ตอนที่ 16

อัลบั้ม: นิยายเรื่อง "ล่ารักสุดขอบฟ้า"

ที่ริมสระว่ายน้ำบ้านเกียรติกำจร ในกรุงเทพฯ คามินยังแสร้งเป็นคนตาบอดได้แนบเนียน แม้จะมีหลุดไปบ้างเล็กน้อย แต่มัทนาก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร ยังคงดูแลเอาใจใส่เขาไม่ห่าง ระหว่างที่เธอปอกส้มให้กิน คามินไม่วายถามว่ามีข่าวจากทางรายาบ้างไหม เธอยังไม่ได้ข่าวอะไรคืบหน้า ทางนั้นออกประกาศแค่องค์อินทราประชวร

“องค์ราชินีทรงสำเร็จราชการแทน การอภิเษกต้องเลื่อนออกไป ยังไม่มีข่าวกบฏ”

“ผมอยากกลับรายา”

มัทนากระเซ้าว่าคงไม่ใช่เพราะคิดถึงภรรยาคนอื่น ตอนนี้ใครต่อใครในรายารู้แล้วว่าหฤทัยท้องกับเจ้าชายมาคี เขายังจะยืนยันอีกไหมว่าแต่งงานกับเธอเพราะความรัก คามินไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ขอตัวเข้าข้างใน แล้วขยับจะไป มัทนาโผกอดเขาไว้ทางด้านหลัง “บางทีฉันก็ไม่อยากให้คุณหาย เพราะฉันไม่อยากให้คุณจากฉันไปไหนอีก”

“แม้ผมจะตาบอดตลอดไปน่ะหรือ”

“ค่ะ ฉันจะดูแลคุณเอง ฉันจะดูแลคุณตลอดไป จริงๆนะ ฉันให้สัญญา” มัทนากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ธรรมรัตน์กับท่านหญิงมาณวิกายืนมองมาจากในบ้าน อดหนักใจแทนลูกสาวตัวเองไม่ได้...

ขณะที่มัทนาดูแลเอาใจใส่คามินไม่ให้ขาดตก บกพร่อง หฤทัยซึ่งอยู่ที่วังรายาก็คอยปรนนิบัติเจ้าชายมาคี ตามหน้าที่ของตัวเองได้ดีเช่นกัน เป็นที่ถูกใจจนพระองค์ขอให้เธออยู่ทำหน้าที่จนกว่าพระองค์จะเข้านอนได้ไหม

“อย่าเข้าใจผิดนะ เราไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดี เพียงแต่เราไม่อยากให้มีใครมาวุ่นวาย” พระองค์เห็นเธอทำเฉย “แต่ถ้าไม่เต็มใจ ไม่เชื่อใจเราก็ไม่เป็นไร”

หฤทัยยินดีอยู่เฝ้าพระองค์จนกว่าจะหลับ เจ้าชายมาคียิ้มดีใจที่ได้เธอมาอยู่เป็นเพื่อน...

ค่ำวันเดียวกัน ภายในห้องพักของคามินที่กรุงเทพฯ มัทนาส่งคามินเข้านอนแล้วทำเป็นออกจากห้อง แต่กลับย่องมานั่งมองเขานอนหลับเหมือนที่เคยทำตอนอยู่บ้านพักตากอากาศ เขาเห็นเต็มสองตาแต่โกหกว่าได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอก็เลยรู้ว่ายังอยู่ในห้อง ขอร้องให้เธอไปพักผ่อนมัทนาเดินไปเปิดประตู แกล้งปิดเสียงดังโดยตัวเองยังอยู่ในห้อง คามินหรี่ตาดูเห็นเธอยังอยู่ ทำเป็นบ่นพึมพำกับตัวเอง

“เฮ้อ อึดอัดจริงๆ ขืนใส่เสื้อผ้านอนแบบนี้คงไม่หลับแน่ คุณมัทคงไม่รู้ว่าผู้ชายรายาเวลานอนเขาจะไม่ใส่อะไรเลย” ไม่พูดเปล่า คามินลุกขึ้นถอดเสื้อ พอทำท่าจะถอดกางเกงเท่านั้น มัทนาถึงกับตาเหลือก เผ่นออกจากห้องแทบไม่ทัน คามินหัวเราะชอบใจที่แกล้งเธอสำเร็จ...

อีกมุมหนึ่งในห้องทำงานของธรรมรัตน์ ประมุขบ้านเกียรติกำจรตกใจแทบช็อกเมื่อรู้จากเหมันต์ว่าสินธรส่งข่าวมาบอกว่าวิฑูรนำกำลังทหารมาเผาหมู่บ้านภูสายธารราบเป็นหน้ากลอง อีกทั้งอาจารย์เมฆาก็ถูกสังหารในคราวเดียวกัน โชคดีที่พวกชาวบ้านไปซ่อนตัวในอุโมงค์ลับจึงปลอดภัย

ส่วนองค์อินทรา สินธรส่งยาถอนพิษไปให้หฤทัยแล้ว ธรรมรัตน์ห้ามให้คามินรู้เรื่องนี้เด็ดขาดถึงรู้ก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะเขายังไม่หายดี รังแต่จะทำให้เครียดเปล่าๆ อีกอย่างหนึ่ง มัทนาดูมีความสุขมากที่เขาอยู่ที่นี่ ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าคามินแอบฟังอยู่หน้าห้อง

ooooooo

หฤทัยถือถาดใส่ซุปเข้ามาในห้องบรรทมขององค์อินทราถึงกับชะงักเมื่อเห็นองค์สาวิตรียืนสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ข้างเตียง จะถอยออกมาแต่พระองค์หันมาเห็นเสียก่อน ถามว่าเอาซุปมาถวายหรือ

“เพคะ ทรงประชวรหรือเปล่าเพคะ เห็นพระพักตร์ซีดๆ”

พระองค์ไม่ได้เป็นอะไร แค่นอนน้อยไปหน่อยเท่านั้น แล้วถามเธอว่าเคยทำผิดไหม และถ้ารู้ว่าทำผิดจะทำอย่างไร หฤทัยเคยทำผิดเหมือนคนอื่นๆ แต่ถ้ารู้ว่าตัวเองผิดจริงๆ ก็ควรจะหยุดแล้วแก้ไขให้ถูกต้อง

“แต่ถ้ามันสายเกินไปแล้วล่ะ” เสียงองค์สาวิตรีเบามาก หฤทัยได้ยินไม่ถนัด ถามว่าตรัสอะไร

“ไม่มีอะไร ใกล้เวลาจะทรงตื่นบรรทมแล้วเจ้าคอยป้อนซุปถวายพระองค์เถอะ เราจะไปทำธุระสักหน่อย”

“เอ่อ...แล้วพระโอสถที่ต้องเสวยล่ะเพคะ ให้หม่อมฉันถวายให้ก็ได้นะเพคะ”

องค์สาวิตรีจะกลับมาจัดการเรื่องนั้นเอง แล้วออกจากห้อง หฤทัยรอจนมั่นใจว่าพระองค์ไปแล้ว รีบปลุกองค์อินทราให้ตื่นมากินยาถอนพิษที่อาจารย์เมฆาปรุงไว้ให้ พระองค์ตื่นเต้นดีใจกินยาที่หฤทัยรินใส่ช้อนให้จนหมด

“อีกไม่นานจะทรงหายดีแน่ อดพระทัยรอสักนิดนะเพคะ”...

ในเวลาเดียวกันที่ห้องพักฟื้นคนไข้ ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่อัคนีความจำเสื่อม รสนิยมเรื่องผู้หญิงของเขาก็เปลี่ยนไป ไม่สนใจมัทนาที่ตัวเองเคยหลงรักหัวปักหัวปําอีกต่อไป อสิตพยายามเอารูปที่เขาถ่ายคู่กับมัทนาบนปกนิตยสารฉบับหนึ่งให้ดูเพื่อเรียกความทรงจำ เขากลับถามหาแต่มาลี แล้วลุกพรวดจะออกจากห้องอสิตคิดว่าลูกชายจะหนี ตะโกนเรียกดำกับดอนให้ช่วยกันจับตัวไว้ อัคนีโวยวายลั่นจะมาจับทำไม เขาแค่จะไปหามาลีเท่านั้น แล้วขยุ้มคอเสื้ออสิต ตะคอกถามว่าเอามาลีของเขาไปไว้ไหน หรือว่าเธอโดนฆ่าทิ้งไปแล้ว

“ไม่มีใครฆ่ามาลีของเอ็งหรอก ป๊าให้คนเฝ้าไว้ที่ห้องรับรอง”

อัคนีต้องการให้เห็นกับตาตัวเองถึงจะเชื่อ วิ่งหน้าตั้งออกจากห้องพร้อมกับตะโกนเรียกมาลีไปด้วย อสิตตกใจ สั่งให้สองสมุนรีบตามไป อัคนีวิ่งเตลิดมาถึงห้องรับรอง พอเห็นหน้ามาลีเท่านั้นโผกอดด้วยความดีใจ

“เฮ้ย...ปล่อยนะโว้ย เดี๋ยวตบคว่ำ” มาลีเงื้อมือจะตบ อัคนีรีบถอยห่าง ขอโทษที่ลืมตัว อสิตถึงกับกุมขมับ

“ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้หนูมันจะเปลี่ยนรสนิยมจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้ กูอยากตาย”...

ขณะที่ความทรงจำของอัคนีไม่มีทีท่าว่าจะกลับ คืนมา หฤทัยซึ่งอยู่ที่รายาได้รับจดหมายลึกลับ นัดให้ไปเจอที่โรงนาร้างท้ายสวนคืนนี้ เธอรีบเอาไปให้บุหลันดูเพราะคิดว่ามาจากสินธร บุหลันเชื่อว่าต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะปกติเขาจะทำงานคนเดียว ไม่เคยให้ใครมาส่งข่าวแบบนี้ ขอร้องไม่ให้เธอไปตามนัด

“แต่สินธรคงต้องการพบฉัน ถึงได้เจาะจงมา ไม่ต้องห่วงหรอกคุณบุหลัน ฉันจะระวังตัว” แม้หฤทัยจะรับปากหนักแน่น แต่บุหลันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี...

เป็นอย่างที่บุหลันหวั่นใจไม่มีผิด มินตราเป็นคนส่งจดหมายมาหลอกให้หฤทัยออกไปพบเพื่อจะทำร้าย โชคดีที่เธอรู้เท่าทันแผนชั่ว สวมรอยเป็นหฤทัยมาแทนที่ ยัยตัวร้ายกลัวบุหลันจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องวิฑูร จึงฆ่าปิดปากทิ้งศพไว้ในโรงนาแห่งนั้น

ooooooo

หฤทัยรู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนเช้า ตกใจที่ตัวเองไม่ได้ไปพบสินธรตามนัด นึกทบทวนไปถึงเมื่อคืน

ว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้ว่าแต่งตัวเรียบร้อยกำลังจะออกจากห้อง บุหลันเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำสมุนไพรในมือเสียก่อน

“จะไปแล้วหรือคะ”

“ค่ะ ฉันจะรีบกลับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ถามหาฉัน คุณบอกว่าฉันไปสวดมนต์ที่วิหารนะคะ”

“ได้ค่ะ ดื่มน้ำสมุนไพรก่อนสิคะ ฉันเห็นคุณไอเมื่อตอนเย็น ถ้าคุณไม่สบาย องค์ราชินีอาจไม่ให้คุณเข้าไปถวายรับใช้องค์ราชาก็ได้” คำพูดของบุหลันได้ผล หฤทัยหลงเชื่อหยิบแก้วน้ำสมุนไพรมาดื่มจนหมด ไม่นานนักเธอก็ไม่รู้สึกตัว หฤทัยถึงบางอ้อทันที ที่แท้บุหลันเอายานอนหลับใส่ในน้ำสมุนไพรให้ดื่ม รีบแต่งตัวลงไปตามหา เจอแม่กำลังโวยวายยกใหญ่ที่บุหลันหายตัวไป ทำให้เธอต้องเข้าครัวไปกำกับให้คนรับใช้เตรียมมือเช้าด้วยตัวเอง

“ดีนะที่พ่อของลูกรีบออกไปกับสุเทษ ไม่งั้นทำอาหารไม่ทันแน่”

“คุณพ่อรีบไปไหนคะ”

“เห็นว่ามีคนตายที่โรงนาร้างท้ายสวน ลูกช่วยดูตั้งโต๊ะด้วยนะ แม่จะไปอาบน้ำก่อน” เทวีพูดจบเดินขึ้นบ้าน หฤทัยได้แต่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น พอตั้งสติได้ก็รีบไปที่โรงนาแห่งนั้น เห็นทหารกับพวกนางกำนัลมุงดูพลางซุบซิบกันอยู่ หฤทัยแหวกพวกชอบมุงดูความพินาศของคนอื่นเข้าไปถามวิฑูรซึ่งกำลังสั่งการสุเทษว่าใครตาย เขายังไม่ทันตอบอะไร ทหารยกเปลใส่ร่างไร้วิญญาณของบุหลันออกมา เธอถึงกับเข่าอ่อน ถามเสียงสั่น

“คุณบุหลันตายได้ยังไง”

“พ่อก็ไม่รู้ ทหารยามมาเจอตอนเช้าก็เป็นศพแล้ว เมื่อคืนบุหลันไม่ได้อยู่กับลูกหรือ”

“เปล่าค่ะ” หฤทัยยังสั่นไม่หาย วิฑูรอดสงสัยไม่ได้ว่าบุหลันออกมาที่โรงนาทำไม ที่นี่ห่างจากบ้านเรามาก หรือว่าเธอจะเป็นสายให้พวกกบฏอย่างมินตรากล่าวหา หฤทัยได้แต่นิ่งอึ้ง

ooooooo

ขณะที่ฝ่ายกอบกู้ราชบัลลังก์รายาต้องสูญเสียกำลังสำคัญไปอีกหนึ่งคน มัทนาเรียกช่างให้มาต่อเติมห้องชั้นล่างซึ่งจะออกแบบสำหรับคนตาบอด ไว้ให้คามิน
อยู่โดยเฉพาะ ท่านหญิงมาณวิกาอดถามไม่ได้ว่าเขาบอกลูกแล้วหรือว่าจะอยู่ที่นี่ มัทนายืนกรานจะไม่ยอมปล่อยเขากลับรายาในสภาพนี้เด็ดขาด ถึงต้องล่ามโซ่เอาไว้ เธอก็จะทำ

“แต่ท่านคามินไม่ใช่คนที่ลูกจะทำอะไรแบบนั้นกับเขา”

มัทนาทราบดีว่าเขาดื้อขนาดไหน แต่รับรองว่าเธอเอาอยู่ ท่านหญิงมาณวิกาไม่ได้หมายถึงนิสัยแต่หมายถึงสถานะของเขาต่างหาก มัทนางง แล้วตกลงเขาเป็นอะไร ท่านหญิงยังไม่ทันตอบคำถาม คามินเดินถือไม้เท้าเข้ามาเสียก่อน “คุณมัทนาครับ คุณอยู่ตรงนี้หรือเปล่า”

มัทนารีบวิ่งไปหา ถามว่ามีอะไรหรือ คามินแค่อยาก ให้เธอเล่นเปียโน ร้องเพลงหลับฝันดีให้ฟัง เธอยินดีจัดให้ตามคำขอ พาเขามานั่งข้างๆเธอที่เปียโน แล้วบรรเลงเพลงหลับฝันดีพร้อมกับร้องคลอตามไปด้วย เขาเผลอมองหน้าจนเธอรู้สึกตัวหยุดเล่น หันมาดู คามินรีบเมินไปทางอื่นก่อนจะถามว่าหยุดเล่นทำไม

“ก็ฉันรู้สึกเหมือนคุณกำลังจ้องหน้าฉันอยู่”

“ผมพยายามนึกถึงหน้าคุณตอนที่คุณกำลังเล่นเปียโน คุณคงสวยมาก”

มัทนาอยากรู้ว่าเขาต้องการให้เธอทำแค่นี้หรือ คามิน

พยักหน้ารับ เขาอยากจะจดจำเสียงเพลงของเธอเอาไว้

“ถ้าคุณชอบฉันเล่นให้ฟังทุกวัน ทั้งวันก็ได้”

“ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น”

มัทนาเถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่จริง เรากำหนดได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอรู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไร แต่เธอไม่อยากฟัง แล้วลุกขึ้นจะไป คามินจับมือเธอขึ้นมาจูบอย่างนุ่มนวล ขอร้องอย่าเพิ่งโกรธ มัทนาใจอ่อนยวบลงนั่งอย่างเดิม

“ต่อไปอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆ” มัทนาเล่นดนตรีต่อ ขณะที่คามินแอบถอนใจหนักใจ...

ตกค่ำ มัทนาพาคามินมานอนแล้วห่มผ้าให้ ก่อนจะไปเธอก้มมาพูดกับเขาแบบไม่มีเสียงว่า “ฉันรักคุณ” ชายหนุ่มถึงกับอึ้งเพราะเห็นชัดเต็มสองตา แต่เธอไม่รู้ พอมัทนาออกจากห้องปิดประตูตามหลัง เขาถึงกับถอนใจ

“ผมก็รักคุณ...คุณมัทนา แต่ชีวิตนี้ผมให้กับแผ่นดินรายาไปหมดสิ้นแล้ว” คามินพึมพำจบลุกขึ้นไปล็อกประตูห้อง แล้วฝึกกำลังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม...

ไม่ได้มีแต่คามินเท่านั้นที่แอบออกกำลังกายทุกวัน องค์อินทราก็แอบทำแบบเขาเช่นกัน โดยมีหฤทัยค่อยช่วยเหลือ เริ่มตั้งแต่ค่อยๆยกแขนยกขาทีละเล็กทีละน้อย พอมีแรงขึ้น เธอประคองพระองค์ลงจากเตียงพาเดินไปรอบๆห้อง จนกระทั่งพระองค์เริ่มเดินด้วยตัวเองได้ แต่ยังเป็นเพียงระยะทางสั้นๆ

ooooooo

องค์สาวิตรีนั่งหน้าเครียดเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกวิฑูรเร่งรัดให้สังหารองค์อินทราให้สิ้นซาก เนื่องจากผ่านมาหลายวันแล้วพระองค์ยังไม่ลงมือสักที องค์สาวิตรีอ้างว่ายังหาจังหวะเหมาะไม่ได้

“งั้นเกล้ากระหม่อมจะหาคนลงมือให้เอง”

“พระเกียรติของเสด็จพี่สูงส่งเกินกว่าจะสิ้นพระชนม์ด้วยมือสามัญชน น้องจะลงมือเอง”

เสียงมินตราเข้ามาแจ้งว่ามีแขกเมืองมาขอเข้าเฝ้า ทำให้องค์สาวิตรีตื่นจากภวังค์ แปลกใจว่าเป็นใครกันสักพัก อสิตถือกล่องของขวัญเข้ามาทำความเคารพ แล้วถวายของให้ องค์สาวิตรีเห็นแหวนพลอยดำที่นิ้วของเขา ก็ร้องทักว่านั่นพลอยประจำชาติที่มีในรายาเพียงแห่งเดียวใช่ไหม

“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ท่านวิฑูรเอามาขายหลายสิบเม็ดเลย แพงด้วย แต่เกล้ากระหม่อมก็ซื้อไว้หมดเลยนะ พ่ะย่ะค่ะ อุดหนุนเพื่อนฝูง ถ้าพระองค์ทรงโปรดเกล้า กระหม่อมถวายเลยพ่ะย่ะค่ะ” อสิตว่าแล้วถอดแหวนให้ องค์สาวิตรีรับมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด...

เสร็จจากถวายของกำนัลให้องค์สาวิตรี อสิตแวะไปหาวิฑูรที่บ้านพร้อมด้วยกล่องของขวัญของฝากมากมาย วิฑูรพอใจมาก แต่ทำเป็นเกรงใจ ออกตัวว่าเรามันคนกันเอง ไม่ต้องมากพิธีก็ได้

“ยิ่งคนกันเองยิ่งต้องให้ครับ นี่ก่อนผมมาที่นี่ ผมก็แวะเอาของไปถวายองค์ราชินีมานะ ไม่รู้ทรงโปรดของ กำนัลหรือเปล่า เพราะพระองค์ไม่ได้เปิดดู แต่ทรงโปรดแหวนพลอยดำมาก ผมเลยถอดถวายไป”

วิฑูรตกใจมาก ยิ่งได้รู้ว่าอสิตเปิดเผยว่าได้พลอยดำมาจากตนเองถึงกับโวยลั่น เคยบอกไม่ใช่หรือว่าเรื่องขุดพลอยของเราเป็นความลับ อสิตเห็นว่าพระองค์เป็นพวกเดียวกันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร วิฑูรไม่พูดอะไรอีก เดินหน้าเครียดออกไปทันที ทิ้งให้อสิตยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น เพียงลำพัง

ครู่ต่อมา วิฑูรมาที่ตำหนักขององค์สาวิตรี เจอ รมต.ทรัพยากรเดินสวนออกมา เขามั่นใจว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบ มาพากล รีบเข้าไปหาองค์สาวิตรี เห็นกำลังอ่านเอกสารการสำรวจที่ดินของเขาอยู่

“ทรงเรียก รมต.ทรัพยากรเข้าเฝ้า ทรงมีพระประสงค์ใดพ่ะย่ะค่ะ”

“ก็แค่อยากรู้เรื่องการสำรวจสายแร่ในรายา”

วิฑูรเป็นคนดูแลเรื่องนี้ ถ้าพระองค์มีอะไรให้ถามเขาโดยตรงได้เลย องค์สาวิตรีดักคอ ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงรู้เรื่องการแอบทำเหมืองพลอยเถื่อนด้วยใช่ไหม วิฑูรอ้าง ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อผลประโยชน์ของรายา

“ด้วยการทำเหมืองแร่ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากองค์ราชา แล้วก็เอาพลอยดำที่เป็นทรัพย์ที่มีค่าของแผ่นดินไปขายให้คนต่างชาตินี่น่ะหรือ”

“จะทรงคิดมากไปทำไม ในเมื่อสมบัติในแผ่นดินรายาก็คือสมบัติของพระองค์ครึ่งหนึ่ง ทรงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อพระองค์ได้ทรงครอบครองทุกอย่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ” วิฑูรตัดบท...

ในเวลาเดียวกัน คามินอาศัยจังหวะที่ธรรมรัตน์และท่านหญิงมาณวิกาไปงานเลี้ยง ส่วนมัทนาก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า แอบเข้าห้องทำงานของธรรมรัตน์เปิดคอมพิวเตอร์อ่านข่าวเกี่ยวกับรายา

“ทหารปิดเมืองตามล่าคามิน ราชองครักษ์ที่เป็นกบฏลอบปลงพระชนม์องค์ราชา...องค์ราชาประชวรหนักเตรียมสถาปนาเจ้าชายมาคีขึ้นครองราชย์”

มัวแต่สนใจข่าวตรงหน้า คามินไม่ทันเห็นมัทนาซึ่งกลับถึงบ้านแล้ว เดินผ่านมาเห็นพอดีถึงกับตะลึง ครู่ต่อมา คามินกลับมาที่ห้องพักตัวเอง เจอมัทนายืนกอดอกรออยู่ แต่ทำมองไม่เห็น เธอแกล้งทักว่าไปไหนมา คามินทำทีสะดุ้งเล็กน้อยพอให้สมบทบาท

“อ้าว คุณมัทนา อยู่ในห้องนี้หรือครับ”

“ค่ะ ฉันเอาชาร้อนมาให้คุณ” มัทนาเห็นคามินยังทำเป็นมองไม่เห็น ก็แค้นใจมากเหวี่ยงกำปั้นใส่หน้า เขาหลบได้ทัน เธอตามไปต่อยซ้ำ คามินล็อกตัวไว้จนล้มลงบนเตียงด้วยกัน แล้วโวยวายลั่น นี่มันเรื่องอะไรกัน

“ตาคุณหายแล้วทำไมถึงไม่บอกฉัน”

คามินยังทำซื่อตาใสไม่รู้เรื่อง มัทนาโกรธจัด คว้าถ้วยชาสาดใส่หน้า เขาตกใจหลบวูบ น้ำชาโดนเต็มแขน แต่ต้องแปลกใจที่มันไม่ลวกเอา

“ไม่ต้องตกใจหรอก มันไม่ใช่น้ำร้อน ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณจะโกหกฉันไปถึงไหน” พูดจบมัทนาจ้ำพรวดๆออกจากห้อง คามินวิ่งตามมาฉุดมือไว้ ขอร้องให้ฟังคำอธิบายก่อน

“ยังไงผมก็ต้องกลับรายา ผมกลัวว่าถ้าบอกคุณแล้วคุณจะไม่ยอมให้ผมไป”

“นี่คุณคิดว่าฉันงี่เง่าขนาดนั้นเลยหรือ ที่ฉันไม่อยากให้คุณไปเพราะคุณตาบอด ฉันเป็นห่วงคุณกลัวคุณจะบ้าบิ่นเอาชีวิตไปเสี่ยงอย่างเปล่าประโยชน์ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าคุณรักรายายิ่งกว่าชีวิต ฉันเองก็อยากจะมีส่วนช่วยกู้ราชบัลลังก์คืนมา เพราะฉันก็มีส่วนที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆนี่ขึ้นมา แต่ถ้าในความคิดของคุณ ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวมากก็เชิญคุณทำอย่างที่คุณอยากทำ ฉันจะไม่ห้ามปรามอะไรคุณอีก”

ooooooo

ขณะที่หฤทัยมาสวดมนต์ที่วิหารปรารถนาเพื่อส่งวิญญาณบุหลันไปสู่สุคติ เจอสินธรรออยู่ก็ตกใจต่อว่าว่ามีประกาศจับเขาทั่วเมืองไปหมด ทำไมยังกล้ามาหาเธอกลางวันแสกๆอีก เขาเป็นห่วงเธอมาก เขารู้เรื่องบุหลันแล้ว อาจจะมีคนรู้ว่าเธอร่วมมือกับเขาเลยจะหลอกเธอออกมาฆ่า ถ้าบุหลันไม่เอะใจเสียก่อนคนที่ตายคงเป็นเธอ

“แต่ผลที่ได้มันก็คุ้มค่า ตอนนี้องค์ราชาทรงแข็งแรงจนเคลื่อนไหวพระวรกายได้เกือบเหมือนเดิมแล้ว”

“ดี...ดีมาก คุณเก่งจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ควรต้องรออีกต่อไปแล้ว”...

ค่ำวันเดียวกัน คามินในชุดดำรัดกุมแอบปีนรั้วหนีออกจากบ้านเกียรติกำจร ตำรวจที่คอยคุ้มกันอยู่นอกกำแพงบ้านเห็นเข้าคิดว่าเป็นคนร้าย ตะโกนสั่งให้หยุด ห้ามขยับไปไหนเด็ดขาด เขาไม่ฟังเสียงรีบวิ่งหนีไปที่ถนนใหญ่ ตำรวจพากันวิ่งไล่ ทันใดนั้นมัทนาขับรถปาดหน้า ตะโกนบอกคามินถ้าอยากกลับรายาก็ให้ขึ้นรถ เขาไม่อยากลากเธอมาเกี่ยวข้อง ทำท่าจะไม่ยอมไปด้วย

“คุณคิดว่าผู้ต้องหาคดีกบฏอย่างคุณจะออกจากเมืองไทยได้ง่ายๆหรือถ้าไม่มีใครช่วย อย่าหยิ่งไปหน่อยเลย อยู่รายาคุณใหญ่ แต่อยู่เมืองไทยฉันใหญ่ นอกจากคุณพ่อก็ไม่มีใครช่วยให้คุณกลับรายาได้เร็วสุดๆเท่าฉันอีกแล้ว”

คามินตัดสินใจขึ้นรถ มัทนาเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็วก่อนตำรวจจะตามมาทัน...

ขณะที่มัทนาพาคามินหนีรอดเงื้อมมือตำรวจคุ้มกันมาได้หวุดหวิด ที่วังรายา มินตราเดินมาเจอองค์สาวิตรีออกจากห้องครัวโดยมีนางกำนัลถือถาดใส่ถ้วยซุปตามมาด้านหลัง จัดแจงจะเอาหน้า ปรี่เข้ามาแย่งถาด องค์สาวิตรีชิงคว้ามาได้ก่อน บอกนางกำนัลกับมินตราว่าไม่ต้องตามไปด้วย พระองค์จะเอาซุปไปให้องค์อินทราเอง และจะอยู่เฝ้าที่ห้องบรรทมถึงเช้า แล้วเดินลิ่วออกไป มินตราหันมาถามนางกำนัลว่าองค์อินทราอาการทรุดหรือ

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ดูองค์ราชินีทรงกังวลพระทัยมาก เมื่อครู่ตอนที่ทรงปรุงซุป ฉันสังเกตเห็นพระหัตถ์สั่น แถมยังทรงไล่พวกแม่ครัวออกไปข้างนอกหมดเลย” นางกำนัลพูดจบก็เดินจากไป มินตรามองตามครุ่นคิดสงสัยแล้วเข้าไปดูในห้องครัวที่ไร้ผู้คน ไม่เห็นอะไรผิดปกติ จะหันหลังกลับ ต้องชะงักเมื่อเหยียบเข้ากับห่ออะไรบางอย่าง เธอหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นซองยาพิษที่ยังไม่ได้เปิดใช้ ซึ่งวิฑูรมอบให้องค์สาวิตรี...

ฝ่ายองค์อินทราถึงกับอึ้งที่เจ้าชายมาคีมาคุกเข่าข้างเตียงคร่ำครวญด้วยความน้อยใจว่า เสด็จพ่อรักคามิน มากกว่าพระองค์ซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ถึงขนาดจะยกบัลลังก์ให้

“ตอนนี้ไม่มีคามินอีกแล้ว ยังไงเสียลูกก็คงต้องเป็นพระราชา ทั้งๆที่ลูกไม่เคยต้องการ เราก็ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานกันทุกคน นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่เสด็จพ่อต้องการ” เจ้าชายมาคีก้มหน้าร้องไห้ องค์อินทราจะเอื้อมมือไปจับ แต่เจ้าชายลุกพรวดออกไปเสียก่อน พระองค์ทนนิ่งเฉยไม่ไหวจะลุกตาม แต่เซเสียหลัก หฤทัยเข้ามาประคองไว้ได้ทัน

“องค์ราชาทรงลุกขึ้นมาทำไมเพคะ ถ้าใครมาเห็นเข้า...” หฤทัยยังพูดไม่ทันจบ องค์อินทราชิงพูดตัดหน้า

“เราแข็งแรงดีแล้ว เราจะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาโทษนายพลวิฑูร”

สินธรในคราบหมอหลวงรีบถอดหน้ากากอนามัยออก ขอร้องไม่ให้พระองค์ทำเช่นนั้น ตอนนี้วิฑูรแทบจะยึดครองฝ่ายในไว้ได้หมด หากพระองค์เปิดเผยว่าหายเป็นปกติ เขาต้องไม่ปล่อยพระองค์ไว้แน่

“เกล้ากระหม่อมจึงมาเชิญพระองค์เสด็จไปประทับในที่ปลอดภัยเพื่อรอท่านคามิน”

องค์อินทราดีใจมากที่รู้ว่าคามินยังไม่ตาย รีบบอกให้สินธรกับหฤทัยพาหนี ยังไม่ทันจะออกจากห้องบรรทม องค์สาวิตรีเข้ามาเห็นเสียก่อน สินธรไม่ยอมให้พระองค์มาขัดขวางการหนีครั้งนี้ ชักปืนขึ้นมาขู่ให้หลีกทางให้ องค์สาวิตรีท้าให้ยิงได้เลย เพราะอยากตายมาตั้งนานแล้ว องค์อินทรามองพระองค์อย่างรู้สึกผิด

“เรารู้ว่าความรักที่เรามีให้ปรารถนา ทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมานแค่ไหน เราขอโทษ” พูดจบ องค์อินทราคุกเข่าลงตรงหน้า องค์สาวิตรียังรักพระองค์เสมอไม่เคยเปลี่ยน แม้พระองค์จะทำให้เจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม และที่มาที่นี่ก็เพื่อจะมาพาพระองค์หนี แล้วประคององค์อินทราให้ลุกขึ้น จากนั้นทั้งสี่คนพากันหนีออกจากวังหลวงโดยทางรถยนต์ มุ่งหน้าสู่ชายแดนด้านที่ติดประเทศไทย

ooooooo

มินตราไม่รอช้ารีบนำซองยาที่เจอมาให้วิฑูรดูพร้อมกับรายงานว่า นางกำนัลบอกกับเธอว่าองค์สาวิตรีท่าทีมีพิรุธมาก เขาถึงกับบ่นอุบว่าสะเพร่าที่สุดทำของสำคัญตกได้อย่างไร แล้วขอบใจมินตรามากที่เอามาให้

“ฉันอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณบุหลันกล่าวหา ไม่ว่าเกิดอะไรที่ไม่ปกติ ฉันจะมารายงานท่านทันที” มินตราว่าแล้วออกจากห้อง สุเทษมองตามไม่เชื่อใจเธอนัก วิฑูรเปิดซองยาออกดู เห็นยาพิษยังอยู่เต็มซอง รู้ทันทีว่าองค์สาวิตรีบิดพลิ้วไม่ได้เอายาพิษให้องค์อินทราเสวย

ครู่ต่อมา วิฑูรมาถึงวังรายาพร้อมกับสุเทษพบว่าองค์อินทราหายตัวไป สั่งให้สุเทษติดต่อไปยังทุกหน่วยงานว่าพวกกบฏลักพาองค์อินทราไปจากวัง ใครจับพวกนั้นได้เขาจะให้รางวัลอย่างงาม...

ในขณะที่วิฑูรนำกำลังทหารไล่ล่ารถคันที่พาองค์อินทราหนี คามินต้องใช้บริการของมัทนาช่วยขับเครื่องบินเล็กพามาลงที่สนามบินใกล้ชายแดนประเทศไทยซึ่งติดประเทศรายา จากนั้นมัทนาพาเขาแวะที่รีสอร์ตของโชคเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งอยู่ติดชายแดน ทำทีมาเข้าพัก โชคเอากุญแจรถกับกุญแจบ้านพักมาให้ แล้วทักว่าทำไมมาดึกนัก

“กะทันหันค่ะพี่โชค พอดีเพื่อนมาจากเมืองนอก แล้วต้องรีบกลับค่ะ มัทขอตัวก่อนนะคะ ง่วงแล้ว” มัทนาพูดจบพาคามินไปที่รถ เขาอดถามไม่ได้ว่ามาที่นี่ทำไม

“เราต้องมีรถไม่งั้นเราจะข้ามไปรายาได้ยังไงแล้วรีสอร์ตของพี่โชคนี่แหละที่อยู่ใกล้ชายแดนรายามากที่สุด”

คามินขอบคุณเธอมากสำหรับทุกอย่าง ขอให้เธอส่งแค่นี้พอ เขาขอแค่แผนที่แล้วจะไปต่อเอง มัทนาไม่ยอมให้ จะขอตามไปด้วย คามินเห็นว่าห้ามไปก็เปล่าประโยชน์ จึงออกอุบาย ขอเข้าห้องน้ำที่บ้านพักก่อน เธอหลงกลขับรถพาเขาไปที่นั่น ปล่อยให้เขาเข้าไปข้างในคนเดียวเพราะกลัวถูกหลอกไปโดนขังไว้ในนั้น มัทนารออยู่นานสองนานไม่เห็นคามินออกมาสักที บ่นเป็นหมีกินผึ้ง

“ทำไมนานนัก หรือว่าแอบหนีไปแล้ว” เธอรีบวิ่งเข้าไปในบ้านพัก คามินซึ่งซุ่มรออยู่หลังประตูที่เปิดอ้า ล็อกตัวไว้ทันที เธอทั้งร้องทั้งดิ้นให้ปล่อย เขาไม่สนใจจับเธอมัดไว้กับเตียง แล้วขโมยรถไป มัทนาแค้นใจสุดๆ

ooooooo

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ