ตอนที่ 18

อัลบั้ม: นิยายเรื่อง "ล่ารักสุดขอบฟ้า"
องค์สาวิตรีถูกมินตราจับกรอกยาจนสติฟั่นเฟือนเกือบจำลูกตัวเองไม่ได้ อาละวาดใส่เจ้าชายมาคีที่เข้ามากอดจากด้านหลัง แต่พอพระองค์เห็นมินตราเท่านั้น ก็โวยวายให้ลูกไล่นังมารร้ายออกไป
“หม่อมฉันมินตราไงเพคะ” นังมารร้ายตีหน้าซื่อตาใส ไม่รู้ทำไมถึงถูกเล่นงาน
“ไม่ใช่ แกมันปีศาจ ไปให้พ้น” พูดเสร็จ พระองค์หนีไปซุกตัวที่มุมห้อง เจ้าชายมาคีมองท่าทางของเสด็จแม่ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหันมาถามมินตราว่า
เกิดอะไรขึ้นกับพระองค์
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ ตั้งแต่ท่านนายพลช่วยพระองค์กลับมา ก็มักจะทรงเหม่อลอยบ่อยๆ บางครั้งก็ทรงกรรแสง บางครั้งก็ทรงตรัสอยู่องค์เดียว เดี๋ยวก็แย้ม พระโอษฐ์ เดี๋ยวก็ทรงพระสรวล และทรงเพ้อว่าให้ปล่อย องค์ราชา อย่าให้คามินยึดราชบัลลังก์ไปได้” นังมารร้ายทำทีสงสารจะเข้าไปปลอบ องค์สาวิตรีคว้าของใกล้ตัวขว้างโดนหน้าผากเธอถึงกับทรุด แล้วหนีไปแอบหลังผ้าม่าน เจ้าชายมาคีช่วยพยุงเธอลุกขึ้น ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“เจ็บแค่นี้ไม่เป็นไรเพคะ ทรงเป็นแบบนี้ทุกวัน หม่อมฉันชินซะแล้ว”...
เพื่อให้เรื่องเสด็จแม่กระจ่าง เจ้าชายมาคีจึงตามไปถามวิฑูรถึงที่บ้านว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทำเนียนไม่รู้เรื่องเช่นกัน ทั้งๆที่เป็นคนสั่งให้มินตราเอายาที่ทำให้สติฟั่นเฟือนกรอกปากพระองค์ แล้วยุให้เจ้าชายมาคีสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ปฏิเสธทันที ถ้าทำแบบนั้นในขณะที่เสด็จพ่อยังอยู่ก็เท่ากับพระองค์เป็นกบฏ
ในเมื่อยุไม่ขึ้น วิฑูรจึงบอกเรื่องที่คามินไม่ใช่แค่หัวหน้าองครักษ์ธรรมดา แต่เป็นโอรสองค์โตขององค์อินทรากับหญิงชาวไทย แล้วใส่ไฟว่าเจ้าชายคามินอาจจะกลับมาชิงบัลลังก์โดยมีองค์อินทราหนุนหลัง เจ้าชายมาคีถึงกับช็อก เดินออกจากบ้านวิฑูรอย่างเบลอๆ มินตราเพิ่งทำแผลที่หน้าผากเสร็จเดินสวนมาเห็นท่าทางแปลกๆของพระองค์ ร้องทักว่าเป็นอะไรไป ทำไมหน้าซีดเหลือเกิน
“ไม่...เราไม่เป็นอะไร” พระองค์พยายามรวบรวมสติ ก่อนจะเดินต่อไป
มินตราเก็บความสงสัยไปถามวิฑูรว่าเจ้าชายมาคีเป็นอะไรไป ได้ความว่าเขาแค่ทูลอะไรบางอย่างให้ทราบ เพื่อที่พระองค์จะได้ตัดสินใจครองราชย์ได้เร็วขึ้น มินตราอยากรู้ว่าเรื่องอะไร คงจะสำคัญมากใช่ไหม
“ใช่ แต่เธอก็คงไม่จำเป็นต้องรู้ ตอนนี้หน้าที่ของเธอก็คือ ทำให้องค์ราชินีทรงฟั่นเฟือนไปเรื่อยๆ จะได้ไม่มาเป็นอุปสรรคต่องานใหญ่ของฉัน แล้วก็คงไม่ต้องบอกว่าถ้าเรื่องนี้เปิดเผยออกไป เธอจะเจอกับอะไร” วิฑูรว่าแล้วยื่นซองยาให้ มินตรามอบกายถวายชีวิตให้เจ้าชายมาคีแล้ว เรื่องใดที่จะเป็นผลร้ายต่อพระองค์เธอไม่มีวันทำเด็ดขาด
“เธอพูดเหมือนว่าเธอมีอะไรลึกซึ้งกับเจ้าชาย ไหนพูดมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”...
หลังจากบีบน้ำตาเล่าเรื่องที่ตัวเองมีอะไรลึกซึ้งกับเจ้าชายมาคีให้วิฑูรรับรู้เรียบร้อย มินตราเข้ามาปลุกองค์สาวิตรีให้ตื่นมาดื่มยา พระองค์เห็นถ้วยใส่ยาก็กลัวลนลานเพราะจำตอนที่โดนกรอกยาได้ ตะเกียกตะกายหนี
“หนีทำไมล่ะเพคะ ทรงเก่งนักไม่ใช่หรือ” นังมารร้ายว่าแล้วกระชากคอเสื้อพระองค์ลากขึ้นมา เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังลั่นไปทั้งตำหนัก
ooooooo
มัทนาลุกขึ้นมาร้อยพวงมาลัยดอกมะลิแต่เช้า ท่านหญิงมาณวิกาเห็นเข้า อดกระเซ้าไม่ได้ว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า เธอบอกอย่างเขินๆว่าจะร้อยไปวางหน้ารูปถ่ายขององค์อินทรา เพราะนี่เป็นสิ่งดีที่สุดที่เธอจะทำให้พระองค์ได้ในตอนนี้ ท่านหญิงมาณวิกาหยิบพวงมาลัยในมือลูกสาวขึ้นมาพิจารณา
“ทำได้ดี สวยกว่าตอนถวายเสด็จตากับหม่อมยายเยอะเลย แล้วพวงนี้ล่ะจ๊ะ” ท่านหยิบพวงมาลัยพวงใหญ่กว่าที่ร้อยเสร็จแล้วขึ้นมาดู คราวนี้มัทนาถึงกับหน้าแดง ท่านรู้ทันทีว่าลูกร้อยไว้ให้ใคร
ครู่ต่อมา มัทนานำพวงมาลัยดอกมะลิมาหาเจ้าชายคามินที่ห้องวางรูปถ่ายขององค์อินทรา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นหฤทัยถือถาดใส่พวงมาลัยมาจากอีกด้านหนึ่งเข้าไปหาพระองค์เสียก่อน
“หม่อมฉันร้อยดอกไม้มาถวายให้ฝ่าบาทสักการะองค์ราชาและพระมารดาเพคะ”
“ขอบใจหฤทัย ต่อไปเรียกพี่เหมือนเดิม สำหรับเราไม่ต้องมากพิธีหรอก”
หฤทัยรับคำ ขณะที่มัทนามองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด เจ้าชายคามินรับพวงมาลัยจากหฤทัยไปวางบนพานหน้ารูปถ่ายขององค์อินทราและปรารถนา แล้วหันมาขอบใจหฤทัยอีกครั้งที่คอยห่วงใยและดูแลพระองค์มาตลอด เธอกระเซ้าว่าเธอยังสวมต่างหูอีกข้างหนึ่งของพระองค์อยู่ ขืนไม่ทำหน้าที่ภรรยาที่ดี คงจะถูกตำหนิแน่ๆ เสียงหัวเราะของทั้งคู่ยิ่งตอกย้ำความเจ็บช้ำจนมัทนาทนฟังต่อไปไม่ไหวต้องหลบออกมา หฤทัยค่อยๆหุบยิ้ม
“พี่คามินคะ หฤทัยมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับพี่” หฤทัยไม่ใช้คำราชาศัพท์เพราะพระองค์ขอเอาไว้
เรื่องสำคัญที่เธอว่าก็คือ ต้องการคืนต่างหูที่เจ้าชายคามินมอบให้ เธอเข้าใจดีว่าที่พระองค์แต่งงานด้วยก็เพราะอยากให้ลูกในท้องของเธอมีพ่อ แต่ตอนนี้ลูกก็ไม่มีแล้วและพระองค์ก็ไม่ได้เป็นแค่ราชองครักษ์แต่เป็นเจ้าชายรัชทายาทที่มีสิทธิ์เลือกพระชายาที่คู่ควรกว่าเธอ พระองค์อ้างว่ายังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น
“จริงหรือคะ ในหัวใจของพี่คามินไม่มีใครจริงหรือ แม้แต่คุณมัทนา” คำพูดของหฤทัยจี้ใจดำเต็มๆ พระองค์ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน อ้างว่ามัทนายังเป็นพระคู่หมั้นของเจ้าชายมาคี พระองค์จะคิดอย่างนั้นได้อย่างไร หฤทัยรู้ดีว่ามัทนาไม่ได้รักเจ้าชายมาคี
“เธอถูกบังคับตั้งแต่แรก และเธอก็มีคนที่เธอรักอยู่แล้ว พี่คามินก็รู้ใช่ไหมคะ”
เจ้าชายคามินรีบตัดบท ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพระองค์คือการกอบกู้บัลลังก์ กำจัดคนชั่วอย่างวิฑูรไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนี้ แล้วฝากหฤทัยดูแลต่างหูข้างนี้ให้ก่อน ถ้าพระองค์เจอคนที่อยากแต่งงานด้วย
ถึงจะขอคืน จังหวะนั้นสินธรเข้ามารายงานเจ้าชายคามินว่า ที่ประชุมพร้อมแล้ว ทั้งคู่จึงยุติการสนทนาแต่เพียงเท่านี้...
ด้านมัทนาเดินร้องไห้เข้ามาในห้องตัวเอง ท่านหญิงมาณวิกาตามมาปลอบว่าเข้าใจความรู้สึกของลูก เธอรีบปาดน้ำตาทิ้ง โกหกว่าร้องไห้เพราะสงสารเจ้าชายคามิน ท่านหญิงดึงลูกมากอด
“แม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องเจ็บปวดแค่ไหนถ้าเราต้องยอมรับว่าเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเรื่องของความรัก แต่เชื่อแม่ไหมมัทว่าถ้าเรารักเพราะอยากได้ความรักตอบแทน เราจะไม่มีวันอิ่ม แต่ถ้าเรารักเพื่อให้ได้รักและทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข เราจะเป็นผู้ชนะตลอดไป”
ooooooo
หลังจากครบองค์ประชุม เหมันต์แจ้งให้ทุกคนทราบว่าตอนนี้ทางรายายังออกข่าวตลอดเวลาว่าองค์-อินทราถูกกบฏลักตัวข้ามชายแดนมาทางประเทศไทยและขอให้ทุกประเทศร่วมมือในการติดตามจับตัวเจ้าชายคามิน สินธรแนะให้พระองค์เปิดเผยสถานะที่แท้จริงและประกาศเรื่องที่องค์อินทราถูกวิฑูรปลงพระชนม์ให้ทั่วโลกได้รู้
“เพื่อความชอบธรรมในการกอบกู้ราชบัลลังก์คืนมา”
เจ้าชายคามินคัดค้าน ขืนทำแบบนั้นประชาชนจะแบ่งเป็นสองฝ่าย แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ สุดท้ายต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซง ธรรมรัตน์เห็นด้วยกับสินธร จะเร็วจะช้าก็ต้องมีคนล่วงรู้ถึงการสิ้นพระชนม์ขององค์อินทรา แม้เขาจะไม่ได้แจ้งชื่อจริงของพระองค์กับทางโรงพยาบาล แต่เราจะเก็บพระศพไว้นานกว่านี้ไม่ได้
“ผมทราบ เราถึงต้องวางแผนให้รอบคอบในเมื่อเรารบแบบซึ่งหน้าไม่ได้ เราก็ต้องรบแบบกองโจร”
“แต่กองกำลังที่กระหม่อมจะจัดหาให้ได้มันก็ยังน้อยเกินไป” ธรรมรัตน์ชี้แจง
“นี่คือเหตุผลที่ผมไม่ให้ฐากูรกลับมาด้วย เพราะผมต้องการให้ฐากูรรวบรวมชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการที่นายพลวิฑูรจะยึดอำนาจเพื่อมาเป็นกำลังของเรา”
สินธรคิดคร่าวๆ กำลังชาวบ้านบวกกับคนของธรรมรัตน์ก็ยังไม่พออยู่ดี พระองค์ทราบดี ถึงได้ให้เหมันต์ไปสืบหาอัคนีเผื่อจะใช้เป็นตัวประกันบีบให้
อสิตนำกำลังมาร่วมกับเรา ได้ข่าวว่าเขายังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล...
คนที่เจ้าชายคามินเอ่ยถึง ได้ความทรงจำกลับคืนมาหมดแล้ว รู้สึกชิงชังที่ตัวเองเป็นคนเลวมาตลอด มาลีปลอบใจว่าใครๆก็เคยทำผิดกันทั้งนั้น หากผิดแล้วรู้จักแก้ไข สังคมย่อมให้อภัย อัคนีอภัยให้กับความเลวของตัวเองไม่ได้ ทั้งขี้โม้ อวดรวย น่ารังเกียจ เธอไม่เห็นว่าเรื่องแค่นี้จะร้ายแรงเกินให้อภัย ในเมื่อเขาไม่ได้ฆ่าใครตาย
“แค่ที่เคยทำมามันก็แย่พอแล้ว มาลี ผมไม่อยากฟื้นความจำ ผมไม่อยากจำอะไรได้อีกแล้ว ผมทนกับอดีตอันเลวร้ายของผมไม่ไหว ผมอยากมีชีวิตใหม่ เราไปจากที่นี่กันนะ”
มาลีเองก็อยากหนีเช่นกัน แต่จะไปได้อย่างไรในเมื่อคนของพ่อของเขาเฝ้าอยู่หน้าห้องทั้งวันทั้งคืนแบบนี้...
อัคนีรอจนตะวันลับขอบฟ้า ทำทีร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ดอนกับดำที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง ตกใจคิดว่าเขาถูกทำร้ายรีบเข้ามาดู ก็ถูกอัคนีกับมาลีซัดสลบเหมือด แล้วฉกเอาเงิน ปืนและกุญแจรถไป
ผ่านไปไม่นานนัก เหมันต์กับสินธรก็มาถึงโรงพยาบาล สอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ถึงได้รู้ว่าอัคนีหนีไปแล้ว คนเฝ้าหน้าห้องถูกทำร้ายสลบไปทั้งคู่ สินธรเห็นดำกับดอนเดินคลำท้ายทอยป้อยๆ ออกมา รีบหันหน้าหลบกลัวพวกนั้นจะจำได้ ได้ยินทั้งคู่นัดแนะกันหนีไปกบดานเพราะกลัวความผิดที่ปล่อยให้อัคนีหนีไปได้ เขารอจนสมุนของอสิตเดินผ่านไปแล้ว สะกิดให้เหมันต์สะกดรอยตาม จนทันกันที่ลานจอดรถ
สองฝ่ายต่อสู้กัน ดำกับดอนสู้สินธรไม่ได้ถูกอัดกระเด็นไปกองกับพื้น...
ขณะที่ดำกับดอนถูกจับตัวไว้ได้ ณ ตำหนักเจ้าชายมาคีที่ประเทศรายา เจ้าชายมาคีนั่งขบกรามแน่นด้วยความเคียดแค้น เพราะหลงเชื่อคำยุยงของวิฑูรที่ว่าเจ้าชายคามินจะกลับมาชิงบัลลังก์ไปจากพระองค์ เนื่องจากมีองค์อินทราคอยให้ท้าย พระองค์ไม่มีวันปล่อยให้เป็นอย่างนั้นเด็ดขาด
ooooooo
เจ้าชายคามินถึงกับหน้าเครียดเมื่อรู้จากสินธรว่าอัคนีหนีออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว เท่ากับแผนการที่วางไว้จะเอาเขามาเป็นตัวประกันเพื่อให้อสิตมาร่วมมือเป็นอันต้องพับฐานไปด้วย แต่พระองค์ยังมองโลกในแง่ดี อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามาลีปลอดภัย และพระองค์เชื่อว่าเธอคงจะพาอัคนีกลับภูสายธาร
จังหวะนั้น เหมันต์เข้ามาทูลว่า “คุณธรรมรัตน์ให้กระหม่อมมาทูลข่าวด่วน ทางกระทรวงต่างประเทศแจ้งว่ารายากำลังจะมีพิธีราชาภิเษก”...
อีกมุมหนึ่งในห้องนั่งเล่น มัทนากำลังสอนให้หฤทัยลองเล่นเปียโน แต่ดูเหมือนสิ่งนี้จะไม่ใช่เรื่องที่เธอถนัด ถึงกับบ่นอุบทำไมยากนัก แล้วชมคนสอนว่าเก่งมาก เธอไม่มีทางเล่นได้เก่งอย่างนั้น
“ไม่หรอกค่ะ มัทเก่งแต่เรื่องไร้สาระ แต่ถ้าจะให้มาทำเรื่องที่เป็นประโยชน์เป็นเรื่องเป็นราวอย่างผู้หญิงทั้งหลายทำกัน มัทก็ทำไม่ได้”
หฤทัยตัดสินใจจะบอกเรื่องที่เจ้าชายคามินรักมัทนาแต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด สินธรเข้ามาแจ้งเสียก่อนว่าเจ้าชายคามินให้มาเชิญหฤทัยไปพบที่ห้องประชุม เพื่อหารือเรื่องสำคัญบางอย่าง หญิงสาวหันไปทางมัทนา
“ขอตัวก่อนนะคะ” เธอว่าแล้วตามสินธรออกไป มัทนามองตามสงสัย ก่อนจะเหลือบไปเห็นเหมันต์
จ้ำพรวดๆจะออกนอกบ้าน รีบวิ่งตามไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าชายคามินถึงให้สินธรมาตามตัวหฤทัยไปพบ
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวพี่ต้องรีบกลับไปหาท่านประธานที่นิคมฯ วันหลังค่อยคุยกัน”
“ถ้าไม่คุยกันวันนี้ก็ไม่ต้องคุยกันอีกเลย” มัทนาสีหน้าเอาจริง เหมันต์ถึงกับจ๋อย...
เรื่องสำคัญที่เจ้าชายคามินจะบอกหฤทัยก็คือพระองค์ต้องรีบกลับรายา เนื่องจากมีข่าวว่าทางนั้นกำลังจะมีพิธีราชาภิเษก ขอให้เธอรออยู่ที่เมืองไทยก่อน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจะให้สินธรมารับ
“ไม่ค่ะ หฤทัยเป็นชาวรายา หฤทัยอยากมีส่วนช่วยบ้านเมืองเหมือนกัน หฤทัยขอร้องนะคะ อย่าทิ้งหฤทัยไว้ที่นี่เลย” หฤทัยอ้อนวอน เจ้าชายคามินใจอ่อนยอมให้เธอไปด้วย ครู่ต่อมา พระองค์จะขึ้นข้างบนเพื่อเตรียมเก็บข้าวของ เจอมัทนาที่เชิงบันไดจะขึ้นบ้านเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างชะงัก หญิงสาวย่อตัวให้แล้วขยับจะไป
“คุณมัท คือผม...”
“จริงด้วย เราลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องโน้นนี่ นึกว่าอยู่ข้างบน” พูดจบมัทนาผละจากไปหน้าตาเฉย เจ้าชาย คามินได้แต่ยืนงง ป้าทิพย์กับอนงค์ซึ่งถือพวงมาลัยที่มัทนาร้อยให้เจ้าชายคามินเดินคุยกันมาจากอีกด้านหนึ่ง ผู้สูงวัยกว่าคว้าพวงมาลัยจากมืออีกฝ่ายมาดู บ่นด้วยความเสียดายว่าจะทิ้งทำไม พวงมาลัยยังสวยอยู่เลย
“แต่คุณมัทสั่งให้หนูทิ้งตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ถ้าหนูไม่เอาทิ้งก็โดนสิป้า”
“ไม่เข้าใจจริงๆเห็นคุณมัทแกนั่งร้อยหลังขดหลังแข็งจะถวายเจ้าชาย แล้วอยู่ดีๆก็จะทิ้งซะงั้น”
อนงค์หันไปเห็นเจ้าชายคามินยืนอยู่ถึงกับสะดุ้ง ป้าทิพย์พลอยตกใจไปด้วย ทั้งคู่รีบถอนสายบัวจะถอยออกไป พระองค์เรียกไว้ ขอดูพวงมาลัยพวงนั้น...
ฝ่ายมัทนาหลบมาที่สระว่ายน้ำ มัวแต่ชะเง้อเข้าไปดูในบ้านว่าเจ้าชายคามินไปหรือยัง ไม่ทันเห็นพระองค์แอบมายืนอยู่ด้านหลัง พอถอยไปก็ชนพอดี รีบขอโทษ แล้วจะเดินหนีอีก พระองค์ทักว่าหาโทรศัพท์เจอแล้วหรือ
“ยังเลยเพคะ เอ...อยู่ไหนน้า สงสัยจะอยู่ตรงโน้น” มัทนาพูดจบจะชิ่งหนี
พระองค์ขวางไว้ พร้อมกับยกพวงมาลัยขึ้นมา “อุตส่าห์ร้อยให้ผม แล้วทำไมถึงจะเอาไปทิ้ง”
มัทนาเห็นมีคนที่มีฝีมือดีกว่าร้อยพวงมาลัยให้พระองค์อยู่แล้ว เจ้าชายคามินถึงบางอ้อทันที ที่แท้เธอก็โกรธที่หฤทัยร้อยพวงมาลัยให้พระองค์ เธอปฏิเสธว่าไม่ได้โกรธ ดีใจด้วยซ้ำเพราะฝีมือเธอเทียบหฤทัยไม่ติด
“ของบางอย่างก็มีคุณค่าต่อจิตใจโดยไม่เกี่ยวกับความสวยงาม”
คำพูดของพระองค์ทำเอามัทนาเคลิ้มไปชั่วขณะ ก่อนจะดึงตัวเองกลับ “แต่คงไม่ใช่มาลัยพวงนี้ หม่อมฉันขอตัวนะเพคะ” มัทนายังไม่ทันขยับไปไหน เจ้าชายคามินโพล่งขึ้นว่าพระองค์จะต้องกลับรายา มัทนาไม่ตกใจอะไรเพราะรู้จากเหมันต์แล้ว พระองค์ขอบคุณเธอสำหรับทุกอย่าง ถ้าโชคดีพระองค์คงได้กลับมา
“ฝ่าบาททรงเปี่ยมไปด้วยพระบารมีต้องทรงโชคดีแน่นอน ทูลลาเพคะ” มัทนาจ้ำอ้าวไปทันที เจ้าชายคามินได้แต่มองตาม หนักใจ
ooooooo
เช้าวันถัดมา ธรรมรัตน์ ท่านหญิงมาณวิกาและเหมันต์ออกมาส่งเจ้าชายคามิน สินธรและหฤทัยขึ้นรถเพื่อไปยังสนามบิน ธรรมรัตน์อวยพรให้พระองค์กลับไปกอบกู้ราชบัลลังก์ได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ หากมีอะไรที่เขาพอจะช่วยได้ก็ขอให้แจ้งมาได้ทุกเมื่อ ท่านหญิงมาณวิกาเห็นพระองค์มองหามัทนารีบแก้ตัว ให้ลูก
“ยัยมัทบอกว่าปวดหัว ลุกมาไม่ไหว ขอประทานอภัยด้วยเพคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับคุณมัทนาเท่าที่นี่อีกแล้ว ฝากลาเธอด้วย” เจ้าชายคามินเงยหน้ามองไปยังหน้าห้องนอนของมัทนาเหมือนจะล่ำลา โดยไม่รู้ว่าเจ้าตัวแอบมองอยู่ด้วยความอาลัยอาวรณ์ไม่แพ้กัน ก่อนจะหันกลับไปเก็บข้าวของเครื่องใช้จำเป็นใส่เป้สัมภาระ เตรียมออกเดินทางเช่นกัน...
ขณะที่เจ้าชายคามินบ่ายหน้าสู่ประเทศรายา มินตราพยายามจะจับเจ้าชายมาคีชนิดไม่ให้ดิ้นหลุด เพราะคราวนี้เธอมีวิฑูรคอยหนุนหลัง แม้พระองค์จะแสดงออกอย่างชัดแจ้ง ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเธออีก แต่มินตราไม่ยอมแพ้ ถือคติด้านได้อายอด บุกเข้าหาถึงห้องบรรทม เจ้าชายมาคีไล่ตะเพิดก็ไม่ยอมไป
“ที่ไม่อยากให้หม่อมฉันเข้าใกล้ เพราะทรงลืมมัทนาไม่ได้ใช่ไหมเพคะ ทั้งๆที่ทรงถูกหลอกลวง ทรยศหักหลัง พระหทัยก็ยังคงเป็นทาสของมัทนาอยู่ น่าอิจฉา ถ้ามัทนารู้ว่าทรงมีพระหทัยแน่วแน่ขนาดนี้ คงจะซาบซึ้งประทับใจจนน้ำตาไหลแน่ๆ” มินตราไม่พูดเปล่า เดินเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว เจ้าชายมาคีบีบไหล่เธอไว้
“เราบอกให้หยุดพูด”
“แต่ก็คงต้องทรงรอจนกว่าสองคนนั่นจะเสพสุขกันจนหนำใจซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่” มินตรายั่วยวนสุดฤทธิ์ เจ้าชายมาคีเงื้อมือจะตบ เธอกลับยื่นหน้าให้ พระองค์เปลี่ยนใจกระชากเธอมากอด แล้วพาไปที่เตียง...
ทางด้านเทวีโวยวายลั่นเมื่อรู้ว่าวิฑูรเป็นใจให้มินตราเข้าไปอยู่ในห้องบรรทมกับเจ้าชายมาคีตามลำพัง รู้ทั้งรู้ว่าลูกเราเป็นพระชายาของพระองค์ยังปล่อยให้นังมารร้ายนั่นเข้าหา
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ลูกของฉัน เมื่อมันเลือกที่จะเข้าข้างศัตรู มันก็คือศัตรูของฉันด้วย”
“ท่านพี่!”
“หุบปาก หน้าที่ของเธอคือไปจัดการรวบรวมฐานเสียงของพวกนางในให้สนับสนุนการขึ้นครองราชย์ของเจ้าชายมาคี ไม่ใช่มาวุ่นวายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง...ไป”
เทวีจำต้องทำตามสั่ง สุเทษไม่เข้าใจทำไมวิฑูรถึงไม่ขึ้นครองราชย์เสียเอง ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในกำมือของเราแล้ว ไม่เห็นต้องพึ่งเจ้าชายไม่เอาไหนอย่างมาคี วิฑูรต้องเก็บพระองค์เอาไว้เป็นหุ่นเชิดเพราะยังมีพวกองครักษ์ที่ยังจงรักภักดีต่อองค์อินทรา แล้วเตือนสุเทษอย่าอวดฉลาดแนะนำอะไรไม่เข้าเรื่องอีก ไม่อย่างนั้นเขา จะลดตำแหน่งให้ไปเป็นทหารยามแทนหัวหน้าราชองครักษ์ สุเทษเคืองจัดแต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้
อีกมุมหนึ่งหน้าบ้าน อสิตกำลังไล่เตะนายยักษ์โทษฐานปล่อยให้อัคนีหนีไปกับมาลี ฝ่ายหลังวิ่งหนีพลางแก้ตัวไปด้วยว่าไม่ใช่เป็นความผิดของเขา แต่เป็นเพราะดอนกับดำต่างหากที่ไม่ดูแลคุณหนูให้ดี ป่านนี้คุณหนูคงย้ายไปเข้าข้างไอ้คามินแล้ว อสิตสั่งให้เขากลับเมืองไทยไปช่วยลูกชายของตนเองให้ได้
“ผมเป็นผู้ต้องหาหนีคดี ขืนกลับไปต้องโดนรวบ เสี่ยเองก็ใช่จะรอด ป่านนี้ไอ้สองคนนั่นมันแฉเสี่ยหมดแล้ว”
อสิตตีโพยตีพายไม่รู้ลูกชายสุดเลิฟจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร สุเทษกำลังอารมณ์บูด ออกมาเห็นทั้งคู่ยิ่งเซ็งจัด รีบเดินหนีไปให้พ้นๆ อสิตหันมาเห็นพอดี เข้าไปขอให้เขาหาทางช่วยเหลืออัคนีด้วย เขาอ้างว่าไม่ว่างแล้วเดินหนีไปหน้าตาเฉย นายยักษ์แนะให้เจ้านายตัดหางปล่อยวัดคุณหนูได้แล้ว วันๆสร้างแต่ปัญหา อสิต โกรธชักปืนจ่อ
“แกพูดมีเหตุผลมากเอารางวัลเป็นลูกปืนดีไหม ติดต่อสายเราที่เมืองไทยหาลูกอั๊วให้เจอจ่ายเท่าไรไม่อั้น”...
ขณะอสิตสั่งให้คนพลิกแผ่นดินไทยหาตัวอัคนี แต่เจ้าตัวและมาลีกำลังพยายามขอเช่าเครื่องบินเล็กเพื่อเดินทางมารายา เนื่องจากมีเงินไม่พอเป็นค่ามัดจำเครื่องบิน เจ้าหน้าที่จึงไม่ยอมให้เช่า โชคดีที่เจอมัทนามาเช่าเครื่องบินเล็กจะไปลงใกล้ๆชายแดนไทย แล้วต่อรถยนต์เพื่อลอบเข้ารายา ทั้งคู่จึงขอติดสอยห้อยตามไปด้วย
ooooooo
ทันทีที่เจ้าชายคามินถึงหมู่บ้านภูสายธาร รีบไป เคารพหลุมฝังศพอาจารย์เมฆา ให้สัญญาว่าท่านจะไม่ตายฟรี พระองค์จะกอบกู้ราชบัลลังก์กลับคืนมาให้ได้แล้วเรียกฐากูร จันทรากับชาวบ้านมาประชุมที่ลานหน้าหมู่บ้าน
ฐากูรรายงานต่อเจ้าชายคามินว่าตอนนี้วิฑูรเปลี่ยนนโยบายการปกครองในรายาหลายอย่าง แต่ที่ชาวบ้านไม่ชอบใจที่สุดก็คือการให้ต่างชาติเข้ามาสำรวจเพื่อทำสัมปทานเหมืองแร่
“ดี สินธรนายใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นในการรวบรวมชาวบ้านมาเป็นกำลังพล คัดคนที่แข็งแกร่งมาฝึกเป็นนักรบ ฝึกเป็นกลุ่มๆ เพราะเราจะใช้วิธีซุ่มโจมตีแบบกองโจร ส่วนฐากูรเอาคนที่ไม่พร้อมรบไปช่วยกันสร้างกับดักรอบหมู่บ้าน เพราะถ้าวิฑูรรู้ว่าเรากลับมา จะต้องส่งทหารมาถล่มที่นี่แน่ๆ จันทราเจ้าเป็นน้องสาวหัวหน้าหมู่บ้าน เราขอมอบหมายให้เจ้ารวบรวมผู้หญิงมาช่วยกันทำคลังเสบียง”
หฤทัยอยากมีส่วนร่วม จึงอาสาจะช่วยจันทราเตรียมเสบียงอีกแรงหนึ่ง แล้วหันไปยิ้มให้ทุกคน แต่ไม่มี ใครยิ้มตอบ แถมมองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร...
ในเวลาเดียวกัน คนในบ้านเกียรติกำจรตามหามัทนา กันให้ควั่ก แต่ไม่พบ เจอเพียงธัมบ์ไดรฟ์ที่เธอทิ้งไว้ให้พ่อกับแม่ดูต่างหน้า ทั้งคู่รีบเปิดธัมบ์ไดรฟ์ดู เห็นมัทนาถ่ายคลิปตัวเองไว้ บอกว่าจะไปรายาเพื่อช่วยให้ราชบัลลังก์ กลับมาอยู่ในมือของรัชทายาทตัวจริง เพราะนี่เป็นสิ่งเดียว ที่เธอจะทำให้คนที่เธอรักได้ ทั้งคู่ถึงกับหน้าเครียด
“ยัยมัทคงไม่ได้หมายถึง เจ้าชายคามินนะ”...
ในที่สุดมัทนาขับรถพามาลีและอัคนีมาถึงชายแดนไทย แค่ข้ามป่าไปก็จะถึงประเทศรายา เธอจอดรถเรียกทั้งคู่มาฟังแผนการ เมื่อเธอขับรถข้ามชายแดนเข้าไป ก็จะตรงไปที่วังรายาทันที มาลีทักท้วง ขืนทำอย่างนั้นได้โดยเชือดกันหมด เราสองคนถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏแล้วจะช่วยเจ้าชายคามินได้อย่างไร
“ถ้าบอกว่าเราจะเข้าไปช่วยก็คงโดนแน่ แต่ถ้าไปแบบตรงกันข้าม ก็ไม่แน่” มัทนายิ้มเจ้าเล่ห์ หลังจากเตี๊ยมแผนการกันเสร็จ ก็ให้อัคนีโทร.ไปนัดป๊าของเขามาพบ ทันทีที่เจอหน้าลูกชาย อสิตต่อว่าต่อขานว่าหนีออกจากโรงพยาบาลทำไม เขาอ้างว่าหายดีแล้ว และมีของขวัญมาให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำแย่ๆกับท่านเอาไว้มาก แล้วเปิดประตูรถให้ดูมัทนากับมาลีซึ่งถูกมัดมือมัดเท้า มีผ้าปิดปาก อสิตถึงกับตะลึง ถามว่าไปเจอมัทนาได้อย่างไร
“ใช้อุบายนิดๆหน่อยๆก็หลอกผู้หญิงโง่ๆอย่างมันให้ออกมาได้แล้วล่ะครับ ส่วนนังมาลีผมรู้แล้วว่ามันเป็นพวกศัตรู ผมเลยขยี้พรหมจรรย์ของมันจนแหลกคามือไปแล้ว และผมก็จะเก็บมันไว้เป็นเมียทาส”
อสิตชมลูกชายไม่หยุดปากว่าเก่งมาก คว้าปืนขึ้นมาจะยิงมัทนาทิ้ง อัคนีร้องห้ามเสียงหลง เขานึกว่าลูกใจอ่อนกับเธออีกจัดแจงจะต่อว่า อัคนีชิงบอกแผนเด็ดให้ป๊าฟังเสียก่อน เขาถึงกับยิ้มพอใจ...
จากนั้นไม่นาน อสิตมาขอเข้าเฝ้าเจ้าชายมาคี เจอมินตราออกมาจากห้องบรรทม ก็ร้องทักด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่ นังมารร้ายเชิดใส่ คุยอวดว่าต่อไปเขาจะได้เจอเธอที่นี่บ่อยๆจนชินไปเอง
“แล้วนี่ต้องการเฝ้าเจ้าชายเรื่องอะไร ฝากบอกฉันไว้ก็ได้”
“เป็นธุระสำคัญ คงจะบอกคุณมินตราไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันเป็นพระชายาของเจ้าชายย่อมมีสิทธิ์จะรู้”
อสิตตกใจคาดไม่ถึง ยังไม่ทันจะพูดอะไร เจ้าชายมาคีออกมาเสียก่อน เขารีบแจ้งว่ามีเรื่องสำคัญจะมากราบทูล พระองค์ไม่ว่างฟัง ต้องรีบไปประชุมเพื่อแถลงเรื่องการครองราชย์กับราชสภา เอาไว้กลับมาค่อยว่ากัน จังหวะนั้นอัคนีลากมัทนาซึ่งอยู่ในชุดเซ็กซี่แบบหญิงรายามีผ้าคลุมหน้าเข้ามา
“แต่ของกำนัลชิ้นพิเศษหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ooooooo
ณ ที่ประชุมราชสภา คณะรัฐมนตรีอ่านแฟ้มเอกสารตรงหน้าอย่างงงๆ โดยเฉพาะกรมวัง ทักท้วงว่าจะให้เจ้าชายมาคีราชาภิเษกได้อย่างไรในเมื่อยังไม่รู้ ความเป็นไปขององค์อินทราว่ายังมีพระชนม์ชีพอยู่หรือไม่ พวกรัฐมนตรีต่างเห็นด้วยกับเขา ขืนทำแบบนั้นจะอธิบายกับนานาประเทศได้อย่างไร วิฑูรเสียงเขียวใส่
“รายากำลังต้องการผู้นำ การสถาปนาเจ้าชายมาคีเป็นเรื่องที่จำเป็น ส่วนเรื่องเหตุผล เจ้าชายมาคีคงจะทรงชี้แจงกับประเทศต่างๆเอง ไม่ต้องรบกวนพวกท่าน”
กรมวังอ้าปากจะทักท้วงอีก สุเทษจัดแจงขยับปืน รวมทั้งทหารในสังกัดของตัวเองที่ยืนกระจายกำลังอยู่โดยรอบกระชับปืนในมือตาม กรมวังถึงกับน้ำลายติดคอไม่กล้าหือกล้าอืออะไรอีก วิฑูรยิ้มสะใจ
“ผมจะไปดูหน่อยว่าทำไมเจ้าชายยังไม่เสด็จ ขอให้ทุกคนนั่งรอกันอย่างสงบนะ”...
ขณะที่วิฑูรบ่ายหน้ามาที่ตำหนักเจ้าชายมาคี มินตราไม่พอใจที่สองพ่อลูกบังอาจเอาผู้หญิงมาเป็นเครื่องบรรณาการให้เจ้าชายมาคีถึงที่ อัคนีขอร้องพระองค์อย่าเพิ่งโมโห หากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครจะต้องพอใจอย่างยิ่ง มินตราหมั่นไส้เต็มที เข้าไปกระชากผ้าคลุมหน้าเธอออก ทั้งเจ้าชายมาคีและมินตราต่างตะลึงที่เห็นมัทนา
“ผู้หญิงคนนี้เป็นพวกกบฏ ต้องเอาตัวไปให้ท่านนายพล” มินตราไม่พูดเปล่าลากมัทนาออกไปด้วย
เจ้าชายมาคีสั่งให้เธอปล่อยมัทนา เรื่องนี้พระองค์จัดการเองได้ แล้วไล่ทุกคนออกจากห้อง มินตราพยายามทัดทานแต่ไม่เป็นผล จำต้องพาตามสองพ่อลูกออกไป พอได้อยู่กันตามลำพัง เจ้าชายมาคีดักคอมัทนาว่าแกล้งให้ถูกจับตัวมาที่นี่ก็เพื่อจะเข้ามาเป็นสายให้พวกกบฏใช่ไหม เธอชะงักที่พระองค์เกิดมีสมองขึ้นมา
“เจ้าชายถูกเพียงครึ่งเดียว หม่อมฉันยอมถูกจับจริง แต่ไม่ใช่เพื่อเป็นสายให้คามิน แต่เพื่อมาทูลความจริงให้เจ้าชายทราบว่าพระองค์เข้าใจคามินผิดทั้งหมด”
“ที่แท้ก็จะมาแก้ตัวให้ไอ้กบฏคามิน มันแย่งทั้งคนที่ผมรัก คิดจะชิงราชบัลลังก์จนถึงกับกล้าเอาตัวเสด็จพ่อไป นี่หรือคือคนที่จงรักภักดี”
มัทนายืนยันว่าคามินไม่ได้รักเธอ สิ่งที่อยู่ในหัวใจของเขามีเพียงราชบัลลังก์และแผ่นดินรายาเท่านั้น และที่สำคัญคนที่พาองค์อินทราหนีคือองค์สาวิตรีเพราะทรงทราบว่าวิฑูรต้องการโค่นล้มราชบัลลังก์ เจ้าชายมาคีสั่งให้หยุดโกหกได้แล้ว ไม่เช่นนั้นพระองค์อาจจะฆ่าเธอตรงนี้ก็ได้
“ถึงต้องตาย หม่อมฉันก็ขอยืนยันว่าเจ้าชายทรงเข้าพระทัยคามินผิด เขาไม่มีทางทำร้ายเจ้าชายเพราะว่าเขาคือพระเชษฐาของเจ้าชายค่ะ” มัทนาเห็นรอยยิ้มหยันของพระองค์ ก็รู้ทันทีว่าทรงทราบเรื่องนี้แล้ว
“ผมถึงได้แน่ใจไงว่าทั้งเสด็จพ่อกับคามินร่วมมือกันเพื่อกำจัดผมออกไปจากราชบัลลังก์”
มัทนาอยากให้พระองค์ตระหนักถึงความชั่วของวิฑูร จึงตัดสินใจบอกว่าองค์อินทราถูกวิฑูรทำร้าย แต่พอเห็นท่าทางของเจ้าชายมาคีแล้ว เปลี่ยนใจไม่บอกว่าองค์อินทราสิ้นพระชนม์ และไม่ทราบว่าตอนนี้พระองค์อยู่ที่ไหน แต่เธอแน่ใจว่าพระองค์รอให้เจ้าชายเปลี่ยนใจไม่เข้าข้างคนชั่ว ระหว่างนั้นวิฑูรพรวดพราดเข้ามากับสุเทษ
“ผู้หญิงคนนี้เป็นพวกกบฏ ไม่ว่ามันจะพูดอะไรอย่าทรงเชื่อเด็ดขาด สุเทษเอาตัวมันไปจัดการ”
อัคนีตามมาห้ามไว้ ขืนฆ่ามัทนาซึ่งเป็นคนไทยจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสียหายได้ สุเทษหาทางออกไว้ให้แล้ว โดยจะโยนความผิดให้อัคนีแทน เขาไม่พอใจมากตั้งการ์ดจะต่อสู้ อสิตห้ามสุเทษทำร้ายลูกชายของตนเด็ดขาด มินตราเตือนให้รีบเอาตัวมัทนาไป ที่ประชุมรอเจ้าชายมาคีอยู่
“เดี๋ยวๆ ผมว่าถ้าเราอยากได้ตัวคามิน เราไม่ควรฆ่ามัทนานะครับ ไอ้คามินมันรักมัทนา ช้าเร็วมันต้องเข้ามาช่วยแน่ ถึงตอนนั้นเราก็แทบไม่ต้องลงแรงไปตามหามันเลย” คำเสนอแนะของอัคนี ทำให้วิฑูรสนใจ ส่วนเจ้าชายมาคีเองก็ไม่ต้องการทำร้ายมัทนาอยู่แล้ว จึงสั่งให้เอาตัวไปขังไว้ก่อน คามินมาเมื่อไหร่ค่อยจัดการพร้อมกัน
ooooooo