ตอนที่ 1
เมืองทิพย์เป็นเมืองที่รุ่งเรือง มีอาณาเขตกว้างใหญ่ มีเมืองประเทศราชมากมาย ปกครองโดยเจ้าหลวงปิตุลา...
เจ้าหลวงปิตุลากับพระมหาเทวีเจ้าอุระมณีมีพระราชธิดาพระองค์เดียวคือเจ้านางอนัญทิพย์ผู้ทรงพระสิริโฉม...ในวันที่เจ้าหลวงเสด็จกลับเมืองหลังจากรบทัพจับศึก ตามกฎมณเฑียรบาลแล้วพระมหาเทวี พระราชธิดา และเจ้านางอื่นๆ รวมถึงพระญาติวงศ์ต้องไปเฝ้าเจ้าหลวง
อนัญทิพย์เตรียมแต่งองค์ทรงยศสวยสดเต็มที่ โดยมีบัวไหลหญิงรับใช้วัยกลางคนคอยดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ในขณะที่อุระมณีมารดากลับเดินทางไปนอกคุ้มเพื่อแก้บนที่วัดหลวง
แต่แล้วเมื่ออนัญทิพย์ออกจากคุ้มด้วยเสลี่ยงสมเกียรติยศจุดหมายคือหอคำที่ทุกคนต่างมารอเฝ้าเจ้าหลวงปิตุลา กลับได้ยินข่าวว่ามีคนก่อขบถยึดอำนาจเมืองทิพย์จากเจ้าหลวงปิตุลาเสียแล้ว
เจ้าหลวงปิตุลากลับมาจากทัพ พอถึงประตูเมืองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าท้าวบุรพคาม พระญาติห่างๆก่อการขบถ เจ้าหลวงถูกควบคุมตัวไว้ ขณะที่บ่าวไพร่พากันหวาดกลัว เจ้าหลวงองค์ใหม่ ต่างพินอบพิเทายอมรับแต่โดยดี
บุรพคามไม่มีมเหสี แต่มีพระขนิษฐาองค์หนึ่งคือเสกขรเทวี เมื่อยึดอำนาจปกครองเมืองทิพย์ บุรพคาม คิดแต่งตั้งเสกขรเทวีให้เป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง ซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลแล้วมีตำแหน่งเทียบเท่าองค์รัชทายาท แต่ตามกฎมณเฑียรบาลระบุไว้ว่าพระนางหน่อเจ้าหลวงจะต้องดำรงตำแหน่งอัครมเหสีของเจ้าหลวงองค์ต่อไป
การแต่งตั้งเสกขรเทวีเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงทำให้ธิดาของเจ้าประเทศราชซึ่งถูกส่งมาเป็นองค์ประกันที่เมืองทิพย์ไม่พอใจ เพราะเท่ากับตนจะไม่มีโอกาสขึ้นเป็นอัครมเหสีในรัชกาลต่อไป ได้แก่ เจ้านางตองนวล เจ้านางเก็ตถวา และเจ้านางแก้วอากาศ โดยเจ้านางตอง-นวลตั้งตัวเป็นหัวหน้าพาลหาเรื่องเสกขรเทวีเป็นประจำ
แต่ก็ถูกริมบึง พระญาติห่างๆ ซึ่งทำหน้าที่รับใช้เสกขรเทวีคอยขัดขวาง อีกทั้งยังถูกเจ้าสำเภางามซึ่งมีศักดิ์เป็นเจ้าป้าของบุรพคามคอยคุ้มครองเสกขรเทวีอยู่ด้วย ทำให้เจ้านางทั้งหลายทำร้ายเสกขรเทวีไม่ได้ แม้ว่าจะแสนเกลียดชังนางเท่าใดก็ตาม
เจ้าสำเภางามมีบุตรชายสองคน มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของบุรพคาม คือเจ้าเมืองคุ้ม กับเจ้าคะนอง...
เจ้าเมืองคุ้มเป็นหนุ่มรูปงาม มีความสามารถทางการรบ เป็นที่รักของทหารและคนทั่วไป ส่วนเจ้าคะนองเป็นนักรบเคียงบ่าเคียงไหล่พี่ชาย รักบ้านเมืองมากเช่นเดียวกัน
เมื่อบุรพคามก่อการขบถยึดอำนาจจากเจ้าหลวงปิตุลา อนัญทิพย์ด่าทอบุรพคามอย่างโกรธแค้น ทำให้บุรพคามโมโหสั่งถอดยศนางลงไปเป็นข้าไท ยังความสะใจแก่ตองนวลเจ้านางเชลยศักดิ์จากเมืองมีดยิ่งนัก เพราะต่างหมายปองเจ้าเมืองคุ้มเหมือนกัน
ในวันที่บุรพคามก่อการขบถ เมืองคุ้มพร้อมขุนทหารคู่ใจคือขุนแสงกับขุนห่มฟ้าออกไปรับศึกดั้งขอ เมื่อทราบข่าวขบถก็รีบเดินทางกลับเมืองทิพย์ ขณะนั้นเองอุระมณีไปที่วัดหลวง ได้พบกับเจ้าสำเภางามซึ่งฝันร้ายเป็นห่วงเมืองคุ้มผู้เป็นลูกชาย ทั้งสองปะทะคารมกัน สำเภางามไม่ลืมความแค้นที่อุระมณีเคยสั่งฆ่าสามีของนาง
ooooooo
ภายในหอคำ บุรพคามกำลังวางอำนาจประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเพลานี้ตนคือเจ้าหลวงองค์ใหม่ หากผู้ใดไม่อ่อนน้อมยอมเป็นข้ารับใช้ ไม่เคารพกราบไหว้ ตนจะบั่นหัวถึงเจ็ดชั่วโคตร
คะนองนั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตา ขณะที่ท้าววงษากับขุนเวียงสะกดความเคียดแค้นไว้ ทันใดนั้นเองเสียงอนัญทิพย์แผดดังมาก่อนตัว
“แม้แต่ข้ารึ...ไอ้บุรพคาม”
บุรพคามมองอนัญทิพย์ที่เดินตรงมาหน้าบัลลังก์ด้วยแววตาแข็งกร้าวแค้นเคือง คะนองมองนางด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่กล้าพูดอะไร ตองนวลคืบคลานเข้ามานั่งอยู่ห่างๆ กราบเจ้าหลวงองค์ใหม่อย่างนอบน้อม
“อีทิพย์!” บุรพคามตวาดเสียงดัง อนัญทิพย์หาได้ลดราวาศอก ตะคอกกลับไปพร้อมชี้หน้าด่า
“บังอาจขึ้นไปนั่งบนตั่งทองของพ่อข้า ลงมาบัดเดี๋ยวนี้”
“พ่อมึงหมดอำนาจวาสนาแล้ว กูจักสำเร็จโทษเมื่อใดก็ได้”
“ไอ้ขบถ...ไอ้คนชั่ว ไอ้สารเลว”
บุรพคามเหลืออดลุกขึ้นยืนชี้หน้า สั่งทหารลากตัวอนัญทิพย์ไปให้พ้นหอคำ ถอดยศให้เป็นข้าไทไพร่ราบ เสลี่ยงและร่มเกียรติยศก็ริบเสียให้สิ้น
ตองนวลลอบยิ้มสะใจอยู่ในที คะนองสงสารอนัญทิพย์ แต่ไม่กล้าทำอะไร ทหารกรูเข้ามาจับตัวนาง บุรพคาม ถามหาอุระมณี สั่งทหารไปจับตัวมาสำเร็จโทษ อนัญทิพย์ ดิ้นรนกรีดร้องอย่างทำใจรับไม่ได้เมื่อได้ยินว่ามารดาตนจะถูกสำเร็จโทษ
เสกขรเทวีเดินลิ่วเข้ามาขอร้องบุรพคามว่าช้าก่อน ทุกคนที่เมืองทิพย์เป็นเชื้อเครือเดียวกันทั้งนั้น อย่าให้รุนแรงไปกว่านี้เลย แต่เจ้าพี่ของนางไม่ฟัง ยืนกรานจะสำเร็จโทษอนัญทิพย์กับแม่ให้ได้ โดยสั่งคะนองไปจับตัวอุระมณีมาโดยเร็ว พร้อมเร่งทหารเอาตัวอนัญทิพย์ ไปให้พ้นหน้า
อนัญทิพย์ทำใจไม่ได้ กรีดร้องร่ำไห้ตลอดทางจากหอคำกลับคุ้มของตน เสกขรเทวีสงสารนางจับใจ รับปากจะช่วยอย่างเต็มที่ อนัญทิพย์ไม่เชื่อ จ้องมองเสกขรเทวีด้วยสายตาอาฆาตแค้น
ooooooo
คะนองเร่งไปที่วัดหลวง เจอทั้งสำเภางามและอุระมณี เมื่อทั้งสองทราบเรื่องบุรพคามก่อการขบถจับเจ้าหลวงปิตุลาคุมขังก็ตกใจ แต่จะให้อุระมณีกลับไป นางไม่มีวันยอม!
“ให้ไอ้บุรพคามมันมาจับข้าที่นี่ วัดนี้ข้าเป็นคนสร้างขึ้น พระพุทธรูปองค์นี้ข้าก็หล่อขึ้นมา หากจะตาย ข้าก็ขอตายที่นี่”
คะนองอึดอัดพูดไม่ออก พระแห่งวัดหลวงขอบิณฑบาตชีวิตอุระมณี ขอให้คะนองกลับไปทูลเจ้าหลวงองค์ใหม่ตามความประสงค์ของนางด้วย
แต่บุรพคามไม่ยอมอย่างเด็ดขาด รุดไปที่วัดหลวงพร้อมทหารขบวนใหญ่ เสกขรเทวีตามมาขอร้องก็ไม่เป็นผล
“กลับไปเสกขร...อย่ามายุ่งเกี่ยวกับการบ้านการเมือง หน้าที่ของเจ้าคือช่วยพี่ดูแลฝ่ายใน...อีริมบึง เอานายมึงกลับไปที่คุ้ม”
ริมบึงทำท่าจะดึงตัวเสกขรกลับ แต่นางสะบัดหนี สำเภางามปรี่มาหาหลานรักที่กำลังกลั้นน้ำตาไม่อยู่
“เจ้าป้า...ข้าไม่คิดเลยว่า...”
สำเภางามโอบกอดเสกขรเทวีซึ่งร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจ อุระมณีมองเหยียดหยัน แม้ตัวเองตกอยู่ในภาวะคับขันก็ไม่ยี่หระ
“ดี...อยู่กันพร้อมหน้า วันนี้พูดอย่างใดไว้กับข้าบ้าง จงจำใส่ใจตัวเองด้วย ไอ้เจ้าหลวงเหย...เมื่อเจ้านั่งบัลลังก์ตั่งทองแล้ว ทำหน้าที่ให้ดีกว่าเจ้าหลวงปิตุลาผัวข้าก็แล้วกัน สักวันเวรกรรมจักตามสนองมึง ไอ้บุรพคาม”
ขาดคำ บุรพคามตวัดหลังมือตบอุระมณีจนหน้าหัน เสกขรเทวีผวามายื้อยุดพี่ชาย แต่สำเภางามดึงตัวนางออกห่าง
อุระมณีน้ำตาร่วงพรูด้วยความเจ็บแค้น ก่นด่าสาปแช่งให้แผ่นดินของบุรพคามลุกเป็นไฟ ไม่มีความสุข
ooooooo
อนัญทิพย์ออกจากคุ้มพร้อมบัวไหลเพื่อไปที่ตรุนอกเมืองเพราะเชื่อว่าเจ้าหลวงปิตุลาถูกคุมขังอยู่ที่นั่น แต่ไม่ทันจะพ้นประตูเมืองก็เจอตองนวล เก็ตถวา และแก้วอากาศ สองฝ่ายตีฝีปากกันครู่หนึ่งก่อนที่อนัญทิพย์จะเร่งรีบจากไปเพราะเป็นห่วงพ่อ
เดินต่อไปไม่เท่าไหร่ อนัญทิพย์กับบัวไหลพบเจอขบวนเสลี่ยงของเสกขรเทวีกับสำเภางาม เสกขรเทวีสอบถามอนัญทิพย์อย่างอาทรว่าจะรีบร้อนไปที่ใด
“ข้าจะไปหาพ่อข้าที่ตรุ...จำเป็นต้องบอกหรือไม่ว่าพ่อข้าถูกจำตรุเพราะไอ้คนชั่วมันจับขังไว้ แล้วข้าก็จะไปหาแม่ที่วัดหลวงด้วย...เพลานี้อำนาจเจ้าคับฝ่ายในแล้วนี่ จะจับข้ากับอีบัวไหลใส่ตรุด้วยหรือไม่เล่า เสกขร”
“ไยเจ้าพูดเยี่ยงนี้ เจ้าทิพย์”
“ไยเจ้าพูดเยี่ยงนี้...ฮึ! ไม่ต้องทำทีสงสารข้าดอก ข้าไม่อยากฟัง...เสียงไก่ขันยังน่าฟังกว่าเสียงเจ้า”
“โธ่...พี่สงสารเจ้าจริงๆนะเจ้าทิพย์ พี่สัญญาว่าจะหาทางช่วยเจ้าหลวงปิตุลาและพระมหาเทวีเจ้าให้ปลอดภัยที่สุด”
อนัญทิพย์ชี้มือกราดไปทั่ว หัวเราะหยัน “ฟ้าเหย ...ดินเหย...ผีหลวง ผีป่า ผีไพร จงมาเป็นพยานด้วยเถิด ผู้หญิงหน้าเนื้อใจเสือที่ลอยหน้าอยู่บนเสลี่ยงให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือข้า หากไม่เป็นไปตามปากก็ช่วยลงโทษลงทัณฑ์มันด้วยเถิดเจ้าข้าเอ๊ย”
สำเภางามชักสีหน้าไม่พอใจ ตวาดอนัญทิพย์ให้หยุดปากโสมมเดี๋ยวนี้
“ข้าไม่หยุด พ่อข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม พี่ชายของมันปล้นบัลลังก์ตั่งทองไปจากพ่อข้า...ด่ามันแค่นี้ยังน้อยไป”
เสกขรน้ำตาไหลพราก...สำเภางามโกรธขึ้ง ชี้หน้าด่าอนัญทิพย์
“แล้วยามพ่อกับแม่เจ้าเป็นใหญ่เคยปกครองโดยธรรมหรือไม่ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงรังแกคนเขาไปทั่ว...อีกไม่นานเจ้านางเสกขรเทวีจะได้พระนางหน่อเจ้าหลวง มีอำนาจราชศักดิ์เหนือชีวิตมึง จำไว้ด้วยอีทิพย์”
ด่าเสร็จ สำเภางามสั่งพลเสลี่ยงเดินทางต่อ อนัญทิพย์ เม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ เสลี่ยงทั้งสองผ่านหน้าเก็ตถวา แก้วอากาศ และตองนวลที่สอดรู้สอดเห็นอยากรู้ว่าอนัญทิพย์ จะไปที่ใด เก็ตถวากับแก้วอากาศยกมือไหว้สองคนบนเสลี่ยง แต่ตองนวลกลับสะบัดหน้าเชิดใส่ไม่ไยดี แล้วพอเสลี่ยงผ่านไป ตองนวลก็จิกกัดอนัญทิพย์ โดยมีเก็ตถวา กับแก้วอากาศพลอยหัวเราะเป็นลูกคู่
“ฝันจะได้เป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงอยู่แท้ๆ ดันตกจากเสลี่ยงได้ โอ้...วาสนา”
“เออ วันนี้ข้าตกอับ แต่อย่าให้ข้ามีโอกาสได้เป็นใหญ่นะ พวกเจ้าถูกกุดหัวแน่”
“ไม่ต้องปลอบใจตัวเองดอกอีทิพย์...มึงไม่มีวันชูคอได้เยี่ยงเดิมอีกแล้ว”
อนัญทิพย์โกรธมาก แต่ตัดใจชวนบัวไหลเร่งเดินทางต่อ แต่แล้วถึงประตูเมืองทหารกลับไม่ยอมให้ออกไป เป็นเวลาที่คะนองควบคุมตัวอุระมณีเข้ามาพอดี
“เจ้าแม่! ปล่อยแม่ข้าบัดเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย!”
“อย่าให้อีทิพย์ออกมาจากฝ่ายในได้” บุรพคามตะโกนก้อง ทหารยามปิดล้อมประตูฝ่ายในพร้อมอาวุธครบมือยืนหันหลังให้เสลี่ยงของบุรพคามผ่านไป
อนัญทิพย์ทำอะไรไม่ได้ นอกจากสะอื้นร่ำไห้อยู่กับบัวไหล ก่อนจะกลับเข้ามาภายในคุ้มของตนเอง นั่งร่ำไห้น้ำตานองหน้า ยากจะทำใจรับได้กับภาพที่แม่ถูกทหารควบคุมตัวไปต่อหน้าต่อตา
บัวไหลอัดอั้นคับแค้นไม่แพ้กัน เอ่ยปากว่า “ข้าเจ้าจะหาทางช่วยเจ้านาง”
“แม่ข้าต้องไม่ตาย...เอ็งได้ยินมั้ย แม่ข้าต้องไม่ตาย”
เพลาเดียวกัน ตองนวลนั่งเอกเขนกในคุ้มของตน เฟืองบีบนวดให้อย่างเอาใจ เก็ตถวากับแก้วอากาศนั่งถัดไป มองดูตองนวลหัวเราะสะใจที่แม่ของอนัญทิพย์ถูกจำขื่อกลางเมือง ส่วนพ่อถูกขังในตรุ แล้วลูกจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างใด
“หากเจ้าพี่กลับมาแล้วรู้ว่าอีทิพย์ตายไป จักเป็นอย่างใดหนอ หญิงใดเล่าที่เจ้าพี่จะหมายปอง หากไม่ใช่ข้า” ตองนวลยิ้มหวานวาดฝัน
“แล้วเจ้าไม่กลัวว่าเจ้าหลวงพระองค์ใหม่จะเรียกเจ้าเข้าหอคำไปเป็นสนมรึ”
“หรือไม่...เจ้าอาจได้ดีมียศ เป็นถึงพระมหาเทวีเจ้า”
ฟังคำเก็ตถวากับแก้วอากาศแล้วตองนวลหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ให้ข้าตายเสียดีกว่า ถ้าต้องเป็นเมียเจ้าหลวงบุรพคาม...ข้ารักเจ้าพี่เมืองคุ้มคนเดียวเท่านั้น”
“แต่ถ้าเจ้าทิพย์ไม่ตาย เจ้าก็ต้องแห้งคาคุ้มอยู่เยี่ยงนี้”
“ใช่ๆๆ”
แก้วอากาศกับเก็ตถวาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ตองนวล ไม่สบอารมณ์คว้าของใกล้ตัวจะขว้าง สองนางรู้แกวชิงลุกหนีไปเสียก่อน
ooooooo
คะนองมีลูกชายกับเครือออนหนึ่งคนคือปะแดงซึ่งอยู่ในวัยทารก คะนองเป็นห่วงพี่ชายและห่วงเมืองทิพย์ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไหนจะศึกพวกดั้งขอ ไหนจะผลัดแผ่นดินใหม่ ซึ่งกำลังจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองอยู่แล้ว
อุระมณีถูกจองจำกับขื่อกลางเมืองมีทหารยามยืนอารักขารอบทิศ สักพักขุนเวียงกับท้าววงษาเดินเข้ามาด้วยกัน ทหารยามยืนขวางไม่ยอมให้เข้าใกล้
“เจ้าหลวงบุรพคามใช้ให้ข้ามา”
“หลีกไป อยากหัวขาดหรืออย่างใด”
สองคนเสียงเข้มจนทหารยามต้องเปิดทาง อุระมณีน้ำตาไหลพราก ได้ยินชัดว่าขุนเวียงกับท้าววงษาอาสาจะช่วยนาง
“ไม่สำเร็จดอก วันพรุ่งไอ้บุรพคามก็จะประหารชีวิตข้าแล้ว รับปากข้าได้หรือไม่ ท่านขุนเวียง ท่านท้าววงษา ...จงช่วยเหลือให้เจ้าทิพย์ลูกข้าได้เป็นใหญ่ในเมืองทิพย์ จัดการกับพวกมันให้พินาศอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
“พระเจ้าข้า” สองคนน้อมรับโดยดี...แล้วอุระมณีทิ้งท้ายให้สองผู้จงรักไปพาอนัญทิพย์มาหาตน ก่อนที่ตนจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูก
ooooooo
เสกขรเทวีทราบข่าวในเช้าวันถัดมาว่าอุระมณี ถูกนำตัวไปยังท่าน้ำ ด้านอนัญทิพย์กับบัวไหลกำลังออกจากคุ้มเพื่อไปพบอุระมณีตามที่ขุนเวียงกับท้าววงษามาบอก แต่เสกขรเทวี สำเภางาม และริมบึงผ่านมาพบเสียก่อน
“เจ้าทิพย์น้องพี่ มีการอันใดรึ”
“แม่ข้ากำลังจะถูกพี่ชายของเจ้าประหารชีวิต
ที่ท่าน้ำ ข้าอยากไปดูใจแม่ข้า ที่เจ้าบอกว่าจะช่วยข้าน่ะ ปากกับใจเจ้าคงตรงกันนะ หรือว่าเจ้าหามีน้ำใจช่วยข้าไม่”
“มันจะมากไปแล้วนะเจ้าทิพย์” สำเภางามตวาด
“เจ้าป้า...ข้าอนุญาต ริมบึงไปบอกทหารยามด้วย” เสกขรเทวีรวบรัด...ริมบึงรับคำแล้วเดินนำอนัญทิพย์กับบัวไหลออกไป
เมื่อเสกขรเทวีบอกเจ้าป้าว่าตนจะไปที่ท่าน้ำเช่นกัน สำเภางามไม่ห้ามแต่ตักเตือนเสียงเข้มอยู่ในที
“อย่าให้ภาพอุจาดตามันกลบตากลบใจยากจะลบออกเลยเจ้าคะ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ดอก...ต่อไปเจ้านางจะได้เป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงแล้ว จำต้องเรียนรู้ว่าเมื่อใดควรอ่อน เมื่อใดควรแข็ง”
เสกขรเทวีฟังอึ้งไปอย่างลำบากใจ...
บุรพคามสั่งประหารชีวิตอุระมณีด้วยการให้เดินลงแม่น้ำ อนัญทิพย์รีบมาพร้อมบัวไหลแล้วเจอเมืองคุ้มกับสองทหารคู่ใจที่เร่งร้อนมาเช่นกัน
อนัญทิพย์กับเมืองคุ้มรักกันมาก เมื่อฝ่ายชายรู้ว่าแม่ของฝ่ายหญิงกำลังจะโดนประหารจึงพานางขึ้นม้ามุ่งหน้าไปยังท่าน้ำทันเวลาพอดี
แม้กำลังจะตายในอีกไม่นานนี้แต่อุระมณีก็เข้มแข็ง โอบกอดปลอบใจลูกสาวที่ร่ำไห้น้ำตานองหน้า
“อย่าร้องไห้ น้ำตาของเจ้าจะทำให้เจ้าพ่ายแพ้... ดูแม่ตายแล้วจำไว้ในใจ อย่าลืมแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจของเจ้า”
“เจ้าแม่...”
“เมืองคุ้ม ข้าฝากลูกด้วย...รับปากข้าได้หรือไม่”
“พระเจ้าข้า”
สิ้นคำของเมืองคุ้ม เฟื้อแฝงทหารรับใช้ของบุรพคามก็บอกทุกคนว่าถึงเพลาแล้วอย่าทำให้เสียฤกษ์
“ใช่...ฤกษ์ตายของกู...ฤกษ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความพินาศของเมืองทิพย์”
อุระมณีเค้นเสียงเคียดแค้นสาปแช่ง เฟื้อแฝงเงื้อมือจะตบนางแต่โดนท้าววงษาถีบกระเด็น กลุ่มของตองนวลร้องวี้ดว้ายด้วยความตกใจ
สั่งเสียลูกสาวแล้วอุระมณีเดินลงน้ำอย่างเด็ดเดี่ยวโดยไม่ต้องมีใครเคี่ยวเข็ญ อนัญทิพย์แผดเสียงร้องไห้เสียใจที่สุดในชีวิต อยากตายตามแม่แต่เมืองคุ้มดึงตัวนางไว้
ตองนวลเห็นภาพบาดตาเมืองคุ้มกอดอนัญทิพย์ไว้แนบอกก็สะบัดหน้าพูดกับเฟืองสาวใช้ว่าตนจะกลับ เก็ตถวากับแก้วอากาศสบตาใจกันสะใจแล้วออกเดินตามตองนวลกับเฟืองไป ทิ้งให้อนัญทิพย์โศกเศร้าเสียใจร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ มองร่างแม่ที่จมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา
ooooooo
เสกขรเทวีเศร้าหมองที่ช่วยอะไรอนัญทิพย์ไม่ได้เลย บ่นกับสำเภางามว่าตั้งแต่ตนโตมาก็เห็นเมืองทิพย์มีแต่ความวุ่นวาย ฆ่ากัน แย่งอำนาจกัน ไม่รู้เป็นบาปกรรมอันใดของเมืองทิพย์
สำเภางามสะเทือนใจไม่แพ้กัน ขอให้เสกขรเทวีหักห้ามใจ ก่อนจะเปรยถึงสาเหตุที่เมืองทิพย์เป็นเช่นนี้ตั้งแต่นกเหยี่ยวตัวนั้นบินมา
“นก...นกตัวใดเจ้าคะเจ้าป้า”
“วันนั้นคงเป็นวันอัปมงคลที่สุด เหยี่ยวตัวหนึ่งบินมาบนฟ้ากว้าง คาบผ้าซิ่นสีดำผืนหนึ่งด้วยปากอันคมกล้าแล้วทิ้งลงยอดหลังคาคุ้มหลวง”
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหลวงปิตุลาก็ส่งพลเสลี่ยงเกียรติยศไปรับอุระมณีในวัยสาวที่เป็นเพียงหญิงชาวบ้านเข้ามาในเมือง
“เจ้าหลวงปิตุลา แม้จะเสียพระทัยที่พระมหาเทวีเจ้าเสด็จสวรรคตไปแล้วกลับทรงเชื่อโหราว่าเจ้าของผ้าซิ่นผืนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ จึงรับเข้าสู่พระนคร สถาปนาให้เป็นพระมหาเทวีเจ้า ทั้งที่มันก็เป็นเพียงแม่ค้านั่งตลาด หามีสกุลรุนชาติแต่น้อยไม่...อุระมณีทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองมีอำนาจ เจ้าหลวงทรงเชื่อและยอมทุกอย่าง ผู้ใดก็ตามที่ราษฎรรัก นางจะชิงชัง ผู้ใดก็ตามหวังดีต่อแผ่นดิน ผู้นั้นจะถูกกล่าวหาว่าส้องสุมกำลังคิดขบถ ผัวข้าและพ่อแม่ของเจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้าย”
ฟังเรื่องราวในอดีตจากเจ้าป้าแล้วเสกขรเทวีสะเทือนใจน้ำตาไหล สำเภางามเช็ดน้ำตาให้หลานสาวพร้อมกำชับจงจำไว้ว่าลูกเสือลูกจระเข้ ไว้ใจไม่ได้
“เจ้าป้าหมายถึง...”
“ใช่ เจ้าทิพย์...มันก็คงมิต่างจากแม่มันดอก เจ้านางจะเป็นใหญ่แล้วต้องรู้จักใช้อำนาจ”
“ก็เพราะอำนาจมิใช่หรือที่ทำให้แผ่นดินวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้”
“อำนาจ หากใช้อย่างเป็นธรรม มันก็เป็นเครื่องมือของคนมีอำนาจ...สักวันเจ้าจะแจ้งใจ”
“ข้าอยากไปเยี่ยมเจ้าทิพย์ มิรู้ว่าจักเป็นอย่างใดบ้าง”
สำเภางามจะทักท้วง แต่เสกขรเทวีชิงพูดเสียก่อนว่า
“เจ้าป้าอย่าห้ามข้าเลย ได้ข่าวว่าเจ้าพี่เมืองคุ้มกลับมาแล้ว เจ้าป้าน่าจะไปหาเจ้าพี่”
เสกขรเทวีผละไปด้วยใจที่เป็นห่วงอนัญทิพย์ สำเภางามไม่เห็นด้วยบ่นไล่หลังว่าเพิ่งห้ามหยกๆ ใจอ่อนเยี่ยงนี้จักดูแลฝ่ายในได้อย่างใด
ooooooo
อนัญทิพย์กับบัวไหลกำลังจะออกจากคุ้มไปยังตรุจองจำเจ้าหลวงปิตุลา แต่ก่อนแต่ไรจะไปไหนต้องมีเสลี่ยงและพุ่มประดับเกียรติ แต่ยามนี้ไม่มีสิ่งใดสักอย่าง
ยามตกต่ำหมดอำนาจวาสนา อนัญทิพย์ทั้งเจ็บแค้นและทุกข์ตรม แต่ถึงอย่างไรนางไม่มีวันก้มหัวให้ตองนวลเจ้านางแห่งเมืองประเทศราชอย่างแน่นอน เหตุนี้ทำให้ตองนวลยิ่งแวะเวียนมาเกะกะระรานศัตรูหัวใจ พูดจาเหยียดเย้ยถากถางโดยมีเฟืองสาวใช้คู่ใจผสมโรงอย่างเมามัน
ตองนวลกร่างหนักถึงขนาดจะกราบทูลเจ้าหลวงองค์ใหม่ขออนัญทิพย์กับบัวไหลมาเป็นข้าไทในคุ้มของตน พอเห็นเสกขรเทวีนั่งเสลี่ยงมา สองนายบ่าวก็สงบปากเพราะยำเกรงพระนางหน่อเจ้าหลวง
อนัญทิพย์มองเสกขรเทวีด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ได้ยินนางบอกว่ามาเยี่ยม ก็ยอกย้อนว่ามาเยี่ยมหรือมาเยาะเย้ย
“ข้ามาหาเจ้าเพราะเป็นห่วง หากช่วยอันใดได้ข้าก็จักช่วย”
“ช่วยให้พ่อข้าออกมาจากตรุได้หรือไม่เล่า ช่วยให้พี่ชายเจ้าลงจากตั่งทองได้หรือไม่เล่า ช่วยเอาเสลี่ยงเกียรติยศและพุ่มทองประดับเกียรติมาคืนให้ข้าได้หรือไม่เล่า แม้นเจ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเลย...เสกขร เจ้าก็คงไม่ต่างจากพี่เจ้าดอก มักใหญ่ใฝ่สูงหาผิดกันไม่”
“เจ้าทิพย์ หาควรทูลเจ้านางเสกขรเยี่ยงนี้”
“ไม่ใช่การของมึง อีริมบึง”
ริมบึงไม่พอใจ สำทับเจ้านางของตนอย่าสงสารคนอย่างเจ้าทิพย์...เสกขรเทวีปรามสาวใช้ให้หยุดพูด แล้วบอกอนัญทิพย์ว่าถ้าต้องการอย่างนั้นตนจะกราบทูลขอเจ้าหลวงให้
“ข้าก็จะคอยดู...อีบัวไหลไปกันเถิด จะได้รีบกลับมาล้างเสนียดที่หน้าคุ้ม”
เสกขรเทวีเสียใจแทบน้ำตาร่วง ไม่คิดว่าเจ้าทิพย์จะก้าวร้าวเช่นนี้ ริมบึงโกรธแทนนายจนตัวสั่น
หลังจากอนัญทิพย์กับบัวไหลเดินจากไปแล้ว เสกขรเทวีกำชับตองนวลอย่าให้ตนรู้ว่ามาระรานเจ้าทิพย์อีก ตนจะลงโทษนางแน่ ตองนวลชักสีหน้าไม่พอใจแอบบ่นลับหลังว่าถือดีมีเจ้าหลวงเป็นพี่ แต่ถ้าคิดจะเมตตา เจ้าทิพย์ก็ต้องเมตตาทุกคน รวมถึงตนด้วย
ระหว่างทางเดินไปตรุ อนัญทิพย์เจอท้าววงษากับขุนเวียงที่จะออกไปส้องสุมผู้คนนอกเมือง หากสบโอกาสก็จะยกพลมาไล่บุรพคามลงจากตั่งทอง แล้วยกเจ้าทิพย์ขึ้นเป็นเจ้าหลวงแทน อนัญทิพย์จึงอวยพรสองผู้จงรักให้โชคดี ตนจะรอวันนั้น และขอให้ดวงวิญญาณของแม่ตนคุ้มครองพวกเขาด้วย
ooooooo
เมืองคุ้มเพิ่งได้พบหน้าแม่ที่คุ้มของคะนอง พอเจอหน้ากันเมืองคุ้มก็พูดถึงแต่อนัญทิพย์อย่างห่วงใย ทำให้สำเภางามไม่พอใจ ปฏิเสธไม่รับรู้สัมพันธ์ของเมืองคุ้มกับอนัญทิพย์ และไม่มีทางที่แม่จะรับเจ้าทิพย์มาร่วมวงศ์วาน
“ถึงมันจะเป็นธิดาเจ้าหลวงปิตุลา แต่แม่มันเป็นแม่ค้านั่งตลาด หามีสายโลหิตเจ้าแต่น้อยไม่...เจ้าทิพย์มีเลือดเจ้าแกมไพร่จะให้มาปะปนกับพวกเราที่สืบเชื้อเครือมาจากเจ้าหลวงพระองค์ก่อนรึ อย่าลืมสิว่าแม่มันสั่งฆ่าพ่อเจ้า”
“เรื่องมันผ่านมานานแล้วนะเจ้าแม่”
“ในชีวิตของเรามีเรื่องควรจำสองเรื่องเท่านั้น คือความดีกับความเลวที่คนอื่นทำกับเรา รู้เยี่ยงนี้แล้วเจ้าก็อย่าลืม”
เมืองคุ้มอึดอัด คะนองกับเครือออนที่นั่งถัดไปก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“แต่ข้ารักเจ้าทิพย์...ข้ามิอาจลืมนางได้เช่นกัน” เมืองคุ้มทิ้งท้ายหนักแน่นแล้วเดินออกไปโดยไม่ฟังเสียงปรามของแม่ คะนองเลยต้องเข้ามาปลอบแม่ว่าสักวันเจ้าพี่จะแจ้งใจในทุกคำของแม่เอง...
ทางอนัญทิพย์กับบัวไหลพอมาเห็นเจ้าหลวงปิตุลาหมดสภาพนอนราบอยู่กับพื้นในกรงตรุก็ยากจะทำใจ สองคนร้องไห้เกาะลูกกรงตรุเรียกเจ้าหลวง อนัญทิพย์เสียใจมากโผไปหาเมืองคุ้มที่ตามมา ร่ำร้องว่าตนอยากตาย
เมืองคุ้มสงสารนางจับใจ ปลุกปลอบให้อดทนไว้ เก็ตถวากับแก้วอากาศผ่านมาเห็นภาพสองคนอยู่ในอ้อมกอดกันและกันก็ตาลุกวาว รีบนำความไปบอกตองนวลเพื่อความสะใจที่จะได้ดูนางอกแตกตาย กลายเป็นทั้งสองคนโดนตองนวลด่าไม่มีชิ้นดี
อนัญทิพย์ยิ่งเศร้าใจไปกันใหญ่เมื่อวันถัดมาไปเยี่ยมพ่อที่ตรุแล้วพบว่าท่านเสียสติคลุ้มคลั่งเสียแล้ว ตองนวลได้ทีกระหน่ำซ้ำเติมอนัญทิพย์หมายให้จมดินไม่มีที่ยืน แล้วยังกล้ากราบทูลเจ้าหลวงบุรพคามขออนัญทิพย์กับบัวไหลมาเป็นข้าไทของตน
บุรพคามยังไม่ทันตัดสินใจ เสกขรเทวีแทรกตัวเข้ามาปฏิเสธคำขอของตองนวล บุรพคามนึกว่าน้องสาวจะเอาอนัญทิพย์ไว้เป็นข้าไทเสียเอง แต่คิดผิดถนัด
เสกขรเทวีไม่ได้ต้องการอย่างนั้น แต่นางขอร้องพี่ชายอย่าถอดยศเจ้าทิพย์ และเจ้าทิพย์จะไม่มีวันเป็นข้าไทของผู้ใด นางต้องเป็นเจ้าทิพย์คนเดิม
ตองนวลฟังแล้วไม่สบอารมณ์ เผลอปากต่อว่าเสกขรเทวีต่อหน้าบุรพคาม พอนึกได้ก็ก้มหน้าไม่สบตา ฟังพี่น้องตอบโต้กันไปมา
“รับสั่งข้าจักมีความหมายอันใดเล่า เจ้าเป็นน้องพี่ เจ้าน่าจะแจ้งใจในข้อนี้ดีนะเสกขร”
“เจ้าทิพย์เป็นธิดาเจ้าหลวงพระองค์ก่อน ยังมีคนรักและภักดีเจ้าหลวงปิตุลาและพระมหาเทวีเจ้า
อุระมณีอยู่มาก ก็ย่อมต้องรักเจ้าทิพย์ด้วย หากเจ้าพี่มิเอาพระทัยใส่คนพวกนี้แล้ว มีหรือที่เจ้าพี่จะได้รับความรักจากพวกเขา”
คะนองนั่งอยู่บริเวณนี้ด้วย เขาก้มหน้าแอบยิ้ม นึกยกย่องเสกขรเทวีในใจ บุรพคามไม่พอใจ เฟื้อแฝงยื่นพานทองใส่ทองคำเปลวของโปรดถวายหมายเอาใจ แต่บุรพคามปัดพานหล่นจากมือทันที
“ก็ให้มันรู้ไป อย่าให้รู้นะว่ามันเป็นผู้ใดบ้าง พี่จะประหารมันให้สิ้น จะได้หมดเสี้ยนหนามไปเสีย”
“หากเจ้าพี่ถอดยศเจ้าทิพย์แล้วลดไปเป็นข้าไท ข้าก็จะไม่ยอมรับตำแหน่งเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง”
เสกขรเทวีต่อรองแล้วเดินหนีไปทันที สร้างความไม่พอใจให้บุรพคามถึงกับตลาดไล่ทุกคนไปพ้นหน้า
ตองนวลเสียวสันหลังวาบรีบกราบลาลุกขึ้นลนลานออกไป แต่ยังไม่วายตามไปหาเรื่องเสกขรเทวีอีกครา
“เสกขร...กล้าดีอย่างใดถึงกล้ากราบทูลขอให้อีทิพย์มันกลับไปเป็นเจ้าเยี่ยงเดิม”
“แล้วเจ้าเล่า กล้าดีอย่างใดถึงกล้าขอเจ้าทิพย์ไปเป็นข้าไท”
“ก็มันมิได้เป็นเจ้าแล้ว มันก็ต้องไปเป็นข้าไท ถึงมันไม่ได้เป็นข้าไทในคุ้มข้า มันก็ต้องเป็นข้าไทในคุ้มผู้อื่น”
“ระวังว่าวันใดที่ข้าขึ้นเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง ข้าจะถอดยศเจ้า แล้วจะให้เจ้าไปเป็นข้าไทในคุ้มของเจ้าทิพย์บ้าง”
ตองนวลโกรธแทบเต้น อยากแผดออกมาแต่ใจยังไม่กล้าพอ รอจนกระทั่งเสกขรเทวีกับสาวใช้ลับกายไปแล้วถึงกรีดร้องสุดเสียงด้วยความแค้นเคือง
“กลับคุ้มเถิดเจ้าค่ะ บัดเดี๋ยวพวกทหารมันไปกราบทูลเจ้าหลวงว่าเจ้านางส่งเสียงดังในเขตหอคำนะเจ้าคะ”
“อีเฟือง ไสหัวมึงออกไปให้พ้นหน้ากู”
เฟืองเตือนด้วยความหวังดีกลับโดนตองนวลผลักไสจนหน้าซีดใจเสีย
ooooooo
ตั้งแต่โดนถอดยศลดบทบาทดูเหมือนอนัญทิพย์จะโดนจำกัดทั้งสิทธิและพื้นที่ แม้แต่สวนดอกที่นางเคยชื่นชอบ บัดนี้ก็ถูกสั่งห้ามเข้ามานั่งเล่น
เมืองคุ้มไม่พอใจทักท้วงกับแม่ว่าเจ้าทิพย์เป็นธิดาเจ้าหลวงองค์ก่อน ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์เหยียบย่างเข้าสวนดอก
“ดื้อแท้ๆ ระวังเถิด ชะตาชีวิตเจ้าจะต้องตกต่ำเพราะผู้หญิงคนนี้”
เครือออนอุ้มปะแดงเดินตามหลังคะนองเข้ามา คะนองอยากให้พี่ชายเข้าเฝ้าเจ้าหลวงก่อนจะต้องอาญาบ้านเมือง แต่เมืองคุ้มอ้างว่าตนยังไม่พร้อม เกรงว่าจะสำแดงความไม่พอใจต่อหน้าเจ้าหลวง
“หมายความว่ากระไร เมืองคุ้ม”
“เจ้าหลวงบุรพคามไม่ยุติธรรมต่อเจ้าทิพย์”
“เจ้าพี่...อย่ายุ่งกับเจ้าทิพย์เลย เจ้าหลวงทรงคาดโทษไว้ หากผู้ใดช่วยเหลือจักมีโทษถึงตาย...แม้แต่เจ้านางเสกขรเทวีทรงกราบทูลเจ้าหลวงให้ยกโทษให้เจ้าทิพย์ ยังหารับฟังไม่”
“นอกจากจะไม่ยุติธรรมแล้วยังไม่มีความเมตตาอีก”
คะนองหน่ายใจ ไม่รู้จะห้ามพี่ชายอย่างไร สำเภางามเองก็ระอา ไม่รู้ว่าเมื่อใดเมืองคุ้มจะเลิกหายใจเป็นอนัญทิพย์เสียที เมื่อปะเหมาะอยู่กับเครือออนตามลำพังสำเภางามขอให้เครือออนทำงานรับใช้เสกขรเทวีไปจนวันตายยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับอนัญทิพย์ อย่าให้นางเผยอขึ้นมาเทียบพระนางหน่อเจ้าหลวงได้
เครือออนลำบากใจไม่น้อย แต่ก็ปฏิเสธคำขอของแม่สามีไม่ได้
ooooooo
ในที่สุดเมืองคุ้มก็ยอมไปเฝ้าเจ้าหลวงบุรพคาม รายงานการศึกกับพวกดั้งขอว่ายังไม่สงบ แต่ที่ตนต้องกลับมาเพราะทราบว่าเมืองทิพย์ผลัดแผ่นดิน ตนจึงอยากจะมากราบพระบาทเจ้าหลวงองค์ใหม่
“ดีที่เจ้ารู้อะไรต่ออะไรสูง เสร็จการแล้วก็รีบกลับไปชายแดนเสีย ทิ้งไพร่พลไว้กลางป่าหาใช่แม่ทัพที่ดี”
“เสร็จการแต่งตั้งพระนางหน่อเจ้าแล้ว ข้าพระบาทจักกลับไปทำศึกกับพวกดั้งขอพระเจ้าข้า”
บุรพคามยิ้มพอใจ รับแผ่นทองคำเปลวจากทหารมากลืนกินอย่างสำราญบานใจ...
อนัญทิพย์ยากทำใจทั้งที่รู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง ทรัพย์สมบัติภายในคุ้มใหญ่โตโอ่อ่าและห้องหับของนางกำลังจะกลายเป็นของเสกขรเทวีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง
เสกขรเทวีไม่ได้ยินดีกับสิ่งเหล่านี้ นางพยายามขอร้องสำเภางามแต่ไม่เป็นผล เพราะคุ้มนี้เป็นคุ้มเกียรติยศ ผู้ที่จะเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงจะต้องอยู่ที่คุ้มหลังนี้ หาไม่จักผิดจารีตของเมืองทิพย์...บัวไหลแอบดูแอบฟังแล้วนำความไปบอกอนัญทิพย์นายตน อนัญทิพย์ปวดใจเข้าห้องร้องไห้อย่างน่าเวทนา
ข่าวนี้แว่วเข้าหูตองนวล นางรีบสาระแนมาพร้อมเฟือง รั้งท้ายด้วยแก้วอากาศกับเก็ตถวา เจอริมบึงยืนอยู่หน้าคุ้ม ใหม่ของเสกขรเทวี
“นายของเจ้าได้ดีมีวาสนาได้เป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงก็เลยได้อยู่คุ้มใหญ่ ข้าหมายว่าเจ้าคงไม่คิดว่าตนเองเป็นใหญ่เป็นโตไปด้วยดอกนะริมบึง”
“ข้าเจ้าเจียมตัวว่าเกิดมาเป็นข้าไท พระนางเจ้าเป็นอย่างใด ข้าเจ้าก็ยังเป็นข้าไทของพระนางเจ้าจนวันตาย”
“ก็ดีที่รู้จักเจียมตัว”
เสกขรเทวีกับสำเภางามออกจากคุ้ม เห็นกลุ่มตองนวลก็ชักสีหน้าไม่ชอบใจ เจ้านางทั้งสามยกมือไหว้ตามมารยาท เฟืองกับริมบึงรีบนั่งลง สำเภางามได้ยินคำพูดก่อนหน้านี้ สายตาเพ่งมองไปที่ตองนวลอย่างตำหนิติเตียน
“ถ้าหมายว่าจะมาไหว้สาฝากเนื้อฝากตัวกับพระนางหน่อเจ้าหลวงองค์ใหม่ก็อย่าใช้วาจากับริมบึงมันเยี่ยงนี้”
“ริมบึงมันเป็นเพียงข้าไท เหตุใดข้าต้องพูดดีกับมันด้วย”
ตองนวลเถียงนิ่มๆ เก็ตถวากับแก้วอากาศมองหน้ากัน เริ่มไม่อยากเข้าข้างตองนวลเสียแล้ว
“เก็ตถวา แก้วอากาศ เจ้าสองคนคิดเหมือนตองนวลหรือไม่”
“หาไม่เจ้าค่ะ”
“ข้าก็ไม่เคยคิดเจ้าค่ะ”
เก็ตถวากับแก้วอากาศตอบคำถามของเสกขรเทวีในทิศทางเดียวกัน ทำให้ตองนวลหันขวับมาจ้องไม่พอใจ ตวาดใส่สองคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ไม่มีใครสนใจ เมินหน้าหนีเสียดื้อๆ
“แสดงว่าพ่อแม่เจ้าอบรมมาดี”
สิ้นคำของเสกขรเวที ตองนวลตวัดสายตากลับมาทันที ตวาดใส่หน้าว่าพูดเยี่ยงนี้หมายความว่าอย่างใด
“คนดีย่อมไม่ดูถูกดูหมิ่นคนที่ต่ำต้อยกว่า เจ้าป้าสำเภางามสอนข้ามาแต่เด็ก สงสัยว่าตองนวลมิเคยได้รับการอบรมเยี่ยงที่ข้าเคยได้รับกระมัง”
ตองนวลขัดใจเป็นบ้า สะบัดหน้าเดินหนีไป ริมบึงกับสำเภางามอมยิ้ม เก็ตถวากับแก้วอากาศรีบยกมือไหว้แล้วเดินหนี สำเภางามชื่นชมเสกขรเวทีอย่างพอใจ
“รับสั่งต้องแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปพระนางจะต้องดูแลฝ่ายในทั้งมวล หากไม่กำราบแต่วันนี้พวกเจ้านางทั้งหลายจักมิเชื่อฟังพระนางเจ้าเจ้าค่ะ”
ooooooo
อนัญทิพย์ถูกยึดร่มประดับเกียรติ ไปไหนมาไหนห้ามใช้เสลี่ยง และถูกย้ายมาอยู่คุ้มเล็ก ส่วนคุ้มของตนให้เสกขรเทวีอยู่ เสกขรเทวีตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่สำเภางามย้ำเรื่องกฎมณเฑียรบาลจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฝ่ายเมืองคุ้มที่ทั้งรักและสงสารอนัญทิพย์ เขาให้เครือออนเป็นแม่สื่อนัดเธอมาพบที่ชายป่าแล้วได้เสียกันด้วยความรัก เมืองคุ้มให้คำมั่นสัญญาว่าทุกลมหายใจเข้าออกของตนมีเพียงอนัญทิพย์คนเดียวเท่านั้น เขาไม่มีวันทำให้นางเสียน้ำตา
หากเรื่องนี้รู้ถึงหูสำเภางามต้องเป็นเรื่องแน่ เพราะนางเกลียดชังอนัญทิพย์ ไม่ต้องการได้นางเป็นสะใภ้ทั้งที่เคยพูดกับเมืองคุ้มไปแล้ว เครือออนอีกคนที่เคยรับปากนางไว้ว่าจะไม่ส่งเสริมหรือญาติดีกับอนัญทิพย์
ในวันทำพิธีแต่งตั้งเสกขรเทวีเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงอย่างเป็นทางการ อนัญทิพย์เจ็บช้ำยิ่งนัก เพราะตำแหน่งนี้เจ้าหลวงปิตุลากำลังจะแต่งตั้งให้นางหลังกลับจากทัพ แต่เพราะบุรพคามก่อขบถยึดอำนาจเหตุการณ์เลยพลิกผัน อนัญทิพย์หมดสิ้นอำนาจวาสนา
ตองนวลสาแก่ใจกับความตกต่ำของอนัญทิพย์ แต่ก็ไม่ได้ดีใจกับเสกขรเทวีเลยสักนิด นางจึงไม่ไปร่วมในพิธี แต่พอเก็ตถวากับแก้วอากาศมาบอกว่าเห็นเมืองคุ้ม ตองนวลกระวีกระวาดให้เฟืองช่วยแต่งตัวนางให้สวยที่สุด
พิธียิ่งใหญ่อลังการสมเกียรติพระนางหน่อเจ้าหลวง มีการฟ้อนรำจากสาวงาม ข้าทาสบริวารและราษฎรต่างมาแซ่ซ้องแสดงความจงรักภักดีทั้งต่อเจ้าหลวงบุรพคามและเจ้านางเสกขรเทวี
อนัญทิพย์ยืนมองด้วยความเสียใจน้ำตาแทบร่วง เมืองคุ้มเหลือบเห็นก็เวทนาสงสาร เดินออกมานอกหอคำพร้อมคะนองแล้วฝากฝังเขาดูแลเจ้าทิพย์เมียของตนด้วย
“เมีย...เจ้าพี่หมายความว่า...”
“ใช่ เจ้าทิพย์เป็นเมียพี่ พี่ไม่อยากเป็นห่วงเจ้าทิพย์จนเสียการศึก”
คะนองยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงเก็ตถวากับแก้วอากาศเรียกเมืองคุ้มดังขึ้นมา สองสาวเดินโปรยยิ้มหวาน รั้งท้ายด้วยตองนวล คะนองรู้ทันทีว่ามีปัญหาแน่จึงผละไป ปล่อยให้พี่ชายแก้ปัญหาเองคนเดียว
เมืองคุ้มไม่เปิดโอกาสให้ตองนวลได้พูดก่อน ชิงถามนางว่ามีธุระสำคัญอะไรกับตนหรือเปล่า ตองนวลทำทีน้อยใจบ่นว่าทำไมทักทายตนอย่างนี้ ฟังดูห่างเหินเหลือเกิน
“ถ้าไม่สำคัญนัก ไว้คุยกันวันหน้า วันนี้ข้ามีการสำคัญ”
สิ้นคำเมืองคุ้มผละไปทันที ตองนวลไม่พอใจสั่งเฟืองไปหาข่าวว่าเมืองคุ้มมีธุระอะไรแล้วรีบมารายงานตน
ไม่ช้าเฟืองก็รู้เห็นกับตาว่าเมืองคุ้มมุ่งหน้าไปที่ตรุ เจอบัวไหลวิ่งร้องไห้ออกมาเพราะเจ้าหลวงปิตุลาผูกคอตาย อนัญทิพย์กำลังร้องไห้คร่ำครวญเฝ้าศพพ่ออยู่ข้างใน
ooooooo