ตอนที่ 22
ในที่สุดม่านฟ้าก็รู้ความจริงจากเสกขรกับริมบึงว่าเมื่อคืนเกิดอาเพศและยอดพุ่มหายไป รวมทั้งมีคนอีกนับร้อยที่ต้องสังเวยโทสะของพระมหาเทวีเจ้า ทำให้ม่านฟ้ายิ่งชิงชังปิ่นมณีมากขึ้น
ผ่านไปแค่สองวัน ศพนับร้อยที่ถูกฝังดินก็เริ่มขึ้นอืดและส่งกลิ่นเหม็น บัวไหลมาเล่าให้ปิ่นมณีฟังด้วยท่าทีขยะแขยงขนลุกขนพอง
“หลุมศพมันอืดขึ้นมาจนดินที่กลบไว้มันโป่ง ดินที่นั่นมันเปียกชื้น น้ำเหลืองมันดันดินขึ้นมาจนโป่ง แค่เดินผ่านยังเหม็นแทบขาดใจ”
“แล้วจะทำอย่างใดวะ ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าให้เอาไปทิ้งน้ำ”
“ทิ้งศพลงน้ำไปบางส่วนแล้วเจ้าค่ะ”
“คืนนี้บอกขุนเวียงให้เอาช้างไปเหยียบ ดินมันจะได้ยุบไป แล้วก็เกณฑ์คนที่ไว้ใจได้เอาดินไปกลบมันเสีย น้ำเลือดน้ำหนองที่เจ้าว่ามันจะได้ฝังอยู่ในดิน”
บัวไหลรับคำตัวสั่นงันงก เวลาเดียวกันอนัญทิพย์เป็นห่วงเรณุมาศที่กำลังท้องไส้ เกรงจะถูกปิ่นมณีข่มเหงจึงบอกให้นางกลับมาอยู่ด้วยกันที่คุ้ม แต่เรณุมาศปฏิเสธ เพราะการอยู่คุ้มหลวงตนยังรู้เห็นว่าปิ่นมณีทำการใดบ้าง แม้นางจะไม่เชื่อตน แต่ตนก็ยังพอทัดทานนางได้บ้าง
เมื่อรู้แน่แก่ใจว่าแม่ของตนหายไป ม่านฟ้าสั่งทหารค้นหาและเกือบจะไปเจอหลุมฝังศพ ถ้าปิ่นมณีไม่ใช้ให้บัวไหลมาตามเขาเสียก่อน อ้างว่าตนล้มป่วยอาการน่าเป็นห่วง
ฝ่ายอนัญทิพย์เดินทางไปวัดหลวงเพื่อพบเมืองคุ้มที่ปฏิบัติธรรมอยู่กับทองพญาเพื่อสะเดาะเคราะห์ให้สำเภางาม อนัญทิพย์มีปากเสียงกับริมบึงที่คอยดูแลคนทั้งสอง ทำให้เมืองคุ้มรู้ว่ายอดพุ่มหายไปและคนที่น่าสงสัยก็คืออนัญทิพย์นั่นเอง
เมืองคุ้มสั่งแสงตาไปช่วยขุนแสงเมืองกับขุนห่มฟ้าค้นหายอดพุ่ม ถ้าไม่เจอตัวเจอซากศพก็ยังดี...ทางด้านกลุ่มของคะนองที่ออกไปรับศึกพวกดั้งขอ สองฝ่ายเกิดการปะทะกันมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่ที่ทำให้คะนองแปลกใจก็คือมีศพเจ้านายที่เป็นคนเมืองทิพย์ลอยน้ำมา
คะนองรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงให้ปะแดงกับครองภพคุมทหารไปรอที่ชายป่าทางเข้าเมืองมีด ส่วนตัวเองจะไปขอความช่วยเหลือจากเมืองท่าคอยของเจ้าน้อยอินทากับเจ้านางมณีหยาด
ooooooo
ปิ่นมณีเพิ่งรู้ว่าตนเองท้อง นางดีใจมาก แต่ม่านฟ้ากลับวางเฉยเพราะหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องยอดพุ่มที่ป่านนี้ยังไม่เจอแม้แต่ศพ
เมื่อนางเรียกร้องความสนใจ ทำให้ม่านฟ้าหงุดหงิด พูดโดยไม่มองหน้า “เพลานี้ข้าหาใส่ใจเรื่องอื่นไม่ ข้าต้องการพบแม่ข้า”
“ข้าท้อง เจ้าพี่ไม่ใส่ใจข้าเลยรึ ผิดจากอีเรณุมาศ นั่งกุมมือเป็นห่วงมัน”
“คิดว่าข้าโง่หรือปิ่นมณี คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าทำอันใดลงไป บอกข้ามาว่าศพแม่ข้าอยู่ที่ใด”
“มิต้องเฉไฉรับสั่งเรื่องอื่นดอกเจ้าพี่...ไม่รักข้าก็บอกมาตรงๆ เจ้านางยอดพุ่มอยู่ที่ใด ข้าจะรู้ได้อย่างใด ข้าไม่ได้มีหน้าที่นั่งเฝ้าเจ้าแม่ของเจ้าพี่นี่”
“พอเถิดปิ่นมณี เจ้ายิ่งพูด พี่ก็ยิ่งรังเกียจเจ้า”
“รังเกียจรึ...ถ้าเช่นนั้นก็ทรงฟังให้ดีนะเจ้าคะ ข้าจะไม่ยอมให้ลูกอีเรณุมาศมันได้ออกมาดูโลกดอก”
“กรรมเวรอันใดของข้าที่ต้องมาร่วมหอกับคนใจยักษ์ใจมารเยี่ยงเจ้า” ม่านฟ้าตะคอกอย่างสุดทน ปิ่นมณีโกรธจัดจนตัวเนื้อสั่น และไม่พ้นพาลไปอาฆาตแค้นเรณุมาศ
ooooooo
คะนองไปถึงเมืองท่าคอยและได้รับความช่วยเหลือจากน้อยอินทาเป็นอย่างดี ไม่ช้าไม่นานทหารของน้อยอินทาที่ถูกส่งไปสอดแนมยังเมืองทิพย์ก็กลับมาบอกว่าเห็นทหารนำศพมาทิ้งแม่น้ำจำนวนมาก คนที่ตายส่วนใหญ่เป็นเชื้อเครือของเจ้าหลวงพระองค์เก่า
“แล้วได้ข่าวเจ้านางยอดพุ่มหรือไม่”
“สิ้นพระชนม์แล้วพระเจ้าข้า แต่หาพระศพไม่พบพระเจ้าข้า”
มณีหยาดได้ฟังถึงกับน้ำตาร่วงพรู สงสารยอดพุ่มจับใจ ขณะที่น้อยอินทาเป็นห่วงม่านฟ้า รับปากคะนองว่าจะหาทางช่วยเมืองทิพย์อย่างแน่นอน
“แต่เพลานี้เจ้าครองภพกับปะแดงลูกข้ากำลังยกพลไปเมืองมีด พวกดั้งขอใช้เป็นที่มั่นบุกรุกต่อตีเมืองทิพย์ ข้าจำต้องกราบลาเจ้าหลวงไปยังเมืองมีด”
“ขอเพลาอีกไม่กี่วันดอก ข้าจะเกณฑ์พลและรวบรวมอาวุธมีปืนไฟที่ข้าซื้อจากเรือสินค้าอยู่หลายกระบอก บางทีข้าจะร่วมทัพกับท่านด้วย”
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งพระเจ้าข้า”
“เจ้าหลวงเมืองคุ้มเคยเสี่ยงตายช่วยข้า ทำให้ข้าได้ดีมียศเป็นเจ้าหลวงเมืองท่าคอย มีหรือที่ข้าจะไม่ตอบแทนเมืองทิพย์”
คะนองรู้สึกเต็มตื้น ทรุดตัวลงพนมมือไหว้น้อยอินทาอย่างสุดซาบซึ้ง
ooooooo
ความวุ่นวายภายในเมืองทิพย์ทำให้เมืองคุ้มยุติการปฏิบัติธรรมเพื่อกลับเข้าเมือง แต่ทองพญายังคงขอเวลาอีกสักระยะ สบายใจแล้วจะกลับไปอยู่กับเสกขร เหมือนเดิม
ก่อนกลับออกมา ตนบุญตรวจกรรมให้เมืองคุ้มแล้วพบว่าเขาติดบนไว้ที่พระธาตุเจ้ากลางป่า
“เป็นความสัตย์จริง...ข้าอธิษฐานกับเทวดาที่รักษาพระธาตุเจ้ากลางป่าว่าหากได้เป็นเจ้าหลวงจะไปทำนุบำรุงสร้างสมเนื้อนาบุญพระพุทธศาสนา แต่ก็หามีโอกาสได้ไปไม่”
เสกขรฟังอยู่ด้วย สีหน้าซีดเจื่อนด้วยความไม่สบายใจ...
ด้านปิ่นมณี หลังจากม่านฟ้าพูดชัดว่าไม่ได้รักและไม่มีท่าทีสนใจแม้ว่านางกำลังมีลูก นางวางแผนทำให้เรณุมาศตกเลือดจนแท้งลูก ม่านฟ้าตกใจมากสั่งบัวไหลรีบไปตามหมอหลวง ส่วนตัวเองสวมกอดเรณุมาศด้วยความเป็นห่วง พลางตวัดสายตามาที่ปิ่นมณีอย่างชิงชังรังเกียจ และนึกถึงถ้อยคำของนางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า
“ข้าจะไม่ยอมให้ลูกอีเรณุมาศมันได้ออกมาดูโลกดอก”
คิดแล้วม่านฟ้าทนไม่ไหว พูดโพล่งขึ้นอย่างคับแค้น “คนใจยักษ์”
ปิ่นมณีสะอึก แต่ก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน “ใช่...ข้าใจยักษ์ แล้วผู้ใดเล่าที่ทำให้ข้าเป็นเยี่ยงนี้ หากไม่ใช่เจ้าพี่ ข้าบอกเจ้าพี่แล้วใช่หรือไม่ เมื่อเจ้าพี่ไม่รักข้า เจ้าพี่ก็ไม่มีวันสมหวังในความรักกับหญิงอื่น”
เวลาเดียวกันนั้นบัวไหลวิ่งหน้าตื่นไปตามหมอหลวง เกือบชนกับเก็ตถวาและแก้วอากาศ แล้วหลุดปากบอกว่าเรณุมาศแท้งลูก สองเจ้านางจึงรีบคาบข่าวนี้ไปบอกอนัญทิพย์
อนัญทิพย์ตกใจรีบมาดูอาการเรณุมาศ ส่วน
ปิ่นมณีร้อนรนอยู่นอกห้อง ถามบัวไหลว่าใครคาบข่าวไปบอกเจ้าแม่
“คงเป็นเจ้านางแก้วอากาศกับเจ้านางเก็ตถวาน่ะเจ้าค่ะ ข้าเจ้าพบเจ้านางระหว่างทางไปตามหมอหลวง”
“แส่การของผู้อื่นตั้งแต่สาวยันแก่...เออ แล้วหมอหลวงว่าอย่างใดบ้าง”
“เจ้านางเรณุมาศจะมีลูกอีกไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”
ปิ่นมณียิ้มพอใจ ถามบัวไหลว่าไปหายาจากไหนมาถึงได้วิเศษเยี่ยงนี้
“พ่อค้าเรือเร่เจ้าค่ะ มีสมุนไพรแปลกๆ ข้าเจ้าชอบไปดู”
อนัญทิพย์ก้าวออกมาจากห้องเรณุมาศ ได้ยินถนัดชัดเจน ปราดไปตบหน้าบัวไหลจนล้มกลิ้งแล้วหันมาตวาดปิ่นมณีเสียงกร้าว
“เจ้าไม่เคยเสียลูกเยี่ยงแม่ ไม่รู้ดอกว่าหัวอกคนเป็นแม่มันเป็นอย่างใด...นี่ถ้าพี่เจ้าไม่ตายก็คงได้เป็นเจ้าหลวงแล้ว เจ้าก็คงไม่ได้ยกขึ้นมาเป็นมหาเทวีเจ้าเยี่ยงนี้ดอก แม่ผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ ปิ่นมณี”
“เจ้าแม่เคยบอกข้า เคยสอนข้ามิใช่รึว่าหากเป็นศัตรู กับผู้ใดก็ต้องทำให้มันไม่มีโอกาสโงหัวมาต่อตีกับเราได้”
“แต่ไม่ใช่น้อง”
“สำหรับข้า อีเรณุมาศมันเป็นศัตรูเจ้าค่ะ เจ้าพี่ม่านฟ้ารักมันมากกว่าข้า ลูกมันก็ออกมาดูโลกก่อนข้า หากลูกมันเป็นชาย ลูกข้าจะได้นั่งตั่งทองรึ ข้าไม่ได้ใจดีเยี่ยงเจ้าแม่ ปล่อยให้อีเสกขรยังลอยหน้าได้ดีมียศบนเสลี่ยงหลวง เป็นเข็มทิ่มแทงใจเจ้าแม่มาจนทุกวันนี้ ข้าพูดผิดหรือไม่ เจ้าแม่ก็ตรองดูเองเถิด”
ปิ่นมณีไม่สะท้านต่อความผิด ยอกย้อนแม่แล้วเดินหนี ทิ้งให้อนัญทิพย์ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ส่วนภายในห้อง ม่านฟ้ากอดปลอบเรณุมาศที่เอาแต่ร้องไห้ รำพันว่าตนมีลูกให้เขาไม่ได้อีกแล้ว แต่ม่านฟ้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น ยืนยันว่าถึงเรณุมาศไม่มีลูก ก็ไม่ได้หมายว่าตนจะรักนางน้อยลง
ooooooo
ตองนวลกับตองแปงหนีไปเมืองมีด แต่เมื่อเห็นว่าเมืองทิพย์นั้นขุนนางและนักรบตายในครั้งสมโภชพระนครจำนวนมาก ตองนวลเชื่อว่าเมืองทิพย์หมดพิษสงแล้วจึงขอให้นายฮาสนำตนกับลูกกลับเมืองทิพย์
เมื่อมาถึงนายฮาสวางอำนาจข่มขู่ม่านฟ้าให้ตั้งตองแปงเป็นอุปราชหอหน้าและคืนยศศักดิ์ให้ตองนวล ทำให้สองแม่ลูกสะใจกันมาก โดยไม่รู้ว่าครองภพ ปะแดง คะนอง และพวกเมืองท่าคอยสมคบกันตีเมืองมีดจนแตกพ่ายในเวลารวดเร็ว เจ้าฟ้าเมืองมีดตาย แต่คะนองกับปะแดงก็ตายในศึกครานั้นด้วย
เรือนแก้วลูกสาวของท้าววงษาได้เข้ามาเป็นข้าไทรับใช้ปิ่นมณีในยามท้องไส้ ส่วนบัวไหลได้กลับไปรับใช้อนัญทิพย์ดังเดิม แต่อยู่ได้ไม่นานเรือนแก้วก็ออกลายยั่วยวนม่านฟ้าจนได้เสียกันสมดังใจท้าววงษาที่มักใหญ่ใฝ่สูง
ปิ่นมณีไม่ระแคะระคาย ยังคงวุ่นวายอยู่กับการกำจัดศัตรูเพื่อให้ตนเองได้นั่งเมืองแทนม่านฟ้าเสียเอง เพราะเขาอ่อนแอเกินกว่าจะกำจัดตองนวลกับลูกที่ทำให้พวกดั้งขอเข้ามาวางอำนาจบาตรใหญ่ในเมืองทิพย์
ปิ่นมณีกล่อมอนัญทิพย์ได้สำเร็จว่าต้องแก้แค้นเสกขร เพราะนางคือตัวการที่ทำให้แม่หมดสิ้นทุกอย่าง อนัญทิพย์คล้อยตามลูก แสร้งทำเป็นทุกข์ทนจนเสกขรเห็นใจ เป็นช่วงเดียวกับที่เมืองคุ้มไม่สบายใจเพราะติดบนบานไว้ที่พระธาตุกลางป่า
ความเสียใจทำให้เมืองคุ้มล้มเจ็บ เสกขรจึงอาสาไปใช้บนแทน ด้วยหวังว่าใช้บนแล้วเทพยดาจะปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บและอุปสรรคทั้งปวงให้เมืองคุ้มและทุกคนในเมืองทิพย์
อนัญทิพย์สบโอกาสทันที ขอไปกับเสกขรด้วย แม้ว่าสำเภางามกับริมบึงจะทัดทานแต่เสกขรก็ยืนยันเดินทางไปกับอนัญทิพย์
ด้านพวกครองภพที่ยึดครองเมืองมีดไว้แล้ว ครองภพตั้งตัวเป็นเจ้าหลวงและทำกลศึกแสร้งส่งจดหมายจากเมืองมีดไปยังเมืองทิพย์ว่าเจ้าฟ้าประชวรหนักและขอให้ตองแปงมาครองเมือง ตองนวลหลงเชื่อจึงส่งตองแปงไปกับนายฮาส ส่วนตนขออยู่เมืองทิพย์ขวางทางพวกที่ตั้งตัวเป็นศัตรู
ooooooo
เสกขรออกเดินทางไปกับอนัญทิพย์ด้วยรถม้า โดยมีท้าววงษาและทหารของเขาไม่กี่คนติดตามคอยคุ้มกัน
ระหว่างทางขบวนหยุดพัก อนัญทิพย์ให้เสกขรดื่มน้ำผสมยาพิษ พอรถม้าวิ่งไปอีกสักพัก เสกขรก็มีอาการง่วงงุน สายตาพร่าพราย
“ยาเริ่มสำแดงแล้วสิ”
“ยา? เจ้าหมายความว่าอย่างใด”
“ที่พักกลางป่าเมื่อครู่ ข้าให้เจ้ากินน้ำ จำได้ไหม”
เสกขรหน้าเสีย อนัญทิพย์ยิ้มสะใจ พูดอย่างเลือดเย็นว่า
“อีกไม่นานเจ้าก็จะหลับ แล้วข้าก็จะผลักเจ้าลงไปข้างทาง ไม่เจ็บ ไม่ปวด ข้าเมตตาเจ้านัก...เมื่อเทียบกับที่เจ้ากับพี่ของเจ้าแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากข้า”
“ข้าน่าจะเชื่อคำเตือนของพระพันปีกับริมบึง”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คนโง่ก็ต้องเป็นเหยื่อของคนฉลาด เชิญไปเทศนาอวดคุณความดีของเจ้าในนรกเถิดเสกขร”
“เจ้าทิพย์...เจ้าหนีกรรมไม่พ้นดอก”
“กรรมเหรอ” พูดขาดคำ อนัญทิพย์เปิดประตูรถม้าแล้วผลักเสกขรกลิ้งไปตามทาง...
ค่ำแล้วแต่ยังไร้วี่แววของเสกขรกับอนัญทิพย์ พวกเมืองคุ้มออกมารอหน้าประตูเมืองต่างพากันกระสับ กระส่ายด้วยความเป็นห่วงเสกขร
ทุกคนอดคิดไปในทางร้ายไม่ได้ เพราะรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของอนัญทิพย์ ริมบึงเคียดแค้นถึงกับประกาศว่า ถ้าเสกขรเป็นอะไรไปตนจะฆ่าคนหนักแผ่นดินอย่างอนัญทิพย์ให้จงได้ ส่วนเมืองคุ้มเศร้าหมอง บ่นว่าตนคงทำกรรมไว้มาก ทั้งลูกทั้งเมียจากตนไปหมด...
ooooooo
พวกนายฮาสกับตองแปงยังอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับเมืองมีด หลังจากได้รับข่าวสารว่าเจ้าฟ้าเมืองมีดประชวรหนัก
การเดินทางครั้งนี้ทำให้นายฮาสรู้เห็นว่ามีผู้บุกรุกทำลายค่ายเก็บสมบัติของตน จึงสั่งทหารออกตรวจตราและจับพวกมันมาให้ได้ ตองแปงโวยวายเพราะต้องการไปถึงเมืองมีดให้เร็วที่สุด แต่ทำมาทำไปตองแปงถูกขุนห่มฟ้ากับขุนแสงเมืองรวบตัวแยกจากพวกนายฮาสมาได้ แล้วจะนำกลับเมืองมีด แต่คาดไม่ถึงว่าจะเจอเสกขรนอนหายใจรวยรินอยู่ข้างทาง
“พระนางเจ้าเสกขรเทวี...ไยจึงมาอยู่ที่นี่”
“ยังมีพระชนม์ชีพอยู่”
ตองแปงได้ยินชื่อเสกขรก็หน้าซีดด้วยความตกใจ
ขุนห่มฟ้าสั่งทหารให้ตัดไม้ไผ่ต่อแพให้เร็วที่สุด ก่อนตะวันขึ้นตนจะนำร่างของพระนางเจ้ากลับไปยังเมืองมีด ส่วนขุนแสงเมืองอาสาเอาตัวตองแปงไปเอง คาดว่าน่าจะถึงเวลาใกล้เคียงกัน...
ถึงเมืองมีดในเช้าวันถัดมา ตองแปงดิ้นรนขัดขืน โวยวายจะฟ้องเจ้าตาของตน พอเข้ามาในหอคำเห็นครองภพนั่งบนตั่งทองก็ตะลึงด้วยความโมโห
“ไอ้ครองภพ มึงลงมาจากตั่งทองของตากูบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าฟ้าเมืองมีดตากูอยู่ที่ใด พวกมึงบอกมานะ”
“หาต้องรู้ไม่ เอาตัวไอ้ตองแปงไปจำตรุ ุสร้างตรุไม้
แข็งแรงตั้งไว้กลางเมือง หากไอ้ตองแปงมันไม่ยอมรับการเป็นเจ้าหลวงของข้า ก็จับมันใส่ตรุแล้วไปตั้งไว้กลางเมือง”
“ไม่...กูไม่อยากถูกแดดเผา”
“แดดไม่เผาอย่างเดียว แต่ข้าจะให้ไพร่ราบ คนเข็ญใจ ยาจก เรียงแถวมาถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้าทั้งวันทั้งคืน”
ตองแปงหน้าเสีย ฮึดฮัดอยู่ไปมา แต่ไม่หลุดพ้นการควบคุมของขุนแสงเมือง
หลังจากจัดการกับตองแปงแล้ว ครองภพตามขุนทหารของตนไปดูอาการเสกขรที่หมอหลวงกำลังเยียวยารักษา หมอบอกว่าพระนางเจ้าถูกวางยาพิษ ทำให้ไม่รู้สติ และถูกกระทบด้วยของแข็งทำให้บอบช้ำไปทั่วร่างกาย
“แล้วเจ้าจะถวายการรักษาพระนางเจ้าอย่างใด”
“ข้าพระบาทให้พระนางเจ้าเสวยพระโอสถแก้พิษแล้วพระเจ้าข้า”
ครองภพเบาใจ แต่ยังไม่รู้ที่มาที่ไปว่าเหตุใดเสกขรเกือบเอาชีวิตมาทิ้งกลางป่า
ooooooo
ทองพญาร้อนใจเป็นห่วงแม่ จึงหารือตนบุญให้ตรวจดวงชะตาก่อนจะพบว่าดวงของแม่ต้องพลัดพรากจากที่อยู่เป็นการชั่วคราว
“เท่านั้นหรือตนบุญ อย่าปิดบังอันใดข้า”
“เท่านี้...หาต้องหวั่นพระทัยดอก คนดีเยี่ยงเจ้านางหลวง ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้”
“แต่ก็หายไปจากแผ่นดิน” เสียงผู้ไม่ได้รับเชิญดังขึ้น
ปิ่นมณีนั่นเอง มาพร้อมเรือนแก้วกับบัวไหล และมีข้าไทถือโตกอาหารมาด้วย
ทองพญาประหลาดใจ มองหน้าปิ่นมณีแล้วดักคอว่า
“ร้อยวันพันปี เจ้าหาเคยมาวัดไม่”
“ก็วันนี้ข้านึกอยากทำบุญให้...ให้แก่ผู้ใดดีวะบัวไหล”
“ผีป่าผีไพร ผีไม่มีญาติ ผีตายโหง ผีพวกนี้ชอบคุ้มครองคนดีๆ มันก็เลยเอาคนดีไปอยู่ด้วย”
“อย่าลืมอุทิศบุญให้แก่ผีเปรตที่มันสิงใจพวกเจ้าด้วย ที่ข้ายอมเจ้ามาตลอดก็เพราะเห็นแก่ความสงบสุขของเมืองทิพย์ ไม่ต้องการทำลายขวัญของราษฎร แต่เมื่อพวกเจ้าทำร้ายแม่ข้า ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยอมพวกเจ้าอีกต่อไป”
ปิ่นมณีไม่สะทกสะท้าน วางท่าเหนือกว่า ทองพญาหันไปบอกตนบุญว่า
“ข้าจะสึก...และจะใช้อำนาจของพระนางหน่อเจ้าหลวงจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในคุ้มหลวง”
เวลาเดียวกัน เมืองคุ้มนอนซมซึมเศร้าอยู่ในคุ้ม ริมบึงคะยั้นคะยอให้กินอาหารก็ปฏิเสธ
“ข้ากินไม่ลงดอก ออกไปให้หมด ข้าอยากอยู่คนเดียว”
ริมบึงน้ำตาร่วง สงสารเมืองคุ้มจับใจ ร่างสะเทือนไหวด้วยแรงสะอื้น
เมืองคุ้มยากทำใจ หากเสกขรสูญหายไม่กลับมา ค่อยๆเบือนหน้าซ่อนน้ำตาที่ซึมออกมา กล่าวโทษตัวเองด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี
“ข้าปกป้องไม่ได้แม้กระทั่งลูกเมีย ข้าไม่ควรมีชีวิตอยู่”
“เจ้าพี่...ไม่นะเจ้าคะ” ริมบึงสะเทือนใจ น้ำตาไหลพราก...
ooooooo