icon member

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร

ตอนที่ 7

ที่วังจุฑาเทพ...

เช้านี้ ขณะหม่อมเอียดกำลังให้บ่าวนวดให้อยู่นั้น ย่าอ่อนที่เพิ่งหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูก็ร้องอย่างตกใจ

“ตายแล้ว ตายๆๆๆๆ!”

แล้วย่าอ่อนก็เอาหนังสือพิมพ์ให้หม่อมเอียดดู หม่อมเอียดไม่ได้ใส่แว่นเห็นภาพลางๆถามว่า

“ผู้ชายคนนั้น....ชายภัทรใช่ไหม...อ๋อ...ภาพจากงานเลี้ยงวังท่านชายเกริกเมื่อคืนนี้ ชายภัทรดูสง่ามาก”

ย่าอ่อนทนไม่ได้ชี้ให้ดูผู้หญิงที่เต้นคู่กับชายภัทร พูดย้ำเสียงคับแค้นใจว่า

“ผู้ หญิงคนนี้คือกรองแก้วค่ะคุณพี่” หม่อมเอียดถามว่าเป็นภรรยาทูตที่ไหนหรือ “นี่คุณพี่จำไม่ได้เลยเหรอคะ กรองแก้วคนนี้คือนางสาวศรีสยามคนล่าสุด คนที่ตกเวทีแล้วก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลของชายภัทรไงล่ะคะ คุณพี่ดูสิคะ ชายภัทรยิ้มปากแทบจะถึงหู อย่างนี้ไม่ปกติแล้วนะคะคุณพี่”

หม่อมเอียดยังเชื่อมั่นในชายภัทรว่าไม่ใช่คนเหลวไหลคงไม่มีอะไรเกินเลยกัน แต่ย่าอ่อนไม่เชื่อ ชี้ให้ดูรูปย้ำว่า

“ดูรูปสิคะ เต้นกันแนบเนื้อขนาดนี้ คุณพี่จะไม่เป็นกังวลได้หรือคะ”

“จริงของเธอ ไม่ได้การแล้ว จะปล่อยให้ชายภัทรเสียทีแม่ยั่วเมืองคนนี้ไม่ได้” หม่อมเอียดร้อนใจขึ้นมาทันที

พอดีมารตีถือหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันนั้นมาฟ้องหม่อมเอียดกับย่าอ่อนว่า

“พี่ ชายภัทรไม่เคยไว้หน้ามารตีเลย เมื่อคืนพี่ชายภัทรก็หายตัว ทิ้งให้มารตีหาทางกลับเองอีกแล้ว แล้วนี่...มันควรจะเป็นภาพคู่ของพี่ชายภัทรกับมารตีไม่ใช่เหรอคะ พี่ชายภัทรทำอย่างนี้แล้วมารตีจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

มารตีโวยวายคร่ำครวญเสียงเครือน้ำตาคลอ จนย่าอ่อนต้องกอดปลอบให้ใจเย็นๆ ส่วนหม่อมเอียดสั่งพวกบ่าวหน้าเครียดอย่างโมโหจัด

“ทำไมชายภัทรถึงได้เหลวไหลอย่างนี้...ไปตามชายภัทรมาไป!”

ooooooo

พวกบ่าวพากันรีบไปทางใครทางมัน ไม่นาน สมศรีก็กระหืดกระหอบมาบอกว่าชายภัทรไม่อยู่ พูดแล้วหยุดหอบจนย่าอ่อนถามว่าไปทำงานแล้วหรือ

“คือ...คือคุณชายภัทร ไม่ได้กลับบ้าน ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับกระหม่อม” สมบุญตามมาถึงเลยช่วยเล่าต่อ

“เห็น ไหมคะหม่อมย่า” มารตีโวยทันที “แบบนี้มันต้องไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแล้ว ต้องเกิดเรื่องบัดสีขึ้นกับวงศ์ตระกูลของเราแล้วค่ะ มารตีจะไปฟ้องท่านพ่อ พี่ชายภัทรจะต้องรับผิดชอบที่ทรยศ”

“ต๊ายตาย...เสื่อม! เสื่อมมากๆ ชายภัทรที่เคยเป็นคนดีมาตลอด ต้องมาเสียผู้เสียคนกันคราวนี้” ย่าอ่อนไม่เบากว่ามารตี จนหม่อมเอียดต้องปรามว่า

“พอๆๆ หยุดฟูมฟายกันได้ไหม เรายังไม่รู้อะไรกันทั้งนั้น นอกจากชายภัทรไม่กลับบ้าน ก่อนที่จะสรุปอะไร เราต้องรู้กันให้ได้ก่อนสิว่า ชายภัทรไปไหน มีปัญหาหรือเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า ต้องหาเจ้าตัวเขาให้ได้ก่อน แล้วฟังเหตุผลของเขาด้วย”

เสียงปรามของหม่อมเอียด ทำให้ทุกคนเงียบไป แม้จะแอบขัดใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวายอีก

ooooooo

บ้านพักตากอากาศจุฑาเทพที่หัวหิน...บรรยากาศยามเช้าริมทะเลสวยงาม สดชื่น สงบ มีสายลมและเสียงคลื่นที่ขับกล่อมหยอกล้อกันอยู่ชั่วนาตาปีให้ชายทะเลมีชีวิตชีวา...

ชายภัทรเพิ่งตื่นลุกจากโถงห้องรับแขกเดินไปดูห้องใหญ่ที่จัดให้แก้วนอน เห็นทุกอย่างในห้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยสวยงาม ชุดราตรีที่แก้วใส่เมื่อคืนอยู่ในไม้แขวนเสื้อแขวนไว้ที่มุมห้อง

แต่ในห้องไม่มีแก้วแล้ว...ชายภัทรสงสัยจึงเดินลงมา เห็นตาชุ่มกำลังกวาดทรายที่พื้นซีเมนต์ และยายนวลก็กำลังจัดโต๊ะอาหารวางชาม ช้อนและแก้วน้ำไว้สองที่

ชายภัทรยกมือไหว้ตาชุ่มกับยายนวลเอ่ยสวัสดีตอนเช้า ถามว่าสบายดีกันไหม

“โอ๊ย...คุณชาย หลับสบายไหมคะ...ต้องขอ ประทานโทษคุณชายด้วยที่ห้องอื่นๆไม่พร้อมรับแขก ตุ่มเลยเปิดใช้ห้องนอนประธานของบ้านได้ห้องเดียว ห้องอื่นมันทั้งรกทั้งฝุ่น” ยายนวลพูดออกตัวยืดยาว

“ยายนวลจ๋า...ไม่เป็นไรเลย ชายผิดเองที่มาแบบกะทันหัน ทุกอย่างสะอาดสะอ้านสะดวกสบายดีแล้วจ้ะ...” ชายภัทรพูดพลางมองหา ถามตาชุ่มว่า “เอ้อ...ตาชุ่ม แก้วล่ะ?”

ตาชุ่มบุ้ยไปทางห้องครัว ชายภัทรยิ้มให้แล้วเดินลิ่วไป ตาชุ่มกับยายนวลมองตากันปึ๊บทันที

ooooooo

ในครัวที่กว้างและมีเครื่องครัวทันสมัย แก้วกำลังหมุนไปหมุนมาอยู่กับเตาถ่านสองเตา เตาหนึ่งตั้งหม้ออีกเตาตั้งกระทะเจียวกระเทียมหอมฉุย บนโต๊ะมีผักและเครื่องที่เตรียมทำอาหารวางไว้พร้อมแล้ว ดูน่าสนุก

“หอมจัง...คนเก่งทำอะไรเอ่ย...” ชายภัทรทักพลางเดินเข้ามา

“คุณชายตื่นแล้วหรือคะ หิวรึยัง?” แก้วยิ้มสดใส พอชายภัทรบอกว่าเพิ่งหิวตอนได้กลิ่นกระเทียมเจียวนี่แหละ แก้วบอกว่าตนทำข้าวต้มปู แล้วเล่าบรรยากาศตอนเช้าให้ฟังอย่างแจ่มใสว่า

“ปูม้าตัวโตๆเพิ่งขึ้นมาจากทะเลเลยค่ะ ตาชุ่มเล่าให้ฟังว่า เจอเขายกเข่งลงจากเรือ เลยขอแบ่งมา 3-4 ตัว ตัวใหญ่มากก”

ชายภัทรนึกสนุกเข้าไปจับทัพพีคนในหม้อขอทำบ้าง เลยกลายเป็นสองแรงแข็งขันช่วยกันคนละไม้ละมือทำข้าวต้มปูกันอย่างร่าเริงแจ่มใสมีความสุข

ฝ่ายยายนวลกับตาชุ่มมีหน้าที่จัดโต๊ะเตรียมผลไม้อยู่ข้างนอก อดแอบมองเขาไปในครัวอย่างมีความสุขไปด้วยไม่ได้

สายๆชายภัทรกับแก้วพากันขี่จักรยานไปตามถนนซอยระหว่างบ้านพัก แก้วยังไม่หายตื่นเต้นกับทะเลที่ตนเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกในชีวิต ปั่นจักรยานพลางคุยกับชายภัทรที่ปั่นคู่กันมาว่า

“อากาศที่นี่สดชื่น สบายจังเลยนะคะ”

“แก้วคงต้องแอบอยู่ที่นี่สักพักนะ อยู่ได้ไหม”

แก้วอึ้งไป แล้วพากันลงจากจักรยานไปนั่งคุยกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้วยบรรยากาศที่เครียดขึ้น...

แก้วตำหนิตัวเองที่นำความเดือดร้อนมาให้ชายภัทรอีกจนได้ ชายภัทรบอกว่าตนกับน้องๆไปฉุดเธอมาเองต่างหาก

แก้วถามอย่างกังวลและเป็นห่วงว่า “ท่าน...จะทำอะไรพวกคุณชายหรือเปล่าคะ”

“แก้ว...ครอบครัวฉันไม่ใช่พวกสิ้นไร้ไม้ตอกนะ ท่านก็ไม่ได้ใหญ่คับบ้านเมืองอยู่คนเดียวในประเทศนี้ ท่านใช้วิธีโจรๆกับเธอแบบนี้ ถ้าพวกฉันนิ่งดูดายสิ จะถือว่าขี้ขลาด น่าอาย ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย”

“แต่แก้วกลัว...”

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะปกป้องคุ้มครองเธอเอง” แก้วบอกว่าไม่ได้กลัวสำหรับตัวเองแต่กลัวสำหรับชายภัทรเพราะท่านมีอำนาจมาก “ถ้าคนดีกลัวคนเลว ปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ โลกนี้มันก็คงเป็นโลกต่อไปไม่ได้แล้วล่ะแก้ว”

“คุณชายอย่าประมาทนะคะ”

“ฉันไม่โง่หรอกน่า...จะทำอะไรฉันก็ต้องคิดคำนวณไม่ใช่น้อย เธออยู่ที่นี่ ที่บ้านฉัน ทำตัวให้กลมกลืนกับผู้คนแถวนี้ พวกของท่านคงสืบได้ไม่ง่ายนักหรอก”

แก้วรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เมื่อได้ฟังสุภาพบุรุษจุฑาเทพคุณชายพุฒิภัทร แสดงความเข้มแข็ง หนักแน่น ที่จะปกป้องตนและต่อสู้กับอิทธิพลเถื่อนของผู้มีอำนาจเยี่ยงท่านพินิจ

จากนั้น ทั้งสองขี่จักรยานไปที่ตลาดฉัตรไชยหาซื้อเสื้อผ้าของใช้ มีเสื้อผ้าแบบชาวบ้านทั้งกางเกงเล เสื้อคอกระเช้า และเสื้อแขนยาวสำหรับพวกตังเกใส่ แขวนขายทั้งตลาด แม่ค้าเห็นทั้งคู่ไม่ใช่คนท้องถิ่น มีแก่ใจแนะนำว่า

“ถ้าคุณๆจะซื้อให้คนงานก็มีอย่างที่เห็นนี่แหละ แต่ถ้าจะซื้อใส่เอง เสื้อผ้าสวยๆที่นี่ไม่มีหรอกนะจ๊ะ ต้องไปซื้อที่ร้านแถวโฮเต็ลของพวกผู้ดีเขา”

“ชุดแบบนี้คงไม่ต้องลองหรอกนะแก้ว” ชายภัทรหยิบขึ้นมาทาบๆกับตัวดู แก้วบอกว่าเป็นเสื้อผ้าที่เข้ากับทุกรูปร่าง ชายภัทรหันไปบอกแม่ค้าว่า
“รับหมดนี่ล่ะจ้ะ เท่าไหร่จ๊ะ”

แม่ค้ายิ้มดีใจ รีบพับเสื้อผ้าใส่ถุงโชคดีให้ แก้วกับชายภัทรรับไปช่วยกันถือ เดินไปหาซื้ออาหารในตลาดกันต่อ ทั้งผักปลาผลไม้อาหารทะเล ผูกร้อยด้วยเชือกกล้วยหิ้วเป็นพวงถือกันเต็มมือ...

ooooooo

หลังจากซื้อของเสร็จ ชายภัทรพาแก้วไปแวะที่ที่ทำการไปรษณีย์ แก้วแวะดูของประดับที่ประดิษฐ์จากเปลือกหอยวางขายอยู่หน้าไปรษณีย์ ส่วนชายภัทรเดินเข้าข้างใน ไม่นานชายภัทรก็เดินยิ้มสบายใจออกมาบอกว่า

“เรียบร้อยแล้ว ฉันโทรศัพท์ไปบอกคุณหมอเจ้าของไข้ของพ่อเธอ ขอให้เขาดูแลพ่อเธอแบบปิดเป็นความลับไม่ให้ใครเข้าถึงตัวได้” แก้วถามว่าแล้วพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ชายภัทรเล่าว่าอาการความดันดีขึ้น แต่น้ำหนักตัวยังน้อยไป ต้องบำรุงให้แข็งแรงกว่านี้จึงจะส่งเข้ากรุงเทพฯได้ พูดแล้วเห็นแก้วสีหน้ากังวล จึงปลอบใจ

“แล้วยังไงฉันจะหาทางพาเธอไปเยี่ยมให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ เธอควรเก็บตัวที่นี่ก่อน ไม่งั้นพวกมันอาจใช้พ่อเธอเป็นเหยื่อ ทำให้ท่านมีปัญหาได้”
“ขอบคุณคุณชายมากค่ะ” แก้วยกมือไหว้ แต่ใจก็อดเป็นห่วงพ่อไม่ได้

“ส่วนตัวฉันก็โทรเลขไปลางานที่โรงพยาบาลแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะตั้งแต่ฉันกลับมาทำงานเป็นหมอที่เมืองไทยมา 4 ปี ฉันเคยลาหยุดแค่หนสองหนเท่านั้นเอง มีวันลาสะสมไม่รู้เท่าไหร่ก็ไม่เคยนับ เวลาคนอื่นเขาลาฉันก็รับหน้าที่แทนเขาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”

“แก้วทราบ...คุณชายหมอเป็นคนรักงานมาก”

“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้น ขอเวลาให้ฉันได้หยุดพัก ไปรักอย่างอื่นบ้าง...”

แก้วรู้ความนัยของเขา มองเขินแล้วหลบตา ชวนว่าเสร็จธุระแล้วกลับกันดีไหม เพราะแดดเริ่มร้อนแล้ว

“เธอจะไม่ถามว่า ฉันหยุดพักจากรักงาน...ไปรักอะไร...หรือรักใครหรือ?” แก้วเขินจนตอบเสียงประหม่าว่าไม่ถามหรอกค่ะ ชายภัทรมองหน้าเธอเต็มตาถามว่า “ไม่ถาม...เพราะไม่อยากรู้ หรือว่า รู้อยู่แล้ว?”

“ฮื้ออออ...” แก้วทำเสียงในคอแล้วรีบไปที่รถอย่างเขินจัด ชายภัทรหัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วรีบตามไป

ooooooo

ชายภัทรกับแก้วขี่จักรยานกลับมาพร้อมของที่ซื้อจากตลาดหลายอย่าง แต่ไม่ทันได้ขึ้นบ้านก็ต้องรีบไปเพราะมีชาวประมงชายสองคนมาตามคุณหมอพุฒิภัทร คนหนึ่งอ้อนวอนว่าเมียตนเจ็บท้องคลอดตั้งแต่เมื่อคืนจนป่านนี้ยังไม่คลอดเลย

ถามไถ่จนรู้ว่าบ้านหญิงคนนั้นอยู่ที่เขาหัวกะโหลก ชายภัทรลงเรือเร็วบอกแก้วให้ไปด้วยกัน

ขับเรือไปจนใกล้เกาะ ชายภัทรถามอย่างรู้ภูมิ ประเทศดีว่า

“เขาหัวกะโหลกด้านไหน ใกล้มาทางปากน้ำปราณหรือเปล่า”

“ค่อนไปทางเกาะนมสาวขอรับคุณชาย หมู่บ้านตรงปลายแหลมที่เห็นนั่นแหละขอรับ” ชาวประมงชี้ให้ดู

ชายภัทรเบนหัวเรือไปทางนั้นทันทีอย่างชำนาญ แก้วมองคุณชายอย่างทึ่งในความคล่องแคล่วทะมัดทะแมง

พอไปถึง ชายภัทรบอกแก้วว่า “เธอต้องเป็นผู้ช่วยฉันนะ ทำได้ไหม”

“ต้องได้สิคะ” แก้วตอบอย่างมุ่งมั่น แล้วรีบตามชายภัทรกับชาวบ้านบ่ายหน้าไปยังกระท่อมหลังหนึ่ง

เมื่อมาถึง แม่ของหญิงสาวคนนั้นก็ติติงว่าหมอเป็นผู้ชาย และยังถูกหมอตำแยมองอย่างไม่ต้อนรับ แต่ด้วยจรรยาแพทย์ ชายภัทรเห็นอาการของหญิงสาวแล้วรีบเข้าไปทำงานทันที

แก้วเห็นชาวบ้านยังมุงกันอยู่ จึงบอกชาวบ้านอย่างรู้หน้าที่ให้ออกไปก่อนคนเจ็บจะได้มีอากาศหายใจ

ชายภัทรตรวจแล้วเด็กยังไม่กลับหัวอย่างที่ชาวบ้านบอก แต่ก็ไม่หนักใจเพราะแม่เด็กตัวใหญ่เชิงกรานไม่เล็กเกินไปคงแก้ปัญหาไม่ยากนัก

ชายภัทรลงมือทำงานท่ามกลางชาวบ้านที่บ้างลุ้น บ้างไม่แน่ใจเพราะเห็นหมอหน้าอ่อน โดยเฉพาะหมอตำแยทั้งเสียหน้าทั้งเคืองบอกว่าตนจะกลับ จนพ่อของหญิงสาวต้องขอร้องให้อยู่ช่วยกันดูก่อน

ไม่นานแก้วก็โผล่หน้ามาบอกข่าวดีว่าเด็กกลับหัวแล้ว ชาวบ้านพากันตื่นเต้นคอยลุ้นฟังเสียงข้างใน พอเสียงเด็กร้องอุแว้...เท่านั้น ชาวบ้านก็เฮขึ้นพร้อมกันด้วยความดีใจ

แก้วทำหน้าที่ผู้ช่วยหมอได้แทบไม่มีที่ติ ประสานร่วมมือกับชายภัทรได้ราวกับมืออาชีพ ทั้งสองต่างปลื้มปีติกับชีวิตใหม่ที่ลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย และลึกกว่านั้นคือ ผ่านการฟันฝ่าอุปสรรคช่วยชีวิตแม่ลูกมาด้วยกัน ทำให้ต่างรู้สึกดีๆต่อกันมากมาย พ่อขอหญิงสาวที่พูดดูแคลนคุณชายหมอพุฒิภัทรตอนแรกก็มาขอโทษ ส่วนแม่ก็เอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า

“บุญคุณที่คุณชายช่วยลูกสาวกับหลานของฉัน ฉันจะไม่ลืมพระคุณนี้เลย”

“ไม่ต้องหรอกครับ เพราะยังไงหมอก็มีหน้าที่ต้องรักษาคนไข้อยู่แล้ว ถ้างั้นผมขอตัวกลับฝั่งโน้นก่อนดีกว่า ถ้าใน 2-3 วันนี้มีอะไรฉุกเฉินตามตัวผมได้ตลอดเลยนะครับ”

พ่อเด็กจะไปส่ง ชายภัทรบอกไม่ต้องเพราะเรือจอดอยู่แค่นี้เองแล้วหันชวนแก้วกลับกัน แม่เด็กเรียกไว้ ขอให้ชายภัทรช่วยตั้งชื่อให้เป็นเกียรติเป็นมงคลกับลูกชายด้วย ชายภัทรขอให้แก้วตั้งให้ดีกว่า แก้วทำท่าคิด...

“อื้ม...เด็กคนนี้เกิดในหมู่บ้านชาวประมง บนเกาะ กลางทะเล เป็นเด็กชาย...งั้นให้ชื่อว่า เด็กชายสมุทรไทยดีไหมคะ”

ชายภัทรชมว่าเพราะมาก เอามือจับหัวแก้วโยกไปมาอย่างชื่นชม จนแก้วติงเขินๆว่าทำอย่างกับตนเป็นเด็กไปได้

“คุณชายกับคุณแก้ว ดูเป็นคู่รักที่รักกันมากเลยนะคะ สวยและหล่อ เหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกอีกนะคะ” แม่เด็กเอ่ยอย่างชื่นชม แต่ทำเอาทั้งชายภัทรและแก้วสบตากันเขินๆที่ถูกจับให้เป็นคู่รักกัน...

ooooooo

เพราะคุณหมอพุฒิภัทรโทรเลขไปที่โรงพยาบาลขอลาพัก 3 วัน เพียงพรปรารภกับยศวินว่าต้องแจ้งหมอใหญ่เพื่อหาหมอมาเข้าเวรแทน ยศวินเชื่อว่าชายภัทรทำงานตลอดเวลาไม่เคยลาเลย ครั้งนี้คงสำคัญจริงๆ ถึงได้ลาพักร้อน

ระหว่างนั้น มารตีเข็นรถอุปกรณ์ยาออกจากห้อง คนไข้ได้ยินเข้า เป็นเรื่องทันที คาดคั้นถามยศวินว่าชายภัทรลาไปไหน ไปทำอะไร ก็ไม่ได้ความอะไรเพราะยศวินเองก็ไม่รู้ เธอเลยขอดูโทรเลขที่ชายภัทรส่งมาขอลางาน พลิกดูเห็นว่าต้นทางมาจากหัวหินก็ยิ่งเดือดร้อน

“คุณชายคงจะเหนื่อยมาก ไม่รู้เมื่อวานไปเจอเรื่องหนักหนาสาหัสอะไร เพราะใคร ผมก็ไม่ทราบ...แล้วคุณชายหมอไม่ได้ชวนคุณมารตีเหรอครับ...ว้า...แย่จัง” ยศวินทิ้งระเบิดแล้วฉากออกไปยิ้มๆ

มารตีทั้งแค้นใจ น้อยใจ แจ้นไปฟ้องหม่อมเอียดกับย่าอ่อนถึงวังจุฑาเทพ สองย่านึกเป็นห่วงชายภัทรไม่เคยหายไปแบบนี้ แต่มารตีตีโพยตีพายว่าเพราะชายภัทรต้องการหนีตน คราวนี้ไปไกลถึงหัวหิน ถามหม่อมเอียดว่าจะให้ตนทำอย่างไร

ผู้ใหญ่ทั้งสองได้แต่ปลอบให้มารตีใจเย็นๆถ้าเป็นจริงอย่างที่มารตีบอกว่าชายภัทรพยายามหนีตนและคำมั่นสัญญาของสองตระกูลก็จะเป็นแค่สัญญาลวงนั้น หม่อมเอียดพูดเหมือนสัญญาว่า

“ย่าจะไม่ยอมให้คำสัญญาเป็นแค่ลมปาก ชายภัทรต้องรักษาสัจจะและเกียรติของสกุลจุฑาเทพ ถ้าชายภัทรคิดขัดคำสั่ง ย่านี่แหละจะจัดงานแต่งงานให้หนูกับชายภัทรเอง”

มารตีสบายใจขึ้นจากคำสัญญาที่ย่าเอียดให้ แต่พอไปที่บ้านเกษราก็ถึงกับต้องร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บช้ำปวดร้าวเมื่อรู้ว่าแก้วไปหัวหินกับชายภัทร และก่อนหน้านี้แก้วก็มาอยู่บ้านเกษราเพื่อหลบภัย อีกทั้งขนมจีบแสนอร่อยที่มารตีเอาไปฝากวังจุฑาเทพจนเป็นที่ชื่นชอบของคุณชายที่ตนอวดว่าทำเองก็เป็นฝีมือของแก้วด้วย

แม้ทุกคนที่บ้านเกษราจะมั่นใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่เมื่อเห็นมารตีต้องเจ็บปวดจนร้องไห้เสียใจอย่างหนักก็อดที่จะสะเทือนใจไม่ได้เหมือนกัน

ooooooo

ระหว่างชายภัทรขับเรือเร็วกลับในยามค่ำคืน ชายภัทรชี้ชวนให้แก้วดูดวงดาวที่พร่างพราวอยู่บนท้องฟ้า สอนให้ดูดาวลูกไก่ จนใกล้ชิดกันไม่รู้ตัว

แก้วดูดาวอย่างเพลิดเพลิน ส่วนชายภัทรนอกจากเห็นดาวบนท้องฟ้าแล้ว ยังเพลินตาเพลินใจกับความสวยน่ารักของแก้ว บอกเธอว่า “คุณสวยที่สุดเลยแก้ว...สวยกว่าดาวดวงไหนๆทุกดวง”

กว่าทั้งสองจะกลับถึงที่พักก็เช้าแล้ว ชายภัทรกุมมือแก้วจูงขึ้นหาดไปยังบ้านพักอย่างสดชื่น มีความสุข แต่แล้วก็ใจหายวาบ เมื่อเห็นย่าอ่อนยืนหน้าบอกบุญไม่รับคอยอยู่ที่บ้านพัก

เมื่อเข้าไปนั่งในบ้านพัก ย่าอ่อนนั่งคอแข็งตาพอง ดมยาตลอดเวลาขณะตำหนิชายภัทรอย่างรุนแรง

ไม่ว่าชายภัทรจะชี้แจงอย่างไรย่าอ่อนก็ไม่ฟัง เมื่อแก้วอธิบายก็ตวาดว่าอย่าสอดไม่ได้พูดกับเธอ สุดท้ายก็สั่งชายภัทร

“คุณชายต้องกลับวังกับย่าเดี๋ยวนี้...กลับคนเดียว” ชายภัทรจะติงก็ถูกตัดบท “ไม่มีคำว่าแต่ หรือคุณชายอยากให้ย่ากับหม่อมย่าเอียดอกแตกตาย คุณชายคงไม่ได้เห็นนังผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ดีกว่าย่าทั้งสองคนแล้วหรอกนะ”

ความเด็ดขาดของย่าอ่อนทำให้ชายภัทรพูดไม่ออก ส่วนแก้วกลั้นใจไม่โต้เถียง ลุกวิ่งออกไปที่ริมหาด ชายภัทรตามไป แก้วขอให้ปล่อยตนไปเถิด

“เธอจะยอมไปเสี่ยงให้ท่านพินิจจับตัวไปอย่างนั้นหรือ ถ้าเธอถูกจับไป เธอไม่คิดเหรอว่าฉันจะเสียใจแค่ไหน” แก้วชะงัก ชายภัทรเอ่ยเสียงอ่อนลงว่า “ฉันขอร้องนะแก้ว ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะเดือดร้อน ฉันยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอปลอดภัย เพราะเธอคือคนสำคัญของฉัน แก้ว...ฉันจะกลับไปแก้ปัญหาทั้งหมดนี้กับย่าของฉันที่กรุงเทพฯ ส่วนเธอรอฉันอยู่ที่นี่ แล้วฉันจะรีบกลับมาหาเธอ แก้ว...เธอต้องเชื่อใจฉัน รอฉันที่นี่อย่าหนีไปไหนนะแก้ว...”

ชายภัทรดึงแก้วเข้าไปกอดอย่างปกป้อง ห่วงใย บอกเธอว่า “ทุกอย่างมันต้องผ่านไปได้ด้วยดีแก้ว เชื่อฉันนะ”

ooooooo

เมื่อย่าอ่อนเอาตัวชายภัทรกลับถึงวังจุฑาเทพ ถูกหม่อมเอียดเรียกไปสอบสวนอย่างตึงเครียด ชายเล็กกับชายพีร์ติดตามเพื่อช่วยชายภัทรอย่างใกล้ชิด

หม่อมเอียดชี้ให้ชายภัทรเห็นว่าตัวเองไม่ประสาเรื่องผู้หญิง  และกำลังถูกเล่ห์กลของผู้หญิงที่แก้ผ้าโชว์คนทั้งประเทศอย่างกรองแก้วหลอกล่อให้เสื่อมเสียแปดเปื้อน ชายภัทรติงว่าอย่าตัดสินแก้วจากการฟังคนอื่น ก็ถูกย่าอ่อนหาว่าเถียงจนชายพีร์อดไม่ได้แทรกขึ้นว่า “ฟังเหตุผลของพี่ชายภัทรก่อนสิครับย่า” ย่าเอียดจึงนั่งนิ่งหลังตรงคอแข็งฟังอย่างมีทิฐิ

ชายภัทรจึงมีโอกาสชี้แจงถึงสาเหตุการเข้าประกวดนางสาวศรีสยามของแก้วว่าเพื่อหาเงินไปรักษาพ่อ  และเมื่อได้ตำแหน่งก็ไม่เคยคิดจะเป็นอนุของใครจนต้องหนีการตามล่าของท่านพินิจทุกวิถีทาง เหตุนี้ตนจึงต้องช่วยด้วยการพาแก้วหนี

ย่าอ่อนยังอ้างว่าแก้วต่ำต้อยเกินกว่าที่ชายภัทรจะไปเปลืองตัวด้วย ชายภัทรจึงยกเอาคำสอนของย่าอ่อนมาพูดว่า

“อะไรต่ำ อะไรสูง ดูยังไงครับ  ย่าอ่อนเคยสอน ว่า ชาติตระกูล ยศถาบรรดาศักดิ์ จะไม่มีค่าอะไรเลยถ้าปราศจากความดี หม่อมย่าเคยสอนพวกเราไม่ใช่เหรอครับว่า เราโชคดีที่เกิดมาในสกุลจุฑาเทพ ก็อย่าฉวยโอกาสใช้โชคดีนั้นกดขี่ข่มเหงผู้อื่น แต่ให้ใช้มันเพื่อช่วยเหลือคนที่เขาไม่ได้โชคดีอย่างเรา”

หม่อมเอียดยืนกรานให้ชายภัทรเลิกติดต่อกับแก้ว เพราะท่านพินิจเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศนี้ ชายภัทรไม่ควรหาเรื่องไปงัดข้อกับเขา มันไม่คุ้มเลย

“หม่อมย่ากำลังบอกให้ผมอยู่เฉยๆ นั่งดูคนดีถูกคนที่มีอำนาจรังแกอย่างนั้นเหรอครับ” ย่าอ่อนบอกว่าปล่อยให้คนที่มีหน้าที่จัดการเรื่องนี้โดยตรงไปจัดการ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เรา ทั้งปรามชายภัทรว่าเถียงคำไม่ตกฟาก

“ย่าครับ...ย่าก็ทราบว่ามันไม่มีคนอย่างนั้น ผมแค่อยากจะบอกว่าหน้าที่การช่วยเหลือคนดีต่อต้านคนชั่ว เป็นหน้าที่ของทุกคนไม่ใช่เหรอครับย่า ย่าไม่ภูมิใจเหรอครับที่หลานๆของย่าไม่นิ่งดูดายต่อความอยุติธรรมในสังคม หรือว่าย่าอยากให้พวกเราเป็นคนดีที่อยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย เห็นคนดีถูกกดขี่ก็ช่าง เห็นคนชั่วรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ก็ดูอย่างสำราญบันเทิง  ก็ปล่อยไป  อย่างนั้น เหรอครับ”

ย่าอ่อนรับไม่ได้  หาว่าชายภัทรหัวรุนแรงเพราะถูกแก้วล้างสมองมา  ชายภัทรขอร้องว่าอย่าโยนความผิดทุกอย่างให้แก้วเลย เพราะ “แก้วเขาเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ยังกล้ายืนหยัด ขัดขืนต่ออำนาจมืดทุกวิถีทาง แล้วเราล่ะครับ เราเป็นถึงสกุลจุฑาเทพ อำนาจบารมีเราก็ไม่น้อย เราทำอะไรอยู่???  เราไม่ทำอะไรเลย  แล้วก็บอกว่าตัวเราเป็นคนดีอย่างนั้นอย่างนี้...ไม่อายเหรอครับ”

ชายภัทรพูดจนหม่อมเอียดกับย่าอ่อนนิ่งไป จึงเข้าไปคุกเข่าอ้อนวอน

“ตั้งแต่เล็กจนโต ชายศรัทธาในคำสอนของหม่อมย่าเอียดกับย่าอ่อนมาตลอด ได้โปรด...ครั้งนี้อย่าห้ามชายทำในสิ่งที่ควรต้องทำเลยนะครับ”

“ย่าจะไม่ห้าม  แต่ชายภัทรต้องตอบคำถามย่าตาม ตรง...ชายภัทรไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม”

เป็นคำถามที่ทำให้ชายภัทรอึ้งไป

ooooooo

แก้วไม่ต้องการให้ตัวเองกลายเป็นคนสร้างปัญหาให้ชายภัทร ตัดสินใจจะหนีกลับไปอยู่กับพ่อ แต่เจอคนของใบบัวที่มาด้อมๆมองๆดักจับได้  ใบบัวสั่งแก้วให้กลับไปทำหน้าที่นางสาวศรีสยามให้เสร็จสมบูรณ์เสียที

แก้วดิ้นรนสุดชีวิต จนตาชุ่มถือปืนเดินอาดๆออกมาสั่งใบบัวให้ปล่อยตัวแก้วเดี๋ยวนี้  ใบบัวไม่ยอมปล่อย เลยถูก

ชาวบ้านแถวนั้นที่เป็นคนเก่าแก่อยู่รอบวัง กรูกันออกมาพร้อมจอบเสียมเท่าที่คว้ามาได้ ประกาศสู้ตายถ้าใครกล้ารุกเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว พวกใบบัวเลยจำต้องถอย แต่ไม่วายพูดอาฆาตว่า

“นังแก้ว หล่อนคิดเหรอว่าคุณชายพุฒิภัทรจะเป็นกำแพงแก้วคุ้มครองเธอได้ตลอดไป ฉันจะบอกให้ ไม่เคยมีใครทัดทานอำนาจของท่านพินิจได้ ชีวิตของเธอและคุณชายพุฒิภัทรจะไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุข! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายภัทรให้รู้ไว้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะเธอ! เธอคนเดียว! กรองแก้ว!! แล้วเธอต้องเสียใจที่ทำอย่างนี้!!!”

เมื่อใบบัวกลับไปมือเปล่า จึงถูกท่านพินิจตบตีจนใบบัวต้องร้องขอชีวิตและขอโอกาสแก้ตัว ไกรฤกษ์ที่มารีดไถเงินจากสุนันท์ได้ยินแม่ถูกทำร้ายเพราะทำงานไม่สำเร็จ จึงแทรกเข้าไปอาสาทำแทนแต่มีข้อแม้ว่าเงินรางวัลจะต้องถึงมือตนโดยตรง ท่านพินิจรับข้อเสนอและไปกับไกรฤกษ์อย่างคนบ้าอำนาจจนหน้ามืด

ส่วนชายภัทร เมื่อกลับมาทำงานที่โรงพยาบาล ก็ถูกมารตีตามก่อกวนอาละวาดเรื่องที่ไปกับแก้ว จนชายภัทรตัดบทไม่คุยด้วย และเมื่อทำงานเสร็จก็รีบขับรถออกไปด้วยความเป็นห่วงแก้ว แต่ระหว่างทางถูกไกรฤกษ์นำลูกน้องไปดักลากลงมาซ้อมอย่างหนัก ท่านพินิจที่ตามไปด้วยชักปืนออกมายิง แต่ชายภัทรก็หนีเอาตัวรอดไปได้

เมื่อไปถึงหัวหินในตอนเช้า เจอแก้วนอนฝันร้ายผวาขึ้นมา เมื่อเห็นชายภัทรเธอโผเข้ากอดด้วยความดีใจ แต่พอรู้สึกตัวก็ผละออก บอกว่าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณชาย ไม่อยากให้คุณชายต้องมาเสื่อมเสียเพราะตน

“ไม่มีใครจะมาขวางทางของฉันได้ทั้งนั้น ถ้าคนอย่างฉันตั้งใจจะทำอะไร จะไม่มีอะไรมาเป็นอุปสรรค”

พูดแล้วบอกให้แก้วไปอาบน้ำแต่งตัว แก้วดีใจนึกว่าชายภัทรจะพากลับกรุงเทพฯ เตรียมของทั้งหมดใส่กระเป๋า ชายภัทรบอกว่าจะพาออกไปข้างนอกเท่านั้น สั่งให้เอาของทั้งหมดเก็บ แล้วบอกให้แก้วออกไปขึ้นรถกับตน

“แล้วเราจะไปไหนกันคะ” แก้วยังอดสงสัยไม่ได้

“เราจะไป...ทำอะไรบางอย่าง เพื่อกำจัดอุปสรรคทั้งหมดให้ได้” พูดแล้วขับรถออกไปเลย

ooooooo

ระหว่างทางที่แก้วนั่งรถไปงงๆนั้น ชายภัทรเอาบัตรประจำตัวประชาชนของแก้วให้บอกว่าตนแวะไปเอาที่บ้านเกษราก่อนออกเดินทางมาที่นี่ เขาขับรถพาแก้วไปที่ว่าการอำเภอหัวหิน เร่งให้รีบขึ้นไปเลยเพราะท่านนายอำเภอคงจะรออยู่ที่ห้องแล้ว

เมื่อไปถึงห้องทำงานของนายอำเภอ แก้วเข้าไปหน้าตาตื่นๆ นายอำเภอลุกขึ้นต้อนรับ เอาบัตรประชาชนของแก้วไปดู บอกว่าอายุ 21 พอดีปีนี้

ชายภัทรพาแก้วไปจดทะเบียนสมรสนั่นเอง เธอลังเลและขอคุยส่วนตัวกับชายภัทร ชายภัทรจึงพาไปยืนคุยที่หน้าต่าง บอกเธอว่า “แก้ว...วิธีนี้เท่านั้น ที่เราจะป้องกันตัวของเราทั้งคู่จากท่านพินิจได้” เมื่อแก้วยังลังเล ชายภัทรบอกให้เซ็นชื่อเสียเพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันท่านพินิจ พอพ้นจากวิกฤตการณ์แล้วเราค่อยหย่ากัน รับรองจะปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ

“ถ้าหม่อมย่าของคุณชาย...”

“ฉันอายุพอสมควรที่จะแต่งงานได้ ทำสัมมาอาชีพหาเลี้ยงตัวเอง ไม่ได้ขอใครกิน หม่อมย่าก็ทำอะไรฉันไม่ได้” หว่านล้อมว่า “เธอเชื่อฉันสิ คนอย่างท่านพินิจ ท่านมีเกียรติ และเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องถูกสังคมลบหลู่ หรือโดนใครเอาไปแฉว่ามาแย่งภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคนอื่น นี่แหละไม้เด็ดของฉัน”

แก้วมองหน้าชายภัทรตื่นๆ จนชายภัทรเอ่ยหนักแน่นว่า

“แก้ว...ไว้ใจฉัน...ฉันจะคุ้มครองเธอให้ดีที่สุด”

ในที่สุด แก้วจดปากกาเซ็นชื่อในทะเบียนสมรส ชายภัทรกุมมือแก้วอย่างให้กำลังใจ นายอำเภอดูเอกสารแล้วเอ่ย

“เรียบร้อยแล้วครับ หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร จุฑาเทพ กับนางสาวกรองแก้ว บุญมี ได้เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”

นายอำเภอมอบทะเบียนสมรสให้ ชายภัทรยังกุมมือแก้วไว้ แก้วมองหน้าชายภัทรอย่างเต็มตื้นน้ำตาคลอ...

ooooooo

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด