ตอนที่ 1
ณ บ้านรัตนมหาศาลอันใหญ่โตกว้างขวาง ศจีเห็นนิตยสารเพลินภาพที่ลงเรื่องราวและรูปของ ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลกับลักษณ์หลานชายคนโปรดก็ไม่พอใจ จับฉีกทิ้งแทบไม่เหลือชิ้นดี หลวงราชบริรักษ์ผู้เป็นสามีมาเห็นเข้าก็ตำหนิผู้เป็นภรรยาไปฉีกทำไม นิตยสารเพิ่งออกมาใหม่ไม่ใช่หรือ
“คุณจะให้ฉันเก็บไว้ทิ่มแทงหัวใจทำไม...เพราะคุณนั่นแหละที่ไม่ได้เรื่อง ฉันอุตส่าห์แต่งงานด้วยเพราะคิดว่าคุณจะได้ดิบได้ดีเป็นถึงเจ้าพระยา แต่ที่ไหนได้เป็นแค่หลวงราชบริรักษ์ กินเงินเดือนแค่ไม่กี่บาท”
“อ้าว...คุณศจี ทำไมคุณถึงมาลงที่ผม” หลวง-ราชบริรักษ์ส่ายหน้าระอาใจที่โดนพาลหาเรื่อง
“แล้วจะให้ฉันลงที่ใคร ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ” พูดจบศจีผละจากไป หลวงราชบริรักษ์เดาออกว่าเธอจะไปไหนรีบสาวเท้าตาม พงศ์เทพผู้เป็นลูกชายหยิบซากนิตยสารที่เหลือขึ้นมาดูอย่างน้อยใจ...
ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลอ่านนิตยสารฉบับเดียวกับที่ศจีฉีกทิ้งพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เริงใจกระเซ้าคุณย่าตัวเองว่าพี่ลักษณ์ของเธอจะดังเป็นพลุก็คราวนี้ เล่นยอเขาไม่หยุดทั้งหล่อทั้งเก่ง แถมยังอนาคตไกล สงสัยคุณแม่ต้องเตรียมผ้าขี้ริ้วไว้เยอะๆแล้ว แม่พร้อมนิ่วหน้าสงสัยจะให้เตรียมทำไม
“ก็เพราะหัวกระไดจะไม่แห้งเลยน่ะสิคะ” เริงใจหัวเราะคิกๆพลอยทำให้แม่พร้อมกับท่านผู้หญิงหัวเราะไปด้วย ทันใดนั้นศจีพรวดพราดเข้ามาแดกดัน ช่างมีความสุขกันเหลือเกิน หลวงราชบริรักษ์ที่ตามเข้ามาจะฉุดเมียรักกลับ แต่เธอเหลือบไปเห็นนิตยสารฉบับนั้นในมือแม่ตัวเองก็ยิ่งเจ็บใจ
“จีจะมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกชายของจีค่ะ”
นอกจากจะไม่ได้อย่างที่เรียกร้อง ศจียังถูกท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลเล่นงานกลับว่าเลี้ยงลูกไม่ดีเองจะไปโทษใคร ในเมื่อพงศ์เทพลูกของเธอหน้าที่การงานรวมทั้งนิสัยใจคอสู้ลักษณ์ไม่ได้จะให้ท่านเชียร์ได้อย่างไร แทนที่จะสงบปากสงบคำศจีกลับเถียงว่าลูกของตนก็มีหน้าที่การงานมั่นคงและเป็นคนดีเหมือนกัน ท่านต่างหากที่ลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชังไม่เคยเปลี่ยนทั้งกับลูกแล้วก็กับหลาน ท่านผู้หญิงสั่งให้ศจีหยุดพูดเดี๋ยวนี้
“ทำไมจีต้องหยุดคะ ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง คุณแม่ ไม่เคยเห็นจีอยู่ในสายตา ไม่รักจีเท่ากับพี่ใหญ่แล้วก็...
ไอ้เด็กนอกคอกคนนั้น” คำพูดแทงใจดำของศจียิ่งทำให้ท่านผู้หญิงโมโหสุดขีดต่อว่าลูกกลับว่าตนไม่รักลูกรักหลานคนอื่นตรงไหน เงินทองก็ประเคนให้ทุกอย่าง เธอต่างหากที่ขี้ริษยาตั้งแต่เด็กจนแก่ เห็นใครดีกว่าตัวเองเป็นไม่ได้ ลูกของเธอก็เลยติดนิสัยเธอไปด้วย เธอน่าจะเอาเวลาไปทำให้ชีวิตครอบครัวตัวเองดีก่อน
“คุณแม่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
ท่านยกตัวอย่างว่าลูกๆของศจี ทั้งพิณทิพย์ พัณทิพาสอบได้เปอร์เซ็นต์ต่ำมาก ส่วนตาอ๊อด ตาอู๊ดและยัยอ๋อยก็ไม่ตั้งใจเรียน ชอบหลับในห้องเรียน บางคนไม่ยอมทำการบ้านส่งครู
“ส่วนเจ้าพงศ์เทพ กี่ปีกี่ชาติก็ยังเป็นแค่ร้อย-ตำรวจตรี ทั้งๆที่เริ่มงานพร้อมกับตาลักษณ์ แต่ตาลักษณ์ได้เลื่อนยศเป็นร้อยโทแล้ว การที่ฉันอยู่บ้านไม่ได้แปลว่าฉันถูกปิดหูปิดตาไม่รู้เรื่องอะไรเลย เหตุผลง่ายๆแค่นี้ก็น่าจะทำให้เธอกระจ่างแล้วว่าเพราะอะไรฉันถึงรักตาลักษณ์มากที่สุดในจำนวนหลานทุกคน”
แม่พร้อมต้องจับแขนท่านผู้หญิงไว้ ขอร้องให้ใจเย็นๆก่อนเดี๋ยวความดันจะขึ้นเอาได้ แล้วบอกให้ศจีกลับไปก่อนดีกว่า รอให้อารมณ์เย็นลงกว่านี้ค่อยมาคุยกัน
ooooooo
ไม่ได้มีแต่ศจีเท่านั้นที่เปิดศึกกับแม่ตัวเอง พงศ์เทพมาดักรอลักษณ์ที่หน้าบ้าน พอมอเตอร์ไซค์คันเท่ของญาติผู้พี่แล่นมาจอด เขาปรี่เข้าไปหาเรื่องด่าว่าที่อีกฝ่ายทำตัวใหญ่คับบ้านเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นคนโปรดของคุณย่า แถมยังทำให้ท่านไม่เห็นหัวหลานคนอื่นอีกด้วย
“คุณอาศจีเป็นคนบอกแกสินะว่าฉันทำอย่างนั้น แกโตแล้วนะพงศ์เทพ เลิกให้คนอื่นจูงจมูกได้แล้ว”
“คนอื่นที่แกว่าคือแม่ของฉัน แกไม่ให้ฉันเชื่อแม่แล้วจะให้ฉันเชื่อใคร” ไม่พูดเปล่าพงศ์เทพกระชากคอเสื้อลักษณ์เข้ามาอย่างเอาเรื่อง...
ศจีพาลหาเรื่องแม่ตัวเองไม่พอ ยังพาลหาเรื่องแม่พร้อมพี่สะใภ้ตัวเองอีกด้วย พอโดนด่ากลับก็หาว่าแม่กับพี่สะใภ้รุม หลวงราชบริรักษ์เห็นท่าไม่ดีพยายามดึงศจีกลับ เธอหันขวับจะเอาเรื่องเขาแทน จังหวะนั้น พิณทิพย์และพัณทิพาวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ทุกคนต่างชะงัก...
พงศ์เทพยังพาลหาเรื่องลักษณ์ไม่หยุดหย่อน แถมประกาศจะแย่งทุกอย่างที่เป็นของเขามาเป็นของตัวเองรวมทั้งเพ็ญโฉม ผู้หญิงที่ลักษณ์รักและตนจะไม่มีวันแพ้คนอย่างเขาเด็ดขาด
“แต่เรื่องนี้แกคงต้องแพ้เพราะไม่ว่ายังไง เพ็ญโฉม ก็เลือกฉัน” ลักษณ์จ้องหน้าพงศ์เทพเขม็ง เขาไม่พอใจเงื้อหมัดจะต่อย ลักษณ์เบี่ยงตัวหลบทำให้เขาเซถลาเสียหลัก จังหวะนั้น ศจี ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาล แม่พร้อม เริงกับหลวงราชบริรักษ์ และลูกสาวทั้งสองคนของเขายกโขยงออกมาเหตุการณ์ก็ตกใจ ศจีไม่ทันจะถามอะไรให้ดีก่อนพุ่งเข้าไปตบลักษณ์หน้าหัน หาว่าเขาจะทำร้ายน้อง ลักษณ์ยืนกรานว่าไม่ได้ทำ
“โกหก ฉันเห็นกับตาว่าตาพงศ์กำลังจะล้มไปกับพื้น ถ้าไม่ใช่ฝีมือแกแล้วจะเป็นใคร”
“ฉันเชื่อที่ตาลักษณ์พูด เพราะตาลักษณ์ไม่ใช่พวกใช้กำลัง”
ศจีบีบน้ำตาหาว่าท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลลำเอียง ยังไม่ทันจะสอบถามก็ลำเอียงเข้าข้างหลานรักเสียแล้ว ลูกของเธอทำอะไรก็ผิดไปหมด ท่านรำคาญสั่งให้เลิกใช้วิธีบีบน้ำตาได้แล้ว ทำตั้งแต่เด็กจนแก่ไม่รู้จักอายบ้างหรือ ลักษณ์ไม่อยากให้เรื่องบานปลายขอร้องคุณย่าอย่าเอาเรื่องพงศ์เทพ เราแค่เข้าใจผิดนิดหน่อย
“เห็นหรือยังตาพงศ์ พี่ชายที่เราไม่ชอบหน้ากำลังปกป้องเราอยู่ ถ้าตาลักษณ์ไม่ใช่คนดีคงไม่ทำแบบนี้ หวังว่านี่จะเป็นคำตอบได้นะแม่ศจีว่าทำไมฉันถึงเชิดชูตาลักษณ์ให้ออกหน้ามากกว่าหลานคนอื่น ฉันเฝ้ารักษาเกียรติแห่งรัตนมหาศาลมาตลอดชีวิตของฉัน อะไรที่จะทำให้รัตนมหาศาลแปดเปื้อนฉันต้องตัดมันทิ้ง”
ลูกทรพีสบช่องยกเรื่องที่คุณแม่ตัดศัลย์ลูกอีกคนหนึ่งออกไปจากรัตนมหาศาลทั้งที่เขาหอบลูกหอบเมียกลับมาหา ท่านยังให้คนขับไล่ราวกับหมูกับหมาทั้งที่เมื่อก่อนรักมากประเคนให้ทุกอย่าง แต่พอศัลย์ไม่ทำตามที่ท่านต้องการ จากลูกหงส์ก็เลยตกลงมาเป็นลูกหมา หลวงราชบริรักษ์สะกิดเตือนให้ศจีพอได้แล้ว กลับโดนเธอแว้ดใส่แล้วหันไปเปิดศึกน้ำลายกับผู้เป็นแม่ต่อ
ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลถูกศจีเปิดแผลเก่าขึ้นมาอีกครั้งก็โกรธมากตบเธอหน้าหัน แล้วอยู่ๆท่านก็แน่นหน้าอกก่อนจะเป็นลมล้มพับ ลักษณ์รีบประคองคุณย่าที่หมดสติเข้าไปตัวบ้านแล้วตามหลวงเวชมาดูอาการ
หลังจากตรวจอาการท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลแล้ว หลวงเวชรายงานกับลูกๆหลานๆของท่านว่าท่านมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว พอเจอเรื่องเครียดจึงทำให้แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก แล้วหยิบยาออกมาให้
“ให้ท่านรับประทานจนหมด แล้วผมจะมาตรวจอาการให้อีกครั้ง”
ooooooo
ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลตื่นขึ้นกลางดึกบนเตียงของตัวเอง นึกถึงคำพูดแทงใจดำของศจีก็ยิ่งเสียใจน้ำตาคลอเบ้า ลุกขึ้นไปหยิบรูปถ่ายของท่านเจ้าคุณรัตนมหาศาลกับตัวเองนั่งบนเก้าอี้ โดยมีพระยาอัครราชเสวี พ่อของลักษณ์กับเริงใจยืนอยู่ด้านหลังกับศจีและศัลย์ ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของศัลย์
พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดของท่านผู้หญิง ตอนนั้นท่านพาศัลย์วัย 5 ขวบเข้ามาในบ้าน ศจีอายุประมาณ 10 ขวบมองเขาอย่างไม่ถูกชะตา ผิดกับพระยาอัครราชเสวีที่มองเด็กน้อยอย่างเป็นมิตร
“โตกับศจี นี่ศัลย์ ต่อไปนี้ศัลย์จะมาอยู่กับเรา คิดซะว่าศัลย์เป็นน้องแท้ๆสักคนนะลูก”
ศจีชักสีหน้าใส่ ขณะที่พระยาอัครราชเสวีเข้ามาจับมือศัลย์ชวนไปเดินเล่นด้วยกัน...
ศจีไม่ชอบขี้หน้าศัลย์ตั้งแต่แรกเจอจนกระทั่งโตเป็นสาว แถมยังเป็นคนฟ้องแม่เรื่องที่เจอเขาไปคบหาอยู่กับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ลูกสาว
คุณหญิงนวลที่แม่เป็นคนเลือกให้ จนเกิดเรื่องราวใหญ่โต ท่านผู้หญิงสั่งให้ศัลย์เลิกคบกับบุหงาราตรีผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าซึ่ง
ไม่คู่ควรกับรัตนมหาศาล แต่เขายืนกรานว่าเธอกับเขา เหมาะสมกันและต้องการจะแต่งงานกับเธอคนเดียวเท่านั้น ท่านผู้หญิงโกรธเลือดขึ้นหน้า
“ถ้าลูกจะแต่งงานกับมันก็จงออกไปจากที่นี่ ไปจากรัตนมหาศาลไม่ต้องมาให้แม่เห็นหน้าอีก แล้วถือซะว่าเราไม่เคยเป็นแม่เป็นลูกกันมาก่อน” ท่านผู้หญิงประกาศกร้าว ศัลย์ได้แต่ยืนนิ่ง
บุหงาราตรีขอเป็นฝ่ายไปเอง ศัลย์คว้ามือเธอไว้จะไม่ยอมให้เธอไปไหนเด็ดขาดถ้าจะไปก็ต้องไปด้วยกัน ท่านผู้หญิงถึงกับหน้าเสีย ศัลย์เข้ามาคุกเข่าตรงหน้าท่าน บุหงาราตรีคุกเข่าตาม เขาจะไม่ขอให้ท่านอภัยให้ รู้ดีว่าการกระทำของตัวเองครั้งนี้ทำให้ท่านเสียใจ แต่เขาเสียบุหงาราตรีไปไม่ได้จริงๆ
“ผมอยากให้คุณแม่ทราบเอาไว้ว่าผมจะยังรักและเคารพคุณแม่เสมอไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้คุณแม่จะไม่เห็นผมเป็นลูกแล้วก็ตาม” ศัลย์ว่าแล้วก้มกราบ แทบเท้าท่านผู้หญิง บุหงาราตรีทำตาม “ผมมาแต่ตัว ผมก็จะไปแต่ตัว ผมจะไม่เอาสมบัติของรัตนมหาศาลไปแม้แต่ชิ้นเดียว ลาก่อนครับคุณแม่”
ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลตื่นจากภวังค์กอดรูปร้องไห้อย่างหนัก อยากรู้เหลือเกินว่าตอนนี้ศัลย์อยู่ไหน...
ทางฝ่ายศจีไม่ยอมแพ้ ไล่หลวงราชบริรักษ์ พิณทิพย์และพัณทิพาออกจากห้อง ขอคุยกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นการส่วนตัว หลวงบริรักษ์ขอร้องศจีมีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากัน ศจีรอจนได้อยู่ลำพังกับลูกชาย
“แม่ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เราคนเดียว แต่เรากลับทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วแบบนี้เมื่อไหร่ถึงจะขึ้นแท่นหลานรักแทนตาลักษณ์ได้หา”
“ผมต้องทำได้ คุณแม่คอยดูก็แล้วกัน” พงศ์เทพสีหน้ามุ่งมั่น
ooooooo
เช้าวันถัดมา ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลเรียกแม่พร้อมมาพบที่ห้อง
“เมื่อวานตอนที่ฉันเจ็บหน้าอก ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย คนแรกที่ฉันคิดถึงก็คือตาเล็ก ฉันไม่อยากรู้สึกเสียใจภายหลัง ถ้าหากว่าฉันเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ แม่พร้อมช่วยฉันทีเถอะ”
แม่พร้อมรับคำสีหน้าไม่สู้จะสบายใจนัก จากนั้นตรงไปที่ห้องตัวเองค้นจดหมายของศัลย์ที่จ่าหน้าซองถึงท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลซึ่งตัวเองเก็บไว้อย่างดีขึ้นมาเปิดดู พลันภาพในอดีตผ่านเข้ามาในความคิดของเธอ ตอนนั้นศัลย์อุ้มมัสยา วัยแบเบาะยืนอยู่ที่รั้วบ้านรัตนมหาศาลกับบุหงาราตรี หวังจะพาหลานมากราบคุณย่า เผื่อท่านจะเมตตาหลานตาดำๆ แต่ปรากฏว่าท่านไม่ให้พบ แถมให้ไปบอกเขาว่าไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก
“ฉันไม่มีลูกชายคนไหนอีกแล้วนอกจากพระยาอัครราชเสวี”
ศจีอาสาจะเป็นคนไปบอกศัลย์เอง เขากับบุหงาราตรี ได้ฟังคำบอกเล่าจากศจีก็เสียใจมาก ชวนกันกลับ แต่แม่พร้อมร้องเรียกเอาไว้...
ลักษณ์เอาจดหมายของศัลย์ที่ได้จากแม่ขึ้นมาพิจารณา แม่พร้อมเล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นคนบอกให้ศัลย์เขียนจดหมายมาหา
ท่านผู้หญิงเผื่อสักวันท่านอาจจะใจอ่อน แต่ท่านผู้หญิงกลับให้แม่พร้อมเอาจดหมายที่ศัลย์เขียนถึงไปทิ้ง เขายังคงเพียรพยายามเขียนจดหมายมาถึงท่านอีกหลายฉบับจนกระทั่งฉบับสุดท้าย
“เขาบอกข่าวน่าเศร้าที่สุด คุณบุหงาราตรีเสียชีวิต กะทันหันด้วยโรคที่รุมเร้ามาตลอดตั้งแต่คลอดลูก”
“แล้วหลังจากนั้น คุณอาเล็กก็หายตัวไปเลยเหรอครับ”
“จ้ะ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่อยู่ในกรุงเทพฯที่ส่งจดหมายมา แม่เขียนกลับไปก็ถูกตีกลับ พอไปถามที่ไปรษณีย์ เขาแจ้งว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว แม่จนหนทางไม่รู้จะไปตามหาคุณเล็กที่ไหน ลักษณ์มีเพื่อนฝูงมากมาย คิดว่าพอจะช่วยได้ไหม” แม่พร้อมมองลูกชายอย่างรอคำตอบ...
ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนทหารที่สังกัดอยู่ในภาคใต้ในที่สุดก็สืบทราบว่าศัลย์อยู่ที่ไหน แต่ที่น่าเศร้า ก็คือเขาตายไปแล้ว ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลทราบเรื่องถึงกับปล่อยโฮด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง...
ท่ามกลางข่าวเศร้า ก็ยังมีข่าวให้ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาล ได้ชื่นใจเมื่อทราบว่ามัสยาลูกสาวคนเดียวของศัลย์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านคิดจะรับเด็กคนนี้มาเลี้ยง จึงเรียกประชุมทุกคนเพื่อแจ้งข่าวนี้ให้ทราบ ศจีค้านหัวชนฝาเช่นเดียวกับพงศ์เทพ แต่ท่านยืนกรานจะทำอย่างที่ตั้งใจ และจะให้แม่พร้อม เริงใจ พิณทิพย์กับพัณทิพา รวมทั้งพงศ์เทพไปรับลูกของศัลย์พร้อมกับลักษณ์ ลูกๆของศจีไม่มีใครอยากไป
“คุณแม่จะให้ลูกจีไปด้วยทำไม” ศจีออกหน้าแทนลูกๆ
“ที่ฉันให้เอาเด็กๆไปด้วยเพราะเห็นว่าวัยใกล้เคียงกับลูกเจ้าเล็ก เวลาเจอกันจะได้สนิทใจ ส่วนตาพงศ์ก็ให้ไปช่วยตาลักษณ์ดูแลน้องๆผู้หญิง ยังจะมีปัญหาอะไรอีกไหม”
“ไม่มีแล้วครับคุณแม่” หลวงราชบริรักษ์ตอบ
คำถามแทนเมียที่เอาแต่นิ่งเงียบ...
ที่บ้านของหลวงราชบริรักษ์ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้านรัตนมหาศาล ศจีบ่นไม่เลิกจนลูกผัวหูชาเรื่องที่ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลจะเอาลูกของศัลย์มาเลี้ยง แถมยังพาลใส่พงศ์เทพที่เอาแต่นิ่งเงียบ ทำไมไม่พูดอะไรบ้าง เขาอ้างกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้นังมัสยามาที่บ้านของเรา
ooooooo
ไม่กี่วันถัดมา ลักษณ์พร้อมกับคณะซึ่งประกอบด้วยแม่พร้อม เริงใจ พงศ์เทพกับพิณทิพย์และพัณทิพาเดินทางไปจังหวัดสงขลาเพื่อพบกับคุณพระนิกรผู้เป็นเพื่อนรักของศัลย์และเป็นคนดูแลมัสยาตั้งแต่ศัลย์เสียชีวิต แม่พร้อมไม่เห็นมัสยาอยู่แถวนั้นด้วยก็ถามหา
“คงจะออกไปเล่นซนแถวๆนี้ แต่ผมให้คนไปตามแล้วครับ” ชนัฎตอบคำถามแทนพระนิกรผู้เป็นพ่อเริงใจเห็นบ้านช่องของคุณพระเป็นสวนมะพร้าวร่มรื่นจึงชวนทุกคนไปเดินเล่นฆ่าเวลา...
ระหว่างเดินเล่นในสวนมีลิงตัวหนึ่งโดดเกาะหลังพิณทิพย์ เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของเธอกับพัณทิพาทำให้ลิงตกใจโดดหนี เริงใจสงสัยมันมาจากไหน ชนัฎอธิบายว่าเป็นลิงที่ชาวสวนเลี้ยงไว้เก็บมะพร้าวไม่เป็นอันตรายกับใครถ้าไม่ไปทำร้ายมันก่อน พิณทิพย์กลัวมากชวนทุกคนกลับ เริงใจทักท้วง
“แค่ลิงเอง จะกลัวทำไมนักหนา”
พิณทิพย์โวยลั่นถ้าเริงใจชอบลิงก็เชิญอยู่กับมันไปเลย พวกตนจะกลับกันก่อน ลักษณ์ไม่อยากมีปัญหา จึงรบกวนชนัฎพาพวกพงศ์เทพ พิณทิพย์และพัณทิพากลับไปก่อน เขากับน้องสาวขอเดินเล่นแถวนี้ ยังไม่ทันมีใครขยับลิงตัวนั้นโดดลงมาฉกหมวกไปจากหัวเริงใจแล้ววิ่งหนีไป เจ้าของหมวกจะตามแต่ลักษณ์ห้ามไว้
“ไง...ยังอยากจะอยู่เดินเล่นกันต่ออีกไหม”
พิณทิพย์แขวะ เริงใจไม่ยอมแพ้จะต้องตามไปเอาหมวกคืนให้ได้เพราะหมวกใบนั้นพ่อเป็นคนซื้อให้ แล้ววิ่งปรู๊ดไปทันทีไม่ฟังเสียงห้ามปรามของพี่ชาย...
ในเวลาเดียวกัน แม่พร้อมนั่งคุยอยู่กับคุณพระนิกรและคุณนายแม้นผู้เป็นภรรยาทำให้รู้ว่ามัสยาอยู่ที่นี่แค่เฉพาะตอนเรียนหนังสือเนื่องจากไปมาสะดวก ปกติแล้วเธอจะอยู่กับคุณตาแท้ๆของเธอ ดังนั้นถ้าแม่พร้อมอยากจะพามัสยากลับรัตนมหาศาลคงต้องไปคุยกับคุณตาของเธอว่าจะอนุญาตหรือเปล่า...
ด้านเริงใจวิ่งตามลิงเข้าไปกลางสวนมะพร้าวแต่ไม่เห็นแม้เงา ลักษณ์ไล่ตามน้องสาวจนทันสั่งให้กลับ เธอดื้อดึงจะหาหมวกให้เจอก่อน พงศ์เทพ พิณทิพย์กับพัณทิพาและชนัฎตามมาสมทบ พิณทิพย์ไม่วายต่อว่าเริงใจจะอะไรนักหนากับหมวกแค่ใบเดียว เธอไม่พอใจทำให้มีปากเสียงกันดังลั่นสวน ลักษณ์รำคาญสั่งให้หยุดเถียงกันได้แล้ว และสั่งให้เริงใจกลับไปกับเขา เธอถึงกับน้ำตาร่วง
“พี่ลักษณ์ใจร้าย พี่ลักษณ์ไม่เข้าใจนิด หมวกใบนั้นมีคุณค่าทางใจกับนิดมากนิดจะเสียมันไปไม่ได้ค่ะ”
ยังไม่ทันจะมีใครพูดอะไร มัสยาในสภาพหัวยุ่งเหยิงเหมือนเมาคลีลูกหมาป่า สวมเสื้อผ้ามอมๆ รองเท้าไม่ใส่ เอาหมวกมาคืนให้เริงใจแล้วขยับจะไป ลักษณ์ซึ่งไม่รู้ว่าเธอเป็นใครคว้าแขนไว้ มัสยาตกใจกัดแขนเขาจมเขี้ยวถึงกับร้องลั่น ชนัฎเข้ามาดึงเธอออก แต่กว่าจะเอาตัวออกมาได้ เริงใจต้องมาช่วยอีกแรงหนึ่ง
ลักษณ์จะเอาเรื่องแต่มัสยาวิ่งหนีไปเสียก่อน
พอเห็นสีหน้าของชนัฎที่มองตามเด็กสาวมอมแมมคนนั้น เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นใคร ต้องตะลึงเมื่อชนัฎเฉลยว่าเธอคือมัสยานั่นเอง...
แค่เห็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ลูกๆของศจีสรุปว่า มัสยาสติไม่ดี ไม่สมควรที่จะพากลับกรุงเทพฯ แถมหาว่าที่เธอประพฤติตัวเป็นคนป่าเถื่อนเที่ยวไล่กัดคนอื่นเนื่องจากพ่อแม่ตายไม่มีใครสั่งสอน ชนัฎไม่พอใจจะเถียงแทนมัสยา แต่คุณพระนิกรแตะข้อศอกเป็นทำนองไม่ให้พูด ขอให้ท่านอธิบายเอง
“จริงอยู่ครับที่มัสยาไม่มีทั้งพ่อและแม่ แต่มัสยาไม่ได้แย่แบบที่พวกคุณคิดนะครับ”
แม่พร้อมตัดบทไม่ว่าจะอย่างไร ตนจะต้องพามัสยากลับรัตนมหาศาลตามคำสั่งของคุณย่า มีเสียงพูดด้วยสำเนียงคนใต้ดังสวนขึ้นว่าไม่กลับ ทุกคนหันมองตามเสียงเห็นมัสยาเดินเข้ามาประจันหน้ากับทุกคน พลางเสยผมยุ่งเหยิงขึ้นเผยให้เห็นดวงตากลมโต ใบหน้าสะสวยแม้จะมอมแมมไปบ้าง
“บ้านของเราอยู่ที่นี่ เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น พวกคุณต่างหากที่ต้องกลับไป” พูดจบมัสยาผละจากไป คุณนายแม้นรีบเดินตาม ขณะที่พิณทิพย์เบ้ปากอย่างดูแคลน ที่อีกฝ่ายพูดภาษาไทยยังไม่ชัด ด้านคุณนายแม้นตามไปเกลี้ยกล่อมมัสยาแต่ไม่เป็นผล เธอยืนกรานไม่มีวันไปเหยียบบ้านรัตนมหาศาลเด็ดขาด
“มัสเกลียดพวกรัตนมหาศาล เกลียดทุกคน”
ทั้งสองคนมัวแต่คุยกันไม่ทันเห็นลักษณ์ยืนฟังอยู่ แปลกใจที่มัสยาพูดภาษากลางได้และกลุ้มใจที่เธอไม่ยอมกลับบ้านรัตนมหาศาล...
มัสยาต้องการเอาคืนที่พวกคนกรุงเทพฯพูดจาดูถูก รวมหัวกับจุกเพื่อนซี้รุ่นเยาว์ของตัวเองจัดเมนูพิเศษต้อนรับ แต่พอเปิดฝาครอบจานอาหารออก ทุกคนถึงกับผงะ กบผัดเผ็ดของเธอเป็นกบเป็นๆวางอยู่บนผัก ส่วนเมนูจานที่สองหนักกว่าจานแรกอีก เธอคุยว่านี่เป็นเมนูเด็ดไส้เดือนแดดเดียว แต่ไส้เดือนยังดิ้นกันยั้วเยี้ย เท่านั้นไม่พอมัสยาเทจานไส้เดือนใส่พิณทิพย์ที่กลัวจนเป็นลมล้มพับ ขณะที่เริงใจหัวเราะชอบใจ
ooooooo
พิณทิพย์แค้นใจเรื่องเมื่อคืนไม่หายชวนพัณทิพามาดักรอมัสยาเพื่อแก้แค้น สั่งให้น้องสาวล็อกแขนเธอไว้ แล้วปรี่เข้าไปตบ เธอหลบทันทำให้พิณทิพย์ตบพลาดไปถูกหน้าพัณทิพาจนเซมือหลุดจากที่ล็อกตัวมัสยา พิณทิพย์โมโหจะเข้ามาตบเธอให้ได้ มัสยาจับแขนอีกฝ่ายเหวี่ยงล้มก้นกระแทก แล้วชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“อย่ามายุ่งกับเราอีก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าไม่เตือน” ขู่ด้วยภาษาใต้จบมัสยาหันหลังจะไป พิณทิพย์ไม่ยอมแพ้พุ่งไปกระชากผมเธอหน้าหงายจะตบอีกฝ่ายให้ได้ มัสยาจับข้อมือพิณทิพย์บิดแล้วทุ่มลงพื้นด้วยวิชายูโดลงไปนอนจุก พงศ์เทพเดินผ่านมาพอดี สองพี่น้องใส่ไฟว่าโดนมัสยารังแกให้เขาช่วยจัดการ เขาสั่งให้เธอขอโทษน้องสาวของเขา เธอส่ายหน้าในเมื่อไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องขอโทษแล้วขยับจะไป เขาจับแขนไว้
“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ขอโทษมา”
“บอกแล้วไงว่าไม่ขอโทษ ไม่เข้าใจเหรอ โง่บรมโง่” คราวนี้มัสยาด่าด้วยภาษายะหริ่ง ทั้งสามคนฟังไม่เข้าใจ รู้แค่ว่าต้องเป็นคำด่า พิณทิพย์ไม่พอใจ พาลด่าว่าไปถึงแม่ของอีกฝ่าย มัสยาทนไม่ไหวปล่อยหมัดตรงโดนครึ่งปากครึ่งจมูกคนปากเสียเลือดกำเดาไหล พงศ์เทพโมโหแทนน้อง เงื้อมือจะตบมัสยา
มีเสียงลักษณ์ร้องห้ามไว้เสียก่อน “แกไม่มีสิทธิ์ทำอะไรมัสยา คุณย่าให้ฉันเป็นผู้ปกครองมัสยาคนเดียว มัสยาเป็นของฉัน คนอื่นไม่มีสิทธิ์ยุ่ง”
พงศ์เทพเถียงทำไมจะทำไม่ได้ในเมื่อมัสยาทำร้ายน้องสาวของตน พิณทิพย์ใส่ความอีกฝ่ายฉอดๆ มัสยาไม่พอใจจะเปิดศึกน้ำลายกันอีก ลักษณ์รำคาญสั่งให้หยุดเถียงกันได้แล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงสงบปากได้...
ครั้นได้อยู่กันตามลำพัง ลักษณ์ย้ำกับมัสยาไม่ว่าเธอจะแสดงฤทธิ์เดชแค่ไหน เขาจะไม่มีวันล้มเลิกความตั้งใจจะพาเธอกลับบ้านรัตนมหาศาล เธอลอยหน้ายียวนหากเขามั่นใจว่าทำได้ก็ลองดู ลักษณ์ขอร้องให้เธอเลิกพูดภาษาใต้เวลาที่อยู่กับเขาสองต่อสองเพราะเขารู้ว่าเธอพูดภาษากลางได้
“งั้นฟังให้ชัดๆ เราไม่มีวันที่จะไปเหยียบบ้านหลังนั้น” มัสยาตะโกนด้วยภาษากลางใส่หูลักษณ์เต็มๆ เขาไม่พอใจเดินเข้าหา เธอถอยกรูดจนติดกำแพง เขาก้าวเข้าไปยืนเกือบชิดเอามือข้างหนึ่งเท้ากำแพงไว้
“แต่ฉันมั่นใจว่าฉันเอาตัวเธอกลับไปได้แน่คนอย่างร้อยโทลักษณ์ ลองอยากได้อะไรก็ต้องได้” ลักษณ์ตะโกนกลับด้วยเสียงดังเท่ากัน มัสยาจะเบี่ยงตัวหลบ เขาเอาอีกมือกันไว้ เธอกัดแขนเขาคนละข้างกับครั้งที่แล้วจนเขาต้องผงะถอยหนี เธอฉวยโอกาสวิ่งปรู๊ดออกไปทันที เขาได้แต่มองตามเจ็บใจ...
ลักษณ์รู้ว่ายากที่จะเอาตัวมัสยากลับไปด้วย จึงต้องหาตัวช่วยโดยจะให้คุณตาของเธอช่วยพูด แม่พร้อมอาสาจะไปบอกคุณพระนิกรให้ช่วยพาเราไปพบคุณตาของมัสยา...
ฝ่ายพงศ์เทพต้องการตัดไฟแต่ต้นลม จึงมาดักรอมัสยาที่มุมปลอดคน พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า
“ฉันคิดว่าเธอจะเข้ามากอบโกยเงินทองตระกูลของฉัน เพราะฐานะที่บ้านเธอคงไม่ดีสักเท่าไหร่ ฉันก็เลยอยากมาตกลงอะไรเล็กๆน้อยๆกับเธอ ห้ามเธอกลับไปที่บ้านรัตนมหาศาลเด็ดขาด ห้ามเรียกร้อง ห้ามอยากได้อะไรทั้งนั้น แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าพ่อของเธอเลือกที่จะไปจากบ้านฉันเอง”
“คุณพูดเหมือนขู่ฉัน” มัสยาจ้องพงศ์เทพอย่างไม่เกรงกลัว
“ฉันไม่ใช่คนที่ดีแต่ขู่ ฉันพูดจริง คนอย่างฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัวให้ปลอดภัย”...
หลังจากรบกวนให้คุณพระนิกรติดต่อกับคุณตาของมัสยาไม่นาน ทางนั้นแจ้งมาว่ายินดีให้พบ แต่มีข้อแม้จะต้องมาให้ครบทุกคน ลักษณ์กับแม่พร้อมรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก
ooooooo
พวกรัตนมหาศาลเห็นวังอันใหญ่โตโอ่อ่าของคุณตาของมัสยาพากันตกตะลึง โดยเฉพาะสามพี่น้องตัวแสบถึงกับอ้าปากค้างไม่คิดว่าคนที่ตัวเองตั้งแง่รังเกียจจะมีฐานะดีกว่าพวกตนเสียอีก แถมไม่ใช่รวยธรรมดายังเป็นถึงหลานสาวของเจ้าเมืองยะหริ่ง ยิ่งได้พบท่านเจ้าเมืองตัวเป็นๆก็ยิ่งตระหนักในความน่ายำเกรง
ลักษณ์กับแม่พร้อมไม่รอช้าขออนุญาตคุยกับท่านเจ้าเมืองเป็นการส่วนตัว ครู่ต่อมาท่านพาสองแม่ลูกไปที่ห้องทำงาน ลักษณ์แจ้งจุดประสงค์ที่มาที่นี่ก็เพื่อจะมาขอตัวมัสยาไปดูแล ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลอยากให้หลานสาวกลับสู่วงศ์ตระกูล โดยจะรับรองในฐานะเป็นญาติคนหนึ่ง
“ท่านในฐานะที่เป็นคุณตาของมัสยาและอุปการะมัสยามาตลอด ย่อมมีสิทธิ์ที่จะยินยอมให้ได้หรือไม่โดยเด็ดขาด ทางเราเพียงแต่ขอร้องเพื่อเห็นแก่อนาคตของเด็กเท่านั้น”
“หามิได้ ผมเลี้ยงมัสยาไว้มิใช่เพื่อการมีเอกสิทธิ์ใดๆ หากแต่เลี้ยงไว้เพื่อให้รอดจากปากเหยี่ยวปากกา ในสมัยที่ไม่มีใครต้องการเท่านั้น”
“ผมซึ่งเป็นตัวแทนของรัตนมหาศาลรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต คุณย่าของผมก็เช่นกัน”
“มาเสียใจตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยรึ” เจ้าเมืองยะหริ่งกำมือแน่นสีหน้าเจ็บปวดใจ...
ทางฝ่ายมัสยารู้จากเริงใจว่าลักษณ์กับแม่พร้อมมาพบกับคุณตาของตัวเองก็จะเข้าไปฟังความด้วย แต่ต้นห้องของท่านไม่ยอมให้เข้า อ้างท่านกำลังคุยกับแขกอยู่ เธอไม่สนใจจะเข้าไปให้ได้ แต่ยังไม่ทันจะขยับ เจ้าเมืองยะหริ่ง เดินนำลักษณ์กับแม่พร้อมออกมาเสียก่อน มัสยาถลาเข้าไปกอดคุณตาพลางถามอย่างออดอ้อนด้วยภาษายะหริ่ง
“คุณตาขา คนพวกนี้เข้าไปคุยอะไรกับคุณตาคะ”
“พวกเขาแค่มาเยี่ยมตาเฉยๆไม่มีอะไร...ผมต้องขอตัวก่อน ส่วนเรื่องที่เราคุยกันคงเป็นไปตามนั้น” พูดจบท่านเจ้าเมืองหันไปชวนหลานรักไปอ่านหนังสือด้วยกัน ท่านได้หนังสือใหม่มาหลายเล่ม เธอรั้งแขนท่านไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ พอดีมัสมีบางอย่างที่ต้องคุยกับคุณพงศ์เทพ” มัสยาว่าแล้วหันมาพูดภาษากลางกับ พงศ์เทพ ทวงคำขอโทษจากเขาที่พูดจาดูถูกเธอและครอบครัวว่าเธออยากจะเข้าบ้านรัตนมหาศาลจนตัวสั่นเพราะหวังสมบัติ ทีนี้เขาคงเห็นแล้วใช่ไหมว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหา ดังนั้นขอโทษเธอเดี๋ยวนี้
“ฉัน...ขอโทษ ฉันทำลงไปโดยไม่รู้” พงศ์เทพจำใจพูด
“ไม่รู้หรือว่าเป็นกรรมพันธุ์ ไอ้นิสัยชอบดูถูกคน รัตนมหาศาลเก่งเหลือเกิน” เจ้าเมืองยะหริ่งโต้อย่างเจ็บแสบ ลักษณ์ขอร้องท่านอย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ท่านหันมาบอกเสียงเครียดชักไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อคำพูดของเขา
หรือเปล่า แล้วพามัสยาออกไป ลักษณ์หันมองพงศ์เทพสีหน้าไม่พอใจ
ครั้นกลับถึงบ้านคุณพระนิกร ลักษณ์เล่นงานพงศ์เทพยกใหญ่ที่พูดจาอะไรไม่รู้จักคิด ตนกับแม่อุตส่าห์กล่อมจนท่านเจ้าเมืองยอมช่วยพวกเราแล้ว แต่เขากลับทำเสียเรื่อง แม่พร้อมต้องเข้ามาแตะแขนลูกชาย
“ลักษณ์ โมโหไปก็เท่านั้น ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้แล้ว”
“ผมจะไม่ยอมกลับบ้านมือเปล่าแน่” ลักษณ์ครุ่นคิดหนักจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
ooooooo
สิ่งแรกที่ลักษณ์คิดออกคือส่งทุกคนกลับกรุงเทพฯไปก่อน ศจีเห็นลูกๆกลับถึงบ้าน แต่ลักษณ์ยังอยู่ที่นั่นก็หัวเสีย เล่นงานพงศ์เทพยกใหญ่
“ทำไม่สำเร็จ แล้วยังปล่อยให้ตาลักษณ์อยู่ที่นั่นคนเดียวอีก”
“ผมขอโทษครับแม่ แต่ผมมั่นใจว่ามัสยาไม่มีทางกลับมาที่บ้านเราแน่ๆ”
“ขอให้เป็นอย่างที่พูดก็แล้วกัน เพราะถ้าหากนังเด็กคนนั้นเข้ามาสู่สกุลรัตนมหาศาลเมื่อไหร่ แม่ยังนึกไม่ออกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป รู้แต่ว่าจะต้องมีเรื่องยุ่งและเหตุอันไม่สงบแน่นอน...”
ท่านผู้หญิงรัตนมหาศาลลมแทบจับเมื่อรู้จากแม่พร้อมว่าที่จริงแล้วบุหงาราตรีไม่ใช่สาวชาวบ้านต้อยต่ำแต่เป็นถึงธิดาของเจ้าเมืองยะหริ่ง แม่พร้อมต้องประคองไปนั่งขณะที่เริงใจรีบไปชงยาหอมมาให้ดื่ม แม่พร้อมปลอบให้ท่านใจเย็นๆ ตอนนี้ลักษณ์ยังอยู่ที่ใต้พยายามหาทางพามัสยากลับมาที่นี่
“ขนาดฉันยังมองไม่เห็นทางแล้วตาลักษณ์จะทำได้ยังไง” ท่านผู้หญิงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด...
ลักษณ์ไม่ย่อท้อ ยังคงเดินหน้าหาทางเอาตัวมัสยากลับบ้านรัตนมหาศาลให้ได้ รบกวนคุณพระนิกรช่วยพาไปพบท่านเจ้าเมืองยะหริ่งอีกครั้ง กล่อมจนท่านเจ้าเมืองไฟเขียวอนุญาตให้มัสยาไปรัตนมหาศาลได้ ลักษณ์ขอบพระคุณท่านมากและให้สัญญาจะปกป้องเธอด้วยชีวิตของเขา
“อย่าเพิ่งขอบคุณจะดีกว่า ผมอนุญาตแล้วก็จริง แต่เจ้าตัวจะตัดสินใจยังไง ผมไปบังคับจิตใจไม่ได้”...
ในเวลาต่อมา มัสยาชวนจุกไปเที่ยวเล่นอย่างสบายใจเพราะคิดว่าพวกรัตนมหาศาลกลับไปหมดแล้ว ขณะเธอกำลังช่วยกันกับจุกเก็บมะม่วงที่อยู่บนต้น ลักษณ์มาตะโกนเรียกอยู่ข้างล่าง เธอตกใจเหยียบกิ่งไม้พลาดร่วงลงมา ลักษณ์รับตัวไว้ทัน มัสยาโวยใส่จุก ไหนบอกว่ากลับไปหมดแล้ว
“จุกไม่ได้โกหก กลับไปหมดแล้ว ยกเว้นฉันคนเดียว”
มัสยาสั่งให้ลักษณ์ปล่อยเธอได้แล้ว เขาถึงได้วางเธอลง เด็กสาวแปลกใจเขาจะอยู่ทำไมในเมื่อคนอื่นกลับกันหมด เขาเคยบอกเธอแล้วว่าลองเขาอยากได้อะไร
ก็ต้องได้ ดังนั้นเขาต้องเอาเธอกลับไปด้วยให้ได้แต่จะไม่บังคับจิตใจ จะทำให้เธอเปลี่ยนใจอยากไปบ้านรัตนมหาศาล ด้วยตัวเอง แล้วยกนิ้วก้อยขึ้นมาขอให้เรามาดีกันดีกว่า เธอกลับยกนิ้วโป้งให้แทน ก่อนจะชวนจุกไปเล่นที่อื่น คราวนี้ชวนกันไปยิงนกด้วยหนังสติ๊ก
ลักษณ์ตามมาห้าม ทำร้ายสัตว์เป็นบาปติดตัวชวนไปยิงลูกมะยมบนต้นแข่งกัน ใครยิงได้มากกว่าชนะ มัสยายื่นข้อเสนอ หากเธอแพ้จะขัดรองเท้าให้ แต่ถ้าเขาแพ้จะต้องเป็นม้าให้เธอขี่กลับบ้าน ปรากฏว่ามัสยาชนะเพราะลักษณ์แกล้งแพ้ เธอได้ขี่หลังเขากลับบ้าน แถมฮัมเพลงอย่างมีความสุข...
ตกค่ำ ลักษณ์รู้จากชนัฎว่ามัสยาไปเที่ยวงานวันขอบคุณพระจันทร์ของหมู่บ้านชาวประมง จึงตามไปที่นั่นด้วย เขาต้องตะลึงที่เห็นเธอแต่งกายในชุดสวยงาม แอบชื่นชมเธอไม่ได้
ooooooo
มัสยาวางแผนกลั่นแกล้งลักษณ์โดยจะหลอกให้เข้าป่าแล้วทิ้งไว้ที่นั่นสักหนึ่งคืน แต่จุกดันเอาแผนลับนี้มาเปิดเผย ลักษณ์ทำไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้เธอทิ้งเขาไว้ในป่าตามแผนการที่วางไว้โดยไม่ล่วงรู้ว่าเขาแอบซ้อนแผนของเธอ ครั้นเธอกลับถึงบ้านต้องแปลกใจที่เห็นคุณพระนิกรถือปืนวิ่งสวนออกมา ร้องถามว่ามีเรื่องอะไรกัน
“มีเสือพลัดถิ่นหลงเข้ามาในป่า ลุงกำลังจะไปช่วยชาวบ้านจับเสือ ตอนนี้นัฎล่วงหน้าไปก่อนแล้ว”
หญิงสาวนึกเป็นห่วงลักษณ์ขึ้นมา รีบวิ่งตามจนทัน คุณพระหันมาเห็นรีบไล่เธอกลับ มันอันตรายจะตามมาทำไม เธอยังไม่ทันจะว่าอะไรชนัฎเดินถือเสื้อเปื้อนเลือดเข้ามาหาทั้งคู่ มัสยาตกใจเพราะเป็นเสื้อตัวเดียวกับที่ลักษณ์ใส่ตอนที่เธอหลอกเข้าป่า พานจะเป็นลม คุณพระนิกรต้องรีบประคองเอาไว้ ก่อนจะพากลับบ้าน ครั้นเธอค่อยยังชั่ว คุณพระซักเป็นการใหญ่ว่าพาลักษณ์เข้าป่าไปทำไม เธอเล่าให้ฟังทั้งน้ำตา
“มัสตั้งใจทำให้เขาหลงป่าเพราะอยากให้เขากลัว เขาจะได้กลับกรุงเทพฯไปสักที แต่มัสไม่นึกว่าเรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่ขนาดนี้ มัสไม่ได้อยากจะให้เขาได้รับอันตราย เพราะมัสรู้ว่าป่าแถบนั้นไม่มีเสือ”
“ใจเย็นๆก่อน อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้”
“แต่มัสจำได้ว่าเขาใส่เสื้อตัวนั้น แล้วมันจะไม่ใช่เขาได้อย่างไรคะ”
ชนัฎเดินเข้ามาสีหน้าไม่สู้ดีนัก รายงานให้พ่อฟังว่าสงสัยลักษณ์จะถูกเสือกินไปแล้ว มัสยาตกใจแทบช็อก ก่อนจะปล่อยโฮออกมา คร่ำครวญว่าเป็นความผิดของตัวเอง...
ค่ำมืดดึกดื่นแล้ว มัสยายังไม่หลับไม่นอน รอฟังข่าวจากพวกที่ออกไปตามหาลักษณ์ ในที่สุดคุณนายแม้น เป็นคนเข้ามาแจ้งว่าไม่เจอแม้แต่ซากของเขา มัสยาร้องไห้โฮ คุณนายแม้นสงสารเธอจับใจดึงตัวมากอดไว้ แม้รู้ดีว่า เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนี้แต่ก็ถือว่าเธอมีส่วนผิด
“มัสต้องแสดงความรับผิดชอบนะลูก มัสต้องไปขอโทษครอบครัวคุณลักษณ์ด้วยตัวเอง” ว่าแล้วคุณนายแม้นกลับมาหาสามีกับลูก คุณพระนิกรถามว่ามัสยาเป็นอย่างไรบ้าง เธอส่ายหน้าไม่รู้เหมือนกัน มัสยายังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ คุณนายแม้นไม่สบายใจกับเรื่องนี้มาก บ่นอุบเราต้องเล่นแรงขนาดนี้ด้วยหรือ
“ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ มัสยาคงไม่มีวันยอมกลับไปที่บ้านรัตนมหาศาล”
“ฉันก็เลยต้องพลอยพูดปดไปกับพวกคุณด้วย บาปแท้ๆ แล้วนี่คุณลักษณ์อยู่ไหนแล้วคะ”
คุณพระนิกรมองดูนาฬิกาก่อนจะบอกว่าคงกำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ ชนัฎนั่งฟังด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสบายใจนัก เกรงแผนซ้อนแผนครั้งนี้จะไม่ได้ผล...
มัสยาครุ่นคิดหนักไม่รู้จะทำอย่างไรดี หยิบรูปถ่ายคู่กันของ พ่อกับแม่ขึ้นมากอดแนบอก พึมพำเบาๆว่าถ้าพ่อยังอยู่ พ่อว่าเธอควรจะทำอย่างไรดี แล้วหวนนึกถึงอดีตตอนที่ตัวเองอายุ 10 ขวบ พ่อเล่าให้ฟังว่าคุณย่าโกรธพ่อมากจนไม่อยากเจอท่านอีก ถ้าในอนาคตที่พ่อไม่อยู่แล้ว และเธอได้มีโอกาสกลับไปที่รัตนมหาศาล ช่วยบอกคุณย่าด้วยว่าพ่อขอโทษ และยังรักท่านเสมอ คิดได้ดังนั้น มัสยาตัดสินใจขึ้นมากรุงเทพฯ
ooooooo
มัสยามายังบ้านรัตนมหาศาลด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ตั้งใจจะมาขอโทษท่านผู้หญิงผู้เป็นย่า แต่กลับพบว่าลักษณ์ยังไม่ตาย เธอรู้ทันทีว่าโดนหลอกก็โกรธมากวิ่งหนีออกจากบ้าน ลักษณ์วิ่งตามมาคว้าตัวไว้ เธอสั่งให้เขาปล่อยพร้อมกับต่อว่าว่าทำไมต้องหลอกว่าตายไปแล้ว
“ที่ฉันต้องทำแบบนี้ก็เพราะเธอ”
จากนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็พรั่งพรูออกจากปากลักษณ์ เริ่มตั้งแต่จุกมาเล่าแผนการที่มัสยาจะหลอกเขาไปปล่อยให้หลงป่า เขาก็เลยซ้อนแผนโดยมีชนัฎ คุณพระ นิกรและคุณนายแม้นรู้เห็นเป็นใจด้วย มัสยาโกรธมากจะกลับใต้ให้ได้ เขารู้จากชนัฎว่าเธอเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาท้าทายจึงแกล้งพูดว่าที่เธอไม่อยากอยู่ที่นี่เพราะกลัวไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง คำพูดของลักษณ์ทำให้มัสยาครุ่นคิดหนัก
ooooooo