icon member

ดวงใจอัคนี

ตอนที่ 6

นายเข้ม หัวหน้าคนงานในฟาร์มของอัคนีถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวในไอซียู  แต่สุพรรษาห้ามไม่ให้วายุภัคและปฐพีโทร.ไปบอกอัคนี เพราะกลัวจะหมดสนุก

หารู้ไม่ว่ายามนี้อัคนีก็ไม่ได้มีความสุขเท่าไหร่เลย อัคนีจ้องแต่จะหาโอกาสพูดคุยปรับความเข้าใจกับอัจจิมาให้จงได้

จนเมื่อปีใหม่กับใหญ่ร่วมมือกันทำให้เขาสลัดมิลค์ออกไปได้ อัคนีกับอัจจิมาจึงมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพังอีกครั้งตอนที่ทางโรงแรมจุดพลุต้อนรับวันปีใหม่ที่ชายหาด

ส่วนมิลค์ก็มีโอกาสได้เจอพฤกษ์จังๆ สองคนทำความรู้จักกันด้วยดี โดยมิลค์เข้าใจว่าพฤกษ์เป็นเพื่อนสาว จึงทำตัวสนิทสนมกับเขาอย่างรวดเร็ว แถมยังดีดดิ้นแอ็กท่าให้เขาช่วยถ่ายรูปเป็นที่สนุกสนานจนลืมอัคนีไปชั่วขณะ

อีกด้านของหาด อัคนีอยากรู้ว่าอัจจิมาหลับตาอธิษฐานขออะไรในวันขึ้นปีใหม่ แต่แล้วคำตอบของเธอก็ทำให้เขาสะอึกอึ้งไปหลายวินาที

"ขอให้นายลืมเรื่องเมื่อคืนนี้ ขอให้เราจากกันด้วยดี แล้วถ้าไม่จำเป็นก็ขอให้เราอย่าได้เจอหน้ากันอีก"

พูดจบอัจจิมาเดินหนีเขาไปทันที แต่อัคนีไม่ปล่อยโอกาสทองไปง่ายๆ จ้ำตามเธอไปอีก

"นี่...นายจะตามฉันไปถึงไหน" เธอหันมาว้าก

"ก็จนกว่าเธอจะรับฟังคำอธิบายของฉันและเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง"

"นายก็แค่ต้องการแก้แค้นฉัน ต้องการทำให้ฉันเสียใจ ต้องการทำให้พศวัตอับอาย"

"นั่นคือสิ่งที่เธอคิด ให้ฉันได้พูดในสิ่งที่ฉันคิดบ้างได้มั้ย? ใช่ ครอบครัวเราสองคนเป็นศัตรูกัน พ่อเธอ พี่ชายเธอ รวมทั้งตัวเธอเองก็เกลียดขี้หน้าฉัน ฉันรู้ แต่เราจะอยู่บนความโกรธแค้นชิงชังกันไปอีกนานเท่าไหร่"

"แล้วนายมาก่อเรื่องกับฉัน ทำให้เรื่องมันยากขึ้นไปอีกทำไม นายทำลายฉันแถมยังควงแม่นั่นมาเย้ย เพียงเพราะต้องการเหยียบย่ำพศวัตเท่านั้น"

"ไม่จริง เรื่องมิลค์ฉันไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง แต่ที่รู้คือฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอ ฉันไม่รู้ตัว แต่ถ้าถามว่าฉันอยากให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้มั้ย ฉันตอบได้เดี๋ยวนี้เลย ฉันอยากให้มันเป็น แต่ไม่ใช่อย่างไร้สติ ฉันอยากได้เธอมาเป็นผู้หญิงของฉันโดยที่ฉันรู้ตัว โดยที่ฉันมีสติ เพราะฉัน...ฉัน..."

อัคนีไม่พูดต่อ แต่ดึงเธอเข้ามากอดและบรรจงจูบอย่างละมุนละไม...อัจจิมายืนตะลึงหลับตาพริ้ม รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบาว่า

"สุขสันต์วันปีใหม่ ขอให้จี๊ดของไฟมีความสุขมากๆนะ"

หญิงสาวลืมตาตื่นจากภวังค์ ผละออกห่างจากเขา พร้อมกล่าวอย่างตัดใจว่า

"ฉันจะมีความสุขมาก ถ้านายจะลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ และไม่มีวันจะเป็นไปได้"

อัจจิมาเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้อัคนียืนเอ๋ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจตะโกนตามหลังเธอไป

"ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ฉันไม่มีวันยอมแพ้พ่อกับพี่ชายเธอรวมทั้งตัวเธอด้วย ได้ยินมั้ย...จี๊ด"

อัคนีมุ่งมั่นในคำพูดของตนเองอย่างมาก พอเช้าวันรุ่งขึ้นเขาตั้งใจว่าจะต้องคุยกับอัจจิมาอีกครั้งขณะนั่งเครื่องกลับพร้อมกัน แต่สุดท้ายเขาก็หมดโอกาส หลังรู้จากพฤกษ์ว่าอัจจิมาออกจากโรงแรมไปตั้งแต่ตีห้าแล้ว โดยเธอให้พฤกษ์ไปส่งที่สนามบิน

จากนั้นพฤกษ์ผละไปหามิลค์ที่เตรียมตัวจะกลับเหมือนกัน พฤกษ์นำรูปที่ถ่ายเมื่อคืนไรต์ลงแผ่นซีดีมาให้เธอด้วย มิลค์ขอบคุณและบอกเขาว่าเธอต้องรีบไป เพราะแฟนเปลี่ยนไฟลต์กลับเร็วขึ้น

"เหรอคะ ไม่ทราบจริงๆว่าคุณมีคนรักมาด้วย คือขอโทษนะคะ บังเอิญผมไม่เคยเห็น"

"เขาขี้อายค่ะ" พูดแล้วมิลค์เหลือบมองไปทางแอนดี้ซึ่งนั่งก้มหน้าก้มตาดูแปลนงานในมือ "ใครจะก๋ากั่นควงแฟนโชว์ได้อย่างตัวเองล่ะ แต่อีตาฝรั่งนี่ก็หล่อดีนะ"

"ค่ะ มีสาวๆรุมจีบเขาเยอะ แต่เขาก็ไม่สนใจใคร นอกจากแฟนเขาคนเดียว"

"อุ๊ยตาย มั่นมากเลยนะยะ ลืมพี่หนูต่อไปเลยสิ"

"พี่หนูต่อ...ยังค่ะ  ยังไม่ลืม  เอ๊ะ  นี่คุณรู้จักพี่หนูต่อด้วยเหรอ"

"เรียกว่าซี้เลยล่ะ"

"ถ้าเจอพี่เขาเมื่อไหร่ ฝากบอกด้วยนะคะว่าผมคิดถึง"

"ว้าย หว่านเสน่ห์ไปทั่ว เจ้าชู้นะยะ เอาเถอะ ถ้าเจอแล้วจะบอกให้นะว่าตัวเอง เอ่อ จริงสิ ตัวเองชื่ออะไร"

"พฤกษ์ค่ะ แล้วคุณ..."

"มิลค์จ้ะ วันไหนตัวเองไปปากช่องก็แวะแต่งหน้าทำผมที่ร้านเค้าได้นะ นี่จ้ะนามบัตร รับรองออกมาเริ่ด เค้าต้องรีบไปแล้วล่ะ เดี๋ยวแฟนเค้าคอยนาน เค้าไปน้า...จุ๊บๆ"

มิลค์โผเข้าหอมแก้มพฤกษ์เยี่ยงเพื่อนสาวคนหนึ่งก่อนจะวิ่งถือกระเป๋าออกไป...พฤกษ์ยืนอึ้ง กว่าจะประมวลเหตุการณ์ได้ว่ามิลค์ต้องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ หญิงสาวก็วิ่งออกไปไกลแล้ว

ooooooo

ไกรภพมารอรับอัจจิมาที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วพาไปส่งที่ฟาร์มพศวัต ยังความเป็นปลื้มชื่นชมให้กับพิศาลที่ไหว้วานอะไรไกรภพแล้วไม่เคยผิดหวัง  แต่อัจจิมานั้นดูไม่ค่อยแฮปปี้เท่าที่ควร พูดกับพ่อว่า

"ความจริงจี๊ดกลับเองก็ได้นะพ่อ ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณไกรภพเลย"

"เราก็...จะอะไรนักหนา พี่เขาอุตส่าห์ไปรับแทนที่จะดีใจ กลับมาทำหน้าหม่นซะนี่ แล้วเป็นไง ไปเที่ยวไม่สนุกเหรอ ทำไมดูซึมๆชอบกล"

"สนุกสิพ่อ สนุกมากเลย เอ่อ ถ้างั้นจี๊ดไปทำงานก่อนนะ"

อัจจิมารีบชิ่งออกไปช่วยคนงาน ไกรภพมองตามหญิงสาวไปอย่างชื่นชม พลางคิดในใจว่าเหมาะจะเอามาทำเมียจริงๆ

"น้องจี๊ดนี่ขยันจังเลยนะครับคุณอา มาถึงแทนที่จะพักสักหน่อย กลับเข้ามาทำงานเลย"

"เขาขยันเหมือนแม่ เออ แล้วเรื่องไล่ที่ล่ะ ไปถึงไหนแล้ว"

"ที่ผมแวะมาก็เรื่องนี้ล่ะครับ ทนายความผมเอาประกาศไปปิดไว้แล้ว แต่ทางการให้เวลาพวกชาวบ้านย้ายออกตั้ง 60 วัน ซึ่งผมว่ามันนานเกินไป ก็เลยจะมาปรึกษาคุณอาว่าผมจะยัดเงินให้พวกนั้นบ้านละสองหมื่น คุณอาจะว่ายังไงครับ"

"ทั้งหมดก็ตกราวๆสี่ห้าแสนใช่มั้ย มันก็เยอะอยู่นะ"

"แต่มันเทียบไม่ได้กับเวลาที่เราต้องสูญเสียไปนะครับ"

"เอาเถอะ อาไม่ได้เป็นคนวางแผนงานก็เลยไม่ได้เห็นตัวเลขทั้งหมด ถ้าพ่อไกรเห็นว่าอะไรดีอะไรเหมาะก็จัดการไปเลย แล้วค่อยมาหักลบกลบหนี้กันทีหลังนะ"

"ครับ มีอะไรผมก็ต้องมาปรึกษาคุณอาก่อนอยู่แล้ว ทั้งในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนและในฐานะผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ ถ้ายังงั้นผมรีบไปจัดการเลยนะครับ"

ไกรภพยกมือไหว้พิศาลอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินทำจมูกฟุดฟิดพ่นลมหายใจที่กลั้นเอาไว้อย่างหนักเพราะเหม็นขี้วัวแทบจะอ้วก

ด้านอัคนี พอกลับถึงบ้านรู้ข่าวที่เข้มถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส และออฟฟิศของตนเกือบถูกวางเพลิง เขาโมโหหนัก คิดสะระตะแล้วมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือศิลาแน่ๆ จึงทำท่าจะไปเอาเรื่อง แต่ถูกพ่อกับแม่ปรามไว้ เพราะเรายังไม่มีหลักฐานชัด พบเพียงแกลลอนน้ำมันอย่างเดียว ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการ

หลังจากนั้นอัคนีแวะไปเยี่ยมเข้มที่ยังนอนอาการเพียบอยู่โรงพยาบาล โดยที่ศักดิ์ก็ยังเฝ้าอยู่ด้วยความเป็นห่วง เพิ่มตามมาทีหลัง พอเห็นสภาพลูกชายปางตาย เพิ่มถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะตัวเองเป็นคนนำพาพวกศิลาเข้าไปในฟาร์มจนเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ แต่เพิ่มก็ไม่กล้าที่จะพูดกับใคร ได้แต่เก็บความลับนี้ไว้ เหมือนน้ำท่วมปาก

ขณะเดียวกันนั้น อัจจิมามาธุระที่ตลาด แล้วบังเอิญเจอพี่หนูต่อ จึงได้รู้เรื่องไฟไหม้โรงเก็บหญ้าในฟาร์มของอัคนี หญิงสาวตกใจมาก ถามพี่หนูต่อว่าไฟช็อตหรือลัดวงจร

"ไม่ใช่เกิดจากไฟฟ้าหรอกค่ะ เกิดจากคนที่มันลอบเข้าไปวางเพลิงนี่แหละ ได้ข่าวว่าที่ออฟฟิศน้องไฟโดนพวกมันปล้นเงินไปด้วย ที่สำคัญนายเข้มหัวหน้าคนงานของน้องไฟก็โดนรุมทุบซะน่วม ตอนนี้นอนอาการเป็นตายเท่ากันเลยค่ะ"

"โจรที่ไหน ทำไมใจคอมันถึงได้เหี้ยมขนาดนี้ มาปล้นคนในวันที่เขาควรจะมีความสุขได้ แล้วนี่ตำรวจได้เบาะแสอะไรรึยังคะ"

"ยังเลยค่ะ แต่มันน่าจะเป็นไอ้สามคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์สวนรถพี่หนูต่อออกมาจากฟาร์ม เพราะมันสวมหมวกปิดหน้าปิดตามีพิรุธ พวกมันน่าสงสัยที่สุด"

ทันใดนั้นเอง อัคนีโผล่เข้ามายืนขนาบข้างพี่หนูต่ออีกด้าน

"หน้าตามันเหมือนลูกชายนักเลงโตกับไอ้สมุนขี้เรื้อนสองตัวของฟาร์มพศวัตมั้ยครับพี่หนูต่อ"

"อย่ามาปากพล่อยโทษใครสุ่มสี่สุ่มห้านะนายไฟ" อัจจิมาแหวใส่ พร้อมกับขึงขังจะเอาเรื่อง

"อย่าถึงกับต้องลงไม้ลงมือกันกลางตลาดเลยนะคะ น้องไฟมาก็ดีแล้ว อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งคู่เลย ถ้างั้นพี่หนูต่อขอเชิญที่ร้านสักครู่นะคะ พี่หนูต่อมีเรื่องจะสารภาพน่ะค่ะ"

สองคนเดินตามพี่หนูต่อไปในร้าน แล้วก็ทำท่าจะทะเลาะกันอีก พี่หนูต่อเลยต้องรีบเข้าประเด็น

"คือเรื่องในคืนงานเลี้ยงสละโสดของนายใหญ่กับยัยปีใหม่ที่โรงแรมคุณพฤกษ์ ที่พี่หนูต่อพาน้องไฟกับน้องหนูจี๊ดไปส่งที่ห้อง แล้วมันมีเหตุที่ทำให้น้องไฟกับน้องหนูจี๊ดต้องนอนอยู่ด้วยกันทั้งคืนยันเช้า"

ทั้งคู่เบิกตาโตด้วยความตกใจ รู้สึกอายแทบแทรกแผ่นดินหนีที่พี่หนูต่อรู้ แถมยังยืนยันด้วยว่าเห็นเต็มสองตา

"สมใจนายแล้วใช่มั้ย มีพยานชัดเจนอย่างนี้" อัจจิมาเสียงเครือด้วยความเจ็บแค้นใจ

"แล้วเรื่องกางเกงน้องหนูจี๊ดที่เปื้อน..."

"หยุดเถอะค่ะพี่หนูต่อ ถ้ายังรักจี๊ด อย่าพูดเรื่องนี้กับจี๊ดอีกนะคะ จี๊ดขอร้อง"  อัจจิมาตัดบท  รีบเดินออกไปจากร้านด้วยความอับอาย

"อ๊าย...น้องหนูจี๊ดโกรธพี่หนูต่อจริงๆด้วย ทำไงดีคะน้องไฟ"

"เดี๋ยวผมเคลียร์เรื่องนี้กับเขาเอง ผมเป็นลูกผู้ชายยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบ แต่พี่หนูต่อสัญญาได้มั้ยครับว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ผมไม่อยากให้จี๊ดเสียหาย...นะครับ"

พี่หนูต่อพยักหน้ารับแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมอัจจิมาต้องโกรธขนาดนี้ แล้วอัคนีไยต้องมายืดอกรับผิดชอบด้วย ทั้งที่ตนแค่ทำที่ทาแก้มหกใส่กางเกงอัจจิมาก็เท่านั้น

อัคนีต้องการจะเคลียร์กับอัจจิมาจึงจ้ำตามเธอไป แต่ขณะยื้อยุดฉุดดึงกันอยู่นั้น ศิลาโผล่พรวดเข้ามาชกหน้าอัคนีเต็มๆหมัด และสิงห์กับจันที่มาด้วยทำท่าจะช่วยกระทืบซ้ำ ถ้าอัจจิมาไม่ร้องห้ามเอาไว้ ก่อนจะพาพี่ชายและสมุนกลับฟาร์มไปทันที

พิศาลเดือดดาลหลังฟังศิลาเล่าว่าไปเจออัคนีกำลังจับมือถือแขนอัจจิมากลางตลาด พอเขาซักถามว่าทะเลาะอะไรกัน ลูกสาวก็อึกอักไม่อยากโกหก ได้แต่บ่ายเบี่ยงว่าเรื่องไร้สาระ

"ก็ไอ้เรื่องไร้สาระของแกน่ะ มันเรื่องอะไร" พิศาลเสียงดัง อัจจิมาจำใจยกเรื่องเก่าที่เคยทะเลาะกับอัคนีขึ้นมาอ้าง

"เรื่องแย่งที่จอดรถกันน่ะ เขาบอกเขาเห็นก่อนแต่จี๊ดเข้าไปจอดได้ก่อน เขามาต่อว่าจี๊ดก็เลยทะเลาะกันนิดหน่อย"

"ผู้ชายอะไรไม่มีศักดิ์ศรี หาเรื่องทะเลาะกับผู้หญิง พ่อล่ะเกลียดจริงๆ ยิ่งไอ้ประเภทใช้กำลังข่มเหงล่วงเกินผู้หญิงด้วยแล้ว อย่าได้โผล่มาให้เห็นหน้านะไอ้พวกนี้ พ่อจะยิงให้ไส้แตกเลย โดยเฉพาะแกสามคน แกจะชั่วจะเลวยังไง ฉันยังรับได้ ขออย่างเดียวอย่าไปทำหน้าตัวเมียรังแกผู้หญิงที่ไหนเป็นอันขาด ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่ เข้าใจมั้ย"

"โธ่ ใครๆก็รู้ว่าผมเป็นลูกพ่อ ผมจะกล้าทำชั่วอย่างนั้นได้ยังไง แล้วไอ้สองตัวนี่มันก็นักเลงขี้ไก่ ปัญญาอ่อนก็เท่านั้น มันจะไปทำอะไรใครได้"

สิงห์กับจันถึงสะดุ้งที่ลูกพี่ดีดขี้ใส่กันเห็นๆ

"รู้จักระวังตัวอย่างนี้ก็ดี อย่าเที่ยวไปสร้างศัตรูเหมือนอย่างพวกลูกชายไอ้มนตรี จนขนาดฟาร์มโดนปล้นโดนเผายังจับมือใครดมไม่ได้ เสียดายมันน่าจะโดนเผาให้ราบทั้งโรงแรมทั้งฟาร์มทั้งไร่องุ่น พ่อล่ะอยากเห็นความพินาศย่อยยับของไอ้พวกอดิศวรมันจริงๆ"

อัจจิมาเห็นสีหน้าเคียดแค้นชิงชังของพ่อแล้วพานหนักใจ  ขณะเดียวกัน  อัคนีที่ถูกศิลาชกปากเลือดซิบกลับไป วายุภัคกับปฐพีเห็นแล้วก็อดกลุ้มใจแทนไม่ได้ ขนาดพวกนั้นยังไม่รู้ความจริงว่าอัคนีทำอะไรกับอัจจิมายังซัดซะได้เลือดขนาดนี้ ถ้ารู้คงเอาถึงตาย

"เฮ้อ ฉันว่าแล้ว ยังไงนายกับยัยจี๊ดก็ต้องสปาร์กกันจนได้ ถามจริงๆเถอะวะ ยัยจี๊ดยอมนายได้ยังไง เฮี้ยวขนาดนั้น" วายุภัคสงสัย แต่อัคนีเลี่ยงหนีไม่ตอบ ปฐพีเลยทั้งเดาทั้งคาดคั้น

"นายไปปล้ำเขา เขาสมยอม เมาไม่รู้ตัว หรือเผลอใจแอบปิ๊งกันตอนไหน เมื่อไหร่ ไหนว่ามาซิ"

"ไม่รู้" อัคนีตอบเสียงแผ่ว

"เฮ้ย คนจะมีอะไรกันมันต้องมีเหตุจูงใจนะเว้ย หรือว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไร ตกลงนี่นายโม้รึเปล่าวะ"

"โม้อะไรล่ะ เลือดย้อยเต็มกางเกงเขาขนาดนั้น" อัคนีหลุดปาก สองหนุ่มตกใจถึงกับอุทานพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย

"หา!....เลือดย้อย!"

อัคนีเดินเลี่ยงไปโกยข้าวโพด หางตามองเห็นอัจจิมาวิ่งผ่านไปไวๆ จึงไม่ได้ฟังที่ปฐพีกับวายุภัคพ่นออกมาอีก แล้วขอตัวสักครู่ วิ่งจู๊ดออกไปทันที

อัจจิมาแอบเข้ามาสำรวจโรงเก็บหญ้าว่าถูกไฟไหม้เสียหายแค่ไหน แต่คำพูดของอัคนีกลับทำให้เธอโมโหขึ้นมาทันที

"เสียใจไหมล่ะที่มันไม่หนักหนาอย่างที่คิด"

"นายไฟ! ที่ฉันมาดูก็เพราะฉันนับถือพ่อแม่ของนาย และเห็นว่าเราเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ถ้านายเห็นฉันเป็นศัตรู ฉันก็ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าฉันจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก"

อัจจิมาจะชิ่งหนี แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนอัคนีก็ดึงแขนเธอไว้แล้วรั้งตัวกลับมา

"เธอเป็นศัตรู...ศัตรูหัวใจ"

อัจจิมาซึ่งกำลังปี๊ดถึงกับชะงักตั้งตัวไม่ติด ปรับอารมณ์ ตามอัคนีแทบไม่ทัน ถามว่าอารมณ์ไหนของนายเนี่ย

"อารมณ์อยากหอมแก้มศัตรู" เขาไม่พูดเปล่า ก้มหน้าลงมาจะทำตามที่พูด แต่ถูกเธอยกเข่ากระแทกเข้าเป้ากางเกงเฉียดกล่องดวงใจไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด แต่ถึงกระนั้นก็ทำเอาเขาทั้งจุกทั้งเสียด

"โอ๊ย...ทีหลังจะเตะจะถีบก็ให้มันไกลจุดยุทธศาสตร์ หน่อยได้มั้ย"

"ฉันขอเตือนนายนะ อยู่ให้ห่างฉันไว้เป็นดีที่สุด เพราะถ้านายขืนมาตอแยฉัน พ่อกับพี่ชายฉันคงไม่ชอบใจ แล้วนายนั่นแหละที่จะเดือดร้อน"

"ขอบคุณที่เป็นห่วง"

"ฉันสมเพช"

"ความสมเพชเป็นที่มาของความสงสาร..ความสงสารเป็นที่มาของความรัก"

หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่แล้วส่ายหน้า พูดดีก็แล้ว ร้ายก็แล้ว แต่อัคนีเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว พอเธอจะเดินหนีออกมา ก็ต้องชะงักกึกกับเสียงตะโกนของอัคนี

"ช่วยด้วย ขโมยบุกเข้ามาในฟาร์ม ช่วยด้วยยยย..."

อัจจิมาหูตาเหลือก รีบวิ่งเข้าไปปิดปากเขา สั่งให้หุบปากเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ใครจะมาได้ยินแล้วเข้าใจว่าเธอเป็นขโมยจริงๆ

"ก็เธอเป็นขโมยจริงๆนี่"

"ฉันไปขโมยอะไร ใคร ที่ไหน เมื่อไหร่"

"เธอขโมยหัวใจฉัน ที่ไหน เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีก็พบว่าหัวใจฉันหายไปอยู่กับเธอแล้ว"

อัจจิมาตะลึง แข้งขาอ่อนล้า หัวใจแทบละลาย อัคนีคว้าโอกาสทองจะประกบปากเธอ แต่เธอได้สติเสียก่อน เบี่ยงหน้าหลบแล้ววิ่งมือเท้าพันกันหนีไปอย่างเอียงอาย อัคนียิ้มกรึ่มใจ แต่แล้วสักครู่ชายหนุ่มผู้ไม่ค่อยได้สัมผัสความอาย กลับรู้สึกอายขึ้นมาจับขั้วหัวใจ เมื่อปฐพีและวายุภัคตามมายืนประกบซ้ายขวา แล้วก๊อบปี้คำพูดลิเกๆ และท่าทางของอัคนีด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ก่อนจะพากันขำก๊ากออกมา

"ฮ่าๆๆๆ อ้วกจะแตก คิดได้ไงวะเนี่ย"

"แต่มันก็เวิร์กนะเว้ย คำพูดเฉิ่มๆของคนห่ามๆ ทำเอาสาวห้าวอายม้วนไปเลย"

ถ้าเป็น ณ เวลาอื่น อัคนีคงจะดีดซ้ายดีดขวาใส่ปฐพีและวายุภัคไปแล้ว แต่ ณ ยามที่หัวใจอบอวลไปด้วยความรัก ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนยิ้มเขิน ภูมิใจในความเปิ่นเฉิ่มแต่จริงใจของตัวเอง...แล้วอีกครู่ต่อมา ความเขินก็เปลี่ยนเป็นอายแสนอาย เมื่อวายุภัคกับปฐพีไปดึงศักดิ์ผู้มีพรสวรรค์ในการร้องรำทำเพลงมาร่วมวงแซวด้วยอีกคน

ooooooo

บ่ายแก่ๆ อัคนีและอัจจิมาเอานมไปส่งที่ร้านเฮียป๋องพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เฮียป๋องรู้แกวคู่นี้ มาเจอกันต้องมีเรื่องแน่ อัคนีอยากพูดคุยกับอัจจิมาดีๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงต่อหน้าคนอื่น ก็เลยใช้วิธีห่ามๆตามสไตล์ทะเล้นของตัวเองด้วยการแซวเรื่องนมจนเธอทั้งอายและโกรธ

เฮียป๋องเห็นท่าไม่ดีจะไล่ทั้งคู่ไปตีกันนอกร้าน   แต่ทันใดนั้นมิลค์เสียงแหลมเข้ามาทักอัคนีด้วยความดีใจ อัจจิมาหมั่นไส้เลยสะบัดพรืดกลับไปที่รถ แล้วเคลื่อนไปส่งนมต่อแถวโรงพยาบาล แต่ไม่ทันจะกลับออกมา เธอมองไปเห็นอัคนีเดินเข้าไปในโรงพยาบาลและพูดคุยกับพยาบาลสาวคนเดิมด้วยท่าทีสนิทสนมเช่นเคย ทำให้เธอรู้สึกขุ่นมัวขึ้นมาอีก...

ตกเย็นกลับเข้ามาที่ฟาร์ม อัคนีถูกปฐพีกับวายุภัคบ่นยกใหญ่ที่ไปทำปากเสียให้อัจจิมาโกรธขึ้นมาอีก เลยยังไม่ได้บอกรักเธอเสียที

"ก็ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับเขาดีๆต่อหน้าคนอื่นยังไง มันเหมือนถูกตั้งโปรแกรมไว้ว่า เจอหน้ากันเมื่อไหร่ต้องจวกกันเมื่อนั้น"

"ตกลงนี่นายรักเขารึเปล่า หรือที่เทียวตามเขาอยู่ทุกวันเพราะแค่ต้องการจะรับผิดชอบ"

"ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าฉัน...รักพิมพ์"

วายุภัคกับปฐพีมองหน้ากันอย่างอ่อนใจ ก่อนจะช่วยกันเทศนาอัคนีต่ออีก

"เราไม่จำเป็นต้องรักใครหรือมีใครแค่คนเดียวตลอดชีวิตนะ   ที่พวกฉันอยากรู้ก็คือนายรักยัยจี๊ดรึเปล่า   ผู้ชายอาจจะอยู่กับผู้หญิงคนไหนก็ได้  แต่สำหรับผู้หญิง  ความรักสำคัญที่สุด  โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างยัยจี๊ด  ฉันฟันธงได้เลยว่ายัยจี๊ดคงไม่ยอมอยู่กับนายเพียงเพราะนายต้องการจะรับผิดชอบเขาแค่นั้น"

"แล้วฉันจะทำยังไง"

"นายก็บอกเขาไปว่านายไม่ได้แค่ต้องการจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เป็นเพราะนายรักเขาด้วย ปัญหาก็คือนายรักเขารึเปล่า"

อัคนีอึกอักหนักใจไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่พอวายุภัคกับปฐพีช่วยกันยกตัวอย่างหลากหลายเกี่ยวอัจจิมา ทั้งเรื่องพ่อและพี่ชายของเธอที่อัคนีต้องการเอาชนะใจ เรื่องที่ไม่ชอบให้ผู้ชายหน้าไหน ไม่ว่าจะเป็นชายแท้ เกย์ ตุ๊ด หรือกะเทยเข้าใกล้เธอ นอกจากตัวเองคนเดียว แล้วยังเรื่องรั้วกันแบ่งเขตระหว่างพศวัตกับอดิศวรที่ไม่อยากให้มีตั้งนานแล้ว...อัคนียอมรับว่าใช่ทั้งหมด สองหนุ่มจึงฟันธงได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่า นั่นแหละเขาเรียกว่าความรัก และนายก็ควรจะไปสารภาพกับเธอซะ แต่อย่าลืมเลือกสถานที่ที่บรรยากาศเป็นใจด้วย

ooooooo

ดวงใจอัคนี

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด