icon member

เพลิงพระนาง

ตอนที่ 25

สำเภางามตัดสินใจเผาตัวเองไปพร้อมกับคุ้มของคะนอง เครือออนลูกสะใภ้และเพ็งข้าไทคนสนิทก็ตายในกองไฟด้วย เมืองคุ้มและทุกคนเสียใจมาก ครองภพขอให้ดั้งขอเลื่อนการเดินทางออกไปแต่ไม่ได้รับความสนใจ

ในที่สุดทุกคนก็ต้องไปรัตนคีรีศูนย์กลางอาณานิคม แต่เมื่อไปถึงปากอ่าว ริมบึงฉวยโอกาสหนีไปโดยมีเสกขรรู้เห็นเป็นใจ แต่ไม่ไปด้วยเพราะเป็นห่วงเมืองคุ้มที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ส่วนตองนวลไม่ยอมไปไหน เอาแต่ร้องไห้เฝ้าหลุมศพตองแปงที่ดั้งขอไม่ยอมให้สร้างกู่ ต้องเอาศพมาฝังบริเวณชายป่านอกเมืองทิพย์

ก่อนถึงรัตนคีรี นายฮาสแวะรับเรือนแก้วยังจุดนัดหมาย ปิ่นมณีกับอนัญทิพย์แทบไม่เชื่อสายตา เพราะเข้าใจว่านางตายพร้อมกับท้าววงษา ยิ่งได้ยินนายฮาสบอกว่าเรือนแก้วเป็นเมียตนก็อึ้งไปกันใหญ่

ที่รัตนคีรี นายฮาสพาทุกคนมาอยู่ในตึกฝรั่งหรูหรา พร้อมแจกแจงทำความเข้าใจอย่างเคร่งครัดเข้มงวด

“ที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีจารีตอย่างที่เคยทำมา ทุกคนไม่ใช่เจ้า แต่คือสามัญชนเสมอกัน”

อนัญทิพย์ไม่พอใจ เถียงว่าตนเกิดมาเป็นเจ้า ก็ต้องเป็นเจ้า เรือนแก้วหมั่นไส้แทรกขึ้นว่า จะยึดมั่นถือมั่นอะไรนักหนา เลยโดนปิ่นมณีตวาดแว้ดให้หยุดปากเสียที ก่อนที่นายฮาสจะพูดต่อไปว่า

“ทุกคนจะได้เบี้ยหวัดใช้จ่ายตามที่รัฐบาลของข้าเห็นควร ห้ามทุกคนเข้าออกนอกเขตรั้ว หาไม่ทหารของเราจะทำร้ายท่านได้ตามชอบธรรม”

“นี่มันคุกชัดๆ”

“แจ้งใจถูกแล้วอนัญทิพย์ เพียงแต่เป็นคุกบรรดาศักดิ์...ท่านเมืองคุ้มกับเสกขรเทวีอยู่ที่ตึกด้านหลัง ครอบครัวม่านฟ้าอยู่ตึกหน้า มีห้องหลายห้องไปแบ่งกันเอาเอง”

“แล้วข้าเล่า...นายฮาส” เรือนแก้วจีบปากถาม นายฮาสซึ่งนั่งติดกับเก้าอี้เรือนแก้วหันมาเชยคางนางและบอกว่า “เจ้าก็อยู่กับข้าที่เรือนถัดไปนี่แหละ”

ม่านฟ้าซึ่งยังหลงใหลเรือนแก้วอดสะเทือนใจไม่ได้ ปิ่นมณีตวัดตามองเขาด้วยความหึงหวง

ooooooo

แยกย้ายเข้าห้องพักกันแล้ว เสกขรก้มกราบเมืองคุ้มด้วยความรักและภักดี สองคนสัญญากันว่าหากใครตายก่อน คนที่ยังมีชีวิตต้องนำเถ้ากระดูกกลับไปเมืองทิพย์ เพราะที่นี่ไม่ใช่เรือนตายของเรา

อีกห้อง ปิ่นมณีหงุดหงิดฉุนเฉียวกับเสียงร้องของลูกน้อยม่านแก้ว ทำให้ม่านฟ้าไม่ชอบใจ ตำหนินางทางสายตาแทนคำพูด

“มองข้าด้วยเหตุใดเจ้าคะ ชิงชังข้านักรึ หรือว่ายังอาวรณ์อีผู้หญิงหน้าด้านที่ชื่อเรือนแก้วอยู่”

“หยุดพาลได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้เจ้าได้สำแดงอำนาจอีกต่อไป ยอมรับความจริงบ้าง”

ปิ่นมณีสะบัดหน้าไปทางหนึ่ง เรณุมาศเข้ามาบอกว่าปีกด้านทิศใต้ยังมีห้องว่าง ตนจะไปอยู่ที่นั่นและจะขอเอาม่านแก้วไปเลี้ยงด้วย ตนจะได้ไม่เหงา

“ก็ดี...จะได้ช่วยข้าด้วย เห็นทีข้าจะอยู่อย่างไม่มีความสุขดอก กลัวว่าผัวจะแอบไปหาหญิงอื่น”

“หยุดหยาบคายได้แล้ว ลางทีผู้หญิงโสโครกหาใช่ผู้ใด...คือเจ้า”

ปิ่นมณีสะอึก เดินหนีม่านฟ้าไปด้วยความโกรธ เรณุมาศมองม่านฟ้าแล้วถอนใจ ปลอบว่าอย่าคิดมาก เพราะอีกไม่นานเราจะตายกันแล้ว

“ไยเจ้าพูดเยี่ยงนี้”

“อยู่ที่นี่ไม่ตายก็เหมือนตายนะเจ้าคะ เหยียบแผ่นดินอื่นมันจะเต็มตีนได้อย่างใด”

ม่านฟ้าฟังแล้วสีหน้าหม่นลงทันใด...

ฝ่ายปิ่นมณีเดินหน้าตูมไปที่ห้องอนัญทิพย์ บ่นเรื่องกลัดกลุ้มใจสารพัด อนัญทิพย์รับฟังพร้อมกับเน้นย้ำว่า

“เมื่อเราเกิดมาสูง ก็ต้องทำตัวให้สูง...อย่าลงไปเกลือกกลั้วกับโคลนตม เราต้องคิดหาวิธีกลับเมืองทิพย์ให้ได้”

“นี่เจ้าแม่ยังฝันถึงตั่งทองที่เมืองทิพย์อีกหรือเจ้าคะ ลืมตาดูความจริงเถิดเจ้าค่ะ”

“ความจริงอยู่กับแม่มาตลอด แม่เกิดเป็นเจ้า แม่ต้องกลับไปเป็นเจ้า”

“ละเมอเพ้อพก...ข้าไม่พูดกับเจ้าแม่แล้ว”

“หยุดก่อน...แม่เคยสอนไว้ไยมิจำ...ผู้ชายตายด้วยเล่ห์มารยาของผู้หญิง หากเจ้ายังหึงสาบ้าบิ่นเยี่ยงนี้ เจ้าจะต้องเสียผัว อีเรือนแก้วมันก็แค่เศษธุลี หาเปรียบกับเจ้าได้ไม่”

“เจ้าแม่ก็เคยถูกผงธุลีเข้าตามาแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ แม้เพลานี้ก็ยังเขี่ยออกจากตามิได้ แล้วไยมาสอนข้า” ปิ่นมณียอกย้อนแล้วสะบัดพรืดออกไป

ooooooo

ที่ห้องนายฮาส...เรือนแก้วสำรวจรอบห้องที่จัดไว้อย่างหรูหราด้วยความพึงพอใจ ถามว่าชาวดั้งขอกินอยู่ใช้ชีวิตกันอย่างนี้เชียวหรือ นายฮาสอมยิ้มตอบอย่างอารมณ์ดี

“ท่าทางเจ้าจะปรับตัวได้เร็ว ไม่เหมือนพวกเจ้านายเหล่านั้น”

“โอ๊ย...มัวฝันถึงวันเก่าๆ มันหาย้อนคืนมาได้ไม่”

“เจ้าตามข้ามาด้วยเหตุใด เรือนแก้ว”

“มาทำให้อีปิ่นมณีกระอักเลือดตายน่ะสิ”

“ข้าจะให้ปืนเจ้าหนึ่งกระบอก ทำตามที่เจ้าตั้งใจแล้วข้าจะส่งกลับเมืองทิพย์...เอาหรือไม่”

“พ่อข้าสอนไว้ ฆ่าคนไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธดอก”

นายฮาสหัวเราะ บอกว่าตนชักสนุกกับนางแล้ว พลางเรียกนางเข้ามาใกล้ๆ แล้วกอดจูบก่อนถามว่า

“ไหนบอกข้าสิ...ว่าเจ้าจะทำอย่างใด”

“ไม่บอก”

เรือนแก้วใส่จริต แต่แล้วหอมแก้มนายฮาสดังฟอดอย่างเอาใจ...

วันรุ่งขึ้น นายฮาสพาทุกคนจากเมืองทิพย์เข้าพบชายฝรั่งคนหนึ่งและแนะนำว่า

“มิสเตอร์มาร์เวลคือหัวหน้าสถานีการค้า เป็นผู้แทนของรัฐบาลที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลอาณานิคมของเรา...เรียกท่านว่าท่านข้าหลวง”

“แล้วข้าต้องทำตัวอย่างใดกับท่านข้าหลวง” อนัญทิพย์ถาม

“ไม่ต้อง ฟังคำสั่งจากเราเพียงอย่างเดียว มิสเตอร์ฮาสคงบอกกฎเกณฑ์ทั้งหมดแล้ว...ใช่หรือไม่”

ม่านฟ้าบอกว่าเรารู้หมดแล้ว ปิ่นมณีเสริมว่า ไม่แน่ใจว่าจะทำตามได้หรือไม่ สร้างความไม่พอใจให้มาร์เวลไม่น้อย

“ไม่ยากดอก แค่เปลี่ยนแปลงตัวเองให้สมกับเป็นคนในปกครองของเราเท่านั้น มีกฎเกณฑ์ก็ทำตาม ห้ามขัดขืน”

“เช่นอันใดบ้าง”

“ท่านอาจจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงในฐานะตัวแทนของอาณานิคม ยืนเคารพธงของรัฐบาลเรา...ร่วมงานถวายพระพรแด่องค์ราชินีของเรา”

“ข้ากับลูกสาวข้าและเสกขรเทวีก็เคยเป็นราชินีมาก่อน ไยพวกท่านไม่มาถวายพระพรเราบ้าง”

สิ้นเสียงของอนัญทิพย์ มาร์เวลกระแทกไม้เท้าลงพื้นอย่างไม่สบอารมณ์...เรณุมาศ ม่านฟ้า เมืองคุ้ม และเสกขรพากันหน้าเสีย

“การประพฤติของพวกท่านจะเป็นเครื่องบ่งบอกจะได้เบี้ยหวัดมากหรือน้อย หวังว่าพวกท่านไม่อยากอดตายในแผ่นดินนี้” พูดแล้วมาร์เวลกวาดตามองด้วยสายตาทรงอำนาจ ทุกคนก้มหลบ ยกเว้นอนัญทิพย์คนเดียวที่จ้องตอบอย่างไม่กลัวเกรง

หลังจากมาร์เวลไปแล้ว เสกขรพาเมืองคุ้มกลับห้องพัก อนัญทิพย์ตามมาเห็นเมืองคุ้มนอนซมก็ทักถามเสกขรอย่างห่วงใย

“เจ้าพี่ยังไม่แข็งแรงรึ”

“ดีขึ้นแล้ว แต่หลังจากนายมาร์เวลกลับไปก็ทรุดลงอีก”

“ข้าอยากกลับเมืองทิพย์...เรามาหาทางกลับกันเถิด ไอ้มาร์เวลมันรู้ว่าเราไม่ยอมรับดั้งขอ มันเลยมาจัดงานฉลองที่เรือนนี้”

“ฉลอง?” เสกขรนิ่วหน้าไม่เข้าใจ

“ก็ฉลองที่มันชำนะพวกเราอย่างใดเล่า มันจงใจมาจัดเย้ยเราที่นี่แล้วยังบังคับให้พวกเราเข้าร่วมงานด้วย...จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด เสียแผ่นดินให้มันแล้วยังจะเสียหน้าอีก”

“ข้าไม่ไปร่วมงานดอก ข้าต้องดูแลเจ้าพี่ ถ้านายมาร์เวลถามถึงก็ให้มาหาข้าที่นี่”

เมืองคุ้มไม่พูดอะไรสักคำ นอนมองเสกขรอย่างเข้าใจความรู้สึก

ooooooo

อนัญทิพย์มาร่วมงานเลี้ยงที่ดั้งขอจัดขึ้น แต่ไม่ยอมใส่ชุดอย่างฝรั่งที่มีการจัดหามาให้เหมือนปิ่นมณีและเรณุมาศ ยังคงใส่ชุดของตนอย่างชาวเมืองทิพย์และวางท่าแข็งข้อ ทำให้มาร์เวลไม่พอใจ พูดจาข่มขู่ว่าจากนี้ไปพวกนางจะอยู่กันอย่างลำบาก

นายฮาสเองก็บ่นกับเรือนแก้วหลังเสร็จงานเลี้ยงว่าอนัญทิพย์ทำแบบนี้เท่ากับหักหน้าท่านข้าหลวงใหญ่มาร์เวล เรือนแก้วปัดว่าตนไม่รู้ไม่เห็นด้วย หากเขาไม่พอใจก็ไปเอาเรื่องกับพวกนั้น

“ไหนเจ้าว่าจะมาแก้แค้นมันอย่างใดเล่า ทำให้สมใจข้าหน่อยเถิด”

“ได้สิ แต่นายฮาสต้องอนุญาตให้ข้าต้มเหล้าที่นี่ได้”

เมื่อนายฮาสไฟเขียว เรือนแก้วจึงดำเนินการอย่างรวดเร็ว นำเหล้าที่ต้มเองไปให้ม่านฟ้าเหมือนที่เคยทำ ตอนอยู่เมืองทิพย์ ม่านฟ้าติดใจในรสชาติขอกินทุกวันเพื่อจะได้ลืมเรื่องบ้าๆรอบตัวให้หมด แต่ปิ่นมณีไม่ยอม มีปากเสียงกับเรือนแก้วและพาลตำหนิม่านฟ้าด้วย

“เจ้าพี่...ที่เสียบ้านเสียเมืองก็มิใช่เพราะเหล้าดอกรึ”

“ถ้าเจ้าไม่คิดเข่นฆ่าสังหารนักรบของเมืองทิพย์หมด เราคงไม่มีสภาพเช่นนี้ ถ้าคิดว่าข้าไม่ดีที่ติดเหล้า เจ้าล่ะติดอันใด...ติดยศ ติดอำนาจ ติดว่าตนสูงกว่าผู้อื่นรึ...ข้าเมาเหล้าแต่ข้าไม่เคยมัวเมาในอำนาจเยี่ยงเจ้า”

เรือนแก้วฟังม่านฟ้าด่าปิ่นมณีด้วยความสะใจ และบอกม่านฟ้าก่อนกลับออกไปว่าพรุ่งนี้จะต้มเหล้ามาให้อีก ปิ่นมณีมองตามตาขุ่นขวางแล้วหันกลับมากระแทกเสียงใส่ม่านฟ้า

“หากเจ้าพี่ชอบการสมาคมที่พวกดั้งขอมันทำกัน ชอบเยี่ยงที่อีเรือนแก้วมันทำ ข้าก็จะทำบ้าง”

ooooooo

ตองนวลยังอยู่เมืองทิพย์ ร่างกายซูบผอมไร้สง่าราศี นั่งเฝ้านอนเฝ้าหลุมศพตองแปงทุกเมื่อเชื่อวัน โดยมีเฟืองข้าไทคนสนิทร่วมทุกข์ร่วมสุข

แต่แล้ววันหนึ่งเฟืองก็ขอลาจากเพราะทนดูนายของตนในสภาพนี้ไม่ไหว ก่อนจากไปเฟืองบอกตองนวลด้วยว่าตนได้ยินข่าวว่าเจ้าหลวงกับพระมหาเทวีเจ้าจะสละบัลลังก์ไปเป็นสามัญชน

ข่าวนั้นเป็นเรื่องจริง ครองภพทนพวกดั้งขอไม่ไหว บอกกับบรรดาขุนนางที่เหลือในเมืองทิพย์ว่า

“ข้าหลวงใหญ่จากรัตนคีรีส่งจดหมายมาข่มขู่ ห้ามมิให้ข้ากับพระมหาเทวีเจ้าออกไปเยี่ยมราษฎร ออกนอกคุ้มหลวงก็ยังมิได้ ข้าตรองดีแล้วหากตั่งทองที่ข้านั่งอยู่ มิอาจทำให้ข้ามีอำนาจปกครองบ้านเมืองได้ ข้าก็มิควรเป็นเจ้าหลวงอีกต่อไป”

ครองภพถอดมงกุฎวางบนพาน ทองพญาก็เช่นกัน ขุนนางต่างเศร้าสร้อย บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาสงสารเจ้าหลวงและตัวเอง...

นานวันตองนวลสติฟั่นเฟือนเพ้อหาแต่ตองแปงลูกชายสุดที่รัก พูดคุยอยู่กับหลุมศพในสภาพเนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ารุงรังเป็นที่รังเกียจของผู้คนที่พานพบ

ที่รัตนคีรี...นอกจากเรือนแก้วจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับปิ่นมณีแล้ว ยังมีบัวไหลอีกคนที่เรือนแก้วชิงชัง เพราะบัวไหลคอยเป็นหูเป็นตาให้ปิ่นมณี บางครั้งสองคนทะเลาะตบตีกัน ทำให้เรือนแก้วโกรธแค้นคิดจะกำจัดบัวไหล

ปิ่นมณีคลอดลูกสาวอีกคนที่รัตนคีรี ตั้งชื่อว่าม่านทิพย์ แต่ต่อมาไม่นานเมืองคุ้มก็ป่วยตาย เรณุมาศขอนายฮาสให้นำศพกลับเมืองทิพย์หรือให้ถวายพระเกียรติด้วยการจัดงานศพ แต่นายฮาสไม่สนใจ เรณุมาศและทุกคนจึงต้องเผาศพตามมีตามเกิด เสกขรกับอนัญทิพย์เสียใจมาก ความบาดหมางของสองคนมลายหายไป คิดตรงกันว่าจะนำเถ้ากระดูกของเมืองคุ้มกลับเมืองทิพย์ให้จงได้

ooooooo

หลังจากสละบัลลังก์ ครองภพกับทองพญา ทำอาชีพค้าขายระหว่างเมือง ต่อมาทั้งสองได้พบกับริมบึงที่บวชเป็นชี ริมบึงบอกว่าตนมารอที่ปากอ่าวทุกวัน เพราะเชื่อว่าสักวันหนึ่งคนที่ถูกจับไปยังรัตนคีรีต้องกลับมา

“แม่เลือกอยู่ที่นี่ก็เพื่อรอว่าวันหนึ่งพระนางเจ้าเสกขรเทวีจะกลับมา แม้แต่ทุกคนที่แม่ชัง แม่ก็ยังปรารถนาจะได้เห็นหน้า ได้กอด ได้เช็ดน้ำตา ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขา”

“ไยจึงให้อภัยพวกเขาได้”

“กุศลใดจะยิ่งใหญ่เท่าอภัยทานเล่า”

“จริงสิเจ้าคะ”

“ข้าติดต่อกับพ่อค้าสำเภาอยู่เป็นประจำ ข้าค้าขายสินค้าจากเรือสำเภา เร่ร่อนไปในที่ต่างๆ ทองพญาก็ทำขนมขายเล็กๆน้อยๆ วันใดข้ามิได้ออกไปค้าขาย ก็ช่วยนางขายขนม”

“โถแม่คุณ...ไม่เคยลำบากก็ต้องมาลำบาก...ฟ้าต้องมีตามองเห็นความดีของเจ้านางสักวันหนึ่ง”

“อย่างน้อยก็ทรงเมตตาให้เราได้พบกันเจ้าค่ะ” พูดแล้วทองพญาสวมกอดแม่ผัวด้วยความดีใจ

ขณะเดียวกันที่ตึกฝรั่งในเมืองรัตนคีรีนั้นมีแต่ปัญหา ปิ่นมณีเริ่มแต่งตัวเป็นหญิงฝรั่งเพื่อหาทางกลับเมืองทิพย์ นางวางแผนจะให้ม่านแก้วกับม่านทิพย์ที่อยู่ในวัยสาวได้แต่งงานกับข้าหลวงคนใหม่เพื่อต่อรองในการกลับบ้าน เรือนแก้วไม่พอใจจึงหาทางขัดขวาง โดยเข้าทางนายฮาสให้ช่วยเหลือ

ต่อมาเสกขรได้รับอนุญาตให้กลับเมืองทิพย์ได้เพียงคนเดียว อนัญทิพย์ไม่โกรธเคืองหรืออิจฉาเพราะรู้ว่าเสกขรจะนำอัฐิของเมืองคุ้มกลับมายังเมืองทิพย์และสร้างกู่ให้ แต่ปิ่นมณีไม่พอใจ อยากกลับเมืองทิพย์ใจจะขาด จึงพยายามยัดเยียดลูกสาวให้ข้าหลวงคนใหม่ตามแผน

แต่ม่านฟ้าไม่เห็นด้วย ไม่ต้องการให้เลือดของตนปนกับเลือดพวกดั้งขอ เช่นเดียวกับอนัญทิพย์ พอรู้เรื่องก็ตำหนิปิ่นมณีด้วยความโมโห แต่ปิ่นมณีไม่สนใจ ยังคงตั้งใจทำตามแผนของตนต่อไป

ooooooo

เพลิงพระนาง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด