ตอนที่ 1
ม.ร.ว.พุฒิภัทร จุฑาเทพ หรือชายภัทร เป็นลูกของแม่หยก หม่อมคนที่สามของหม่อมเจ้าวิชชากร จุฑาเทพ เป็นคุณชายคนที่สาม รองจากชายใหญ่และชายรุจ เป็นศัลยแพทย์หนุ่มฝีมือดีผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดสมองจบจากอังกฤษ
บุคลิกส่วนตัว เป็นคนเงียบขรึม เป็นสุภาพบุรุษ เชื่อมั่นตัวเอง และที่สำคัญ มีอุดมการณ์ในการรักษาคนไข้สูง
บนโต๊ะทำงานของชายภัทร มีรูปพระบิดาในกรอบทองสวยงาม ชายภัทรจะอ่านข้อความใต้ภาพทุกเช้าก่อนทำงานเหมือนคัมภีร์สอนใจ
“ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์”
วันนี้ หลังจากผ่าตัดสมองซึ่งเป็นเคสที่ยากมาก ชายภัทรได้รับเสียงปรบมือและคำชมเชยจากแพทย์และพยาบาลอย่างมาก แต่สิ่งที่ชายภัทรบอกเพียงพรหัวหน้าพยาบาลคือ
“ญาติคนไข้อกจะแตกตายแล้วมั้งป่านนี้ รีบไปบอกข่าวดีก่อนเถอะ”
การดูแลคนไข้ ห่วงใยความรู้สึกของญาติคนไข้และคนรอบข้าง เป็นความละเอียดอ่อนที่ชายภัทรไม่เคยละเลย จนเพียงพรเอ่ยยิ้มๆว่า
“คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอเลยนะคะ” แล้วรีบออกไปบอกข่าวดีแก่ญาติคนไข้
ooooooo
ที่ศาลาท่าน้ำใกล้แลนด์มาร์คอยุธยา กรองแก้ว ลูกสาวกิตตินักการภารโรงโรงเรียนแห่งหนึ่ง กำลังรอขายพวงมาลัยดอกมะลิให้แขกที่มารับประทานอาหาร บางรายก็ซื้อแต่บางรายก็เดินผ่านไปไม่แม้แต่จะมอง
แขกขึ้นจากเรือเดินผ่านไปแล้ว กรองแก้วนั่งที่ศาลารอแขกรายใหม่ เอาชายผ้าขาวม้าที่คล้องคอขึ้นมาซับเหงื่อ จึงเผยให้เห็นใบหน้าสวยสะอาดเกลี้ยงเกลาภายใต้ผมมวยเปีย
ขณะนั้นเอง คนเรือที่คุ้นเคยกันก็มาบอกกรองแก้วว่าให้รีบไปดูพ่อเร็วๆ เธอโดดแผล็วลงเรือ เมื่อไปถึงท่าเรือโทรมๆ ที่บ้านก็กระโดดขึ้นเดินอ้าวไปตามแผ่นไม้กระดานอย่างคล่องแคล่วด้วยความเป็นห่วงพ่อ ไปถึงเจอพ่อฟุบอยู่เชิงบันได บิดตัวอย่างทรมานใกล้สิ้นสติ กรองแก้วรีบพาพ่อส่งโรงพยาบาลทันที
ชายภัทรเพิ่งขับรถออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับวังจุฑาเทพ ได้ยินเสียงไซเรนดังหวีดหวิวมา ก็เปลี่ยนใจย้อนกลับไปโรงพยาบาลเพื่อรอรับคนไข้หนัก เพียงพรติงว่า
“คุณชายหมอ เอ่อ...แพทย์เวรกำลังมาแล้ว คุณชายหมอกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
“คนไข้กำลังรอหมออยู่ตรงหน้า คุณจะให้ผมหันหลังให้เหรอ” เป็นคำถามและคำตอบในตัว จนเพียงพรนิ่งไป
กิตติได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นเนื้องอกในสมอง ต้องส่งไปผ่าตัดที่พระนคร กรองแก้วที่กระวน กระวายเป็นห่วงพ่ออยู่ข้างนอกตกใจมาก เวลานั้นได้แต่ภาวนาขอพ่ออย่าเป็นอะไรเลย
เมื่อรู้ว่าพ่อต้องผ่าตัด ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเป็นเรือนหมื่น แก้วที่เวลานี้แทบไม่มีเงินติดกระเป๋าเลย จึงบากหน้าไปหาป้าจิกเมียกำนันในตำบลที่มีอาชีพขายของและปล่อยเงินกู้
ป้าจิกเปิดดูบัญชีของแก้วที่มาเชื่อของกินของใช้ไปก่อนแล้ว เงยหน้าถามว่า
“แก้วจะกู้เงินไปรักษาพ่อเหรอ ก็ดีที่เป็นลูกกตัญญูอย่างนี้ แล้วแก้วมีอะไรมาจำนองล่ะ บ้านกับสวนของแก้วก็ติดจำนองธนาคารอยู่ ป้าไม่รับหรอกนะ”
กรองแก้วหนักใจไม่รู้จะทำอย่างไร ป้าจิกแนะนำให้หาคนค้ำประกัน แต่ถ้าแก้วหาเงินมาใช้หนี้ไม่ทันก็จะไปเก็บกับคนค้ำประกัน แก้วคิดหนัก ยิ่งเมื่อเห็นลูกหนี้สองรายมาจ่ายดอกช้าถูกป้าจิกคิดดอกทบต้น แก้วก็ถึงกับยืนสยอง...
ooooooo
พ่อป่วย รอผ่าตัดต้องใช้เงินเป็นหมื่น ทรัพย์สินก็ไม่เหลือ เงินเก็บก็ไม่มี ทำให้กรองแก้วมืดแปดด้านไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร แต่ด้วยความเป็นห่วงงานภารโรงที่พ่อทำอยู่ แก้วจึงไปทำแทนพ่อ
บุษบาเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน คุ้นเคยกับทั้งกิตติและแก้วเป็นอย่างดี เห็นความลำบากของแก้วแล้วรับปากว่าจะช่วยหางานให้ทำ เพราะเธอไม่เคยเลือกงานอยู่แล้ว
งานที่แก้วได้ทำเป็นงานแรก คือเป็นแม่ครัวทำอาหารในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของ ซิลวี สาวไฮโซนักเรียนนอก เพื่อนของชายภัทรสมัยเรียนที่อังกฤษ แก้วทำขนมจีบอร่อยเป็นที่ถูกใจของคุณชายทั้ง 5 ที่มาร่วมงาน
ชายเล็กชิมก่อนเพื่อน แล้วชวนชายภัทรลองชิมดู พอชายภัทรชิมอย่างตั้งใจ ก็สบตาชายเล็กจิ้มชิมให้แน่ใจอีกที แล้วถามซิลวีว่าใครทำ หรือว่าสั่งมาจากร้านไหน
“สั่งเด็กนักเรียนในจังหวัดนี่ล่ะค่ะ มาทำให้ อร่อยมากใช่ไหมคะ” ซิลวีสาวไฮโซแต่งตัวราวกับนางแบบคุยอวด
กรองแก้วมาทำอาหาร จัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ กำลังสั่งงานก่อนจะรีบกลับไปทำความสะอาดที่โรงเรียน ระหว่างนั้นบริกรเข้ามาเอาเงินให้ 100 บาทบอกว่าแขกติ๊บให้เธอ กรองแก้วถามงงๆ ว่าติ๊บอะไรหรือ
“เงินพิเศษไง...คุณชายอะไรพัดๆ สักอย่างนี่แหละ เขาชอบขนมจีบของแก้วมากเลย อ่ะ...เขาฝากมาให้รางวัล”
แก้วรับเงิน 100 บาท เอามือที่เพิ่งหยิบถ่านโรยใส่เตาปิ้งหมูสะเต๊ะลูบๆ แปะๆ หน้าอย่างดีใจ หน้าเลยเปื้อนผงถ่านดำเป็นปื้ดไม่รู้ตัว แก้วรีบลาเพื่อไปทำความสะอาดที่โรงเรียน เพื่อนๆ จะบอกก็ไม่ทัน
ไม่ว่าคุณชายคนไหนได้ชิมขนมจีบของแก้วก็ชมว่าอร่อย ชายภัทรบอกว่าคงเป็นสูตรเดียวกับของแม่หยก ชมกันจนซิลวีเล่าเพิ่มเติมอย่างภูมิใจว่า
“เด็กมัธยม ลูกภารโรงด้วยนะ เก่งค่ะหน้าตาดีด้วย แกยากจนแต่มีวิชาดี รับสั่งทำอาหาร ทำดอกไม้ จัดสถานที่”
“ว้า...เสียดายเป็นเด็กมัธยม ไม่งั้นพี่ชายภัทรไม่น่าจะให้รางวัลแค่หนึ่งร้อยบาทนะ ควรจะขอดูตัวเสียเลย นี่ต้องเป็นกุลสตรีที่พี่ใฝ่ฝันแน่ๆ ทำอาหาร จัดดอกไม้” ชายพีร์หยอกประสาคนสนุก
“พูดจาน่าเกลียดมาก ชายพีร์” ชายภัทรทำเสียงดุ ขณะนั้นเองคนรับใช้บ้านซิลวีก็มารายงานชายภัทรว่ามีโทรศัพท์จากโรงพยาบาล ชายภัทรจึงขอตัวรีบกลับไปด้วยความเป็นห่วงว่าอาจมีเคสฉุกเฉิน
ooooooo
กรองแก้วมายืนรอเรืออยู่ที่ท่าน้ำ ข้างๆ นั้นมีเรือหรูสีขาวลำหนึ่งจอดอยู่ ซิลวีพาชายภัทรเดินเร็วๆ มา คนของซิลวีเดินนำคอยเบิกทางให้
“หลีกหน่อยหนู” ชายคนนั้นมาสะกิดแก้ว เธอจึงเบี่ยงตัวหลบซิลวีแต่ไปบังชายภัทรที่เดินคู่กันมา พอหลบอีกทีมือป่ายไปโดนชายเสื้อนอกสีขาวของชายภัทรดำเป็นปื้น แต่ความเร่งรีบไม่มีใครสนใจ แก้วตกใจแต่ไม่กล้าเอะอะ
“เชิญครับ รับรองว่าไปทางนี้จะถึงภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงครับคุณชายภัทร” คนของซิลวีส่งกุญแจเรือให้ ชายภัทรรับกุญแจกระโดดลงเรือสตาร์ตแล้วขับพุ่งไปอย่างเท่
กรองแก้วได้ยินคนของซิลวีเรียกชายภัทรก็นึกถึงคนที่ให้ติ๊บตน หยิบเงินออกมาดูทึ่งๆ ก็พอดีเรือมาถึงจึงลงเรือไป พอถึงโรงเรียนก็รีบทำความสะอาด เพื่อหาเงินไปรักษาพ่อ
“กรองแก้ว...มาพอดี ครูกำลังรออยู่เลย” ครูบุษบาโผล่จากห้องพักครูมาเรียก “แก้ว เข้ามานี่สิ มีคนอยากเห็นแก้ว”
กรองแก้ววางไม้กวาดเดินเข้าไปงงๆ ทั้งที่หน้ายังเปื้อนผงถ่านดำเป็นปื้นอยู่
ooooooo
ในห้องพักครู บุษบานั่งอยู่กับอิงอรเพื่อนสนิทที่มีร้านเสริมสวย และเป็นแมวมองหาสาวงามเข้าประกวดนางงามศรีสยามปีนี้ด้วย พอแก้วเข้าไปในสภาพหน้าดำๆ อิงอรแทบเบือนหน้าหนีถามบุษบาว่า นี่หรือเด็กที่สวยที่สุดของเธอ
บุษบาจึงเห็นหน้ากรองแก้วเปื้อนถ่าน บอกให้ไปล้างหน้าล้างตา และไปหยิบชุดกีฬาโรงเรียนจากตู้ให้เปลี่ยนแทนชุดทำงานที่แก้วเอาของพ่อมาแก้ใส่ทั้งหลวมทั้งเก่า
ระหว่างรอกรองแก้ว อิงอรบ่นเพื่อนว่างานของตนจะทำเป็นเล่นไม่ได้ เพราะหมายถึงชื่อเสียงและกิจการของร้าน ถ้าส่งคนเข้าประกวดแล้วได้รางวัลก็จะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นมากมาย บ่นไม่ทันเสร็จ แก้วในชุดกีฬาของโรงเรียนก็เข้ามาในสภาพหน้าใส ผิวขาวเนียน ช่วงขายาวเรียว ลำแขนกลมกลึง ทำเอาอิงอรมองตะลึง
ooooooo
ชายภัทรไปถึงท่าน้ำที่โรงพยาบาล บุญสมวิ่งมารับ รายงานว่าชายพีร์โทร.ไปสั่งตนให้มารอรับชายภัทรที่นี่ เห็นชายเสื้อนอกดำเป็นปื้น ถามว่าไปโดนดินหม้อที่ไหนมา
“ไม่รู้เหมือนกัน ช่างมันเถอะ รีบเอาเรือไปคืนคุณซิลวีเลย ขอบใจมากนะบุญสม” พูดแล้วรีบเดินเข้าไปเลย
เรื่องกลายเป็นว่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลต้องการให้ชายภัทรมาคุยกับนายพลพินิจและคุณหญิงดารา เรื่องจะตั้งมูลนิธิเพื่อให้ทุนกับบุคลากรที่ทำงานด้านสมองและศัลยประสาท
“ยินดีมากเลยครับ” ชายภัทรดีใจมาก เพราะแพทย์ทางด้านนี้มีน้อยมาก และการรักษาทางด้านนี้ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนยากจนทั่วไปมีโอกาสเข้าถึงได้ยากมากด้วย “มันเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างยิ่งเลยครับท่าน”
ทั้งนายพลพินิจและคุณหญิงดาราฝากให้ชายภัทรช่วยรับผิดชอบแทนด้วย ทั้งเรื่องการจัดตั้งมูลนิธิและเรื่องทุนการวิจัยสำหรับพัฒนาบุคลากร
“ด้วยความยินดีครับท่าน ผมจะรีบร่างเอกสารทันทีเลยครับ” ชายภัทรตื่นเต้นดีใจกับโครงการนี้มาก
ชายภัทรเดินไปส่งนายพลกับคุณหญิง ระหว่างทาง นายพลมองบรรดาพยาบาลสาวๆ ด้วยสายตากรุ้มกริ่มเป็นประกายวิบวับเมื่อเจอคนสวย จนพยาบาลซุบซิบกันว่า
“น่ากลัวนะ สมกับที่ได้ยินเลยว่าอะไรๆก็ดีหรอก แต่ท่านบ้าผู้หญิงมาก”
ส่งนายพลกับคุณหญิงแล้ว ชายภัทรจะเดินกลับ ก็เจอมารตีที่ย้ายมาอยู่โรงพยาบาลเดียวกับชายภัทรมาคาดคั้นถามด้วยความหึงหวงว่า วันนี้ไปงานวันเกิดของซิลวีมาหรือ...หม่อมย่าทราบไหมว่าชายภัทรยังคบค้าสมาคมกับซิลวีอยู่...
“นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องส่วนตัว...ให้มันมีกาลเทศะหน่อยนะน้อง พี่เห็นเธอเป็นน้องสาวหรอกนะถึงไม่อยากจะถือสา...ขอโทษนะ พี่จะไปทำงาน พี่กำลังจะตั้งมูลนิธิ หาทุนทำวิจัยให้แผนกของพี่ นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับวิชาชีพของเรา”
พูดแล้วชายภัทรเดินเลี่ยงไป มารตียืนมองตาค้าง เพียงพรเข้ามาถามว่า “คุณเข้าเวรอยู่ตึกโน้นไม่ใช่หรือมารตี”
มารตีชักสีหน้าบอกว่ามาพูดธุระกับคู่หมั้นนิดหน่อยไม่น่าจะมีปัญหา เพียงพรเลยตอกหน้าว่าให้ได้หมั้นกันเสียก่อนค่อยตีฆ้องร้องป่าวว่าเป็นคู่หมั้น แล้วเดินผละไป มารตีจิกตามองอย่างเจ็บใจ แต่ไม่กล้าเถียง หันหลังเดินฉับๆกลับไป
ooooooo
เมื่ออิงอรเห็นความงามของกรองแก้ว จึงเริ่มหว่านล้อมให้เธอเข้าประกวดนางงามศรีสยาม กรองแก้วปฏิเสธอย่างตกใจว่าตนคงทำไม่ได้
แต่ด้วยความเคารพนับถือครูบุษบาและอิงอรเองก็เอารางวัลมากมายที่จะได้จากงานประกวดมาหว่านล้อมว่า เธอจะได้เงินมากมายและรวดเร็วเอามารักษาพ่อที่กำลังป่วย ข้อเสนอนี้ทำให้แก้วนิ่งอึ้งไป
เพียงเท่านี้อิงอรผู้มีประสบการณ์อย่างโชกโชนก็ยิ้มกับบุษบาอย่างสมหวัง แต่บอกกรองแก้วว่า กลับไปคิดดูก็แล้วกัน
เมื่อแก้วกลับไปเล่าให้พ่อฟัง กิตติบอกว่าถ้าไม่อยากประกวดก็ไม่ต้องไป แก้วบอกพ่อว่าตนรับปากกับครูบุษบาและครูก็ฝากฝังตนกับเพื่อนแล้ว ยังไงก็ต้องทำเพราะอยากได้เงิน
“พ่อไม่อยากให้แก้วคิดหาเงินมารักษาพ่อด้วยวิธีนี้” กิตติท้วงติง
“พ่อ...ถ้าแก้วได้รางวัลมงกุฎกับขันน้ำพานรองเป็นทอง...ป้าจิกอาจจะยอมให้แก้วกู้เงิน ไหนจะรางวัลที่ได้จากการประกวดอีก แบบนี้แก้วจะล้มเลิกไม่ได้หรอกค่ะ แก้วจะตั้งใจพยายามชิงเอารางวัลชนะเลิศมาให้ได้ พ่อจะได้ผ่าตัด แล้วจะไม่ต้องปวดหัวอีกต่อไป”
ความมุ่งมั่นของแก้วทำให้กิตติอึ้งพูดไม่ออก
ooooooo
ที่ห้องโดมอันเป็นที่ชุมนุมของคุณชายทั้งห้าแห่งวังจุฑาเทพ วันนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้น เมื่อชายพีร์เจอข่าวการประกวดนางสาวศรีสยาม ก็เจ้ากี้เจ้าการปลุกระดมพี่ๆให้ชวนชายภัทรไปดูขาอ่อนเผื่อจะตบะแตกบ้าง
“ไม่มีทาง” ชายใหญ่ฟันธง มองชายภัทรที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับหนังสือบนโต๊ะ แล้วท้าน้องๆว่าพนันกันได้เลย
ชายเล็กกับชายพีร์เชื่อว่า ถ้าชายภัทรได้ไปดูต้องตบะแตกแน่ๆ แต่ชายรุจกับชายใหญ่เชื่อว่าไม่มีทาง สี่พี่น้องจึงท้าพนันกัน รสาที่มาร่วมวงด้วยถามว่าชนะแล้วจะได้อะไร
“ได้รับเลี้ยงดินเนอร์อาหารทะเลที่ชายทะเลหัวหิน” ชายเล็กเสนอ
“เยสสสส...เลี้ยงสกี และล่องเรือไปเที่ยวเกาะขามด้วย” ชายพีร์เพิ่มเติม
“ดีลลลล...” เสียงชายใหญ่ทำให้น้องๆเฮกันอย่างครื้นเครง
จากนั้นทุกคนก็วางแผนแบ่งหน้าที่กัน บ้างหว่าน ล้อม บ้างออดอ้อน กระทั่งตัดพ้อให้ชายภัทรไปงานประกวดนางสาวศรีสยาม โดยชายพีร์เป็นตัวการทำทีชวนใครก็ไม่มีใครไปอ้างว่าติดงาน ติดธุระ ติดนัด สุดท้ายเลยอ้อนชายภัทรให้ไปเป็นเพื่อน เมื่อถูกปฏิเสธก็ปรามาสตามแผนว่า ไม่กล้า ทำให้ชายภัทรฮึดขึ้นมาตัดรำคาญใจว่า
“ทำไมจะไม่กล้า...โอเค...เราจะไปกับนาย จบหรือยัง”
“จบบบบบบบ” ทุกคนตอบพร้อมกันหันจับมือเขย่ากันอย่างดีอกดีใจ แล้วสลายตัวแยกย้ายกันไปท่ามกลางความงุนงงของชายภัทร
ooooooo
หลังจากตัดสินใจจะประกวดนางสาวศรีสยามแล้ว กรองแก้วเก็บเสื้อผ้าเก่าๆที่ใส่อยู่ทุกวัน หิ้วกระเป๋าโทรมๆ เดินทางไปบ้านอิงอร กว่าจะหาบ้านเจอก็เป็นลมที่หน้าบ้าน ทั้งเพราะเมารถและท้องว่างมาแต่เช้า
คนในบ้านช่วยกันหิ้วปีกเข้าข้างใน อิงอรกลับมาเห็นกรองแก้วก็ดีใจบอกว่านึกว่าจะเบี้ยวเสียแล้ว จะให้ไปนอนกับสุนันท์ลูกสาวจอมแสบ สุนันท์ไม่ยอมให้นอนด้วยจึงจัดให้ไปนอนที่ห้องพักสาวงามที่มาเก็บตัวที่หลังบ้าน ปรากฏว่ามีกรองแก้วคนเดียวที่พักที่นั่น เพราะอีกสามคนเป็นลูกผู้ดีมีสกุล เป็นลูกข้าราชการ กลับไปนอนบ้านกันหมด
“พวกลูกที่มีเกียรติแบบนั้น ทำไมเขาถึงมาประกวดนางงามล่ะคะ” กรองแก้วถามสุนันท์งงๆ
“ใครๆก็อยากจะโก่งค่าตัวกันทั้งนั้นแหละ ก็เหมือนกับหล่อนนั่นแหละ” กรองแก้วบอกว่าตนประกวดเพื่อหาเงินไปรักษาพ่อ ก็ถูกสุนันท์หัวเราะเยาะพูดประชดว่าลูกกตัญญู แล้วแนะนำว่า “ถ้าพ่อหล่อนป่วยจริงๆ ฉันขอแนะนำว่า อีกหน่อยให้หาผู้ชายรวยๆมาเลี้ยงสิ ได้ทั้งบ้าน รถ ค่ารักษา ค่าเทอม คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม”
ฟังสุนันท์พูดแล้วกรองแก้วยิ่งงง ขณะสุนันท์กำลังสาวไส้วงการนางงามอยู่นั้น อิงอรก็มาปราม ไล่จะไปไหนก็ไป แล้วตัวเองก็หว่านล้อมกรองแก้วว่า
“ขอให้หนูเชื่อฉัน...รับรองว่าหนูต้องได้เป็นนางสาวศรีสยามแน่ๆ แล้วคอยดูสิ ชีวิตของหนูแก้วจะเปลี่ยนไป โลกทั้งโลกจะเป็นของหนู ลาที ชีวิตจนๆ ฉันจะพาหนูไปสู่ชีวิตใหม่ ฉันสัญญาจ้ะ”
กรองแก้วฟังอิงอรกล่อมจนเคลิ้มกับชีวิตที่จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในพริบตา
รุ่งขึ้น กรองแก้วกับสาวงามที่จะเข้าประกวด ก็ถูกจัดให้มาซ้อมเดิน โดยต้องใส่รองเท้าส้นสูงถึง 4 นิ้ว กรองแก้วไม่คุ้นทำให้เดินเท้าพลิก ข้อเท้าบวมเป่งแต่กรองแก้วก็กัดฟันจะฝึกต่อ มะลิไม่ให้ฝึกจะไปเอาน้ำแข็งที่ตู้เย็นมาประคบให้ ก็ถูกสุนันท์มาใช้ให้ไปทำอาหารเช้าให้ตนกับไกรฤกษ์พี่ชาย มะลิจึงให้กรองแก้วไปเอาน้ำแข็งที่ตู้เย็นเอง
เมื่อกรองแก้วไปเอาน้ำแข็ง ก็ถูกไกรฤกษ์ที่จ้องอยู่เข้ามาทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่ พยายามจะลวนลามจนกรองแก้วต้องหาทางมุดออกมา วิ่งกะเผลกๆหนีหลุดไปได้หวุดหวิด ไกรฤกษ์ไม่ตาม แต่หัวเราะขำๆ เหมือนมองลูกไก่ในกำมือ
ooooooo
ที่ลานหลังบ้าน บรรดาสาวงามที่จะเข้าประกวด กำลังนุ่งกระโจมอกให้มะลิกับอิงอรขัดผิวทั้งด้วยเกลือ มะขามและขมิ้น
ไกรฤกษ์ยืนมองจากหน้าต่างห้องตัวเองตาเป็นมัน โดยเฉพาะกรองแก้วถูกจ้องไม่วางตา
ส่วนกรองแก้ว มาอยู่ที่บ้านอิงอรและเริ่มมีการฝึกเดิน ขัดผิว เธอเขียนจดหมายไปบอกพ่อว่า ไม่ต้องห่วงเพราะอิงอรดูแลตนดี ย้ำให้พ่อพักผ่อนให้มาก กินอาหาร กินยาตามเวลาจะได้แข็งแรงและผ่าตัดได้อย่างไม่มีอันตราย
เพิ่งเขียนจดหมายไปหยกๆ คืนนี้ก็เจอดีจนได้ ขณะกรองแก้วเดินไปห้องน้ำที่อยู่แยกจากห้องนอน ก็ถูกไกรฤกษ์ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมานุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไปซุ่มในห้องน้ำ พอกรองแก้วเปิดประตูเปิดไฟ ไกรฤกษ์ก็ทำเสียง “จ๊ะเอ๋...” ทำเอากรองแก้วผงะ รีบขอโทษ หันหลังกลับ
“จะรีบไปไหนล่ะครับ คุยกันก่อนสิ ผมอยากรู้จักกับคุณ” ไกรฤกษ์ในสภาพเมาก้าวออกมากางมือกั้นไว้ กรองแก้วตกใจคิดหาทางเอาตัวรอด ทำอุบายเหมือนจะสมยอม พอไกรฤกษ์เผลอก็เอาขันที่ใส่เครื่องอาบน้ำประเคนใส่หน้าแล้ววิ่งกลับห้องปิดประตูลงกลอน ยืนตัวสั่น
ไกรฤกษ์มาทุบประตูโครมๆ ตะโกน “แก้ว... แก้ว...เปิดนะ บอกให้เปิด ไม่งั้นเดี๋ยวฉันจะให้แม่ไล่เธอออกจากบ้าน”
“คุณ...คุณเมามากแล้ว...กลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ”
“ฉันไม่ได้เมา ออกมา เปิดประตู ถ้าไม่เปิดฉันจะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้”
กรองแก้วตกใจกลัวตัวสั่น เอามือปิดปากร้องไห้ไม่รู้จะทำอย่างไร รีบไปเลื่อนโต๊ะมาขวางประตูไว้
โชคดีที่มะลิเดินมา ไกรฤกษ์มองตาขวาง เห็นว่าทำอะไรไม่ได้เลยเดินกลับไปอย่างหัวเสีย มะลิมองตามอย่างสมเพช ส่วนกรองแก้วยังร้องไห้อย่างขวัญเสียอยู่ในห้อง...
ooooooo
วันนี้เป็นวันประกวดนางสาวศรีสยามแล้ว ที่ห้องแต่งตัวบ้านอิงอรจึงวุ่นวายกับการแต่งตัวให้บรรดาสาวงามที่จะเข้าประกวด
กรองแก้วมาช้ากว่าเพื่อน เธอเดินเข้ามาด้วยสีหน้าอิดโรยเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน อิงอรตกใจถามว่าทำไมดูตาบวมๆ
“เมื่อคืนแก้วนอนไม่หลับค่ะ” เธอตอบเพลียๆ
“คงจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับล่ะสิ” มะลิกระเซ้า
อิงอรจับกรองแก้วไปนั่งเพื่อให้ช่างแต่งตัว ระหว่างนั้น สุนันท์หิ้วรองเท้าเข้ามาพูดประชด
“เอ้า...นี่แม่แก้ว รองเท้าของหล่อน แหม...ยังไม่ทันอะไรเลยทำเดินตัวเปล่าเป็นคุณนาย ฉันไม่ใช่บ่าวของหล่อนนะยะ ที่ต้องคอยถือรองเท้าเดินตามน่ะ” พูดแล้วโยนรองเท้าโครมไปตรงหน้า
“ขอโทษนะคะคุณนันท์” กรองแก้วขอโทษทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไร
ระหว่างนั่งให้ช่างทำผมนั้น ช่างทำผมทำไปก็ชมไปกับมะลิว่า
“แหม...น้องกรองแก้วเนี่ย ช่างสวยสมกับที่คุณอิงอรไปคุยไว้เลยว่าท่านยอมทุ่มไม่อั้น”
กรองแก้วชะงักกึก เงยหน้ามองช่างกับมะลิที่คุยกันอยู่ มะลิรู้ตัวรีบจุ๊ปากไม่ให้ช่างทำผมพูดมาก แล้วบอกให้เกล้าผมเลย ย้ำทำให้สวย และเร็วด้วย เพราะ “เดี๋ยวคุณนายใบบัวจะมารับแล้ว”
ooooooo
ไม่นาน คุณนายใบบัวก็ส่งเสียงแจ่มใสก่อนเข้ามาในห้องรับแขกที่อิงอรรอต้อนรับอยู่
“ไหน...ไหน...เด็กที่ว่า ลือกันนักหนาว่าสวยแจ่ม จนฉันต้องขอตามมาดูตัวให้ชัดก่อนขึ้นเวทีสักหน่อย”
“เดี๋ยวคุณนายดูเอาเองก็แล้วกัน รับรองคนนี้ได้มงกุฎแน่ๆ ถ้าไม่สวยจริง ฉันไม่กล้าเอาไปเสนอท่านหรอก”
“เดี๋ยวก็รู้ ถ้าไม่ดีจริง ท่านมาเห็น คุณอิงอรนั่นแหละจะลำบาก”
“ขี้คร้านท่านจะให้รางวัลฉันเพิ่มละไม่ว่า...นั่นไงมาแล้วค่ะ” อิงอรมองออกไป คุณนายใบบัวมองตามสายตาอิงอร เห็นมะลิกำลังพากรองแก้วที่เกล้าผมสูงแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วเดินเข้ามา เธอสวยจนทุกคนตะลึง แม้แต่สุนันท์ก็อุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“หา! นังแก้ว...มันสวยขนาดนี้เลยเหรอ”
“โอ้โห...สวยจริงๆด้วย” คุณนายใบบัวอึ้งอยู่อึดใจ พออุทานแล้วลดเสียงเป็นกระซิบ “อิงอร...งั้นฉันจะรีบโทร.ไปเรียนท่านเดี๋ยวนี้เลยว่า...งานนี้คุ้ม คุณอิงอร...แบบนี้ท่านไม่อั้นแน่ๆ” ว่าแล้วรีบเดินไปที่เครื่องโทรศัพท์อย่างตื่นเต้นดีใจ
อิงอรมองตามคุณนายใบบัว นึกถึงเงินที่จะได้รับแล้วก็ยิ้มกริ่มอย่างเก็บไว้ไม่อยู่
ooooooo
ไม่นาน คุณนายใบบัวก็ประคองกรองแก้วไปขึ้นรถของตัวเองอย่างทะนุถนอมราวกับไข่ในหิน
“หนูกรองแก้ว มานั่งรถฉันนี่เลย จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับพวกนั้น” แล้วหันไปบอกมะลิ “ส่วนเธอรอไปพร้อมคุณอิงอร บอกด้วยว่าฉันไม่รอ ฉันจะรีบไปเจอท่าน เอ๊ย...รีบไปงาน”
คุณนายใบบัวประคองกรองแก้วขึ้นรถแล้ว มะลิจึงเห็นว่ากรองแก้วไม่ได้ใส่รองเท้าไป
“อ้าว...แก้ว...รีบร้อนจนลืมรองเท้าแล้วไหมล่ะ ไปวางเอาไว้ที่ไหน เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้”
“ไม่ต้องค่ะพี่มะลิ เดี๋ยวแก้วไปเอาเอง คงลืมไว้ที่ห้องแต่งตัวน่ะค่ะ” กรองแก้วรีบกลับไปหารองเท้า
“แล้วรีบกลับมานะจ๊ะ” คุณนายใบบัวเสียงอ่อนเสียงหวานตามหลัง
ooooooo
กรองแก้วรีบกลับมาที่ห้องแต่งตัวเพื่อเอารองเท้า มาถึงหน้าห้องก็ต้องชะงัก เห็นไกรฤกษ์กำลังทำลับๆ ล่อๆกับกระเป๋าถือของอิงอรอยู่ พอดีอิงอรกับสุนันท์เดินเข้ามาอีกทางหนึ่ง
“ไอ้ฤกษ์ ทำอะไรน่ะ” สุนันท์เอะอะอย่างรู้ทัน ไกรฤกษ์หันมาอ้อนอิงอรว่าขอตังค์หน่อย
“ว่าแล้ว! ไอ้ลูกชั่ว คนเลวๆอย่างแกจะมีอะไรนอกจากแอบขโมยเงินไปกินเหล้า” อิงอรด่าเปิง กรองแก้วได้ยินถึงกับสะอึก ส่วนสุนันท์ฟ้องฉอดๆว่า
“แม่...อย่าให้ ไอ้ฤกษ์มันเกือบทำสินค้าของแม่มีราคีรู้รึเปล่า ดีนะที่นังแก้วมันไม่เล่นด้วย ไม่งั้นท่านจับได้ว่ามันไม่สดเสียแล้ว เราจะโดนหนัก”
ไกรฤกษ์ด่าสุนันท์ว่าปากบอน อ้างว่าคราวก่อนตนก็จัดการนางงามช้างเผือกไปไม่เห็น “ไอ้แก่นั่นมันจะรู้เลย”
อิงอรด่าว่าวันๆไม่เห็นทำอะไรให้บ้านเลยทั้งๆที่รู้ว่ากิจการร้านเสื้อที่ไม่เจ๊งเพราะท่านอุปถัมภ์อยู่ แล้วพูดอย่างเต็มปากเต็มคำจนกรองแก้วที่แอบฟังอยู่หนาวเยือกว่า
“เพราะเราคอยจัดหานางงาม ดารา นางแบบให้ท่านไม่ขาด ไม่งั้นป่านนี้เราคงต้องขายบ้านไปแล้วมั้ง แกยังหน้ามืดข่มขืนเด็กนางงามที่ท่านจองได้ลงคอ อยากจะไม่มีที่ซุกหัวนอนรึไง”
ไกรฤกษ์ถามว่าแล้วอย่างกรองแก้วนี่จะได้เท่าไหร่ สวยขนาดนี้น่าจะได้มากกว่าคนปีที่แล้ว บอกอิงอรว่ายังไงก็แบ่งกันใช้บ้าง สุนันท์ตอบแทนแม่อย่างรู้ราคาดีว่า
“ถ้าได้ตำแหน่งนางสาวศรีสยาม ก็ได้เป็นแสนท่านอยากได้คนที่ครองมงกุฎ แต่ถ้าได้รองก็เหลือไม่กี่หมื่น”
“ถ้าตกรอบ ก็เหลือไม่กี่พัน” อิงอรพูดต่อ ไกรฤกษ์ตาโตถามว่าแล้วแม่ยังจะแบ่งรางวัลจากเด็กอีกหรือเปล่า “ถ้ารับจากท่านเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริง แม่ก็ไม่ใจดำพอที่จะไปหักเปอร์เซ็นต์เด็กมันอีกหรอก อย่างยายแก้วเนี่ย พ่อมันเป็นภารโรงโรงเรียนป้าบุษไง แล้วตอนนี้ป่วยเป็นอะไรที่สมองก็ไม่รู้ ถ้ามันได้ตำแหน่งก็ให้มันเอาเงินรางวัลไปรักษาพ่อได้ทั้งหมดเลย”
สามแม่ลูกคุยกันถึงเงินที่จะได้จากการขายกรองแก้วให้ท่าน แล้วพากันเดินออกจากห้องไป
กรองแก้วที่แอบฟัง ยืนหน้าซีดช็อกจนก้าวขาไม่ออก
ooooooo
ในบริเวณจัดงาน...
บนเวทีนักร้องสาวสวยกำลังครวญเพลงของสุนทราภรณ์อย่างไพเราะเพราะพริ้ง แขกเริ่มทยอยเข้ามาในงาน
คุณชายรณพีร์เดินนำคุณชายพุฒิภัทรเข้ามามองหาที่นั่งหน้าเวที พลันก็ชะงักเมื่อเห็นท่านพินิจกับคุณหญิงและคณะกำลังเดินอาดๆเข้ามา โดยมีเจ้าหน้าที่จัดงานต้อนรับอย่างนอบน้อม พินอบพิเทา
“ท่านพินิจ...มาช้อนนางงามกลับบ้านอีกแล้ว” ชายพีร์พูดเบาๆชายภัทรมองอย่างไม่ชอบใจ ชายพีร์ยังกระซิบต่ออย่างติดลมว่า “ภรรยาของท่านสวยขนาดนี้ ท่านยังไม่รู้จักพอ แย่มาก”
“แล้วภรรยาท่านก็รู้เห็นเป็นใจกับกิจกรรมแบบนี้ด้วยเหรอ”
“พี่ชายภัทร...เห็นยัยป้าชุดเขียวที่ใส่เพชรพรึบนั่นไหม”ชายพีร์ใบ้ให้ดูคุณนายใบบัวแล้วจึงเล่าต่อ “นั่นแหละนายหน้าหรือที่เรียกว่า แม่เล้าของท่านก็ได้ ยัยนี่ทำหน้าที่เป็นสเก๊าท์...แมวมอง...เที่ยวล่าหาหญิงสาวสวยมาป้อนวิมานสีชมพูของท่านพินิจ”
ชายพีร์พูดไม่ทันขาดคำ คุณนายใบบัวก็ปรี่เข้าไปรับท่านพินิจอย่างนอบน้อม บอกว่านางงามในชุดว่ายน้ำกำลังจะออกมาโชว์ตัวพอดี ถูกคุณหญิงหางตาใส่ปรามาสคุณนายเบาๆว่าอย่าให้มันประเจิดประเจ้อนัก
“อุ๊ย...แหม...คุณหญิงขา...เดี๋ยนไม่กล้าหรอกค่ะ...ท่านขา เชิญค่ะ ที่นั่งของท่านอยู่ตรงกลาง หน้าสุดเลยค่ะ”
คุณนายใบบัวพาท่านพินิจกับคุณหญิงไปเจอชายภัทรกับชายพีร์ที่ตรงกลางหน้าเวทีพอดี ท่านพินิจมองชายภัทรอย่างจำได้ ชายภัทรกับชายพีร์จึงยกมือไหว้
“คุณหมอ...ไม่ยักทราบ ว่าคุณหมอก็ชอบดูประกวดนางงามเหมือนกัน”
“พอดีผมได้บัตรเชิญน่ะครับ” ชายภัทรตอบยิ้มๆ
เจ้าหน้าที่มาจัดที่นั่งให้ตามเลขบัตร ท่านพินิจนั่งติดทางขวาของชายภัทรและชายพีร์นั่งติดทางซ้ายของพี่ชาย ต่างนั่งวางมาดเข้มอย่างไม่มีใครยอมใคร
ooooooo
ที่หลังเวที...บรรยากาศกำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัว ขึ้นเวทีของผู้เข้าประกวด แต่กรองแก้วยังช็อกกับเรื่องราวที่ได้ยินสามแม่ลูกคุยกัน ยืนซุ่มอยู่ข้างเวที กำลังต่อสู้กับความคิดของตัวเองอย่างหนักว่า จะหนีหรือไม่หนีดี
มะลิเดินมาเจอ ถามว่ามาแอบอยู่ตรงนี้เอง ทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่ไปเติมหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก
“พี่มะลิ...แก้ว...” กรองแก้วดึงมะลิหลบไปที่มุมลับตาหลังเวที กราบอกมะลิน้ำตาอาบแก้ม พูดไปร้องไห้ไปว่า “แก้ว...แก้วไม่อยากประกวดแล้ว” มะลิตกใจถามว่าทำไมหรือ!
กรองแก้วเล่าสิ่งที่ได้ยินอิงอรกับลูกๆคุยกันให้มะลิฟัง บอกว่าตนกำลังจะขึ้นเวทีไปเป็นสินค้าให้เขาเอาไปเร่ขาย พูดด้วยความรู้สึกผิดหวังเสียใจที่อิงอรไม่ได้มองตนเป็นคน เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนลูกสาวตัวเองแต่กลับเห็นตนเป็นเหยื่อ เป็นสินค้าที่จะเอาไปเร่ขายเหมือนผักปลา
มะลิสะเทือนใจไปกับกรองแก้ว บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องขึ้นประกวดก็ได้ ตนจะบอกทุกคนว่าเธอไม่สบาย กรองแก้วยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ มะลิเร่งว่าให้รีบไปเสีย กรองแก้วจึงตัดสินใจวิ่งหายไปในความมืด...
เมื่อกรองแก้วหนีไปแล้ว มะลิจึงเดินมาเก็บของ ช่างเสริมสวยเข้ามาถามหากรองแก้ว มะลิกำลังจะบอกว่าไม่สบายก็พอดีอิงอรเข้ามามองหากรองแก้วเหมือนกัน บอกมะลิว่าจะพาไปให้ท่านดูตัวก่อนว่าสวยสมกับที่ท่านคาดหวังไหม
“คุณคะ...คือ...กรองแก้วเขา...ไม่...”
ขณะมะลิกำลังอึกอักนั่นเอง กรองแก้วก็เดินหน้าซีดเข้ามา แต่แววตานั้นบอกถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่แล้ว อิงอรมองหน้าถามว่าทำไมถึงยังไม่เปลี่ยนชุด มัวทำอะไรอยู่ มะลิได้แต่ยืนมองลุ้นว่ากรองแก้วจะตอบอย่างไร
“แก้ว...แก้วรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้...ค่อยยังชั่วแล้ว” หันบอกมะลิว่า “พี่มะลิ แก้ว...แก้วหายแล้ว แก้ว...จะพลาดการประกวดครั้งนี้ไม่ได้”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอจะพลาดได้ยังไง ความสวยของเธอกินขาด ชนะเลิศทุกคน เธอต้องได้มงกุฎนางสาวศรีสยามแน่ มาแก้ว...ฉันจะแต่งตัวให้เธอเอง เร็ว ไปเปลี่ยนชุดก่อน หน้าค่อยเติมทีหลัง เดี๋ยวไม่ทันหรอก” พูดแล้วจูงกรองแก้วไปอย่างเร็ว
กรองแก้วหันมองมะลิด้วยแววตาที่เหมือนถูกจูงไปฆ่า...มะลิเองก็ได้แต่ใจหาย สงสารจับใจ...
ที่หน้าเวที ชายภัทรกับชายพีร์นั่งดื่มน้ำโซดากันคนละขวด ส่วนท่านพินิจดื่มบรั่นดีกับน้ำเย็น ทักทายพูดคุยกันเท่าที่จำเป็น จนเมื่อคุณนายใบบัวมากระซิบกระซาบให้ท่านพินิจจับตาดูเบอร์ 8 มาจากอยุธยาเป็นเด็กของอิงอร อวดว่าสวยมาก ได้ครองมงกุฎนางสาวศรีสยามแน่ ทั้งยังรับรองว่า คุ้มค่ากับราคาที่ท่านจ่ายแน่ๆ
ชายภัทรเอนตัวมาพูดกับชายพีร์อย่างแขยงแขงขนว่า
“ได้ยินไหม ว่านางงามพวกนี้ มาประกวดเพื่อจะได้ขายตัวได้ราคาดี เท่านั้นเอง”
ooooooo