ตอนที่ 1
ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นยามเช้าของหมู่บ้านดอนไม้ป่า คำปองหญิงชาวบ้านท้องแก่นำดอกไม้และอาหารคาวหวานสำรับน้อยๆมาถวายแก่รูปสลักหินงูขนาดใหญ่ภายในเทวาลัยเจ้าแม่นาคี พร้อมตั้งจิตอธิษฐาน
“เจ้าแม่นาคี...ลูกช้างคำปองนำเครื่องสักการะมาถวาย ขอเจ้าแม่โปรดคุ้มครองลูกของลูกช้างให้อยู่รอดปลอดภัย จะชายหรือหญิงลูกก็รักทั้งนั้น ขอแค่เกิดมามีครบสามสิบสอง แล้วลูกช้างจะยกให้เป็นลูกเจ้าแม่...”
พูดจบก็ลูบท้องใหญ่ของตนเบาๆอย่างแสนรัก เชื่อมั่นและศรัทธาเต็มเปี่ยมว่าเจ้าแม่นาคี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านในดอนไม้ป่านับถือบูชามานานต้องช่วยคุ้มครองเธอกับลูกให้อยู่รอดปลอดภัยแน่
แต่ที่คำปองไม่รู้และคิดไม่ถึง คือเคนผัวรักของเธอ ไม่ได้คิดแบบเดียวกัน และกำลังล่างูอย่างเอาเป็นเอาตายในถ้ำซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเทวาลัยนัก นักล่างูหนุ่มปีนไปตามผนังถ้ำอย่างยากลำบาก บรรยากาศรอบตัวแลดูน่ากลัว ลึกลับและมืดสลัวทั้งที่เป็นเวลากลางวัน แต่กระนั้นเขาก็ไม่หวั่นเพราะมีแหวนพิรอดติดตัว
เคนก้มมองแหวนถักบนนิ้ว พลางนึกถึงคำสอนของพระธุดงค์ผู้มอบแหวนวงนี้ให้เมื่อหลายวันก่อน “แหวนพิรอดวงนี้จะช่วยคุ้มกันโยมจากงูเงี้ยวเขี้ยวขอและอสรพิษทั้งปวง เก็บเอาไว้ป้องกันตัว แต่จำไว้...จงอย่าใช้เบียดเบียนผู้อื่นเป็นอันขาด”
แต่เพราะความยากจนทำให้เคนตัดสินใจแน่วแน่จะจับงูเจ้าแม่นาคี งูเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ลำตัวยาวใหญ่สีขาวเผือก มีหงอนสีแดงซึ่งเป็นที่นับถือและกลัวเกรงของชาวบ้านละแวกนั้นมาขายต่อให้พ่อค้างูชาวต่างชาติแลกกับเงิน ก้อนโต
แหวนพิรอดเป็นใบเบิกทางได้ดี เคนเอาตัวรอดจากงูพิษน้อยใหญ่นับร้อยที่เฝ้าอารักขางูเจ้าแม่สีขาวเผือกซึ่งนอนขดตัวบนบัลลังก์หินกลางถ้ำเพราะอยู่ระหว่างจำศีล และจับตัวออกไปได้ในที่สุด!
ท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนยามเช้าพลันกลายเป็นมืดฟ้ามัวดินราวกับจะมีพายุหนัก คำปองซึ่งเดินกลับจากเทวาลัยใจไม่ดี แล้วก็เริ่มเห็นเค้าลางความวุ่นวายเมื่อเจอผัวรักกลางทาง
เคนสีหน้ามีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด มือกำกระสอบใส่งูเจ้าแม่แน่นแต่ก็ปิดบังเมียรักไม่ได้
“พี่เคน...พี่รู้หรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป ฉันท้องแก่ จวนคลอด พี่ไม่ห่วงฉันห่วงลูกบ้างเลยเหรอ”
คำปองพยายามยื้อแย่งกระสอบแต่เพราะท้องโย้เลยออกแรงไม่ถนัดนัก
“เอ็งอย่าห้ามข้าเลยคำปอง ข้าได้มาแล้ว เห็นไหม ...เราจะรวยแล้ว กว่าจะได้มา ข้าลำบากแทบแย่”
“พี่เคน...ถ้าพี่ไม่ปล่อย เราต้องลำบากกันมากกว่านี้แน่ ดีไม่ดีอาจจะพินาศกันทั้งหมู่บ้าน!”
ooooooo
คำเตือนของคำปองไม่เป็นผล เคนดึงดันจะขายงูเจ้าแม่ให้จอห์น วินสัน พ่อค้างูชาวต่างชาติที่สัญญา จะให้ราคาอย่างงามหากเขาจับงูขาวเผือกได้จริงๆ บุญส่งซึ่งทำหน้าที่ล่ามให้จอห์นถึงกับตาโตเมื่อเห็นงูในกระสอบ เช่นเดียวกับกอ ชายชาวบ้านเพื่อนสนิทของเคนซึ่งมารับหน้าที่นำทางล่างูในป่าแห่งนี้
คำปองกระเสือกกระสนตามมาห้ามแต่ก็สายไป เคนขายงูเจ้าแม่ให้จอห์นไปแล้ว กอเห็นเมียรักของเพื่อนตามมาสมทบก็อดมองอย่างกะลิ้มกะเหลี่ยไม่ได้ แต่ก็เพียงอึดใจเดียว เพราะอยากรู้มากกว่าว่าเคนมีของดีอะไรถึงจับงูเจ้าแม่ที่ว่าศักดิ์สิทธิ์นักหนาได้
เคนไม่คิดมาก ยื่นมือที่มีแหวนพิรอดให้ดู กอยิ้ม เจ้าเล่ห์ ริบแหวนจากเพื่อนหน้าตาเฉย เคนจะขอคืนแต่ก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อจู่ๆท้องฟ้าก็มืดมิดราวกับเป็นกลางคืน เพราะเกิดปรากฏการณ์สุริยคราส!
คำปองหน้าซีดเผือด เชื่อแน่ว่าเป็นอิทธิฤทธิ์เจ้าแม่นาคีทำให้เกิดสุริยคราส ร้องลั่นให้ปล่อยงูขาวเผือก นั้นเสีย บุญส่งรำคาญ กลัวจะเสียเรื่องเลยผลักหญิงชาวบ้านท้องแก่ล้มกับพื้น คำปองนิ่วหน้าร้องครางด้วยความเจ็บปวด เคนถึงได้สติถลาไปประคอง แล้วก็ถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นน้ำคร่ำออกจากตัวเมียรัก
“เอ็งเป็นอะไร...นี่เอ็งจะคลอดหรือคำปอง”
คำปองพยักหน้า ขบริมฝีปากแน่น ข่มความเจ็บปวดซึ่งทำท่าจะทวีความรุนแรงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับปรากฏการณ์สุริยคราสที่แผ่ขยายความมืดมิดรอบอาณาบริเวณในไม่ช้า พร้อมกับลมพายุบ้าคลั่งทำลายทุกอย่างให้วุ่นวายสับสน จนไม่มีใครทันสังเกตว่างูขาวเผือกมีหงอนสีแดงหลุดออกจากกรงของจอห์นเสียแล้ว!
จอห์น บุญส่งและกอตะลึงตาค้าง ยิ่งเมื่อสบตาสีแดงก่ำของงูขาวเผือกตัวใหญ่ ยิ่งแทบก้าวขาหนีไม่ออก เสียงขู่ฟ่อทั้งจากงูเผือกและงูน้อยใหญ่ที่ถูกจับมาขังในกรงเดียวกันทำให้ผู้คนในหมู่บ้านแตกตื่น และทันทีที่ฝูงงูเข้าฉกกัดชาวบ้าน ความโกลาหลและหายนะก็มาเยือนดอนไม้ป่า
บุญส่งรักตัวกลัวตาย ชิ่งหนีตามลำพังจนขับรถตกหน้าผาแต่ก็รอดมาได้และกลายเป็นชายพิการ เช่นเดียวกับกอที่มีแหวนพิรอดช่วยฝ่าดงงูออกไปได้ ต่างจากจอห์นถูกงูกัดคอเป็นแผลเหวอะหวะและตายอย่างสยดสยอง ส่วนเคนพยายามอุ้มคำปองหนีแต่ก็ไม่รอด ถูกงูขาวเผือกตัวใหญ่มีหงอนแดงหรืองูเจ้าแม่นาคีฉกตายในที่สุด
คำปองกรีดร้องหวาดกลัวสุดขีดและคลอดลูกออกมาหลังจากนั้น แต่ทารกหญิงก็บุญน้อยตายตั้งแต่แรกคลอด เมียนักล่างูน้ำตานองหน้า เสียทั้งลูกทั้งผัวในเวลาเดียวกัน และพริบตานั้นเอง...ก็ต้องตกใจตาค้างเมื่อเห็นงูเจ้าแม่นาคีเลื้อยเข้าปากทารกน้อย ปลุกชีวิตและวิญญาณให้ฟื้นคืนอีกครั้ง...
ooooooo
วันเวลาผ่านไปสิบเก้าปี เหตุการณ์สุริยคราสและฝูงงูอาละวาดจนชาวบ้านดอนไม้ป่าล้มตายก็ยังอยู่ในความทรงจำของชาวบ้านที่รอดชีวิต โดยเฉพาะคำปองซึ่งสูญเสียเคนผัวรักจากหายนะครั้งนั้น แลกกับชีวิตลูกสาวคนเดียวที่ฟื้นคืนราวกับปาฏิหาริย์ทั้งที่เธอเห็นกับตาว่างูเจ้าแม่นาคีเลื้อยเข้าไปในปาก!
คำแก้วลูกสาวคนเดียวของคำปองเติบโตกลายเป็นสาวสวยแต่มีนิสัยประหลาด ชอบอยู่คนเดียวและเล่นกับงูราวกับเป็นเพื่อนสนิท โดยไม่มีท่าทางรังเกียจหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย และวันนี้ก็เช่นกัน คำปองซึ่งตื่นเช้ามาทำงานบ้านเหมือนเคยต้องร้องลั่น เมื่อเห็นลูกสาวกำลังเล่นกับงูเขียวสองตัว
“แม่บอกกี่หนกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้เล่นแบบนี้ งูเงี้ยว เขี้ยวขอมันไว้ใจได้ที่ไหน ขึ้นชื่อว่าอสรพิษไว้ใจไม่ได้ เกิดมันฉกกัดขึ้นมาจะว่ายังไง คนอื่นเขากลัวกันจะตาย แต่เอ็งทำอย่างกับมันเป็นสัตว์เลี้ยง”
“งูพวกนี้เชื่องดีออก สั่งอะไรก็เชื่อ เป็นเพื่อนเล่นกับฉันตั้งแต่เด็กๆ”
“ดีนะที่งูเขียวมันไม่มีพิษ ถ้าเป็นงูอื่น...ป่านนี้เอ็งถูกกัดตายเหมือน...”
คำปองยั้งปากไว้แค่นั้น แต่คำแก้วซึ่งรู้เรื่องดีทุกอย่างโพล่งออกมาอย่างไม่ยี่หระ
“เขาถึงว่ากันว่าหมองูตายเพราะงู หมอผีตายเพราะผี พ่อจับงูขายก็สมควรแล้วนี่จ๊ะที่ต้องตายเพราะงู”
“คำแก้ว...พูดอะไรอย่างนั้น มันบาป”
แต่คำแก้วก็ไม่สนใจ ผละไปซักผ้าที่ท่าน้ำ ทิ้งคำปองให้มองตามเครียดๆ หนักใจเหลือเกินที่อีกฝ่ายไม่เคยรักหรืออาลัยพ่อแท้ๆเหมือนลูกสาวบ้านอื่นเลย
คำแก้วสลัดความหงุดหงิดใจเรื่องพ่อและลงมือซักผ้าอย่างขะมักเขม้น แต่แล้วก็ต้องเสียอารมณ์เมื่อเจอลำเจียก หญิงชาวบ้านคู่ปรับและลูกสาวคนเดียวของกออดีตเพื่อนรักของพ่อ พร้อมกับชบาและซ่อนกลิ่นเพื่อนสาวร่วมแก๊งที่คอยเป็นลูกคู่ของลำเจียกหาเรื่องเธอทุกครั้งที่เจอหน้า
และก็เหมือนทุกครั้ง...พวกลำเจียกถูกเล่นงานกลับจนสะบักสะบอมแทบลุกไม่ขึ้น คำแก้วสะใจมาก ก่อนจะมานั่งหน้าเซ็งเมื่อคิดถึงคำพูดของคู่ปรับสาวที่ชอบหาว่าเธอเป็นพวกตัวประหลาด...
ภาพในอดีตเมื่อหลายปีก่อนผุดขึ้นในหัว สมัยคำแก้วเป็นแค่เด็กหญิงตัวน้อยแต่ก็มีพฤติกรรมไม่เหมือนเด็กคนอื่น คือรักและชอบเล่นกับงูจนไม่มีชาวบ้านคนไหน ยอมเข้าใกล้ กระทั่งวันนี้...งูเขียวสองตัวที่เธอเคยช่วยชีวิตไม่ให้ลำเจียกฆ่าเมื่อหลายปีก่อนก็ยังวนเวียนรอบตัวเธอ ไม่เคยห่างไปไหน แม้แต่เวลานี้
“ไม่ต้องห่วง...ฉันไม่สนใจคนพวกนั้นหรอก มีแค่เจ้าสองตัวเป็นเพื่อนฉันก็พอแล้ว”
คำปองแอบตามลูกสาวมา เห็นเล่นกับงูเขียวสองตัวอย่างสนิทสนมก็อดคิดถึงอดีตไม่ได้ พฤติกรรมของคำแก้วที่ชอบเลียนแบบงูปรากฏให้เห็นเรื่อยๆ ทั้งกินแมลงเป็นอาหารและลอกคราบเหมือนงูตอนดึกๆ แต่กระนั้น...เธอก็ไม่เคยจับได้คาหนังคาเขาสักครั้ง เพราะงูเขียวสองตัวคอยปกปิดหลักฐานตลอด ทั้งซากแมลงและคราบงูที่ถูกลอกทิ้งไว้
ooooooo
เวลาเดียวกันที่กรุงเทพฯ กลุ่มนักศึกษาภาควิชาโบราณคดี นำโดยทศพล หนุ่มหล่อเรียนดีว่าที่ผู้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคณะ พร้อมเพื่อนร่วมแก๊ง เชษฐ์ สมมาตร ประกิตและวันชนะ เดินรอบพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอย่างสนอกสนใจ โดยเฉพาะทศพล ยืนนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกดเมื่อได้สบตาเทวรูปนางอัปสรตนหนึ่ง
จู่ๆภาพผู้คนรอบตัวก็หายไป เหลือไว้เพียงนางอัปสรรูปร่างและหน้าตางดงาม ทศพลกวาดตามองรอบตัวช้าๆ ก่อนจะได้อึ้งเมื่อพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในชุดที่สวมมาแต่เป็นชุดแม่ทัพโบราณ!
แต่ก็แค่อึดใจเดียว ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ ทศพลถอดแว่นที่มักสวมติดตัวตลอด ขยี้ตาตัวเองซ้ำๆให้แน่ใจว่าเป็นแค่ภาพลวงตา ประกิตช่างภาพหนุ่มประจำกลุ่ม ขยับมาแซวใกล้ๆ พร้อมกับวันชนะคู่หู เพราะแปลกใจที่เห็นทศพลทำหน้าเครียดเหมือนกังวลอะไรบางอย่าง
เชษฐ์หนุ่มธรรมะธัมโมประจำกลุ่มมาสมทบเป็นคนสุดท้ายก็สงสัยไม่ต่างกัน ทศพลเลยแก้ตัวแบบขอไปทีว่าอ่านหนังสือดึกเลยตาฝาด คนอื่นๆเลยเลิกติดใจและรีบออกจากพิพิธภัณฑ์ในเวลาต่อมา ชั้นเรียนโบราณคดีกำลังจะเริ่มในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ทัศนัยอาจารย์หนุ่มใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องศิลปะและสถาปัตยกรรมโบราณโดยเฉพาะยุคขอม เป็นผู้บรรยายในชั้นเรียนนี้ และบทเรียนวันนี้ก็คือความเชื่อเรื่อง พญานาคของชนชาติต่างๆ
“นาคหรือพญานาค...เป็นความเชื่อในแถบภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียอาคเนย์ มีชื่อเรียกต่างๆกัน แต่มีลักษณะร่วมกันคือเป็นงูขนาดใหญ่ มีหงอน เป็นสัญลักษณ์ของน้ำและความอุดมสมบูรณ์”
ทศพลนั่งฟังด้วยความตั้งใจเหมือนเคย ต่างจากกลุ่มเพื่อนที่เหลือ รวมหัวกันวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเชื่อเรื่องพญานาคที่ดูงมงาย แล้วก็ได้ถอนใจยาว เซ็งสุดขีด เมื่อทัศนัยประกาศจะจัดชั้นเรียนภาคสนามด้วยการพากลุ่มนักศึกษาไปดูปราสาทขอมโบราณที่ดอนไม้ป่าสัปดาห์หน้า
ชื่อดอนไม้ป่าทำให้ทศพลชะงักไปอึดใจ คลับคล้าย คลับคลาว่าเคยได้ยินมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก ต่างจากสาวๆ ร่วมคณะ นำโดยพิมพ์พร เจิดนภาและรัตนาวดี ส่งเสียงพึมพำไม่พอใจที่ต้องไปลำบากออกภาคสนามในถิ่นทุรกันดารแบบนั้น แต่ก็ขัดทัศนัยอาจารย์หนุ่มใหญ่ไม่ได้ ต้องไปเพราะอยากเรียนจบ
ทศพลกลับถึงบ้านเย็นวันเดียวกันและบอกอิ่มแม่นมซึ่งเลี้ยงดูเขาตั้งแต่เด็กว่าจะไปออกภาคสนามกับอาจารย์และเพื่อนร่วมคณะ อิ่มเลยอาสาช่วยเตรียมข้าวของและเตือนให้โทร.บอกสุภัทร ด็อกเตอร์หนุ่มใหญ่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโบราณคดีคนดังและพ่อแท้ๆของทศพล แต่อีกฝ่ายก็ทำท่าบ่ายเบี่ยง
“ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมหายไปสักเดือน พ่อก็คงไม่สนใจ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ คุณท่านติดภารกิจที่กรมฯ คุณหนูก็ทราบ”
“ตั้งแต่จำความได้ ผมก็ได้ยินว่าพ่อติดงานยุ่งตลอด ยุ่งจนกระทั่งไม่มีเวลามาดูใจแม่เป็นครั้งสุดท้าย”
แต่ถึงน้อยใจพ่อแค่ไหน ทศพลก็ตัดสินใจโทร.บอกพ่อในกลางดึกของคืนเดียวกัน แล้วก็ได้เสียงตอบรับเย็นชาจากอีกฝ่ายตามคาด ทำให้ยิ่งสะเทือนใจและเชื่อสนิทว่าพ่อไม่เคยรักและสนใจไยดีเขาเลย
ooooooo
คืนเดียวกันที่บ้านคำปอง หมู่บ้านดอนไม้ป่า เจ้าของบ้านสาวใหญ่วุ่นวายกับงานบ้านเหมือนเคย กอแวะมาหาตามประสาพวกชีกอชอบแอบมองเมียเคนอดีตเพื่อนรักที่ตายเพราะถูกงูกัดเมื่อหลายปีก่อน
“ผัวเอ็งตายตั้งนานแล้ว อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอจ๊ะ”
“ฉันอยู่กับนังคำแก้วไม่เหงาหรอก”
“เอ็งเป็นแม่ม่ายผัวตาย ข้าก็เป็นพ่อม่ายเมียหนี เราสองคนเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก”
“ฉันเคยให้สัญญากับพี่เคนไว้ว่าจะไม่มีผัวคนที่สอง เลิกพูดเรื่องนี้สักที ถึงยังไงฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ”
“เอ็งก็รู้ว่าข้าหลงรักเอ็งมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเป็นเมียเพื่อน ข้าคงฉุดเอ็งตั้งแต่ยังสาวๆ”
จบคำก็ขยับไปจับมือถือแขน คำปองพยายามสะบัดออกแต่ก็ไม่ค่อยได้ผล จนกระทั่ง...คำแก้วปรากฏตัวพร้อมกับกิ่งไม้ใหญ่หล่นทับหัวกอ!
กอมองหาต้นตอของกิ่งไม้แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างจากคำแก้วลูกสาวคนเดียว ของคำปองและคู่ปรับตลอดกาลของลำเจียกลูกสาวของเขา แต่กระนั้น...ก็ยังทำปากดี
“กิ่งไม้แค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกโว้ย”
“หนังเหนียวอย่างนี้นี่เอง ลุงกอถึงอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้”
“นังคำแก้ว...ปากคอเราะร้ายนักนะเอ็ง”
“ฉันยังไม่ได้ครึ่งนังลำเจียกลูกสาวลุงหรอก รายนั้น ใบตำแยยังเรียกพี่ ท่าทางจะสั่งสอนกันมาดี”
คำแก้วลอยหน้าลอยตาเถียงจนกอต้องถอย คำปองกลัวเขาผูกใจเจ็บเลยเตือนลูกสาวให้อยู่ห่างๆไว้ แต่มีหรือคำแก้วจะกลัว หมายมั่นปั้นมือจะหาทางสั่งสอนกอไม่ให้มาเกาะแกะอีก
“อย่านะคำแก้ว อย่างน้อยแกก็เป็นเพื่อนพ่อเอ็งมาก่อน”
“เพื่อนกินน่ะสิ ถ้าลุงกอเป็นเพื่อนตาย ก็คงตายพร้อมพ่อตั้งแต่ตอนนั้น”
คำปองส่ายหน้าเอือมๆกับท่าทางก้าวร้าวไม่กลัวใครของลูกสาว แต่ก็อดเห็นจริงด้วยไม่ได้
“ก็น่าแปลกจริง วันนั้นลุงกอก็อยู่กับพ่อเอ็งด้วย ทำไมแกไม่ยักถูกงูกัดตายเหมือนคนอื่นๆก็ไม่รู้”
“ดวงแกยังไม่ถึงฆาต!”
ขาดคำงูเขียวสองตัวซึ่งตามติดคำแก้วเสมอก็เลื้อยออกจากตรงนั้นเงียบๆ ก่อนจะเปลี่ยนร่างจากงูเขียวเป็นงูทับสมิงคลาตัวใหญ่ โดยมีจุดมุ่งหมายคือบ้านของกอหนุ่มชาวบ้านจอมชีกอที่มาเกาะแกะคำปอง
กอตกใจมากเมื่อเห็นงูทับสมิงคลาขนาดใหญ่สองตัว รีบคว้าแหวนพิรอดมาสวมติดนิ้วไว้ เลยรอดจากงูทั้งสองตัวอย่างหวุดหวิด ลำเจียกเห็นทุกอย่าง เมื่อเหตุการณ์สงบก็อดไม่ได้ต้องถามพ่อว่าเอาแหวนศักดิ์สิทธิ์นี้มาจากไหน
ภาพในอดีตผุดขึ้นอีกครั้งถึงที่มาของแหวนซึ่งริบจากเคน ก่อนจะตัดสินใจโกหกหน้าด้านๆ
“พระธุดงค์ให้ข้ามา ตั้งแต่เอ็งยังไม่เกิด”
ooooooo
กำนันแย้มผู้ทรงอิทธิพลประจำหมู่บ้านดอนไม้ป่าประกาศเรียกลูกบ้านมาชุมนุมเพื่อแจ้งเรื่องด่วนในเช้าวันต่อมา โดยมีหมออ่วม หมอผีและหมอยาพื้นบ้านซึ่งย้ายมาจากเมืองอื่นเป็นตัวตั้งตัวตี
“สุริยคราสปีนี้เจ้าแม่นาคีจะออกอาละวาดเอาชีวิตผู้คนเหมือนเมื่อสิบเก้าปีก่อน พวกเอ็งจงระวังตัวกันให้ดี!”
คำเตือนของหมออ่วมทำให้ชาวบ้านส่งเสียงอื้ออึง สีหน้าหวาดกลัวและผวาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกอซึ่งจำติดตาถึงเหตุการณ์สุริยคราสเมื่อสิบเก้าปีที่แล้ว ฝูงงูน้อยใหญ่และงูเจ้าแม่สีขาวเผือกไล่กัดชาวบ้านจนตายเป็นเบือ
กำนันแย้มมองบรรยากาศรอบตัวเครียดๆ ได้ยินเสียงชาวบ้านปรึกษาหารือจะอพยพออกจากดอนไม้ป่าก็อดไม่ได้ โพล่งเสียงกร้าว
“ตราบใดที่ข้ายังเป็นกำนันที่นี่ ทุกคนไม่ต้องอพยพหนีไปไหนทั้งนั้น หมออ่วมพอจะมีวิธีแก้ไหม”
“คราวก่อน...เป็นเพราะมีพวกคนเมืองไปลบหลู่เจ้าแม่นาคี เจ้าแม่พิโรธจึงบันดาลให้เกิดอาเพศ แต่ถ้าหากพวกเราเซ่นดีพลีถูก เจ้าแม่พอใจก็ย่อมปกปักรักษาดอนไม้ป่าให้สงบสุข”
ลำเจียกไม่ชอบหน้าและไม่เชื่อถือหมอผีคนใหม่ของหมู่บ้านนัก ตั้งแง่และจับผิดจนกอต้องปรามไม่ให้อวดเก่ง พิษสงและอิทธิฤทธิ์ของเจ้าแม่นาคีเป็นเช่นไรเขารู้ดียิ่งกว่าใคร
“แล้วพวกเราต้องทำไงล่ะหมออ่วม เจ้าแม่นาคีถึงจะไม่ออกมาอาละวาด”
“วันเกิดสุริยคราส เราต้องทำพิธีนาคบูชา บวงสรวงเจ้าแม่นาคีที่เทวาลัย เราต้องจัดให้ใหญ่กว่าทุกครั้ง”
กำนันแย้มพยักหน้าเห็นดีด้วย “ประเพณีของบ้านดอนไม้ป่า สาวพรหมจรรย์ทุกคนในดอนไม้ป่าเตรียมตัวกันไว้ พวกเอ็งจะต้องเข้าพิธีรำถวายเจ้าแม่นาคีในอีกเจ็ดวันข้างหน้า”
“ระหว่างนี้...จงระวังคนเมืองต่างถิ่นจะมาเสริมฤทธิ์เสริมเดชให้เจ้าแม่นาคีและนำความหายนะมาสู่หมู่บ้านเรา”
คำเตือนทิ้งท้ายของหมออ่วมทำให้ชาวบ้านกลัวหัวหด คงมีแต่ลำเจียกที่ไม่เชื่อ
“เหลวไหล...งมงายไม่เข้าเรื่อง งูมันจะเก่งกว่าคนได้ยังไง”
กอหันขวับ ดุเสียงเข้ม “เอ็งอย่าทำปากดี เจ้าแม่นาคีไม่ใช่งูธรรมดาแต่มีฤทธิ์เดชให้คุณให้โทษได้ทั้งนั้น”
“ไม่เห็นกับตา ฉันไม่เชื่อหรอก”
“คนที่เคยเห็นมักไม่ค่อยรอด เอ็งจะลองเสี่ยงดูไหมล่ะ”
ลำเจียกจะเถียงแต่ไม่ทันอ้าปาก คำปองกับคำแก้วก็โผล่มาจากอีกทาง สองแม่ลูกไม่ได้ไปร่วมงานประชุมของหมู่บ้าน เลยถูกถากถางว่าเป็นพวกตัวประหลาด ทำตัวแตกแยกจากชาวบ้าน คำแก้วต่อปากต่อคำจนลำเจียกโมโหจะตบสั่งสอนแต่กอก็ถลามาห้าม เผยให้เห็นแหวนพิรอดบนนิ้วซึ่งปล่อยพลังทำให้คำแก้วร้อนเหมือนถูกไฟจี้
คำแก้วปวดแสบปวดร้อนบริเวณแขนที่ถูกกอจับแต่ยังแข็งใจเดินหนีจนลับตาทุกคนเพื่อสำรวจแผลเจ้าปัญหานั้น แล้วก็ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่ามันไม่ใช่รอยจับธรรมดาแต่เป็นรอยแดงเหมือนเป็นลมพิษ!
ooooooo
ระหว่างที่กอสงสัยท่าทางของคำแก้วว่าอาจมีอะไรบางอย่างผิดปกติ พวกนักศึกษาคณะโบราณคดีจากกรุงเทพฯ นำโดยทัศนัยอาจารย์หนุ่มใหญ่ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านดอนไม้ป่าเพื่อสำรวจปราสาทขอมโบราณ
ชาวคณะสำรวจภาคสนามหัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตลอดทาง จนกระทั่งถึงทางเข้าหมู่บ้านดอนไม้ป่า ลุงชมคนขับก็ต้องหยุดรถกะทันหันเพราะมีงูใหญ่สีน้ำตาลทองมีหงอนบนหัวเลื้อยตัดหน้า!
ความมืดโรยตัวบรรยากาศโดยรอบ ลุงชมนิ่วหน้าเครียดๆเพราะรถยนต์สตาร์ตเครื่องไม่ติดอีกเลยหลังจากนั้น พิมพ์พร เจิดนภาและรัตนาวดี แก๊งนักศึกษาสาวโวยลั่นด้วยความกลัวลำบาก ทัศนัยเลยแก้ปัญหาด้วยการให้ลุงชมอยู่ซ่อมรถ ส่วนนักศึกษาทั้งหมดให้เดินเท้าเข้าหมู่บ้านดอนไม้ป่า
พวกทศพลไม่มีปัญหา ตั้งหน้าตั้งตาลัดเลาะตามป่าโดยไม่ปริปาก ต่างจากพวกพิมพ์พร บ่นกระปอดกระแปดตลอดทางจนแม้แต่ทัศนัยก็ต้องส่ายหน้าเอือมๆ
ส่วนลุงชมก็ต้องหนักใจไม่แพ้กันเพราะซ่อมรถไม่ได้สักที และหงุดหงิดมากจนต้องใช้เหล้าย้อมใจและเผลอหลุดปากลบหลู่เจ้าแม่นาคีที่ทำให้รถล่มกลางทางแบบนี้ งูใหญ่สีน้ำตาลทองตัวเดิมจ้องมองอยู่แล้ว โกรธที่ได้ยินคำพูดดูหมิ่นเจ้าแม่นาคีเลยเลื้อยออกไปฉกลุงชมตายคาที่!
ชาวคณะสำรวจมุ่งหน้าสู่บ้านดอนไม้ป่าโดยไม่รู้เลยว่าความหวังจะได้กลับกรุงเทพฯถูกทำลายลงเพราะลุงชมถูกงูฉกตาย แล้วก็เหมือนจะเป็นลางไม่ดี เมื่อจู่ๆพิมพ์พรก็เดินไปติดกับดักสัตว์ของพวกชาวบ้าน ถูกตาข่ายคลุมไว้
โชคดีที่กำนันแย้ม พร้อมด้วยเลื่องลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ทัพกับเดี่ยวลูกสมุนคนสนิท โผล่มาช่วยและให้การต้อนรับพาไปกินข้าวที่บ้านอย่างดี เมื่อได้ยินว่าทั้งหมดเป็นนักศึกษามาจากกรุงเทพฯ
ชาวคณะปลื้มใจมาก หิวและเพลียจนแทบไม่มีแรงยืน เมื่อมีอาหารวางตรงหน้าเลยตั้งหน้าตั้งตากินกันอย่างหิวโหย แต่พลันทั้งหมดก็ต้องวงแตก เมื่อทัศนัยบอกเหตุผลของการเดินทางมาที่หมู่บ้านดอนไม้ป่า
“ได้ยินว่าที่นี่มีปราสาทหินโบราณท้ายหมู่บ้าน ผมเลยอยากพานักศึกษามาสำรวจ”
กำนันแย้มอึ้งไปอึดใจ ก่อนจะตั้งสติได้เอ่ยเสียงเข้ม
“มีแต่ซากปรักหักพัง ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก พวกคุณอย่าไปเลย”
ทัศนัยส่ายหน้า ยืนกรานตามความตั้งใจเดิม “ซากอิฐซากหินพวกนี้จะทำให้เราได้รู้ประวัติศาสตร์และความเป็นมาของท้องถิ่น ไม่แน่นะครับ ลงพื้นที่คราวนี้ เราอาจได้เจอข้อมูลทางโบราณคดีใหม่ๆก็เป็นได้”
“อาจารย์นี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง บอกว่าที่นั่นไม่มีอะไรก็ไม่มีสิ รีบพานักศึกษากลับดีกว่าก่อนจะเกิดเรื่อง...”
อาการชะงักค้างทำให้เหล่านักศึกษาสงสัย แต่พอถาม กำนันแย้มก็ไม่ตอบแต่ตัดบทเครียดๆ
“เชื่อผมเถอะ พวกคุณอย่ารู้ดีกว่า แล้วก็ล้มเลิกความคิดจะไปที่นั่นซะ รีบพากันออกจากดอนไม้ป่าก่อนรุ่งสาง ไม่อย่างนั้น...ผมไม่รับประกันความปลอดภัย!”
ooooooo
เหล่านักสำรวจจากกรุงเทพฯถูกกำนันแย้มไล่ออกจากบ้านหลังจากนั้น ทัศนัยต้องบากหน้าไปพึ่งชาวบ้านละแวกใกล้เคียงขอที่ค้างแรม รอเวลาสำรวจปราสาทโบราณในวันรุ่งขึ้น และบ้านของคำปองก็อยู่ในเส้นทางผ่านพอดี
คำปองพอเดาได้ว่ากำนันแย้มซึ่งเชื่อหมออ่วมและคำทำนายเรื่องเหตุร้ายจากเจ้าแม่นาคีคงจะไม่ญาติดีกับพวกคนต่างเมืองนัก แต่เธอไม่คิดเช่นนั้นเลยตัดสินใจยอมให้พวกนักศึกษาพักด้วย
คำปองเล่าว่าเป็นชาวดอนไม้ป่ามาตั้งแต่เกิด เป็นม่ายผัวตายและอาศัยอยู่กับคำแก้วลูกสาวคนเดียว ซึ่งเวลานี้คงเข้านอนแล้ว แต่ที่คำปองไม่รู้คือคำแก้วแอบเห็นทุกอย่างและเมื่อได้อยู่ตามลำพังในห้องก็อดเตือนไม่ได้ว่าพวกคนต่างเมืองอาจหาเรื่องเดือดร้อนมาให้อย่างที่พวกกำนันแย้มเคยเตือน
“คนตกทุกข์ได้ยากมาขอความช่วยเหลือ จะไล่เขาไปได้ยังไง ให้ที่พักคนเมืองแค่คืนเดียวจะอะไรนักหนา”
คำแก้วคร้านจะเถียงด้วย ตั้งท่าจะนอนแต่ไม่ทันขยับก็ต้องสะดุ้ง เมื่อแม่เห็นแผลเป็นรอยแดงเหมือนลมพิษบนแขนแล้วซักไซ้ใหญ่จนเธอต้องแก้ตัวแบบขอไปทีว่าเป็นแผลโดนแมลงต่อย
แต่อาการเจ็บปวดของแผลกลับไม่เหมือนถูกแมลงต่อยแม้แต่น้อย มันทวีความปวดมากขึ้นจนคำแก้วแทบทนไม่ไหว นอนกระสับกระส่ายพลางนึกสงสัยว่าอาจเป็นเพราะพลังบางอย่างจากแหวนของกอ
ฝ่ายกลุ่มนักศึกษา...ผล็อยหลับด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะต้องเดินป่าหลายชั่วโมง ทศพลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น จนกระทั่งกลางดึกก็มีเงาของหญิงสาวในชุดโบราณปรากฏตัวข้างๆตัว
“ยอดดวงใจของข้า ข้ารอท่านมานานเหลือเกิน นานหลายภพหลายชาติ ในที่สุดท่านก็กลับมาหาข้า...ไชยสิงห์”
เจ้าแม่นาคีนั่นเองที่แวะมาหาหนุ่มคนรักในอดีตชาติ น้ำตาแห่งความปีติหลั่งไหลที่ได้เจอกันอีก ทศพลได้ยินเสียงเรียกเบาๆก็รู้สึกตัว ทันได้เห็นร่างเลือนรางของหญิงสาวนางหนึ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวก็หายวับไป!
ทศพลคิดว่าตัวเองตาฝาดและฝันเลอะเทอะไปเอง เลยไม่คิดมาก ผล็อยหลับจนถึงเช้า ต่างจากคำแก้วต้องทรมานเพราะแผลที่แขนจนนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน และเมื่อถึงเวลาเช้าก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็นว่ารอยแดงที่แขนกำลังตกสะเก็ดแลดูคล้ายเกล็ดงู
งูเขียวเพื่อนรักสองตัวของคำแก้วรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและความกังวลใจ เลยส่งกระแสจิตบอกให้รีบไปรักษาตัวที่เทวาลัยเจ้าแม่นาคี คำแก้วรีบเอาผ้าพันแผลแล้ววิ่งลงจากบ้าน โดยไม่รู้เลยว่าทศพลแอบเห็นเธอจากมุมไกลๆและตั้งท่าจะตามไปดูด้วยความอยากรู้ แต่ก็ถูกพิมพ์พร เพื่อนสาวร่วมคณะซึ่งหลงรักเขามานานตามขวางจนไปไหนไม่ได้
ooooooo
คำแก้วไม่รู้ตัวว่าถูกแอบมอง ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปเทวาลัยเจ้าแม่นาคี แต่ก็ต้องชะงักกลางทางเมื่อเจอกอกับลำเจียกซึ่งเพิ่งกลับจากหาของป่า สองสาวลับฝีปากกันเหมือนเคยและทำท่าจะลงไม้ลงมือจนผ้าที่พันแผลไว้หลุด!
“อี๋...นี่แกเป็นโรคอะไรของแกเนี่ยนังคำแก้ว แขนแกถึงได้...”
ลำเจียกพูดไม่ทันจบ คำแก้วก็ผละหนีไปก่อน โดยมีกอมองตามด้วยแววตาครุ่นคิดพลางก้มมองแหวนในมือ
“ต้องเป็นเพราะแหวนพิรอดวงนี้แน่ๆที่ทำให้นังคำแก้วเป็นแบบนั้น”
“แหวนนี่เกี่ยวอะไรด้วย”
“พ่อเคยรอดตายจากงูมาแล้วสองหนก็เพราะแหวนพิรอดวงนี้”
“นังคำแก้วมันเป็นคนนะพ่อ...ไม่ใช่งู”
“เอ็งเห็นดวงตาของนังคำแก้วเวลาโกรธไหมล่ะ สายตาที่มันจ้องมา มันเหมือนงูกำลังสะกดเหยื่อชัดๆ”
ลำเจียกถึงกับสะดุ้ง เห็นจริงกับพ่อทุกอย่าง แต่ก็ยังทำใจให้เชื่อเรื่องแบบนี้ไม่ได้
“อีนังคำแก้วมันคงคลุกคลีตีโมงกับงูจนสันดานเหมือนงูไปแล้ว”
“ตอนนังคำแก้วเกิด ไอ้เคนพ่อมันก็ตาย แต่มันรอดมาได้ ยิ่งโตมันก็ยิ่งทำตัวประหลาด!”
กอมั่นใจว่าคำแก้วต้องไม่ใช่คนธรรมดาแต่ยังหาหลักฐานไม่ได้ กระนั้นเขาก็ตั้งใจแล้วจะหาทางพิสูจน์ความจริง โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องเหลือเชื่อที่ว่าเริ่มต้นแล้ว เมื่อคำแก้วหอบร่างอ่อนแรงไปถึงเทวาลัยเจ้าแม่นาคี แล้วพลังลึกลับบางอย่างที่นั่นก็ช่วยรักษาแผลของเธอจนหายดี
ทศพลต้องตัดใจไม่ตามหลังลูกสาวเจ้าของบ้าน เพราะนอกจากจะมีพิมพ์พรตามประกบไม่ห่าง ก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องออกไปสำรวจปราสาทโบราณแล้ว คำปองไม่เห็นด้วย เตือนให้กลับกรุงเทพฯเสียงเครียด
“พวกชาวบ้านกำลังเตรียมพิธีบวงสรวงเจ้าแม่นาคีที่เทวาลัยท้ายหมู่บ้าน”
เหล่านักศึกษาโดยเฉพาะสาวๆตื่นเต้น คิดว่าเป็นงานรื่นเริงประจำปี แต่คำปองก็ดับความหวังนั้นเสียก่อน
“ไม่ได้จัดทุกปีแต่เฉพาะวันที่เกิดสุริยคราสชาวบ้านเชื่อว่าเจ้าแม่นาคีจะอาละวาดเอาชีวิตคนเป็นเครื่องสังเวย”
ทัศนัยคิดว่าเป็นแค่ความเชื่อของชาวบ้านละแวกนี้ที่มีความผูกพันกับพญานาคมานาน แต่คำปองกลับส่ายหน้าแก้ไขความเข้าใจนั้นและเตือนอย่างจริงจัง
“ดอนไม้ป่าเป็นดินแดนอาถรรพณ์ พวกคุณเป็นคนเมือง จะทำอะไรขอให้ระวัง ของที่มองไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่มี”
น้ำเสียงเคร่งเครียดของคำปองทำให้พวกนักศึกษาเริ่มร้อนๆหนาวๆ แม้จะเติบโตในยุคที่เชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์และเหตุผล แต่คำเตือนจากคนยุคก่อนก็ใช่ว่าจะลบหลู่กันง่ายๆ คงมีเพียงทศพลและทัศนัยที่คิดว่าความเชื่อนั้นมีมูลและอาจเป็นข้อมูลสำคัญซึ่งเป็นประโยชน์แก่วงการประวัติศาสตร์ไทยก็เป็นได้
คณะอาจารย์และนักศึกษาออกจากบ้านคำปองไปแล้ว เลื่อม ลูกชายจอมกร่างของกำนันแย้มผ่านมาเห็น พร้อมกับทัพและเดี่ยว สมุนคนสนิทที่ตั้งท่าจะตามไปเอาเรื่อง แต่ก็ถูกห้ามไว้เพราะเลื่อมไม่อยากให้คำปองมองเขาไม่ดี และจะพาลทำให้คำแก้วผู้หญิงที่เขาหลงรักมานานรังเกียจเขาไปด้วย
“ครั้งนี้ข้าจะปล่อยสัตว์ทำทาน แต่อย่าให้ข้าเห็นหน้าพวกมันในดอนไม้ป่าอีกแล้วกัน ข้าไม่ปล่อยไว้แน่!”
พวกนักศึกษาไม่รู้เรื่อง เดินตามทัศนัยลัดเลาะไปตามป่าท้ายหมู่บ้านอย่างไม่ลดละ พิมพ์พร เจิดนภาและรัตนาวดีหงุดหงิดมาก บ่นกระปอดกระแปดตลอดทาง สร้างความรำคาญให้แก่ชาวคณะที่เหลือมาก จนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำตกใหญ่ ทั้งหมดถึงยิ้มออกและกระโดดลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
ทัศนัยตัดสินใจกางเต็นท์พักแรมที่ลานโล่งใกล้ปราสาทโบราณ เหล่านักศึกษาชอบใจมาก ช่วยกันเตรียมของอย่างแข็งขันเพราะเหนื่อยเต็มทีแล้ว อยากพักจะได้มีแรงสำรวจปราสาทในวันรุ่งขึ้นตามที่อาจารย์หนุ่มสั่ง
ทศพลเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบๆจนอดใจไม่ไหวต้องเดินสำรวจ แล้วเสียงเรียกจากใครบางคนก็ทำให้เขาตกในภวังค์ เดินเหมือนละเมอเข้าไปด้านในของเทวาลัย!
ooooooo
คำแก้วนอนหมดสติทั้งวัน เพิ่งฟื้นและรู้สึกตัวในเวลาใกล้ค่ำเต็มที หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นแผลบนแขนหายสนิทเหมือนไม่เคยโดนอะไร แถมเธอยังสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ชวนค้นหา แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่อยากรับรู้เพราะไม่แน่ใจนักว่าหากความจริงปรากฏจะรับได้หรือไม่
และระหว่างที่สับสนนั้นเอง คำแก้วก็ชนกับผู้ชายคนหนึ่งโครมใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่ได้ทำให้เธอหวั่นไหวเท่ากับภาพในหัวที่แวบขึ้นมาและทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน
ทศพลนั่นเองคือผู้ชายคนนั้น เขาก็รู้สึกไม่ต่างกันและไม่รอช้าจะตามไปคุยให้รู้เรื่อง คำแก้วจำได้ว่าเขาคือหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาที่ค้างบ้านเธอเมื่อคืนก่อน แต่ก็ไม่อยากเสวนาด้วยเลยพยายามเดินหนี ทศพลตามไปดักหน้าจนได้แต่คงรีบมากไปเลยไม่ทันระวัง เหยียบตะกร้าสานใส่เครื่องเซ่นไหว้ผีตาแฮกบนนาของเธอเข้า
“ซุ่มซ่าม! ไม่ดูตาม้าตาเรือ ถ้าปีนี้นาฉันล่มก็เป็นเพราะคุณคนเดียว”
“ก็ผมไม่เห็นว่ามีศาลเจ้าตั้งอยู่ตรงนี้”
“เขาเรียกผีตาแฮก เป็นผีที่ปกปักรักษาข้าวกล้าในนา...ไม่รู้เรื่อง!”
“งั้นหรือ ผมนึกว่ามีแต่แม่โพสพซะอีกที่ดูแลทุ่งนา”
“สิ่งที่คุณไม่รู้ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มี ชาวบ้านดอนไม้ป่านับเจ้าถือผี บูชาตามหน้าที่และฤดูกาล”
“ถ้าอย่างนั้นที่นี่คงมีผีเต็มไปหมด”
“ก็ใช่น่ะสิ มีทั้งผีเปรต ผีป่า ผีนา ผีไร่ แต่ไม่ว่า จะเป็นผีอะไรก็อยู่ใต้อำนาจของเจ้าแม่นาคีทั้งนั้น”
“เจ้าแม่นาคี...เพิ่งรู้ว่าพญานาคตัวเมียเป็นหัวหน้าปกครองผีที่นี่ ท่าทางจะใหญ่ไม่เบา ผมชักอยากเห็นแล้วสิ”
รอยยิ้มยั่วประสาทและท่าทางเหมือนไม่ยำเกรงเจ้าแม่นาคีทำให้คำแก้วไม่พอใจ ผลุนผลันออกจากตรงนั้น โดยไม่เหลียวหลัง ทศพลวิ่งตามแต่ก็คลาดกันในที่สุด
ความสนใจของทศพลที่มีต่อหญิงชาวบ้านทำให้พิมพ์พรโมโหหึง อาละวาดและแสดงความเป็นเจ้าของจนพวกหนุ่มๆเอือมระอา แต่กระนั้นเธอก็ไม่ยี่หระ ประกาศ กร้าวจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งชายหนุ่มไปจากเธอ
คำแก้วไม่รู้ตัวว่าเรื่องวุ่นวายจะมาถึงตัว มัวแก้ตัวกับแม่ถึงสาเหตุที่หายตัวไปทั้งวัน
“ฉันไปที่เทวาลัยร้างท้ายหมู่บ้านมาจ้ะ”
คำปองถึงกับตาเหลือก ไม่ชอบให้ลูกสาวไปป้วนเปี้ยนที่นั่น แต่คำแก้วกลับไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
“เวลาฉันปวดหัวตัวร้อนไม่สบาย ไปที่นั่นทีไรฉันก็หายเป็นปลิดทิ้งทุกที ที่ป่วยก็หาย ที่เจ็บก็คลาย เทวาลัยนั่นไม่เห็นมีอันตรายตรงไหน ฉันว่าสวยดีออก อยู่ที่นั่นแล้วไม่อยากกลับ เหมือนเคยเป็นบ้านของฉันมาก่อน”
“เหลวไหล...เอ็งอย่าพูดให้ใครฟังนะ เขาจะหาว่าเอ็งเสียสติ ข้าน่ะกลัวว่าเอ็งจะถูกก้อนหินถล่มทับ ไม่ก็โดนงูเงี้ยวเขี้ยวขอมันกัดเอา”
“บอกแล้วไง งูไม่ทำอันตรายฉันหรอกแม่ พวกมัน เป็นเพื่อนฉัน”
“เอ็งเสียสติไปแล้วหรือไง อสรพิษเลี้ยงไม่เชื่อง ข้าไม่อยากต้องมาทำศพเอ็งเหมือนพ่อเอ็งอีกคน คำแก้ว ...แม่ห่วงเอ็งหรอกนะถึงได้เตือน”
“ฉันดวงแข็ง ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก แม่อย่าห่วงเลย”
ooooooo
แม้จะเอาตัวรอดจากแม่ได้แต่คำแก้วก็คาใจกับท่าทีของหนุ่มหล่อที่พบกันโดยบังเอิญในเทวาลัยเจ้าแม่นาคี ทศพลเองก็มีอาการไม่ต่างกัน เขาเก็บเรื่องหญิงชาวบ้านที่ถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็นไปคิดจนเหมือนตกในภวังค์ มองเห็นเพื่อนร่วมแก๊งรวมทั้งตนเองแต่งตัวด้วยชุดทหารโบราณ
พิมพ์พรเห็นทศพลเหม่อลอยและเอาแต่พูดถึงหญิงชาวบ้านก็หึงขึ้นหน้า เมื่อได้ยินเพื่อนคนอื่นพูดถึงความเชื่อเรื่องพญานาคและความลึกลับของปราสาทโบราณเลยพาลหัวเสีย
“งมงายเหมือนชาวบ้านแถวนี้ไม่มีผิด นับถือกราบไหว้บูชางูบ้าบอกันทั้งหมู่บ้าน มิน่าถึงได้ล้าหลังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนกันอยู่อย่างนี้”
ทศพลทนไม่ไหว ปรามเสียงเข้ม “พิมพ์...จะพูดอะไร ให้เกียรติคนอื่นบ้าง อย่างน้อยก็ควรให้เกียรติสถานที่”
แต่มีหรือพิมพ์พรนักศึกษาสาวสวยจากเมืองกรุงจะกลัว “ถ้าเจ้าแม่งูนั่นศักดิ์สิทธิ์จริง คงมีชาวบ้านแห่มาขอหวยกันทั่วสารทิศแล้ว ไม่เหลือแค่ซากปราสาทผุๆพังๆ ตกสำรวจอย่างนี้หรอก”
จบคำลบหลู่นั้น กองไฟหน้าเต็นท์ก็ดับวูบ ท้องฟ้าโปร่งยามค่ำคืนเปลี่ยนเป็นร้องคำรามอย่างกราดเกรี้ยว บรรยากาศเงียบสงบกลายเป็นมีลมกระโชกแรง พัดพาข้าวของและกองเสบียงของเหล่านักศึกษาให้กระจายทั่วบริเวณ พร้อมๆกับที่ร่างของรัตนาวดีกระโจนพรวดไปบีบคอพิมพ์พร!
“กูจะเอามันไปด้วย”
อาการคลุ้มคลั่งของรัตนาวดีทำให้เหล่านักศึกษาแตกตื่น ทัศนัยได้ยินเสียงเอะอะก็มาดูแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้นัก เชษฐ์ นักศึกษาธรรมะธัมโมประจำกลุ่มเลยตัดสินใจถอดสร้อยพระมาสวมให้ รัตนาวดีเลยสงบลงได้
รัตนาวดีถูกนำตัวไปนอนในเต็นท์หลังจากนั้น โดยมีพิมพ์พรกับเจิดนภาเฝ้าดูแลไม่ห่าง ทิ้งให้เหล่านักศึกษาชายคุยกันเครียดๆว่าอาการของรัตนาวดีเหมือนโดนผีเข้า ทัศนัยซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยกลัวเรื่องจะไปกันใหญ่เลยพยายามตัดบทว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าและไล่ทุกคนไปนอน
เหล่านักศึกษาชายรีบทำตามที่อาจารย์หนุ่มบอก แต่เหตุการณ์ระทึกเมื่อครู่ก็ทำให้อดผวาไม่ได้จนต้องชวนกันสวดมนต์เพื่อความสบายใจ ทศพลเห็นเพื่อนกลัวมากเลยเตือนให้ตั้งสติ ฟังหูไว้หู
“ฉันไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ พวกแกเรียนประวัติศาสตร์ นะเว้ย ต้องเชื่อสิ่งที่พิสูจน์ได้และมีหลักฐานเท่านั้น”
ประกิต วันชนะ สมมาตรและเชษฐ์มองหน้ากันเครียดๆ แม้จะเห็นด้วยกับทศพลแต่ก็หวั่นไม่น้อย เพราะตั้งแต่มาถึงดอนไม้ป่าก็มีแต่เรื่องแปลกๆเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน
และเรื่องประหลาดก็เกิดจริงๆในคืนนั้นเอง เมื่อคำแก้วถูกพลังลึกลับบางอย่างลากตัวจากบ้าน คำปองเห็นเลยสะกดรอยตาม แต่ก็ได้ตกใจจนสิ้นสติเสียก่อน เมื่อพบว่าลูกสาวคนเดียวหายตัวไปในความมืด ทิ้งไว้เพียงร่างโปร่งบางของเจ้าแม่นาคี!
ooooooo