้นมือขวาของเราคงเป็นเจ้าเท่านั้น"
"ไอ้คนชั่วช้าอย่างชาคร อย่าว่าแต่มือขวาของท่าน แม้แต่ความเป็นมนุษย์มันก็ไม่สมควรได้รับเกียรติ"
"พูดถูกใจข้าจริงๆว่ะ ทำผลงานให้ดีนะฟารุต แล้วเราจะให้ตำแหน่งใหญ่ๆแก่เจ้า"
ฟารุตทำความเคารพราชิตแล้วเดินจากไป...จากนั้นอีกไม่กี่อึดใจ อดิศรก็ได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่าราชิตนำกำลังกระจายอยู่ทั่วป่าแล้ว
ทางทิศเหนือ ภูษณะกำลังปะทะกับทหารของดารัณ เช่นเดียวกับธามและจ่าแสงที่อยู่ทางทิศตะวันออก พวกเขากำลังห้ำหั่นกับคามินและทหารกลุ่มใหญ่ ในขณะที่พชรทางทิศใต้ก็ถูกคเชนทร์นำทหารเข้ามาโจมตีอย่างหนัก ในที่สุดพชรก็ต้องสั่งทุกคนทุกหน่วยรีบกลับค่าย แล้วติดต่ออดิศรให้เตรียมรับมือ
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังสนั่นลั่นค่าย อดิศร ธีรัช ลำธาร ช่วยกันต้อนพาสหายหญิงและเด็กวิ่งหาที่หลบซ่อน ทุกคนอยู่ในอาการตระหนกตกใจ...บาจรีย์รีบพาวาสินเข้ามารวมกลุ่ม
"รีบไปที่ทางออกฉุกเฉินเร็ว เร็วเข้า" อดิศรตะโกนเร่ง
"ทางนั้นต้านทหารดารัณไม่ได้แล้วใช่ไหมคะพ่อ"
"อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ พาทุกคนไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยก่อน ธีรัช ลำธาร เจ้าหญิงบาจรีย์ ฝากดูแลท่านวาสิน ผู้หญิง คนแก่ และเด็กด้วยนะ"
"เพราะความสะเพร่าของพาริณ ค่ายถึงโดนเจาะเข้ามา แล้วนี่พวกมันก็กำลังเข้ามาถล่มพวกเราทั้งหมด"
"บาจรีย์...ไม่ใช่เวลามาโทษว่าใครผิด เราต้องช่วยกันพาทุกคนให้รอด"
บาจรีย์ไม่พอใจลำธารที่ขัดขึ้นมา ทันใดนั้นเองเสียงปืนดังสนั่น อดิศรสั่งสมุนเตรียมต่อสู้ แล้วให้พวกลำธารพาทุกคนหลบไปยังทางออกฉุกเฉินโดยเร็ว
ทั้งเสียงปืนเสียงระเบิดจากสองฝ่ายที่ปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหว บาจรีย์ประคองวาสินตามพวกลำธารไป วาสินเป็นห่วงพชร ถามว่าตอนนี้พชรอยู่ที่ไหน ทันใดคเชนทร์พร้อมทหารกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาขวางหน้า ธีรัชยกปืนขึ้นขู่ สั่งพวกมันถอยไป ถ้าไม่ถอยโดนยิงไส้แตกแน่
คเชนทร์หัวเราะลั่น พร้อมก้าวเข้าหาคนทั้งกลุ่มอย่างไม่กลัว
"คิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะสู้ไม่เป็นเหรอ คนที่จะตาย
คือพวกแก" ขาดคำบาจรีย์ก็ยิงกราดใส่พวกคเชนทร์ ลำธารร่วมด้วยช่วยกัน พลางก็สั่งธีรัชให้พาทุกคนหนีไป เธอกับบาจรีย์จะต้านไว้เอง
ขณะเกิดการยิงปะทะกันนั้น ธามกับจ่าแสงและสหายที่รอดตายวิ่งเข้ามาช่วยยิงสกัดกั้น จนคเชนทร์และทหารต้องถอยร่นไปบ้าง
"คุ้มกันทุกคนหนีออกจากค่ายเดี๋ยวนี้" ธามสั่งเฉียบ
"แล้วพชรล่ะพี่ธาม พชรอยู่ไหน"
"หนีเอาตัวรอดก่อน พวกมันมากันเป็นฝูง ต้านไม่ไหวหรอก ไปเร็ว ไปซี่ พี่จะเข้าไปช่วยพ่อ"
จ่าแสงและสหายช่วยกันยิงคุ้มกันพาทุกคนวิ่งหนีออกไป ธามวิ่งกลับเข้าไปช่วยอดิศร คเชนทร์เจ็บใจรีบหันไปสั่งทหารให้ตามพวกมันไป อย่าให้หนีรอดแม้แต่คนเดียว!
อดิศรและกำลังพลอีกจำนวนหนึ่งยังคงซุ่มยิงตอบโต้พวกทหารดารัณ แต่ก็ทำท่าจะต้านไม่ไหวเพราะทหารดารัณมากมายเหลือเกิน โดยการนำของราชิตผู้โหดเหี้ยมกระหายสงคราม
"ท่านอดิศร...คิดไว้ไม่มีผิดว่าท่านต้องร่วมมือกับกองกำลังกบฏ ท่านจะต้องเสียใจที่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้...เผาค่ายมันซะ แล้วฆ่าทุกคนให้หมด จบสิ้นสงครามกันซะที"
ราชิตและทหารตามยิงพวกอดิศรอย่างหนักหน่วง ในที่สุดกองกำลังที่อยู่กับอดิศรก็โดนยิงตายทั้งหมด อดิศรโดนราชิตและทหารล้อมกรอบไว้ไร้ทางหนี
ขณะที่อดิศรอยู่ในภาวะเป็นตายเท่ากัน โชคดีที่พชร ภูษณะ เวคินและสหายเข้ามาช่วยได้ทันท่วงที ทุกคนกราดยิงใส่กลุ่มของราชิตจนกระเจิงไปคนละทิศละทาง
"ไอ้พชร ยังไม่ตายอีกเหรอวะ" ราชิตคำรามลั่น...พชรโยนระเบิดเข้าใส่ตูม
"พชร ถึงเวลาที่ต้องสละค่ายทิ้งแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะตายทั้งหมด"อดิศรโพล่งขึ้น...พชรไม่เห็นด้วย บอกว่าถ้าหนีก็เท่ากับเราแพ้พวกมัน "การถอยไม่ใช่การพ่ายแพ้ แต่การดันทุรังทั้งที่ไม่มีทางชนะต่างหาก คือการพ่ายแพ้"
พชรตัดสินใจอย่างหนัก พอควันระเบิดจางลง ราชิต
และทหารก็ลุกขึ้นมาเตรียมบุก พร้อมๆกับธามวิ่งพรวดมาจากอีกทาง
"มาทางนี้ ทุกคนไปรอที่ทางออกแล้ว เร็ว! พชร ต้องสละค่ายแล้วโว้ย หนีก่อนเร็ว"
พชรโยนระเบิดสกัดพวกราชิตอีกลูก ก่อนจะพากันวิ่งหนีออกไปได้ ราชิตเจ็บใจตะโกนสั่งทหารของตนทันที
"พวกเจ้าเผาค่ายนี้ทิ้งให้เหลือแต่เพียงขี้เถ้า...ส่วนฟารุตและพวกเจ้าตามเรามา อย่าให้พวกมันหนีออกจากค่ายได้!"
กองกำลังของราชิตรุกไล่พวกพชรอย่างไม่ลดละ จนกลุ่มคนของพชรล้มตายจำนวนมาก บ้างก็หนีหายแตกกระจายกันไปคนละทาง แม้แต่พวกพชรเองก็แตกเป็นกลุ่มย่อยจนผลัดหลงกันไปในป่า พชรได้แต่สลดหดหู่ที่เห็นค่ายแตกสลายและพี่น้องผู้บริสุทธิ์ต้องมาตายด้วย น้ำมือคนชั่ว
หลังจากหนีตายกันไปพร้อมสัมภาระที่พอจะหยิบฉวยได้ พชรไม่ลืมสร้อยประจำราชวงศ์และแผนที่ค่ายสำรองที่ตกลงกันไว้กับคนอื่นๆว่า หากค่ายนี้แตกเราจะไปเจอกันที่ค่ายสำรอง แล้วพชรกับลำธารก็มุ่งหน้าบุกป่าฝ่าดงไปตามแผนที่ ขณะที่อีกด้านของป่าธามกับบาจรีย์ยังวนเวียนเหมือนคนหลงทาง ส่วนภูษณะหนีไปพร้อมพาริณที่ย้อนกลับมาช่วยที่ค่าย ภูษณะเป็น
ห่วงพาริณมากเพราะเธอบาดเจ็บไม่น้อย
ยาม คับขันทุกข์ยากจากเหตุการณ์เลวร้ายนี้พิสูจน์ใจคนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นลำธารที่สัมผัสได้ถึงความรักความจริงใจที่พชรมีต่อเธอไม่ เปลี่ยนแปลง บาจรีย์เองก็รู้สึกดี
กับธามที่ดูแลช่วยเหลือเธอเป็น อย่างดี แม้แต่พาริณที่เป็นเพียงองครักษ์ธรรมดาๆคนหนึ่งก็ยังได้รับความเอาใจใส่จาก เจ้าชายภูษณะ ทำให้พาริณรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณและประทับใจเขาอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ใกล้ ค่ำ ทุกคนต้องหาที่พักค้างคืนแล้วค่อยเดินทางต่อมุ่งหน้าไปยังค่ายสำรอง แต่ปรากฏว่าคืนนี้บาจรีย์ได้เอากระดาษจดแผนที่ค่ายสำรองของธามไปเป็นจุดก่อ กองไฟโดยไม่ตั้งใจ นึกว่าเป็นเศษกระดาษธรรมดา ธามหัวเสียสุดๆแต่ก็โกรธบาจรีย์ ไม่ลง เพราะเธอหวังดีไม่อยากให้เขาหนาว
ooooooo
เช้า แล้ว ลำธารลืมตาตื่นพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของพชร และรู้สึกได้ว่าพชรตัวร้อนเป็นไข้เพราะพิษบาดแผล จึงรีบนำยาแก้อักเสบให้เขากินก่อนจะออก เดินทางกันต่อ ขณะเดียวกันทางฟากธามกับบาจรีย์ ธามต้องปลุกบาจรีย์ที่ยังนอนขี้เซา แล้วพากันคลำทางกันต่อไปเพราะไม่มีแผนที่ แต่ธามก็พอจะจำทางได้บ้าง เพราะเป็นคนวาดแผนที่นั้นกับมือ
ส่วนที่ค่ายของพชรที่บัดนี้ถูกราชิต เข้ายึดพื้นที่ไว้ หมดแล้ว ราชิตกำลังเกรี้ยวกราดใส่ลูกน้องทุกคนด้วยความโมโห ที่ไม่สามารถตามจับตัวพวกพชรได้ คเชนทร์กับคามินก็เจ็บใจที่จัดการกับวาสินและพชรไม่ได้เสียที
"พวก เจ้าทุกคนจงฟังเรา เราต้องการเห็นพวกมันกลายเป็นศพ...กระจายออกสกัดพื้นที่ทั้งหมดในป่าแห่งนี้ ถ้าไม่เจอพวกมัน พวกเจ้าก็ไม่ต้องออกจากป่า"
"พวกเราทหารหาญมีหน้า ที่ทำตามคำสั่ง เบื้องบนสั่งมายังไง พวกเราต้องปฏิบัติให้ได้ ขอให้ท่านอดทนรอ ไม่ช้างานของเราจะต้องสำเร็จ ข้าสาบานด้วยชีวิต"
"มัน ต้องได้ยังงี้ พวกเจ้าดูฟารุตเขาไว้เป็นเยี่ยงอย่าง ข้าต้องได้หัวของไอ้พวกกองกำลังใต้ดินไปกำนัลท่านดารัณ" ราชิตประกาศกร้าวอย่างเหิมเกริม...
ooooooo
ภูษณะกับพารินออก เดินทางได้สักพักก็ผ่านมาเจอกองไฟที่บาจรีย์ก่อไว้เมื่อคืน และสัญลักษณ์ที่บาจรีย์ตั้งใจทำเอาไว้ ภูษณะกับพาริณสำรวจอย่างละเอียด ก็พบว่ามีรองเท้าผู้ชายด้วย คาดเดาว่าน่าจะเป็นของธาม และพวกเขาคงจะกำลังมุ่งหน้าไปยังค่ายสำรอง...
อีกด้านของป่า อดิศร วาสิน เวคิน ธีรัช จ่าแสงและสหายจำนวนหนึ่งจากกองกำลังใต้ดินกำลังเดินทางสู่ค่ายสำรองเช่นกัน ระหว่างทางเจอทหารของดารัณซุ่มทำร้าย โชคดีที่ธีรัชก็ตาไว เห็นพวกมันก่อน ทำให้ทุกคนปลอดภัย ส่วนพวกมันถูกฆ่าตายหมด
ทหารอีกกลุ่มที่กระจายกัน ออกค้นหาตามคำสั่งของราชิต พวกเขากำลังจับตาความเคลื่อนไหวของพชรกับลำธารอยู่เงียบๆ เพื่อรอจังหวะจัดการพชรให้จงได้ จนเมื่อพชรกับลำธารไปอยู่ในบริเวณที่โล่งซึ่งง่ายต่อการโจมตี ทหารทั้งสี่จึงปรากฏตัว พชรกับลำธารยิงต่อสู้พร้อมกับวิ่งหนีไปตามลำน้ำที่ไหลเชี่ยว แล้วตัดสินใจพากันข้ามไปอีกฝั่ง แต่กว่าจะหนีข้ามไปได้ พชรก็
ถูกทหารยิงเข้าที่ไหล่ได้รับบาดเจ็บอีก แต่พชรก็กัดฟันทนพาลำธารหนีต่อไป
ฟาก ธามกับบาจรีย์ก็กำลังถูกทหารดารัณคุกคามเหมือนกัน ธามปกป้องบาจรีย์สุดชีวิต และสังหารทหารตายหมด ก่อนจะฉุดมือบาจรีย์วิ่งออกไปทันที แต่วิ่งกันไปสักพักบาจรีย์ก็ไปต่อไม่ไหว นั่งลงโอดโอยเป็นการใหญ่ ยิ่งพอธามเผลอตัวดุซ้ำเข้าอีก บาจรีย์ถึงกับเป่าปี่เหมือนเด็กๆ จนธามเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก
"เฮ้ย ผมพูดเล่นอย่าร้องไห้สิ แล้วกัน...โอ๋ๆๆ อย่าร้องไห้นะ ผมยิ่งแพ้น้ำตาผู้หญิงอยู่ด้วย ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง"
"ฉัน...ฉัน เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้วันเกิดฉัน ดูซิ แทนที่ฉันจะได้ฉลองวันเกิดหรูๆที่มินทุ แต่กลับต้องมาหลงป่ากับผู้ชายปากเสียอย่างนาย นึกแล้วมันน่าเศร้าไหมล่ะ"
ธามได้ฟังก็ชะงักกึก รู้สึกสงสารบาจรีย์ขึ้นมาจับใจ
"ช่างเถอะ พูดไปก็เท่านั้น เดินทางต่อดีกว่า จะได้เลิกฟุ้งซ่านซักที" ว่าแล้วบาจรีย์ก็ลุกเดินนำหน้าธามไปอย่างเศร้าๆ
ooooooo
เมื่อแน่ใจว่ารอดพ้นปลอดภัยจากทหารดารัณแล้ว ลำธารให้พชรหยุดพักแล้วจัดการเอากระสุนปืนออกจากไหล่ให้เขา ก่อนจะทำแผลให้อย่างชำนาญ
"กว่าจะถึงค่ายใหม่ ไม่รู้ว่าต้องเจออุปสรรคอีกแค่ไหน"
"แม้ต้องเฉียดตายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผมเชื่อแล้วว่าคุณไม่มีวันทิ้งผมแน่"
"ทำเป็นรู้ดี ฉันอาจจะหนีนายไปก็ได้"
"ไม่จริงหรอก คุณเองก็เสี่ยงอันตรายช่วยชีวิตผมไว้ ขอบคุณมากนะครับ อย่างน้อยผมก็รู้ว่า คุณยังรักผมอยู่"
"อย่ามัวเสียเวลาเลย ถ้านายหายเจ็บแล้วก็รีบเดินทางต่อเถอะ" ลำธารกลบเกลื่อนความเขิน เก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง
แต่ ออกเดินทางกันต่อลัดเลาะไปตามตลิ่งได้พักเดียว ลำธารเดินสะดุดหินเสียหลักจะล้ม พชรรีบดึงประคองเธอไว้ ทำให้แผลที่แขนของเขามีเลือดซึมออกมาอีก ลำธารตกใจและร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น
"ลำธาร...คุณร้องไห้ทำไม"
"นาย ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ตั้งแต่ที่นายรู้จักกับฉัน อยู่ใกล้ๆฉัน ฉันมีแต่ทำให้นายเดือดร้อน ต้องเจ็บตัว ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ตลอด พชร ฉันขอโทษ ฉันขอโทษนะ"
"คุณจะขอโทษในสิ่งที่คุณไม่ผิดทำไม ผมต้องขอบคุณคุณต่างหาก เพราะคุณทำให้ผมรู้ว่าทุกลมหายใจของผมมีค่า เมื่อได้มีชีวิตอยู่เพื่อดูแลคนที่ผมรัก นอกจากภารกิจเพื่อมินาลินแล้ว คุณคือเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่"
ลำธารฟังแล้วตะลึงไปด้วยความซาบซึ้งตื้นตัน รู้สึกมีกำลังใจที่จะสู้กับเขาต่อไปจนถึงที่สุด
ooooooo