ตอนที่ 8
พฤกษ์พาอัจจิมามากินอาหารในธารารินทร์รีสอร์ตของตระกูลอดิศวร ซึ่งปฐพีบริหารดูแลอยู่ อัจจิมาสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ถามพฤกษ์ว่าทำไมเราต้องมากินที่นี่ด้วย
"พอดีผมพักที่นี่และคิดว่าอาหารของรีสอร์ตนี้รสชาติดี บรรยากาศก็ดี ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติจริงๆ ผมยังคุยกับเจ้าของรีสอร์ตเลยว่าอยากจะทำทัวร์ร่วมกับเขา หรือว่าคุณจี๊ดมาที่นี่บ่อยจนเบื่อแล้วคะ"
อัจจิมาทำหน้าไม่ถูก ระหว่างนี้เองปฐพีเดินยิ้มเข้ามา พฤกษ์จึงแนะนำ
"นี่คุณปฐพี เจ้าของธารารินทร์รีสอร์ต คุณจี๊ดน่าจะรู้จักดีอยู่แล้วใช่ไหมคะ"
"ค่ะ ใครจะไม่รู้จักพี่ชายฝาแฝดของนายไฟล่ะคะ"
"คุณปฐพีเป็นฝาแฝดกับคุณไฟเหรอครับ แปลกแฮะ หน้าตาไม่เหมือนกันเลย"
"ที่จริงแฝดสี่นะครับ หญิงหนึ่ง ชายสาม ไม่มีใครหน้าตาเหมือนกันสักคน นิสัยก็ไม่เหมือนกัน ไม่มีใครห่ามเหมือนนายไฟ คุณพฤกษ์สบายใจได้ นี่ผมเพิ่งรู้นะครับว่าคุณพฤกษ์รู้จักกับหนูจี๊ด"
"เรารู้จักกันที่โรงแรมผมที่กระบี่น่ะครับ"
"อ๋อ เคยได้ยินนายไฟมันพูดถึงอยู่เหมือนกัน ที่แท้ก็คุณพฤกษ์นี่เอง เชิญตามสบายนะครับ"
ปฐพียิ้มให้ทั้งคู่ ก่อนจะเดินห่างออกมาแล้วกดโทรศัพท์ ไปแจ้งอัคนีว่าโจทก์นายมาแล้ว?
ไม่นานนัก อัคนีก็พุ่งมาราวกับพายุ จะเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนอัจจิมา ปฐพีรีบดักหน้าไว้เพราะกลัวแผนจะแตก อัคนีเลยได้แต่ฮึดฮัด จับจ้องไปยังทั้งคู่อย่างขุ่นมัว
"มันจะมีความสุขอะไรนักหนาวะ กะอีแค่สั่งอาหาร ยัยจี๊ดนะยัยจี๊ด อยู่กับฉันไม่เคยเห็นยิ้มหวานให้ยังงี้บ้าง มีแต่ตวาดแว้ดๆ"
"เราซุ่มอยู่แถวนี้ล่ะ รอให้นายลมมาก่อน แล้วค่อยดำเนินการตามแผน นายมีหน้าที่อย่างเดียวคือยืนหายใจเข้าหายใจออกแล้วท่องพุทโธ...พุทโธ ทำใจให้เย็นเข้าไว้ ทำได้มั้ยใจเย็นน่ะ"
อัคนีมองอัจจิมาที่ยังคุยหนุงหนิงกับพฤกษ์ แล้วกัดฟันกรอดฝืนยิ้มรับคำปฐพี แต่เดี๋ยวเดียวเขาก็บีบแก้วในมือแตกคามือด้วยอารมณ์หึงหวงที่พุ่งปรี๊ด
สั่งอาหารมากินได้สักครู่ อัจจิมาก็เหลือบไปเห็นมนตรีกับสุพรรษาเดินตรงเข้ามา หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างสุภาพ ขณะที่ทั้งคู่ก็รับไหว้อัจจิมาแล้วยิ้มให้อย่างมีเมตตา
"สวัสดีจ้ะหนูจี๊ด วันนี้มากินข้าวที่นี่ได้นะจ๊ะ"
"ค่ะ คุณพฤกษ์คะ นี่คุณอามนตรีกับคุณอาสุพรรษาเป็นคุณพ่อคุณแม่ของคุณดินกับนายไฟค่ะ"
"สวัสดีครับ"
"แฟนหรือจ๊ะหนูจี๊ด" มนตรีแกล้งเย้า
พฤกษ์ยิ้มแป้น ในขณะที่อัจจิมารีบออกตัวว่า
"เพื่อนค่ะคุณอา คุณพฤกษ์เพิ่งขึ้นมาจากกระบี่มาพักที่นี่ ก็เลยแวะไปรับจี๊ดมากินข้าวน่ะค่ะ"
"นึกว่าแฟน" มนตรีแซวอีก พฤกษ์เลยสวมรอยแบบน่ารักว่า
"อยากเป็นครับ"
"ให้มันได้อย่างนี้สิ กล้าชอบก็ต้องกล้ารับ"
มนตรี สุพรรษา และพฤกษ์หัวเราะร่วน ในขณะที่อัจจิมายิ้มแบบกระดากเล็กๆ อัคนีซึ่งหายไปทำแผลที่มือกลับมาพร้อมปฐพี เห็นแล้วยิ่งหงุดหงิดหัวเสีย
"เห็นมั้ย เสียเวลาไปทำแผล เลยไม่รู้เลยว่าคุยอะไรกัน เอ้า หัวเราะกันเข้าไป พ่อกับแม่ก็ไปร่วมวงกับเขาอีกต่างหาก"
พอเห็นพ่อกับแม่แยกตัวไปนั่งถัดไปอีกสองสามโต๊ะ ปฐพีก็เซ็งไม่น้อยเหมือนกัน
"บะโว้ย...พ่อกับแม่ไปนั่งตรงนั้นแล้วจะจัดการตามแผนได้ไงวะเนี่ย เราต้องดึงคุณพฤกษ์กับยัยจี๊ดไปนั่งที่อื่น ฉันจะเข้าไปจัดการก็ไม่ดี ให้พนักงานเข้าไปกระซิบก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะดูเป็นบริการโหลยโท่ย เสียชื่อรีสอร์ตหมด"
"งั้นฉันเอง" อัคนีจะพุ่งออกไป แต่ปฐพีคว้ามือไว้อย่างรวดเร็ว
"นายเป็นคนสุดท้ายในโลกนี้ที่ฉันจะส่งเข้าไป อยู่เฉยๆได้มั้ยวะ ขอร้องล่ะ เอ...เอาไงดี นายลมก็ยังไม่มา จะส่งใครไปดีวะที่น่าเชื่อถือและสมเหตุสมผล"
อัคนีช่วยนึก สุดท้ายก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา รีบจ้ำไปขอความช่วยเหลือจากปีใหม่กับใหญ่ที่พักอยู่ในรีสอร์ตนี้ด้วยเหมือน กัน...แล้วอีกครู่ต่อมา สองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันก็เฉียดเข้าไปที่โต๊ะอัจจิมากับพฤกษ์ โดยพยายามไม่ให้เป็นจุดสนใจของมนตรีกับสุพรรษา
"อ้าว นายใหญ่ คุณปีใหม่ ขึ้นมาที่นี่ด้วยหรือคะ" อัจจิมาทัก...สองคนรับคำเบาๆ ในขณะที่พฤกษ์เสริมขึ้นว่า
"ผมก็ลืมเล่าให้คุณจี๊ดฟังว่าคู่นี้บินมากรุงเทพฯพร้อมกับผม แล้วก็พักที่นี่ด้วยเหมือนกัน"
"เหรอคะ ถ้างั้นเชิญนั่งกินข้าวด้วยกันสิคะ"
"ฉันก็อยากจะนั่งนะแก แต่ว่าที่มุมนี้ จริงๆแล้วคุณดินเขากันไว้สำหรับพ่อกับแม่เขา แกไม่เห็นเหรอว่าไม่มีลูกค้าคนอื่นมานั่งกินที่ระเบียงนี่เลย"
"ใช่ค่ะ คือตอนที่คุณจี๊ดกับพฤกษ์เลือกมานั่งตรงนี้ ดินเขาเกรงใจไม่กล้าบอกน่ะค่ะ ว่าเขาล็อกที่มุมนี้ไว้ให้พ่อกับแม่เขามาฉลองครบรอบวันแต่งงาน ปีใหม่กับใหญ่มากินข้าวที่นี่พอดีก็เลยอาสาคุณดินมาบอกแทน"
"โธ่ คุณดินไม่น่าเกรงใจเลย ถ้างั้นเราย้ายที่ดีกว่านะคะคุณจี๊ด"
"ระเบียงดูดาวด้านหลังโน่น แหร่ม...โรแมนติกมากเลยครับ"
ปีใหม่กับใหญ่ร่วมมือกันเต็มที่ และเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว ถ้ามนตรีไม่เหลือบมาเห็นเสียก่อน
"อ้าว หนูปีใหม่ จะพากันไปไหนล่ะ"
"สวัสดีค่ะคุณอา คือว่า...จะย้ายไปนั่งที่ระเบียงด้านหลังค่ะ"
"เออ มุมนั้นสวยมากเลย เราย้ายตามเด็กๆไปบ้างมั้ยคุณ"
"อุ๊ย อย่าดีกว่าค่ะคุณอา ที่ย้ายนี่ไม่ใช่อะไรนะคะ อยากจะเม้าท์กระจายกันน่ะค่ะ นานๆได้เจอเพื่อนเก่าสักที กลัวว่าคุณอาจะหนวกหูซะเปล่าๆ"
"ไม่เป็นไร อาชอบ คุยกันดังๆสิสนุกดี"
ปีใหม่แอบเหล่มองหน้าใหญ่ที่ยิ้มเจื่อนพอกัน แต่แล้วทั้งคู่ก็แอบพ่นลมหายใจโล่งอกเมื่อสุพรรษาพูดขึ้นว่า
"ปล่อยพวกเด็กๆเขาสนุกกันเถอะค่ะคุณ เชิญตามสบายนะจ๊ะ"
เป็นอันว่าแผนสำเร็จไปเปลาะหนึ่ง หลังจากนั้นวายุภัคก็เข้ามาแจม โดยนำไวน์ชั้นดีมาเปิดให้ทุกคนดื่มฉลอง ไม่นานนักพฤกษ์ที่โดนคะยั้นคะยอหนักกว่าคนอื่นก็เมาแปล้ ปีใหม่กับใหญ่จึงอาสาพาเขากลับห้องพักไปตามแผนของอัคนี
เหลืออัจจิมาอยู่คนเดียว จึงลุกเดินไปรับลมที่ระเบียง แต่สักครู่หญิงสาวก็ต้องตกใจเมื่ออัคนีจู่โจมเข้ามาสวมกอดทางด้านหลัง พร้อมทำเจ้าชู้ยักษ์กระซิบถามเธอว่าหนาวมั้ย อัจจิมาตกใจและกลัวใครจะมาเห็น สั่งให้เขาปล่อยเดี๋ยวนี้
"ไม่มีใครเห็นหรอกน่า นี่มันมุมพักผ่อนของนายดินเขา ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามหรอก"
"นี่หมายความว่าพวกนายวางแผนทุกอย่างไว้อย่างนั้นเหรอ นายเอาอะไรให้คุณพฤกษ์ดื่ม"
"ก็แค่ไวน์ธรรมดา แต่ดีกรีแรงหน่อยแค่นั้นเอง เขาคงไม่ชินก็เลยฟุบ ตื่นมาก็อาจจะแฮงก์นิดหน่อย แต่รับรองว่าไม่เป็นอะไร"
"ทำไมต้องทำเรื่องให้มันวุ่นวายขนาดนี้"
"ก็เธออยากไปยุ่งกับคนอื่นทำไม"
"ฉันไปยุ่งกับใคร แค่มากินข้าว ไม่ได้ไปนั่งกอดกับใครสักหน่อย"
"แต่ฉันไม่ชอบ ถึงไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวกัน แต่นั่งใกล้กันขนาดนั้น ลมหายใจก็รดกันอยู่ดี เขาสูดออก เธอสูดเข้า น่าเกลียด"
อัจจิมาอดขำไม่ได้กับลีลาท่าทางและเหตุผลบ้าบอคอแตกแต่ก็น่ารักสุดๆของอัคนี
"นายนี่มันบ้าจริงๆ"
"บ้าแล้วรักมั้ยล่ะ ว่าไง รักมั้ย"
คำถามสุดท้ายทำเอาอัจจิมาใจสั่น หน้าแดง เขินจนต้องหลบตา
"ยังไม่ต้องตอบก็ได้ ให้เวลาคิด แต่ระหว่างคิดขอกอดหน่อยนะ"
อัจจิมาไม่ตอบและไม่ขัดขืน ปล่อยให้เขากอดอยู่เป็นนาน...กว่าจะพากันกลับออกมาด้วยรถของรีสอร์ต โดยอัคนีเป็นคนขับ ตั้งใจจะไปส่งเธอให้ถึงบ้าน แต่เธอบอกให้จอดแค่ปากทาง เพราะขี้เกียจหามเขาส่งโรงพยาบาล หรือดีไม่ดีต้องต่อโลงให้อีก
"ทำไมมองโลกในแง่ร้าย"
"ฉันอยู่กับความเป็นจริงต่างหาก นายก็รู้ว่าครอบครัวเราเกลียดกันมากแค่ไหน"
"เรื่องนั้นเอาไว้คิดกันทีหลังว่าจะประสานรอยร้าวกันยังไง เคลียร์เรื่องนี้ให้จบก่อน"
"เรื่องอะไรอีกล่ะ"
"เห็นมั้ย ให้เวลาคิดนานแล้วก็เป็นอย่างนี้ ที่ถามเมื่อกี้ไง...รักมั้ย?"
อัจจิมาแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง อัคนีเตรียมรุกคืบ โดยไม่รู้เลยว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว เพราะศิลาเพิ่งได้รับแจ้งจากสิงห์กับจันว่าเห็นอัคนีขับรถมากับอัจจิมา
ศิลาออกจากบ้านพร้อมพ่อและปืนกระบอกยาว เตรียมเอาเรื่องอัคนีเต็มที่ แต่พอมาถึงกลับไม่พบอัคนี มีแต่อัจจิมา ปีใหม่ และใหญ่อยู่ในรถ...ปีใหม่กับใหญ่แนะนำตัว ก่อนจะตอบข้อซักถามของพิศาลว่าพฤกษ์ท้องเสียมาส่งอัจจิมาไม่ได้ พวกเราเลยต้องเช่ารถของธารารินทร์รีสอร์ตที่เราพักมาส่งแทน
"แล้วไอ้ไฟมันอยู่ไหน" ศิลาโพล่งขึ้น ปีใหม่กับใหญ่ ทำไก๋ไม่รู้ว่าไฟไหน?
"ไอ้สองคนนั่นมันคงเข้าใจผิดหรือไม่ก็ตาฝาด" พิศาลพูดเบาๆกับศิลา แล้วหันมาขอบใจทั้งคู่ที่มาส่งลูกสาวของตน...ศิลายังข้องใจจะเดินเข้ามาชะโงกดูในรถ แต่ก็ถูกปีใหม่สกัดด้วยวิธีเนียนๆ ทำให้อัคนีที่ซ่อนตัวอยู่เบาะหลังรถรอดตัวไปได้
ทันทีที่รอดพ้นคมกระสุนของพิศาลแล้วพากันกลับมาถึงบ้านพักอัคนีในฟาร์ม ปีใหม่และใหญ่ถึงกับทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
"นี่ถ้าคุณดินไม่พาฉันไปดักรอนาย ป่านนี้ฉันนึกไม่ออกเลยว่านายจะมีสภาพยังไง"
"ตอนแรกผมก็ไม่เก็ตนะ คิดว่าคุณดินเป็นห่วงคุณไฟมากเกินไป แต่ตอนนี้ผมโคตรเข้าใจเลยว่า ทำไมต้องเป็นผมกับปีใหม่เท่านั้น มันไม่ใช่แค่พ่อดุ แต่มันเข้าขั้นเป็นศัตรูกันเลยนะครับเนี่ย"
"เฮ้อ ทำไมอุปสรรครักของนายมันถึงได้เยอะแยะตาแป๊ะไก่อย่างนี้วะ ไหนจะนายพฤกษ์อีก"
ปีใหม่กับใหญ่ร่ายยาวอย่างหนักใจแทนอัคนี วายุภัคที่นั่งอยู่ด้วยเสริมขึ้นว่า
"รายหลังนี่เรื่องใหญ่เลยนะ ฉันเพิ่งเห็นตัวเป็นๆเขาแค่แวบเดียว ยังรู้สึกเลยว่าผู้ชายคนนี้สะอาด สุภาพ ดูดีมีสกุล ตรงสเปกชายในดวงใจของผู้หญิงร้อยทั้งร้อย"
"แต่เขาก็อาจจะมีจุดอ่อนซ่อนอยู่ ซึ่งเขาอาจจะไม่รู้ แล้วเรานี่แหละที่ต้องเผยธาตุแท้ของเขาออกมา ทำให้เขารู้ให้ได้ว่า ที่จริงแล้ว เขาชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่"
"ฮ้า!! นี่คุณดินคิดว่านายพฤกษ์เป็นเกย์อย่างนั้นเหรอคะ" ปีใหม่ปากคอสั่น
"หรือเธอกล้าฟันธงว่านายนั่นมันแมนร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอเคยเห็นเขามีแฟนผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนรึเปล่า" อัคนีตั้งคำถาม ปีใหม่ส่ายหน้าทันที ปฐพีจึงสรุปว่า เราต้องหาผู้หญิงสักคนมาเปลือยรสนิยมของพฤกษ์...ว่าแล้วสามหนุ่มฝาแฝดก็หันมาจ้องปีใหม่เป็นตาเดียว
"ไม่นะ ต้องไม่ใช่ปีใหม่ ปีใหม่ทำใครแต๋วแตกไม่เป็นยังไงปีใหม่ก็เพื่อนพฤกษ์ แถมไม่สดไม่ซิง ยังไงก็ไม่เนียน" ปีใหม่ปฏิเสธพัลวัน อัคนีคิดๆแล้วก็นึกไปถึงใครอีกคนที่น่าจะช่วยเขาได้
เช้าขึ้นอัคนีมุ่งหน้าไปหาพี่หนูต่อถึงร้านเสื้อ เพียงฟังคำขอของชายหนุ่ม พี่หนูต่อก็กรี๊ดดังๆถึงสามครั้งจนอัคนีขี้หูแทบร่วง
"ทำไมต้องกรี๊ดสามครั้งรู้ไหมคะ" พี่หนูต่อจีบปากถาม อัคนีส่ายหน้างงๆ "คืองี้ค่ะ ครั้งที่หนึ่งเพราะเสียใจที่น้องไฟจะปันใจไปให้น้องหนูจี๊ดจริงๆ ครั้งที่สองนี่ดีใจที่น้องไฟเลือกพี่หนูต่อไปกระตุ้นต่อมเพศคุณพฤกษ์ ส่วนที่กรี๊ดครั้งสาม ก็เพราะเสียใจที่พี่หนูต่อคงไปทำหน้าที่นั้นไม่ได้ เพราะพี่หนูต่อกลัวคุณพฤกษ์กระทืบเอาน่ะค่ะ คิดดูสิคะ ถ้าเกิดคุณพฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด แล้วพี่หนูต่อไปทำมิดีมิร้ายเธอเข้า เธอคงกระซวกไส้พี่หนูต่อแน่ๆ"
"แล้วจะทำยังไงให้เขารู้ใจตัวเองล่ะครับ"
"เอางี้ ใช้วิธีธรรมชาติบำบัดก่อนดีมั้ยคะ เอาแบบชายจริงหญิงแท้ก่อน แล้วถ้ามันไม่เวิร์กค่อยมาใช้บริการกะเทยปากช่องทีหลัง เดี๋ยวพี่หนูต่อจะเฟ้นหาตัวแทนหญิงไทยใจเกินร้อยมาทำหน้าที่นี้แทนพี่หนูต่อเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ การันตีค่ะ"
หลังจากอัคนีกลับไปได้ไม่นาน พี่หนูต่อก็เดินหน้าไปหาหญิงไทยใจเกินร้อยคนนั้น ซึ่งร้านเสริมสวยของเจ้าหล่อนก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากร้านเสื้อของพี่หนูต่อนัก แถมเธอยังเป็นคนที่คลั่งไคล้ในตัวอัคนีเอามากๆด้วย
สาวมิลค์นั่นเองที่พี่หนูต่อหมายมั่นปั้นมือ พอฟังเรื่องราวจากปากพี่หนูต่อ มิลค์ถึงกับกรี๊ดแปดหลอดจนร้านแทบสะเทือน
"มิลค์ไม่ยอมมมมมมม....หัวเด็ดตีนขาดยังไง มิลค์ก็ไม่ยอม ไฟขาต้องเป็นของมิลค์คนเดียว ไม่ว่าเก้งกวางบ่างชะนีที่ไหนก็มาแย่งไฟขาไปจากมิลค์ไม่ได้"
"แต่อีตานี่มันจ้องจะจับน้องไฟให้ได้จริงๆนะคะน้องมิลค์ ไม่งั้นมันไม่ลงทุนตามมาจากกระบี่หรอกค่า"
"พี่หนูต่อจะให้มิลค์ทำยังไงว่ามาเลยค่ะ"
"จะดีเหรอคะ เดี๋ยวน้องไฟจะหาว่าพี่เอาเรื่องที่เขามาปรับทุกข์ เม้าท์ให้คนอื่นฟัง"
"แล้วจะปล่อยให้ไฟขาโดนไอ้หมอนั่นดักทุบหัวแล้วลากไปย่ำยีก่อนรึไงคะ มิลค์ไม่ยอม"
"ถ้างั้นน้องมิลค์ก็ต้องแยกผู้ชายคนนั้นออกมาจากน้องไฟให้ได้ ไม่งั้นน้องไฟอาจเตลิดเข้าป่าไปอยู่กับเก้งกวางตลอดชีวิตก็ได้นะคะ ใครจะรู้"
"อ๊ายยยย...มิลค์ไม่ยอม มิลค์จะสู้สุดใจเพื่อพิทักษ์ความเป็นชายให้ไฟขาของมิลค์"
มิลค์ประกาศเจตนารมณ์ พร้อมยกมือขวาขึ้นกำเหมือนเรียกพลังให้ตัวเอง พี่หนูต่อยิ้มตาแป๋วแบ๊วสุดฤทธิ์ที่ภารกิจสำคัญสำเร็จเสร็จสิ้นลงได้ด้วยดี
ด้านพฤกษ์ที่เมื่อคืนถูกมอมไวน์จนสลบไสล สายวันนี้เขาจึงมาขอโทษพิศาลที่เมื่อคืนมาส่งอัจจิมาไม่ได้ แล้วก็จะขอรบกวนอัจจิมาอีกครั้งวันนี้ ให้ช่วยออกไปตระเวนดูเส้นทางเดินป่าสำหรับนักท่องเที่ยว พิศาลไม่มีปัญหา แต่ต้องมีศิลาไปเป็นเพื่อนอัจจิมาด้วย
"ผมต้องเข้ากรุงเทพฯครับพ่อ คุณไกรภพนัดไปคุยกับแบงก์รอบสอง"
ศิลาไม่ว่างเสียแล้ว สิงห์กับจันก็เช่นกัน พวกเขาต้องตามไปเป็นบอดี้การ์ดให้ศิลา พฤกษ์จึงรับปากรับคำกับพิศาลว่า เขาจะดูแลอัจจิมาเป็นอย่างดี
แล้วปฐพีก็เริ่มแผนการด้วยการขับรถพาพฤกษ์กับอัจจิมาเข้ามาในฟาร์มอดิศวร อัจจิมาแปลกใจถามปฐพีว่า
"ไหนคุณดินว่าจะพาไปสำรวจเส้นทางเดินป่าไงคะ"
"ก็นี่แหละหนูจี๊ด เส้นทางเดินป่าของธารารินทร์รีสอร์ต ต้องมาเริ่มต้นกันที่ฟาร์ม เลาะเลียบฟาร์มไปทางด้านหลังก็จะเป็นเส้นทางเดินป่าไปที่น้ำตก แล้วก็จะมีจุดชมวิวที่มีกล้วยไม้ป่าขึ้นเต็มไปหมด รับรองว่าคุณพฤกษ์เห็นแล้วต้องชอบ"
"แล้วจะไปกันยังไงครับ คุณปฐพีเป็นคนนำทางใช่มั้ยครับ"
"ผมไม่เชี่ยวเท่าไหร่ เดี๋ยวให้คนที่เซียนเส้นทางนี้นำไปดีกว่าครับ นั่นไงมาโน่นแล้ว"
อัจจิมาและพฤกษ์มองตามมือปฐพีที่ชี้ไป เห็นอัคนีในชุดสุดเท่เดินเข้ามา
"ขอต้อนรับคุณพฤกษ์เข้าสู่การผจญภัยครั้งใหญ่ รับรอง ว่าสนุก ตื่นเต้น เร้าใจแน่นอนครับ"
อัคนียิ้มให้พฤกษ์แต่ปรายตาไปทางอัจจิมา ทำเอาหญิงสาวหมั่นไส้ และอดคิดไม่ได้ว่ายิ้มที่อัคนีส่งให้พฤกษ์นั้นมันดูหลอนๆ แถมเจ้าเล่ห์ยังไงชอบกล...
ที่คอกม้าฟาร์มอดิศวร พี่หนูต่อกำลังกำกับมิลค์เพื่อให้สวมชุดทะมัดทะแมงสำหรับขี่ม้า แต่มิลค์เกี่ยงว่าจะดีหรือ มันไม่มิดชิดจนดูเป็นนักเรียนประจำในโรงเรียนแม่ชีไปหน่อยเหรอ จะทำให้เกย์กลับใจ มันน่าจะแต่งอะไรที่เซ็กซี่
"แบบนั้นก็เท่ากับแบไต๋ให้เขารู้สิคะว่าเราจะจิกเขา ต้องทำให้เขาเซอร์ไพรส์ค่ะ ว่ายัยแม่ชีที่ดูบริสุทธิ์ใสซื่อในตอนแรก ที่แท้ก็คือนังแมวยั่วสวาทดีๆนี่เอง"
"จะให้ยั่วยังไงคะ เห็นชุดแล้วมิลค์ยั่วไม่ออก มันเหมือนเอาผ้ามาพันปิดตั้งแต่ปลายเท้าจดต้นคอเลยอ่ะ"
"แหม ใครจะให้คุณน้องใส่ชุดนี้ตลอดเวลาล่ะค้า...อสรพิษอย่างเรามันต้องรู้จักลอกคราบค่ะ นี่มันแค่ผิวชั้นนอก ส่วนนี่ก็ผิวชั้นใน" พี่หนูต่อปลดเสื้อแขนยาวและกางเกงขาวยาวออกจากไม้แขวนแล้วเอามาพาดที่แขนข้างหนึ่ง เผยให้เห็นเสื้อกล้ามเอวลอยจนแทบจะคล้ายยกทรง และกางเกงผ้ายืดสั้นจู๋ซ่อนอยู่ ข้างใน...มิลค์ถึงกับตาลุกวาวทันที
"ว้าว อย่างนี้ค่อยนึกออกหน่อยว่าจะจิกปากจิกตาใส่หมอนั่นยังไง"
"แล้วนี่ก็ผิวชั้นในสุด ถ้าชั้นนี้หลุดไปเมื่อไหร่ หมอนั่นคงได้เห็นหนังกำพร้าคุณน้องแน่ค่ะ"
พี่หนูต่อปลดเสื้อกล้ามกับกางเกงผ้ายืดออก เผยให้เห็นยกทรงแบบเกาะอกกับบิกินีตัวจิ๋วสีสันจัดจ้านทั้งสองชิ้น มิลค์ กรี๊ดลั่น พี่หนูต่อถึงหน้าเสีย นึกว่ามิลค์จะไม่โอเค แต่เปล่าเลย ที่หล่อนกรี๊ดแตกเพราะถูกใจมากที่สุดต่างหาก บอกว่าถวิลหาแบบนี้มานานแล้ว เสร็จงานมิลค์ขอซื้อต่อทันทีเลย
ooooooo
อัคนีพาพฤกษ์และอัจจิมาเดินมาตามถนนที่ขนาบข้างไปด้วยทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้าน เป็นคอกวัวที่มีรั้วรอบหลายคอกเรียงชิดติดกันยาวไปจนสุดถนน พฤกษ์มองไปรอบๆบริเวณอย่างตื่นตาตื่นใจ ชมว่าฟาร์มคุณไฟมีวัวเยอะจัง อัคนีตอบรับ และอธิบายเสริมอย่างข่มๆฟาร์มของพศวัต ทำให้อัจจิมาต้องคอยโต้อย่างไม่พอใจ
จนเมื่อเดินผ่านไปถึงคอกม้า อัคนีบอกทั้งคู่ว่าเราต้องขี่ม้าไปสำรวจเส้นทาง เพราะทางบางช่วงเป็นที่ชันที่ต้องไต่ขึ้นเขา เอารถเอทีวีเข้าไปไม่ได้ พฤกษ์ไม่ถนัดขี่ม้า แล้วทางคงโหดพอสมควร เลยกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระให้คนอื่น
"ไม่ต้องห่วงครับ เพราะเรามีไกด์กิตติมศักดิ์ซึ่งชำนาญเส้นทางมาดูแลและขี่ม้าให้คุณพฤกษ์โดยเฉพาะ" อัคนีบอกกล่าวอย่างสุภาพ อัจจิมารู้สึกทะแม่งๆ แต่ก็ยิ้มหวานก่อนพูดกับพฤกษ์ว่า
"ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ตอนไปกระบี่คุณพฤกษ์ยังต้อนรับเราอย่างดี คราวนี้เป็นโอกาสที่เราจะได้ตอบแทนคุณพฤกษ์บ้างค่ะ"
ขณะนั้นด้านหลังคอกม้า มิลค์เปลี่ยนชุดที่พี่หนูต่อสรรหามาให้เรียบร้อยแล้วถึงสามชั้น พอพี่หนูต่อส่งสัญญาณว่าเขามาแล้ว มิลค์ก็เยี่ยมหน้าออกไปมองโดยที่ไม่รู้มาก่อนว่า เก้งกว้างที่พี่หนูต่อว่านั้นคือพฤกษ์ที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้แล้ว
"หมอนี่นี่เอง" มิลค์พึมพำอย่างจำได้
"น้องมิลค์รู้จักเขาด้วยเหรอคะ" พี่หนูต่อแปลกใจ
"ทำไมจะไม่รู้จัก นายพฤกษ์นี่ล่ะเกย์ของแท้เลย ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ผละจากคนนั้นก็หันมาซบอกคนนี้ อ๊าย...แล้วนี่หล่อนกล้าดียังไงมาจิกไฟขาของมิลค์ มิลค์ไม่ยอม..."
"อย่าเสียงดังไปค่ะ ถ้าน้องมิลค์แน่ใจว่าหมอนั่นเป็นผู้ชายพันธุ์เดียวกับพี่หนูต่อ น้องมิลค์ก็ต้องกำจัดนายนั่นออกไป จากน้องไฟให้ได้ มารยาหญิงมีกี่พันเล่มเกวียนต้องขนออกมาใช้ให้หมด แล้วส่งนายนั่นมาให้พี่หนูต่ออีกที โอเคมั้ยคะ"
"แหม ต่อคิวแบบเนียนๆเลยนะคะพี่หนูต่อ อย่างว่า...วัวเคยขา ม้าเคยขี่ ที่มาร่วมมือกันครั้งนี้เพราะต้องการช่วยไฟขาหรือหึงอีตานั่นกันแน่คะ"
พี่หนูต่องงกับคำพูดประโยคสุดท้ายของมิลค์ แต่ไม่มีเวลาถามเพราะสามคนนั้นใกล้เข้ามาทุกที จึงบอกให้มิลค์ไปเตรียม เปิดตัวไกด์กิตติมศักดิ์ได้แล้ว
ooooooo