ตอนที่ 9
รุ่งเช้า มารตีพบตัวเองนอนอยู่กับท่านพินิจ เธอลุกพรวดขึ้น พอถูกท่านพินิจคว้าไปกอด เธอผลัก ตวาดไล่อย่างรังเกียจ
“ฉันยินดีจะรับผิดชอบดูแลเธอทุกอย่าง...ฉันรวยนะรวยมากด้วย” ท่านพินิจยังพยายามจะกอดมารตีด่าว่ามองตนเหมือนผู้หญิงที่จ่ายเงินซื้อได้ แล้วสะบัดลุกไป
ที่นอกห้อง คุณหญิงดาราเดินมาอย่างไม่พอใจ ถูกคนเฝ้าหน้าห้องกันไว้ แต่คุณหญิงก็เข้าไปจนได้ มารตีกลัวเป็นข่าวฉาวโฉ่จึงรีบมุดเข้าใต้ผ้าห่ม ท่านพินิจลุกไปรับหน้าคุณหญิงเจื่อนๆ
เหตุเพราะคุณหญิงเคยขอไว้แล้วว่าอย่าพาผู้หญิงเข้ามานอนในบ้าน ท่านพินิจจึงสร้างวิมานสีชมพูไว้ต่างหาก แต่วันนี้ฉุกเฉินจึงพามาที่นี่ ท่านพินิจรับปากว่าต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีก แต่พูดให้คุณหญิงช้ำใจยิ่งขึ้นว่า
“ผมว่าผมจะปลูกเรือนเพิ่มอีกสักหลัง สำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินอย่างนี้ คุณว่าดีไหม”
คุณหญิงพูดไม่ออก กล้ำกลืน ออกจากห้องไปแล้วจึงปล่อยน้ำตาไหลออกมา
ส่วนมารตี เมื่อคุณหญิงไปแล้วก็ยังแผลงฤทธิ์กับท่านพินิจ จนกระทั่งท่านให้ลูกน้องเอากล่องเครื่องเพชรชุดใหญ่มาเปิดให้ดู มารตีถูกแสงเพชรบาดตาจนอ้าปากค้างด่าไม่ออก ปล่อยให้ท่านเข้ามาเล้าโลมลูบไล้กระซิบเบาๆข้างหู...
“อยู่กับฉันอีกสักครู่ได้ไหม...”
ooooooo
ระหว่างทางที่ชายภัทรขับรถพาแก้วไปโรงพยาบาลนั่นเอง ถูกไกรฤกษ์กับลูกน้องมาดักฉุดแก้วและทำร้ายชายภัทร โชคดีมีรถที่สัญจรไปมาจอดรถตะโกนด่าที่จอดรถขวางทาง ไกรฤกษ์กับลูกน้องจึงรีบขึ้นรถหนีไป
ทั้งชายภัทรและแก้วต่างเป็นห่วงกัน บอกกันว่าต่อไปนี้ต้องระวังตัวและแก้วก็ควรอยู่แต่ในวังเพื่อความปลอดภัย
ไปถึงโรงพยาบาล แก้วโผเข้ากอดพ่อด้วยความดีใจ บอกว่าต่อไปนี้จะไม่จากพ่อไปไหนอีกแล้ว กิตติไหว้ชายภัทร เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ “คุณชาย...ผมขอบพระคุณคุณชายมากที่สุดเลยครับ”
“ไม่เป็นไรครับ สิ่งที่ผมทำ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งที่คุณพ่อและแก้วทำให้แก่กันหรอกครับ แก้ว...ให้คุณพ่อเข้าห้องผ่าตัดเถอะ ทุกอย่างจะได้เรียบร้อย”
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด กิตติบอกชายภัทรว่า หากตนเป็นอะไรไปขอให้คุณชายเมตตาแก้วด้วย
แก้วเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัดตลอดเวลา จนเวลาผ่านไป เพียงพรออกมาบอกว่าผลการผ่าตัดเรียบร้อยและพ่อเธอปลอดภัยแล้ว “อีกไม่น่าเกินหนึ่งชั่วโมง คุณชายหมอก็คงจะออกมาแจ้งผลอย่างละเอียดให้คุณแก้วทราบอีกทีนึงค่ะ”
ระหว่างนั้น แก้วไม่รู้ตัวเลยว่า ถูกมารตีแอบมองอยู่ด้วยแววตาสงสัย อาฆาตแค้น
เมื่อเจอยศวินมาตรวจคนไข้ตามเตียงต่างๆ มารตีปราดเข้าไปถามว่า แก้วมาทำอะไรที่นี่ ยศวินไม่สนใจตรวจคนไข้และสั่งงานเหมือนไม่ได้ยิน แต่มารตีก็ยังตามตื๊อไม่เลิก เลยถูกยศวินตำหนิว่า มีกาลเทศะบ้างไหม!
มารตีตื๊อจนรู้ว่าแก้วมาเฝ้าพ่อที่กำลังผ่าตัดอยู่ ยศวินเหลือบเห็นแหวนเพชรเม็ดโตที่นิ้วเธอ เขาทำตาโตแกล้งอุทานว่า
“โห...ของจริงหรือปลอมล่ะนั่น”
“ระดับฉันไม่มีทางใส่ของปลอมหรอกย่ะ...ถ้าไม่เชื่อเชิญพิสูจน์ได้” เธอกรีดนิ้วกรายมือให้ดู ยศวินถามว่าซื้อเองหรือใครซื้อให้ “ฉันซื้อของฉันเอง ไม่ต้องอ้าปากถามอีกเพราะฉันไม่ว่างจะตอบ” พูดแล้วเดินเชิดไป
ooooooo
หลังจากมารตีตกเป็นเมียน้อยของท่านพินิจแล้วเธอได้รับการปรนเปรอทั้งแก้วแหวนเงินทองมากมาย มากจนหลอมหัวใจที่ปฏิเสธท่านพินิจแต่แรกกลายเป็นยินยอมและอาสาจะเอาแก้วมาปรนเปรอท่านให้ได้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
แต่ระหว่างที่ท่านพินิจพามารตีไปซื้อเครื่องเพชรและทองที่ร้านหยกฟ้านั้น อากงเห็นเข้าจำได้ว่ามารตีคือลูกสาวของเทวพันธ์ที่ถูกจับคู่ให้ชายภัทรหลานชายตัวเองตามสัญญาของผู้ใหญ่ ก็นึกแปลกใจว่าทำไมมารตีจึงมากับท่านพินิจได้?
หลังจากพ่อผ่าตัดอย่างปลอดภัยแล้ว แก้วมีความสุขมาก วาดหวังว่าอีกไม่นานก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตประสาพ่อลูกเหมือนเดิม แก้วออกไปซื้ออาหารให้พ่อ ชายภัทรตามไปเป็นเพื่อน ระหว่างนั้น ชายภัทรพูดถึงการจดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งถือว่าสองคนเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
“คุณชายไม่ต้องคิดมากนะคะ แก้วจะรีบจดทะเบียนหย่าให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แก้วจะไม่ถ่วงเวลาหรือบ่ายเบี่ยงเลย” ชายภัทรตัดพ้อว่าเธอคงอยากจากไปให้เร็วที่สุดเลยใช่ไหม “ไม่ใช่ค่ะ คุณชายทำเพื่อแก้วมามาก คุณชายเสียสละเพื่อช่วยคุ้มครองแก้วจากอันตราย คุณชายช่วยรักษาพ่อแก้ว แก้วเป็นฝ่ายรับตลอดเวลา แก้วเอาเปรียบคุณชาย แก้วอยากจะบอกว่า แก้วต้องการทำให้ตัวเองมีฐานะ มีหลักฐาน มีเกียรติ มีทุกอย่างที่ดีกว่านี้ แก้วถึงจะตอบแทนคุณชายได้จริงๆ”
“เธอนี่มันหยิ่งยโส จองหองที่สุด” ชายภัทรเสียงเครียดขึ้น พยายามพูดให้เธอรับรู้ความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อเธอนอกจากทะเบียนสมรสแล้ว ชายภัทรยังยกเรื่องสร้อยและหยกที่หม่อมแม่ให้ไว้สำหรับสวมให้สะใภ้และเวลานี้ก็สวมอยู่ที่คอเธอ ย้ำว่า
“ทุกอย่างที่ฉันทำลงไปก็คือหน้าที่ของสามีที่ต้องทำ ไม่ต้องมาคิดจะตอบแทนอะไร และหน้าที่ของเธอก็คือ...ทำตัวให้เป็นภรรยาที่น่ารักหน่อย รู้จักพูดจาให้หวานๆ ทำตัวออดอ้อนเล่นละครให้สมบทบาทหน่อย อย่าลืมสิว่า ไอ้พวกเหล่านี้มันยังต้องการตัวเธอแล้วก็หาโอกาสเล่นงานเราอยู่ตลอด เธอต้องทำให้พวกมันเชื่อว่าพวกเราเป็นอะไรกันจริงๆ เข้าใจไหม”
ชายภัทรออดอ้อนอย่างใกล้ชิดจนแก้วเขินพยายามเบี่ยงตัวออก แต่ชายภัทรกลับดึงเข้าแนบชิดจนชาวตลาดพากันมอง
และอีกมุมหนึ่งของตลาด มารตีจิกตามองทั้งคู่อย่างแค้นใจ ตามองชายภัทรกับแก้ว แต่มือคลำแหวนเพชรเม็ดงามที่นิ้ว
ooooooo
ซื้ออาหารและของใช้กลับมาแล้ว แก้วขออยู่เฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล แม้ชายภัทรจะเป็นห่วง แต่แก้วสัญญาว่าจะไม่ออกไปไหนเพราะซื้อทุกอย่างมาครบแล้ว ชายภัทรจึงย้ำเตือนว่าอย่าประมาทแล้วกลับไป
ระหว่างที่แก้วอยู่เฝ้าและเตรียมยาให้พ่อนั่นเอง มารตีเข้ามาหาด้วยใบหน้าซีดเซียว ขอให้ออกไปคุยกันข้างนอกเพราะไม่อยากรบกวนพ่อเธอที่หลับอยู่
เมื่อแก้วหลงเชื่อเดินตามไป มารตีเดินไปเล่าไปด้วยน้ำตานองหน้าว่า เมื่อเช้าท่านพินิจบุกไปที่วังจุฑา–เทพไม่พอใจที่ชายภัทรพาเธอไปหัวหินและพามาอยู่ที่วัง ขู่จะตัดความช่วยเหลือและอาจฆ่าชายภัทรที่ไปแย่งผู้หญิงของท่าน
มารตีเล่าแล้วร้องไห้วิ่งออกไป บอกว่าจะไปอยู่ข้างๆ ชายภัทรปกป้องเขา แก้ววิ่งตามเพื่อจะชี้แจงความจริง วิ่งไปจนถึงถนนเปลี่ยวหน้าโรงพยาบาล ก็ถูกคนของท่านพินิจที่เอารถมาจอดดักอยู่ฉุดขึ้นรถไป โดยมีมารตีคอยช่วย
กว่าจะมีคนรู้ว่าแก้วหายไป ก็ต่อเมื่อเพียงพรมาวัดไข้กิตติที่ห้องและยศวินมาดูคนป่วย พอรู้ว่าแก้วหายไป ยศวินโทร.บอกชายภัทรที่กำลังถูกย่าอ่อนกับหม่อมเอียดคาดคั้นถึงความสัมพันธ์กับแก้ว เมื่อชายภัทรยืนยันว่าตนรักแก้วข้างเดียว ไม่เคยชิงสุกก่อนห่ามกับแก้ว และที่จดทะเบียนสมรสกันก็เพื่อปกป้องแก้วจากท่านพินิจเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น
เมื่อได้รับโทรศัพท์จากยศวินว่าแก้วหายไป ชายภัทรรีบไปที่โรงพยาบาลทันที แต่ทุกคนพยายามปกปิดกิตติไม่ให้รู้เรื่องนี้เกรงจะกระทบกระเทือนอาการเจ็บป่วย
ชายภัทรกับยศวินช่วยกันเช็กว่าแก้วหายไปตอนไหนเช็กไปที่บ้านเกษราแก้วก็ไม่ได้ไปที่นั่น ทั้งสองคาดว่าแก้วอาจถูกท่านพินิจลักพาตัว จึงพากันไปที่บ้านพักท่าน ถูกคุณหญิงตำหนิหาว่ามาบุกรุก ยืนยันว่าแก้วไม่ได้มาที่นี่ ชายภัทรถามว่า แล้วตอนนี้ท่านอยู่ไหน คุณหญิงบอกว่าอยู่ต่างจังหวัด แต่ตนไม่เคยก้าวก่ายงานของท่านจึงไม่รู้ว่าท่านไปจังหวัดไหน
“ถ้าเช่นนั้น ผมก็ขอร้องให้คุณหญิงช่วยผมด้วย แก้วกับผมเป็นสามีภรรยากันแล้ว หวังว่าท่านจะไม่พรากสามีภรรยาของคนอื่น เพราะมันบาป และผิดกฎหมายด้วย” ชายภัทรฝากไว้ก่อนกลับไป
ooooooo
ระหว่างนั้น ลูกน้องที่ท่านพินิจให้ไปสืบเรื่องการจดทะเบียนสมรสของชายภัทรกับแก้วเข้ามารายงานว่าสืบมาแล้วเป็นเรื่องจริง มารตีช็อกกับข่าวนี้ ยศวินถามงงๆ ว่าเขาแต่งงานกันเมื่อไร ส่วนท่านพินิจถึงกับคร่ำครวญอย่างทำใจไม่ได้
“ถ้าคุณแก้วกับคุณชายพุฒิภัทรจดทะเบียนสมรสกันแล้ว อย่างนั้นทุกสิ่งที่คุณชายทำก็คือปกป้องภรรยาตามหน้าที่ของสามีนะครับ” หมอใหญ่สรุปราวกับผู้พิพากษาตัดสินคดี ที่ทำเอาท่านพินิจถึงกับพูดไม่ออกฮึดฮัดกลับไป
แต่คนที่ไม่ยอมแพ้คือมารตี เธอกัดฟันกรอดคำรามตาแดงก่ำ
“พี่ชาย...นังแก้ว...ฉันไม่ยอม..ฉันไม่ยอม!!”
ooooooo
มารตีบุกไปที่วังจุฑาเทพ ตัดพ้อต่อว่าและตำหนิติเตียนหม่อมเอียดกับย่าอ่อนอย่างรุนแรง หาว่าทั้งสองรู้เห็นเป็นใจและปกปิดตนเรื่องการจดทะเบียนสมรสของชายภัทรกับแก้ว
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนกลุ้มใจแต่ไม่อาจจัดการปัญหาเองได้ จึงให้คนไปรับอากงของชายภัทรที่ห้างหยกฟ้ามาพบที่วัง เล่าเรื่องชายภัทรให้ฟัง อากงถามว่าที่พูดนี่เรื่องจริงหรือ
หม่อมเอียดยืนยันว่า “ชายภัทรกำลังมัวเมาจนแยกแยะไม่ออกแล้วว่าอะไรควรอะไรไม่ควร”
“ดิฉันกับหม่อมเอียดจึงมีความเห็นตรงกันว่าเราควรจะช่วยเหลือชายภัทร ทำให้เรื่องนี้มันถูกต้อง” อากงถามว่าถูกต้องอย่างไร หม่อมเอียดพูดไม่อ้อมค้อมว่าอยากให้ชายภัทรแต่งงานกับคนที่เหมาะสม อากงถามอีกว่าใครที่ว่าเหมาะสม
“หม่อมหลวงมารตี เทวพรหม” หม่อมเอียดบอก ย่าอ่อนช่วยเสริมว่ามารตีเป็นคนที่หมายมั่นกันมานานแล้วว่าให้คู่กับชายภัทร
“เดี๋ยวๆๆ ก่อนอื่นคุณหม่อมต้องรู้ก่อนว่า อามารตีเป็นเมียน้อยเขาเหมือนกัน” แล้วอากงก็แฉว่ามารตีเป็นเมียน้อยท่านพินิจ ผู้จัดการช่วยเป็นพยานว่าทั้งสองเคยควงกันไปซื้อของที่ห้าง ล้วนแต่เป็นของแพงๆ ตนมีใบเสร็จเป็นหลักฐานด้วย หม่อมเอียดติงว่าจำ คนผิดหรือเปล่า
“อั๊วจำไม่ผิด ถ้าเป็นผู้หญิงหยำฉ่าคนนี้ อั๊วไม่รับอีเป็นสะใภ้แน่ๆ ลื้อสองคนต้องเชื่ออั๊ว ถ้าไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูว่าอามารตีอีมีข้าวของแพงๆ ใช้จริงอย่างที่อั๊วว่าหรือเปล่า”
ทั้งหม่อมเอียดและย่าอ่อนได้ฟังถึงกับตะลึงอึ้ง พูดไม่ออกอีกเลย
ooooooo