icon member

ดวงใจอัคนี

ตอนที่ 11

ในคืนนี้เอง อัคนีแอบปีนหน้าต่างขึ้นมาหาอัจจิมาบนห้องโดยมีศักดิ์คอยดูต้นทางอยู่ข้าง ล่าง อัจจิมาทั้งดีใจและตกใจ ทั้งกลัวอัคนีจะเป็นอันตรายอีกหากพ่อกับพี่ชายของเธอรู้เห็นเข้า แต่อัคนีบอกไม่กลัว ทั้งยังออดอ้อนอัจจิมาด้วยความเสน่หา ก่อนจะชวนเธอหนีไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย

"จี๊ดทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าจี๊ดทิ้งพ่อไปแล้วใครจะดูแลพ่อดูแลฟาร์ม ไฟก็รู้ว่าพี่ศิลาเป็นยังไง จี๊ดรักไฟนะ ไฟคือเจ้าหัวใจแต่พ่อคือเจ้าชีวิต จี๊ดไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญูนะไฟ"

อัคนีดึงอัจจิมาเข้ามากอดแนบอกแน่น ไม่ได้เสียใจที่หญิงสาวไม่เห็นดีด้วย แต่กลับรู้สึกรักและศรัทธาในความกตัญญูของหญิงสาวที่มีต่อบุพการีเพิ่มขึ้น ไปอีก

"ไฟเข้าใจ ถ้างั้นเราค่อยๆคิดกันนะ ปัญหาทุกอย่างต้องมีทางออก"

แล้วทั้งคู่ก็ต้องผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงไขกุญแจ ห้อง...อัจจิมาร้อนรนเหลียวซ้ายแลขวาจะทำยังไงดี   แล้วตัดสินใจให้อัคนีเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้า แต่ไม่ทันที่เขาจะเข้าไป ประตูห้องก็เปิดเข้ามาเสียก่อน ทำให้อัคนีและพิศาลแทบจะเผชิญหน้า ถ้าไม่มีประตูตู้กั้นระหว่างทั้งคู่เอาไว้

"ทำอะไร" พิศาลถามเสียงแข็ง อัจจิมาตอบอึกอักว่ากำลังจะเข้านอน พูดพลางก็ค่อยๆเอาตัวดันอัคนีเข้าไปด้านในตู้ ก่อนจะหยิบผ้าห่มผืนใหม่ออกมาแล้วงับตู้ปิด

"ฉันได้ยินเสียงเหมือนแกกำลังคุยกับใคร"

"เปล่านี่คะ"

"แล้วเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ทำไม เดี๋ยวยุงได้เข้ามาหามเอาหรอก"

พิศาลจะเดินไปปิดหน้าต่าง แต่อัจจิมาไวกว่ารีบดิ่งชิงไปปิดเองก่อนเพราะไม่งั้นพิศาลได้เห็นบันไดที่พาดอยู่แน่ๆ

"จี๊ดเปิดระบายอากาศก่อนเข้าไปอาบน้ำน่ะค่ะ เผลอแป๊บเดียว ลืมซะแล้ว พ่อมีธุระอะไรกับจี๊ดรึเปล่าคะ"

"เมื่อกี้พ่อไกรโทร.มาบอกว่าวันมะรืน เขาจะออกจากโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นแกเตรียมตัวให้ดี"

"จี๊ดไม่ไปรับเขานะคะ"

"แกไม่ต้องไป รออยู่ที่บ้านนี่แหละ พ่อไกรออกจากโรงพยาบาลแล้วเขาจะมาหมั้นและแต่งงานกับแกทันที"

อัคนีในตู้อึ้งตะลึงแทบช็อก ขณะที่อัจจิมาแม้พ่อจะเคยเกริ่นเรื่องนี้เอาไว้แล้วแต่เธอก็อดที่จะตกใจไม่ได้ สวนพ่อทันควันว่า

"ไม่นะคะพ่อ จี๊ดไม่ได้รักเขา พ่อก็รู้นี่คะว่าเรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้"

"ถ้าแกเห็นหัวใจของแกสำคัญกว่าพ่อก็เชิญเลย จะเลือกเป็นนางบำเรอให้ศัตรูหรือเลือกคนที่คอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้แก ตั้งแต่เกิดก็ตามใจ แต่ฉันบอกแกก่อนนะว่า ถ้าแกคิดจะไปอยู่กับพวกอดิศวร แกไม่ต้องกลับมาเหยียบบ้านนี้ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่ออีกเลย"

พิศาลประกาศอย่างฉุนจัดแล้วหันกลับออกไปโดยไม่ลืมปิดล็อกประตูไว้อีก อัจจิมาหมดแรงปล่อยโฮออกมาจนตัวสั่นเทิ้ม อัคนีออกจากตู้เข้ามาโอบกอดเธอไว้อย่างเข้าใจและเห็นใจ...ชายหนุ่มปล่อยให้ หญิงสาวร้องไห้ระบายความเจ็บปวดรวดร้าวในใจ ในขณะที่ตัวเองก็พูดไม่ออก ไม่รู้จะปลอบโยนยังไงเพราะหัวใจตัวเองก็เจ็บเจียนตายพอกัน

ooooooo

พฤกษ์พามิลค์กลับไปส่งที่บ้านแล้วถูกกำนันทองพ่อของมิลค์เอะอะโวยวายไม่พอใจ ที่พฤกษ์พาลูกสาวของเขาหายไปทั้งวัน  ถามว่าตกลงพฤกษ์จะรับผิดชอบยังไง

"คือ...ผมก็ตั้งใจอยู่แล้วครับว่าจะมาพูดสู่ขอคุณมิลค์ เร็วๆนี้"

"ทำไมไม่พูดซะวันนี้เดี๋ยวนี้เลยล่ะ"

"พ่ออ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้" มิลค์ท่าทีเขินอาย

"ขอบคุณมากครับที่ให้โอกาสผม คือผมกับคุณมิลค์รักกัน แล้วก็อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันน่ะครับ ผมจึงอยากขอความกรุณาคุณอาได้โปรด..."

"เฮ้ย ต้องมาขอความกรุณาอะไร รักกันชอบกันก็ต้องได้อยู่ด้วยกันสิวะ แต่เอ็งต้องทำตามกฎ"

"กฎอะไรครับ คุณอาว่ามาเลย ผมพร้อมทำตามทุกข้อครับ"

"เอ็งต้อง ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่บ้า ไม่สกปรก ไม่กินเป็ด ไม่ออกแดด ไม่เที่ยวเลานจ์ ไม่กินดิบ...เอ่อ...อะไรอีกหว่า"

มิลค์เห็นพ่อชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่เลยออกตัวกับพฤกษ์ซึ่งนั่งเงียบเพราะเอ๋อกับกฎของกำนันทอง

"มิลค์ว่าคุณกลับบ้านก่อนดีกว่านะคะ คือพ่อคงเมาน่ะค่ะ...พ่อ คุณพฤกษ์จะกลับแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็แล้วกัน"

"ผมกลับก่อนนะครับ" พฤกษ์ยกมือไหว้แบบยังอึ้งไม่หาย ก่อนจะออกไปขึ้นรถ มิลค์โบกมือบ๊ายบายพฤกษ์จนลับตา แล้วหันกลับมาเท้าเอววีนแตกใส่พ่อ

"อะไรของพ่อเนี่ย"

"อ้าว ก็ลูกบอกให้พ่อทำดุทำหวงแล้วก็ตั้งกฎตั้งข้อแม้เยอะๆ เวลาไอ้หมอนั่นมาขอไง"

"ถูก! แต่ดูกฎดูข้อแม้ของพ่อสิ ดูดีแค่สามข้อแรก ที่เหลือมีแต่บ้าๆบอๆทั้งนั้น"

"อุตส่าห์คิดอุตส่าห์ท่องตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยนะนั่นน่ะ เออๆๆ เดี๋ยวคืนนี้คิดให้ใหม่ก็แล้วกัน"

"ยังจะกล้าคิดอีกเหรอ ไม่ต้องมีข้อม้งข้อแม้อะไรแล้ว เอาแค่เรียกสินสอดพอประมาณก็แล้วกัน อย่าเว่อร์นะพ่อ ถ้าเว่อร์ มิลค์หนีตามเขาไปเองจริงๆด้วย" มิลค์เดินกระเง้ากระงอดกลับเข้าห้อง...เสียงกำนันทองบ่นไล่หลัง

"เฮ้อ...มีลูกสาวกับเขาอยู่สองคนก็อยากมีผัวจนตัวสั่นด้วยกันทั้งคู่"

ทันใดเจ้านกขุนทองตัวโปรดของกำนันทองก็เปล่งเสียงเลียนแบบเจ้านายว่า "อยากมีผัวจนตัวสั่น" พูดอยู่อย่างนี้หลายครั้งจนกำนันทองตาเหลือกตกใจ สั่งให้มันหุบปากเดี๋ยวนี้ เพราะกลัวมิลค์จะออกมาอาละวาดบ้านแตกเข้าให้อีก

ooooooo

"จี๊ดจะไม่ยอมเป็นของใครนอกจากไฟคนเดียว" อัจจิมาลั่นวาจาอย่างแน่วแน่ เธอพร้อมพลีร่างให้อัคนีด้วยความเต็มใจ ขณะอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง แต่อัคนีซึ่งรักเธอเต็มหัวใจกลับปฏิเสธเธอว่า

"ไฟทำไม่ได้ ไฟอยากให้คืนแรกของเราเป็นคืนที่เรามีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย เป็นความสุขที่มั่นคงยาวนาน ไม่ใช่สุขแค่ครั้งเดียวแต่ต้องทุกข์ไปตลอดชีวิต ไฟอยากให้คนในครอบครัวเราสองคนรับรู้และยินดีกับเรา ไม่ใช่ต้องปิดบังหลบๆซ่อนๆแบบนี้"

"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะไฟ"

"แต่เป็นครั้งแรกที่เรามีสติ มีความรัก มีความรู้สึก มีความต้องการที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ไฟไม่อยากทำอะไรไร้สติแบบครั้งนั้น มันไม่ใช่ความรัก จี๊ดนอนพักผ่อนก่อนเถอะนะ พรุ่งนี้เช้าทุกอย่างจะดีขึ้น เรายังพอมีเวลา"

"แล้วไฟล่ะ"

"ไฟก็จะอยู่กับจี๊ด จะนอนกอดจี๊ดที่นี่แหละ อีกหลายชั่วโมงนี่นะกว่าจะเช้า หลับตาซะนะคนดี"

ขณะที่อัคนีไปเสี่ยงอันตรายอยู่ในบ้านพิศาล คนที่บ้านของอัคนีไม่มีใครรู้เลย จนเมื่อปฐพีมาส่งข่าวพ่อแม่ว่าเข้มฟื้นและรู้สึกตัวแล้ว มนตรีจึงจะไปบอกอัคนีที่บ้านในฟาร์ม แต่ปฐพีกับวายุภัครีบอาสาไปเอง แล้วก็พบว่าอัคนีไม่อยู่ที่บ้าน และศักดิ์ก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน

สองหนุ่มนึกรู้ทันทีว่าอัคนีกับศักดิ์ไปไหน จึงย้อนกลับไปบอกพ่อแล้วจะพากันไปตามอัคนี เผอิญสุพรรษาแอบได้ยิน จึงไม่ยอมให้พ่อลูกไปกันเอง เธอเป็นแม่ก็ต้องไปด้วย...

ศิลากับสมุนทั้งสองเพิ่งจะกลับจากไปเที่ยว พอเลี้ยวรถมาถึงทางเข้าฟาร์มก็เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งจำได้แม่นว่าเป็นรถของอัคนี ศิลาจึงเดินไปดูใกล้ๆ แล้วก็เห็นศักดิ์นอนกรนอยู่ข้างใน ศิลาสีหน้าแค้นจัด รีบกลับมาขึ้นรถเข้าไปบอกพ่อในบ้าน เป็นเวลาที่อัคนีร่ำลาอัจจิมาแล้วปีนบันไดกลับลงมาพอดี สองฝ่ายจึงเผชิญหน้ากันอย่างไม่มีทางเลี่ยง

"แมวขโมยหน้าตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง" พิศาลคำรามลั่น อัจจิมาที่ยังยืนมองตรงหน้าต่างหัวใจกระตุกวาบ "ลากตัวมันออกมา กูไม่อยากให้เลือดอดิศวรกระเด็นเปื้อนบ้านกูแม้แต่หยดเดียว"

ขาดคำของพิศาล...ศิลา สิงห์ และจันก็ตรงเข้ารุมอัดอัคนี ก่อนจะลากออกไปจากตรงนั้น

"พ่ออย่าทำอะไรไฟนะ พ่ออย่าทำเขา...อย่า!!" อัจจิมากรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจสุดขีด

ooooooo

อัคนีถูกพวกศิลาลากออกมาหน้าบ้านรวมกับศักดิ์ที่ถูกมัดมือมัดปากนอนอยู่กับ พื้น อัคนีพยายามลุกขึ้นสู้ศิลาแต่ร่างกายที่ยังบาดเจ็บของเขาก็ไม่อำนวย จึงเป็นฝ่ายถูกศิลากับสมุนรุมอัด ในขณะที่พิศาลก็จ้องจะยิงอัคนีทิ้งให้ได้

อัจจิมาวิ่งออกมาขอร้องพ่อและพี่ชายทั้งน้ำตา ให้ไว้ชีวิตอัคนีด้วย อย่ายิงเขา เธอผิดเอง เธอขอโทษ...แต่ความโกรธแค้นของพิศาลเดือดพล่านจนอะไรก็หยุดไม่อยู่ เขาสั่งศิลามาลากอัจจิมาออกไปเดี๋ยวนี้ ซึ่งศิลาก็ทำตามคำสั่งพ่อโดยทันที

"ปล่อยจี๊ดนะพี่ศิลา...ปล่อย...อย่าทำอะไรเขานะพ่อ ถ้าพ่อยิงเขา พ่อก็ต้องติดคุก ใครๆก็ต้องรู้ว่าพ่อเป็นคนทำ"

"แกไม่ต้องทำเป็นหัวหมอ มันไม่ได้ถูกยิงตายในบ้าน ทำไมฉันต้องรับผิดชอบ ถ้าฉันบอกทุกคนว่ามันไปมีเรื่องกับนักเลงที่อื่น แล้วถูกลากมายิงตายที่หน้าบ้านล่ะ ใครจะสงสัย ใครจะรู้"

"ฉันนี่แหละที่รู้..."

ทุกคนหันขวับไปมองเจ้าของเสียง ซึ่งก็คือสุพรรษานั่นเอง เธอมาพร้อมสามีและลูกชายอีกสองคน โดยทุกคนมีอาวุธปืนครบมือ

"ถ้าคุณแตะลูกฉันอีกแม้แต่ปลายเล็บ ฉันยิงคุณแน่ คุณเป็นคนสอนฉันยิงปืน คุณรู้ดีว่าแค่นี้ ฉันยิงไม่พลาด"

"ลูกเธอมันปีนเข้าไปหาลูกฉัน"

"ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายด้วยการจัดงานแต่งงานให้อย่างถูกต้อง"

"ไม่...ไม่มีวันที่เลือดพศวัตกับอดิศวรจะปนกันได้"

"เลยเลือกที่จะฆ่ากันให้ตายแทนว่างั้นเถอะ ก็เอาสิ มึงยิง กูยิง อย่างดีก็แค่ตายกันหมดนี่" มนตรีประกาศขึงขัง แล้วคนสองตระกูลก็เล็งปืนใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งสุพรรษาเดินเข้ามาหาอัคนี ศิลา สิงห์ และจันทำท่าจะยิงเธอ แต่พิศาลที่แพ้ใจตัวเองและแพ้ทางสุพรรษาอยู่ร่ำไปตะโกนห้ามขึ้นมาทันทีทันใด พวกศิลาเลยหยุดชะงักกันไป แล้วก็ต้องปล่อยพวกอดิศวรกลับไปในที่สุด

ศิลาทั้งเจ็บใจแค้นใจ กระชากอัจจิมาเข้ามาในห้องรับแขกอย่างไม่ปรานีปราศรัย

"แกทำงามหน้ามากเลยนะที่เปิดบ้านให้ศัตรูเข้ามานอนด้วยอย่างนี้ แกจะทำให้พ่อให้ฉันอับอายไปถึงไหน แกยังเป็นพศวัตอยู่รึเปล่านังจี๊ด ฉันอยากจะฆ่าแกนัก" ว่าแล้วจะบีบคอน้องด้วยความแค้นจัด

"พอทีศิลา" พิศาลแผดเสียงขึ้นมา

"ทำไมพ่อไม่ให้ผมสั่งสอนมันให้หลาบจำ หรือพ่อเห็นดีเห็นงามที่มันยอมเป็นนางบำเรอให้ไอ้พวกอดิศวร"

เพียะ! พิศาลตบหน้าศิลาฉาดใหญ่ "อย่ามาเห่าใส่ฉัน แกเจ็บปวดเท่าไหร่ ฉันเป็นพ่อฉันเจ็บมากกว่าแกเป็นร้อยเท่าที่ต้องทนเห็นพศวัตโดนอดิศวรย่ำยี เกียรติและศักดิ์ศรีขนาดนี้ ที่ฉันไม่อยากให้แกทำอะไรน้อง ก็เพราะมันต้องแต่งงาน แกคิดว่าพ่อไกรเขาจะรับได้เหรอถ้าเจ้าสาวของเขามีริ้วรอย มีราคีทั้งในทั้งนอกอย่างนี้น่ะ"

อัจจิมาน้ำตาร่วงพรูด้วยความเสียใจและน้อยใจกับคำพูดดูถูกเหยียดหยามของพ่อแท้ๆ

"ถ้าจี๊ดมีราคีอย่างที่พ่อว่า ก็ปล่อยจี๊ดไปตามทางของจี๊ดสิ จะมาจับจี๊ดไปให้ไอ้คนสารเลวนั่นทำไม"

"แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรองอะไรกับฉัน เพราะถึงยังไงฉันก็จะจับแกใส่ตะกร้าล้างน้ำให้พ่อไกร อย่าคิดหนีหรือฆ่าตัวตาย เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายที่แกจะได้แสดงความกตัญญูต่อฉัน ต่อพศวัต"

พิศาลจ้องหน้าอัจจิมานิ่งก่อนจะผละขึ้นห้อง โดยมีศิลาตามออกไป อัจจิมาร้องไห้คร่ำครวญน้ำตาทะลักเป็นเผ่าเต่า...หมดสิ้นหนทางจริงๆแล้ว

ooooooo

ที่บ้านอดิศวร สุพรรษากับมนตรียังนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขก พอปฐพีกับวายุภัคกลับลงมาจากข้างบน สุพรรษาถามลูกชายทันทีว่า

"ไฟหลับแล้วเหรอลูก"

"ครับ ตอนแวะไปให้หมอทำแผล ผมแอบกระซิบหมอให้ช่วยเอายานอนหลับอ่อนๆให้เจ้าไฟมันกินด้วย กลัวมันเครียดจนนอนไม่หลับน่ะครับ" ปฐพีรายงาน

"เฮ้อ ไม่รู้มันจะต้องเจ็บตัวอีกกี่ครั้ง รักใครไม่รักดันไปรักลูกไอ้พิศาล ลูกเอ๊ย" มนตรีหนักใจ

"เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ ลุงพิศาลจัดการอะไรเราไม่ได้ ก็คงเลือกไปใช้ไม้ตายกับยัยจี๊ด เพื่อจะทำให้เจ้าไฟมันตายทั้งเป็นตามไปด้วย" วายุภัคเดาถูกเผง

"แล้วเราจะทำยังไงกันดี แม่สงสารไฟ กว่าจะมีความรักกับเขาได้อีกทีก็ยากแสนยาก พอมาเจอคนที่ใช่ ก็ต้องมีอุปสรรคยากเย็นหนักขึ้นไปอีก"

"ในเมื่อเรายังทำให้ลุงพิศาลยอมรับนายไฟไม่ได้ เราก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าคนที่เขาเลือกให้ยัยจี๊ดมันไม่ใช่คนดี ถ้ามันดีจริงมันคงไม่ฉุดยัยจี๊ดไปมอมยาแล้วพาเข้าโรงแรมหรอก ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง" ปฐพีขันอาสา

"ยังไงก็ช่วยเจ้าไฟมันด้วยนะลูก เออ แล้วเจ้าเข้มล่ะ พรุ่งนี้ใครจะไปรับ"

"ผมบอกนายไฟแล้ว เจ้าตัวยืนยันว่าจะไปรับลูกน้องด้วยตัวเองที่โรงพยาบาลครับ"

มนตรีพยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปสบตาสุพรรษาด้วยความรู้สึกหนักอกด้วยกันทั้งคู่

ooooooo

สายวันรุ่งขึ้น ประมุขของสองตระกูลไปเจอกันที่สำนักงานที่ดินโดยบังเอิญ พิศาลมาธุระเรื่องขายที่ดินโดยไม่รู้ว่านายหน้าของตนติดต่อขายให้มนตรี แต่ถึงจะรู้วันนี้ก็แก้ไขกลับลำอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งคู่จึงเปิดฉากทุ่มเถียงกันอยู่สักพักก่อนจะแยกย้ายกันไป

วันเดียวกัน ปฐพีที่ขันอาสาช่วยเหลืออัคนีก็ส่งสายของตัวเองเข้าไปหาไกรภพถึงเตียงคนไข้ ในโรงพยาบาล ซึ่งทั้งคู่ก็คือปีใหม่กับใหญ่นั่นเอง เพราะไกรภพไม่เคยเห็นหรือรู้จักสองคนนี้มาก่อน

"คือผมทราบว่าคุณไกรภพสนิทสนมกับคุณพิศาลเจ้าของที่ดินแปลงที่ว่าจะทำเป็นรี สอร์ตน่ะครับ แล้วภรรยาผม จวนจีฮุน ชอบที่แปลงนั้นมาก เราเลยอยากจะรบกวนคุณไกรภพให้ช่วยคุยกับคุณพิศาลให้หน่อย จะได้ไหมครับ"

ปีใหม่สนับสนุนใหญ่ด้วยการพูดภาษาไทยสำเนียงเกาหลี ทำให้ไกรภพเชื่อสนิท ยิ้มกริ่มทันที

"พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ที่คุณต้องการมันไม่ใช่ที่ดินของคุณพิศาล แต่มันเป็นที่ดินของผม"

"แต่...คือที่เราสอบถามมา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าที่ตรงนั้นเป็นของคุณพิศาล"

"นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ที่ดินตรงนั้นเป็นชื่อผม ถ้าคุณอยากได้ก็ต้องคุยกับผมคนเดียว"

"โอ๊ะโอ...จีฮุนอยากได้ที่ตรงนั้นมากค่ะ อยากจะซื้อไว้ปลูกเรือนหอ จะกี่สิบล้านจีฮุนก็จะซื้อค่ะ ได้โปรดขายให้จีฮุนเถอะนะคะ พลีส"

ปีใหม่แอ็กติ้งโอเว่อร์จนใหญ่แอบเหล่ด้วยความขบขัน แต่ไกรภพกำลังฝันหวานถึงเงินก้อนใหญ่เลยไม่ได้สนใจ เอามือลูบคางคำนวณในใจว่าตนจะเรียกกี่สิบล้านดี แต่ยังไม่ได้เอ่ยปากเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

ศิลานั่นเอง เขามาพร้อมสมุนคู่ใจทั้งสอง ปีใหม่กับใหญ่ ที่นั่งหันหลังจำเสียงศิลาที่ทักไกรภพได้ เลยนั่งตัวแข็งเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที แล้วรีบรวบรัดตัดบทไม่รบกวนไกรภพ แต่จะโทร.มาอีกครั้ง...พูดจบสองผัวเมียก็พากันเดินก้มหน้างุดๆออกไปโดยไม่ ฟังเสียงเรียกของไกรภพ

"ใครน่ะพี่" ศิลาสงสัย

"ช่างเหอะ ไหนเมื่อกี้นายบอกมีข่าวดี ข่าวดีอะไร"

"ผมแวะมาบอกพี่ว่าพรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเตรียมเข้าหอได้เลย พ่อจัดการทุกอย่างให้แล้ว"

"แม้แต่ห้องหอ"

"พี่เตรียมอย่างเดียวครับ เตรียมออกกำลังกายไว้ให้ดี แค่นั้น"

สิงห์กับจันสอพลอ แล้วสามทรชนก็หัวเราะชอบใจ แต่ไกรภพทั้งชอบใจและดีใจกว่าหลายเท่า นึกในใจว่าอะไรจะแจ็กพอตขนาดนี้ ได้ทั้งเงินได้ทั้งเมียในเวลาเดียวกัน

ooooooo

อัคนีไปรับเข้มที่อาการดีขึ้นแล้วออกจากโรงพยาบาล พร้อมๆกับรับศพลูกน้องของเตี่ยพี่หนูต่อมาให้ด้วย แต่ศิลากับสมุนแอบเห็นก่อนที่เข้าไปหาไกรภพแล้วเข้าใจไปเองว่าอัคนีมารับศพ เข้ม พวกเขาจึงเริงร่าว่าคราวนี้ได้พ้นทุกข์พ้นคุกตะรางกันเสียที

เสร็จธุระเรื่องศพแล้ว พี่หนูต่อจึงมาขอบคุณอัคนีถึงบ้านพัก เป็นเวลาที่ปฐพี ปีใหม่ และใหญ่แห่กันเข้ามาพอดี ปฐพีนำสำเนาหนังสือโอนที่ดินของพิศาลส่งให้อัคนีดูเต็มๆตา

"หนังสือโอนที่ดินของลุงพิศาล ฉันให้นทีแอบถ่ายเอกสารออกมา ลุงพิศาลเขาโอนที่ให้นายไกรภพ"

"เออ แล้วไง เขาอยากได้หมอนั่นเป็นลูกเขยใจจะขาด โอนที่ให้กัน ทำรีสอร์ตร่วมกัน ไม่เห็นแปลก"

"แปลกสิวะ แกเห็นชื่อที่เซ็นเป็นพยานนี่มั้ย"

"นี่มันชื่อนามสกุลเจ้าศักดิ์นี่ ลายมือมันแน่ๆ ฉันจำได้"

"ฉันเค้นคอถามมันแล้วว่ามันไปเกี่ยวอะไรด้วย มันบอกเพื่อนมันที่เป็นทนายมากรอกเอกสารเปล่าที่ที่ดินแล้วขอให้มันช่วยเซ็นเป็นพยานให้"

"แล้วไง ลุงพิศาลแกอาจจะขี้เกียจกรอก เลยวานทนายทำแทนก็ได้"

"มันก็อาจจะใช่ แต่ฉันให้นทีไปสืบดูประวัติเจ้าไกรภพมาแล้ว ตอนนี้ธุรกิจมันใกล้ล้มละลาย หนี้สินพะรุงพะรัง แถมยังติดหนี้พนันอีกต่างหาก"

ใหญ่กับปีใหม่เสริมขึ้นทันทีว่าคนที่มีสถานภาพทางการเงินแบบนี้ แบงก์ไม่อนุมัติให้ทำธุรกิจรีสอร์ตแน่ แล้วมันก็คงไม่ได้อยากทำด้วย เพราะตอนที่ปฐพีให้พวกตนเข้าไปขอซื้อที่ มันพูดเต็มปากเต็มคำว่าที่ผืนนั้นเป็นของมัน แล้วก็ไม่ลังเลเลยที่จะขาย เพียงแต่ยังนึกตัวเลขไม่ออกเท่านั้นว่าจะขายเท่าไหร่

"ถ้ามันมาตีสนิทลุงพิศาล ทำทุกวิถีทางที่จะแต่งงานกับยัยจี๊ดเพื่อจะหลอกเอาสมบัติพศวัตล่ะ" ปฐพีวิเคราะห์

"เป็นไปได้นะคะ" พี่หนูต่อโพล่งขึ้นมาอย่างนึกได้ "เพราะเตี่ยพี่หนูต่อเคยติดต่อขอซื้อที่แปลงนั้นจากอาพิศาล แกยืนกรานว่าไม่ขายเด็ดขาด ถ้าจะขายให้ใครจะนึกถึงเตี่ยเป็นคนแรก"

"แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าลุงพิศาลรู้รึเปล่าว่าไอ้ไกรภพมันเป็นเจ้าของที่ผืนนี้ไปแล้ว"

"ก็คงต้องให้คนที่เคยคุยเรื่องที่กับลุงพิศาลเข้าไปคุย มันถึงจะดูไม่น่าสงสัย"

ขาดคำของปฐพี ทุกคนหันไปมองพี่หนูต่อเป็นตาเดียว... หลังจากนั้นไม่นานพี่หนูต่อจึงไปพบพิศาล เจรจาว่าเตี่ยของตนอยากซื้อที่ดินแปลงติดภูเขาที่อัจจิมาให้พวกชาวบ้านไป ช่วยกันปลูกป่าเอาไว้

"อ๋อ บอกเตี่ยด้วยนะว่าแปลงนั้นอาไม่คิดจะขายจริงๆ กะจะยกให้ยัยจี๊ดเป็นของขวัญวันแต่งงานเขาน่ะ"

"เหรอคะ ถ้าคุณอาจะยกให้น้องหนูจี๊ดก็ไม่เป็นไร หนูต่อนึกว่าจะเก็บไปขายให้คนอื่นเหมือนแปลงที่แล้ว"

"แปลงไหน" พิศาลทำหน้างงๆ

"ก็แปลงที่เตี่ยเคยมาขอซื้อแล้วคุณอาไม่ขาย แต่ไปขายให้คนกรุงเทพฯเอาไปทำรีสอร์ตน่ะสิคะ เตี่ยยังบ่นน้อยใจไม่หาย"

"เตี่ยกับหนูต่อเข้าใจผิดแล้ว ที่แปลงนั้นอาไม่ได้ขายแค่เอาไปร่วมหุ้นทำรีสอร์ตกับลูกเพื่อน"

พี่หนูต่อตาวาว รีบใส่ไคล้ต่อทันที "เอ...แต่เตี่ยเพิ่งไปเช็กที่ที่ดิน เจ้าหน้าที่เขายืนยันนี่คะว่าที่ผืนนั้นเป็นชื่อคนอื่นไปแล้ว เตี่ยยังจำชื่อได้เลยค่ะ เพียงแต่หนูต่อไม่รู้จัก...ชื่ออะไรน้า...อ้อ นึกออกแล้ว ไกรภพค่ะ เจ้าของที่คนใหม่ชื่อไกรภพ"

พิศาลผงะไปด้วยความมึนงง รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าเลือนหายในพริบตา

ooooooo

บ่ายนั้นอัจจิมาไปส่งน้ำนมสดในเมืองแล้วเจอศักดิ์โดยบังเอิญ เธอซักถามถึงอัคนีจนรู้ว่าเขาอาการดีขึ้นแล้ว ทำงานได้แล้ว ก็ค่อยเบาใจ แต่แล้วอีกเดี๋ยวเดียวเธอก็ต้องเครียดขึ้นมาอีก เมื่อศักดิ์เล่าว่าอัคนีวานให้ตนซื้อขนมไปฝากพยาบาล ซึ่งอัคนีทำเป็นกิจวัตร อาทิตย์หนึ่งอย่างต่ำก็สองสามครั้ง ถ้าไปเองไม่ได้ก็ใช้ตนไปแทนแบบนี้

อัจจิมาหน้าจ๋อยสนิท แต่ศักดิ์ไม่ทันสังเกตเพราะหันไปจ่ายเงินค่าขนม ขณะที่ปากยังจะอธิบายเรื่องพยาบาลต่อ แต่อัจจิมาถูกศิลาล็อกตัวหายไปจากตรงนั้นแล้ว

ศิลาไม่พอใจที่อัจจิมาไปถามข่าวอัคนีจากศักดิ์ ด่าน้องสาวสาดเสียเทเสีย ก่อนจะสั่งให้ไปล้างราคีคาวเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของไกรภพ เพราะเขาจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้

"ไม่ต้อง!" เสียงพิศาลดังก้องขึ้นมาจนลูกทั้งสองหันขวับไปมองเขาเป็นตาเดียว "จะไม่มีงานแต่งระหว่างยัยจี๊ดกับไอ้ไกรภพเป็นอันขาด"

"พ่อหมายความว่ายังไง" ศิลาถามเร็วจี๋

"เมื่อกี้พ่อไปที่ที่ดินมา ถึงได้รู้ว่าไอ้ไกรภพมันหลอกให้พ่อเซ็นชื่อยกที่ดินให้เป็นของมัน"

"จริงหรือพ่อ เป็นไปได้ยังไง" ศิลาหน้าถอดสี ขณะที่อัจจิมาได้ทีตอกย้ำว่าเคยเตือนพ่อแล้วว่าไอ้นี่มันเลว

"หุบปากไปเลยนะ มันก็เลวพอๆกับไอ้พวกอดิศวรนั่นล่ะ หน็อย รวมหัวกันมาปล้นที่ดินไปจากกูหน้าด้านๆ"

"พวกอดิศวรเกี่ยวอะไรด้วย"

"จะไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อคนที่เซ็นเป็นพยานในการโอนที่ดินมันคือไอ้ศักดิ์คนของอดิศวร พวกมันคงคบคิดกับไอ้ไกรภพมานาน ส่งมันมาตีสนิทกับเรา เพื่อโกงที่ดินเรา"

"จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อไฟกับไอ้ไกรภพเกลียดกันเข้ากระดูกดำ"

"มันหลอกให้แกตายใจ เหมือนกับที่มันหลอกให้เพื่อนมาซื้อที่จากฉันแล้วมันก็มาซื้อต่ออีกที โดยที่ไอ้ศักดิ์เซ็นเป็นพยานให้มันเหมือนเดิม แกอย่าเถียงว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะฉันได้ยินมากับหูเห็นมากับตา มันทำทุกวิถีทางที่จะเขมือบพศวัต ทำให้พศวัตรู้สึกต่ำต้อยอับอาย แม้แต่เรื่องของแกมันก็จงใจส่งลูกชายมาย่ำยี มันวางหมากอย่างแนบเนียนเพื่อต้องการฆ่าพศวัตให้ตายทั้งเป็น!"

พิศาลพูดไปใส่อารมณ์ไปจนแน่นหน้าอก ในขณะที่อัจจิมาอื้ออึง ในใจสับสนอลหม่านไปหมด...ก่อนที่จะมีใครเอ่ยเอื้อนอะไรออกมา สิงห์กับจันก็วิ่งตาเหลือกตาปลิ้นเข้ามาบอกศิลาให้หนีเร็ว ไอ้ไฟมันพาตำรวจมาจับเรา ไอ้เพิ่มก็มาด้วย

ศิลาช็อก รีบใส่เกียร์สี่เผ่นนำสิงห์กับจันหนีออกไปทางหลังบ้าน พิศาลพยายามยืดตัวตรงทั้งๆที่เจ็บและแน่นหน้าอก ก่อนจะเดินออกไปหน้าบ้าน โดยมีอัจจิมาตามหลังติดๆ

อัคนีรู้ความจริงทั้งหมดในวันเกิดเหตุไฟไหม้ที่โรงเก็บหญ้าและทำให้เข้มบาดเจ็บอาการปางตายจากเพิ่มที่ยอมเปิดปากสารภาพ ซึ่งวันนั้นเพิ่มเป็นคนพาพวกศิลาเข้ามาเพราะโดนข่มขู่ทวงหนี้ที่ไปเล่นพนัน ติดเอาไว้เกือบหมื่นบาท

พิศาลซึ่งอาการไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว พอได้ยินตำรวจแจ้งข้อหาศิลาว่าพยายามฆ่านายเข้ม และลอบวางเพลิงฟาร์มอดิศวรรังสรรค์ พิศาลถึงทรุดฮวบ แต่ปากยังบอกว่าไม่จริง ไม่เชื่อ อัจจิมาเห็นท่าไม่ดีจึงขอร้องตำรวจให้กลับไปก่อน ตอนนี้พี่ชายของเธอไม่อยู่ และเธอต้องพาพ่อไปโรงพยาบาล แต่ไม่ต้องห่วง ถ้าพี่ชายเธอกลับมา เธอจะให้เขาไปพบตำรวจที่โรงพักเอง

"ศักดิ์มาช่วยหน่อย" อัคนีเรียกศักดิ์จะให้มาช่วยประคองพิศาลไปขึ้นรถ แต่อัจจิมาปฏิเสธเสียงแข็งว่า

"ไม่ต้อง ขอบใจ...รบกวนคุณตำรวจช่วยพาพ่อจี๊ดไปส่งที่รถด้วยนะคะ"

ตำรวจสองนายช่วยกันประคองพิศาลตามอัจจิมาที่เดินหน้าตึงออกไป อัคนีอ่านท่าทีอันมึนตึงเย็นชาของอัจจิมาออก แต่ไม่เข้าใจว่าต้นเหตุมันมาจากอะไรยังไง?

พิศาลถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว ไกรภพซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่หลายวันกำลังจะกลับจึงเห็นเพียงอัจจิมาที่ยืนท่าทีกระวนกระวายอยู่นอกห้อง

"มาทำอะไรที่นี่จ๊ะที่รัก ยังไม่ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้าหออีกเหรอ"

อัจจิมาฉุนจัดตบหน้าไกรภพสองฉาดใหญ่

"สารเลว...คนชั่วอย่างแก คิดเป็นอยู่สองอย่าง กูจะนอนกับใคร กูจะโกงใครกิน"

"พูดจาหยาบคายอย่างนี้ ระวังพ่อเธอมาได้ยินแล้วจะไม่ชอบใจเอานะ"

"พ่อฉันเขารู้แล้วว่าสันดานแกเป็นยังไง ใครที่โกงเอาที่ดินพ่อไปอย่างหน้าด้านๆ หน้าตาชาติตระกูลก็ดี มือเท้าแขนขา ก็ไม่ได้กุดได้ด้วน แต่ทำตัวยิ่งกว่าขอทาน"

"มันจะมากไปแล้วนะ" ไกรภพเสียงเข้มดุดัน

"ฉันอาจจะเสียที่ไป แต่ถ้าแลกกับการทำให้พ่อฉันหูตาสว่างขึ้นล่ะก็...มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ฉันจะถือซะว่าฉันบริจาคทานให้พวกสัมภเวสี มันจะได้ไม่ต้องเร่ร่อนเป็นเปรตไปขอส่วนบุญใครอีก"

ไกรภพเลือดขึ้นหน้า คำรามใส่ "ฉันจะจับเธอทำเมียให้ได้ แล้วเธอจะรู้ว่าการมีผัวอย่างฉัน รสชาติมันเป็นยังไง"

อัจจิมาง้างหมัดจะชกหน้าไกรภพให้กระเด็น แต่พยาบาล เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเรียกเธอเสียก่อน เลยต้องตัดใจผละจากเขาเพื่อเข้าไปดูอาการพ่อ ไกรภพแสยะยิ้มตามหลัง แต่เมื่อหันกลับมา ชายหนุ่มก็แทบผงะเมื่อเห็นเฮียหมูพร้อมด้วยสมุนทั้งซ้ายและขวายืนดักหน้าเขาอยู่

ทั้งหมดพากันไปหามุมสงบพูดคุยกันเรื่องหนี้สิน ไกรภพผัดผ่อนขอเวลาอีกสองสามวันจะคืนให้หมดทั้งต้นทั้งดอก แต่เฮียต้องช่วยเขาด้วยจะได้ได้เงินเร็วขึ้น ด้วยการข่มขู่ทวงหนี้ศิลาให้หนัก เฮียหมูยิ้มพราย บอกเรื่องนี้จิ๊บๆ พลันเสียงโทรศัพท์ไกรภพดังขึ้น ไกรภพมองชื่อที่โชว์หน้าจอแล้วยิ้มเหี้ยมก่อนกดรับและกรอกเสียงไปว่า

"กำลังนึกถึงอยู่พอดี นายอยู่ไหน...ศิลา"

ooooooo

ที่ฟาร์มอดิศวร ปฐพีและวายุภัคกับคณะของพี่หนูต่อกำลังตั้งวงเลี้ยงฉลอง แต่พอเห็นอัคนีหน้าบูดกลับมา ทุกคนถึงชะงักงันกันไปอย่างไม่เข้าใจว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก

"จี๊ดเขาคง...โกรธผมเรื่องที่พาตำรวจไปจับพี่ชายเขา"

ทุกคนพากันถอนใจ ก่อนจะแย่งกันอาสาจะไปเคลียร์ให้ แต่อัคนีไม่ยอมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เขาขอเคลียร์ด้วยตัวเอง และต้องทำให้สำเร็จด้วย

ด้านศิลากับสิงห์และจันที่หลบหนีตำรวจไปซ่อนตัวแล้วโทร.มานัดไกรภพไปพบ ไกรภพเองก็กำลังร้อนใจเรื่องหนี้สินของตนเองอยู่แล้ว จึงไม่ต้องลังเลรีรออะไรอีกแล้ว

"พี่ไกร...ผมนึกแล้วว่าพี่ต้องมา ตอนนี้ผมกำลังลำบากมากพี่ ผมอยากได้เงินสักก้อนเอาไว้หนีตำรวจ พี่ยักยอกเอาที่พ่อผมไปแล้ว เรื่องแค่นี้พี่ช่วยผมได้ใช่มั้ย"

"ฉันช่วยนายให้หนีตำรวจได้"

"แต่หนีอั๊วไม่ได้" เฮียหมูก้าวเข้ามาพร้อมสมุน ศิลากับสมุนถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม "ทางรอดของลื้อมีอยู่ทางเดียวคือเอาน้องสาวลื้อมาแลกหนี้  อั๊วให้เวลาลื้อถึงเย็นพรุ่งนี้ อาไกรภพได้น้องลื้อเป็นเมียเมื่อไหร่ หนี้ระหว่างลื้อกับอั๊วเป็นอันจบ"

"แล้วฉันก็จะให้เงินนายกับพวกหนี" ไกรภพเสริม

"แต่ถ้าไม่เป็นตามนี้ พวกลื้อก็เตรียมสูดหายใจไว้เยอะๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้หายใจอีก"

ประโยคทิ้งท้ายของเฮียหมูเล่นเอาสิงห์กับจันกอดกันแน่นอย่างกลัวตาย ในขณะที่ศิลากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากเย็น...

ส่วนที่โรงพยาบาล พิศาลยังนอนให้น้ำเกลือ อัจจิมาเฝ้าพ่ออยู่สักพักก็กลับไปดูงานที่ฟาร์มด้วยใจที่ยังว้าวุ่นสับสนกับคำพูดของพ่อที่ว่าพวกอดิศวรรวมหัวกันโกงที่ดินเรา แล้วยังเรื่องพยาบาลสาวที่อัคนีส่งข้าวส่งขนมให้กินเป็นประจำ จนเมื่ออัคนีตามมาเพื่อพูดคุยหาสาเหตุของการเมินหมาง เธอจึงพรั่งพรูเรื่องราวเหล่านั้นออกมาทั้งหมด และยอมตามอัคนีไปที่บ้าน เพราะเขามีหลักฐานและพยานยืนยันเต็มไปหมด

เพิ่มกับเข้มเล่าความจริงเรื่องของศิลา ขณะที่ปีใหม่ ใหญ่ พี่หนูต่อ ศักดิ์ โบพา และจันทูช่วยกันเล่าเรื่องที่ดินที่ไกรภพตั้งใจโกงพิศาลจริงแท้แน่นอน ซึ่งใหญ่มีเทปที่อัดเสียงไกรภพเอาไว้ด้วยตอนแกล้งไปติดต่อซื้อที่ดิน

อัจจิมาละอายใจที่ต่อว่าอัคนีไปมากมาย เอ่ยปากขอโทษทั้งน้ำตาคลอๆ

"จี๊ดขอโทษนะที่เข้าใจพ่อแม่ไฟผิด เรื่องที่ดินจี๊ดจะพยายามอธิบายให้พ่อเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าพ่อจะเข้าใจรึเปล่า ส่วนเรื่องพี่ศิลา จี๊ดคงไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่าอยากจะขอโทษทุกคนในอดิศวร โดยเฉพาะนายเข้มกับไฟ"

"ไฟดีใจนะที่จี๊ดยอมรับฟังทุกเรื่องอย่างเข้าใจและมีเหตุผล ไฟไม่อยากให้ความรักของเราต้องจืดจางเพราะเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้ วันข้างหน้าเราอาจต้องเจอเรื่องที่ทำให้ความรู้สึกเราสั่นคลอน แต่ต้องไม่ใช่ความรัก ใจเราต้องหนักแน่นมั่นคง"

"จะให้มั่นคงได้ยังไง ในเมื่อไฟยังคบผู้หญิงอื่นด้วยอย่างนี้"

"ไปฟังใครมาอีกล่ะ"

"ก็แม่พยาบาลหน้าหวานคนนั้น"

"ใคร? คุณสายป่านน่ะเหรอ ไฟเคยบอกแล้วไงว่าไฟไม่ได้มีอะไรกับเขา ไฟไปโรงพยาบาลเพื่อแวะไปหาผู้หญิงอีกคนที่คุณสายป่านเขาดูแลต่างหาก"

"ใคร...เขาสำคัญกับไฟมากนักเหรอ ขนาดตัวเองเจ็บไปเองไม่ได้ ยังต้องให้นายศักดิ์ซื้อน้ำซื้อข้าวแวะไปให้เขาแทน"

"ไม่มีอะไรน่าจี๊ด"

"ถ้าไม่มีอะไรจริงก็บอกจี๊ดมาสิว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"

"สักวันจี๊ดจะรู้เอง"

คำตอบของอัคนีทำให้อัจจิมารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของเขาและผู้หญิงคนนั้น

"ไฟมีความลับกับจี๊ดอย่างนั้นเหรอ"

"ผู้หญิงคนนั้นเขาสำคัญกับไฟและไฟรักเขาก็จริง แต่มันเป็นความสำคัญเป็นความรักคนละแบบกับที่ไฟมีให้จี๊ดนะ ผู้หญิงที่ไฟรักแบบที่อยากได้มาเป็นคู่ชีวิต เป็นแม่ของลูกและอยู่ด้วยกันไปจนตายคือจี๊ดคนเดียวเท่านั้น ขอให้จี๊ดเชื่อใจและมั่นใจว่าผู้ชายที่ชื่อนายอัคนีคนนี้ไม่มีวันตระบัดสัตย์กับผู้หญิงที่เป็นดวงใจของเขาเป็นอันขาด...ไฟจะไม่ยอมเสียจี๊ดไป และจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน"

อัคนีรวบตัวหญิงสาวเข้ามากอดแน่นเป็นการย้ำคำพูดตัวเอง ในขณะที่อัจจิมาก็โอบกอดชายหนุ่มด้วยความรู้สึกตื้นตันเช่นกัน แต่แล้วบทรักโรแมนติกของทั้งคู่ก็มีอันต้องสะดุดหยุดลง เมื่อเสียงตบมือดังขึ้นพร้อมเสียงเฮฮาดี๊ด๊าของคณะผู้ช่วยเหลือทั้งหมดที่ยืนอยู่เบื้องหลัง

ooooooo

ดวงใจอัคนี

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด