เรื่องย่อละคร
เยาวมาลย์ (แพท-ณปภา ตันตระกูล) หญิงสาวที่เพิ่งลาออกจากงานออฟฟิศประจำหลังจากเริ่มทำไปได้ไม่กี่เดือนอยู่ในสภาวะว่างงานสมบูรณ์ เดือดร้อน มิ่งขวัญ (แก้ว-อภิรดี ภวภูตานนท์) ผู้เป็นป้าแท้ๆ ที่เลี้ยงเยาวมาลย์มาตั้งแต่พ่อแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเป็นกังวลถึงอนาคตของหลาน จนต้องชวนไปทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคลระหว่างที่ยังรอหางานใหม่ซึ่งยังไม่มีวี่แววจะได้ ในวันนั้นระหว่างที่หญิงสาวขอตัวออกมารอนอกอุโบสถหลังจากไหว้พระ เธอได้พบกับหญิงวัยกลางคนในชุดขาวซึ่งพูดจาประหลาดจนน่าระแวง หญิงชุดขาวพยายามมอบเหรียญทองแดงเล็กๆ ให้ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธเท่าไรก็ตาม รู้ตัวอีกทีเยาวมาลย์ก็พบว่าตัวเองเป็นลมไประหว่างออกมาด้านนอก และคิดว่าทั้งหมดเป็นแค่ความฝันเท่านั้น จนกลับมาถึงบ้าน เธอพบว่าเหรียญทองแดงนั้นอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอ แท้จริง และเหรียญทองแดงนั้นเป็นสื่อที่ทำให้เธอพบกับยักษ์หนุ่มผู้มีผิวกายสีแดงเหมือนทับทิมเป็นครั้งแรก ด้วยความตกใจกลัว เยาวมาลย์พยายามจะหนีเอาตัวรอด แต่ก็หนีไม่พ้น จึงต้องยอมจำนนนั่งนิ่งไม่มีทางเลือก
ยักษ์กายแดงแนะนำตัวเป็นกลอนว่าชื่อ สุรมารา (เพ็ชร-ฐกฤต ตวันพงค์) เป็นยักษ์ที่ตกจากสวรรค์เพราะทะเลาะกับนาคเรื่องชิงดวงแก้วสารพัดนึก สุรมารายืนยันว่าจะต้องอาศัยอยู่ที่บ้านของเยาวมาลย์จนครบกำหนดสิบเดือนตามโทษที่ได้รับ เพราะเธอเคยติดหนี้เขาไว้ในชาติก่อน ตามที่หญิงวัยกลางคนในชุดขาวซึ่งที่จริงแล้วเป็นนางฟ้าชื่อ นิลุบลอัจฉรา (เบบี้มาย-ปรัชญานันท์ สุวรรณมณี) บอกเอาไว้ แม้เยาวมาลย์จะไม่เชื่อแต่ก็ต้องทำทีเป็นยินยอมไปก่อน เพราะกลัวสุรมาราในร่างยักษ์ แต่ก็แอบวางแผนที่จะกำจัดเขาออกไปจากชีวิตให้ได้
วันรุ่งขึ้น เยาวมาลย์จึงแกล้งบอกสุรมาราที่จำแลงกายเป็นชายหนุ่มเพื่อให้ดูไม่ผิดปกติจากมนุษย์ทั่วไป ว่าจะพาไปยังสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งซึ่งก็คือวัดที่พบกับนิลุบลอัจฉรา เป้าหมายแท้จริงของเธอคือนำเขาไปทิ้งไว้ที่นั่นแล้วฉวยโอกาสหนีกลับบ้านมา แต่ระหว่างทางที่แวะห้างสรรพสินค้าก็พบกับนิลุบลอัจฉราที่มาปรากฏกายให้เห็นในร่างของสาวสวย มายื่นข้อเสนอให้เธอช่วยดูแลสุรมาราแลกกับเลขท้ายสามตัว ตอนแรกเยาวมาลย์ลังเล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปรับชายหนุ่มกลับมาที่บ้านอีกครั้งเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้างส่วนหนึ่ง และลึกๆ ก็กลัวว่าสุรมาราจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย
ผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลในงวดถัดไปตรงกับเลขศักดิ์สิทธิ์ที่นิลุบลอัจฉราให้ไว้ไม่มีผิด ทำให้เยาวมาลย์เริ่มจะเห็นลู่ทางว่าการให้สุรมาราอาศัยร่วมอยู่ด้วยก็มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เธอกำลังว่างงาน และใกล้ถังแตกเธอจึงคิดคำนวณอย่างดีว่าจะต้องซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกี่ใบ และวางแผนว่าจะเอาสุรมาราไปปล่อยอีกครั้งใกล้วันสลากออกงวดหน้า เพื่อให้นิลุบลอัจฉราให้เลขท้ายสามตัวมาเป็นค่าเลี้ยงดู ซึ่งระหว่างนั้นเธอก็ทำดีกับเขาทุกอย่าง ทั้งสอนการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ซื้อเสื้อผ้าใหม่ยกห้องนอนให้ เป็นต้น
แม้สุรมาราจะเรียนรู้อะไรได้รวดเร็วจากการดูข่าวทางโทรทัศน์แต่ก็ยังปรับตัวไม่ได้แนบเนียนนัก เพราะยังติดนิสัยที่พูดเป็นคำกลอนอยู่ เขามักจะเหน็บแนมเยาวมาลย์เสมอเมื่อเริ่มรู้มากขึ้นว่าเธอเองอยู่บ้านเฉยๆ แบบคนตกงาน โดยไม่รู้ว่าเธอมีงานอดิเรกคือการวาดภาพสีน้ำ และหวังว่าจะทำงานเป็นศิลปินอิสระมากกว่างานออฟฟิศประจำที่เคยลาออก จนกระทั่งวันที่ อาชาชาย (เฟริสท์-ภาราดา ชัชวาลโชติกุล) หนุ่มหน้าหวานเพื่อนสนิทของหญิงสาวมาเยี่ยมที่บ้านเพื่อรับรูปวาดสีน้ำที่สั่งทำเอาไว้ เพื่อไปร่วมงานประมูลที่งานการกุศลของบริษัท ทำให้ความแตกว่าเธอไม่ได้อยู่บ้านที่เป็นมรดกของพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วตามลำพังเหมือนก่อนหน้านี้
แต่เธอก็แก้ไขเอาตัวรอดไปได้เมื่อถูกอาชาชายซักถามถึงประวัติที่มาของสุรมารา โดยให้เหตุผลไปว่าเขาคือคนที่รู้จักของเธอฝากให้มาอยู่ด้วยระหว่างรอเดบิวต์กับค่ายเพลงลูกทุ่ง และที่พูดติดเป็นกลอนเพราะว่าที่บ้านของสุรมาราเป็นลิเกมาก่อน ข้อแก้ตัวนั้นทำให้อาชาชายนึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้จับผิดต่อ เพราะติดธุระต้องไปรับเพื่อนของเจ้านายต่อจึงเพียงรับของที่จะประมูลกลับไป หลังจากนั้นอีกหลายวันจึงโทรศัพท์มาบอกเยาวมาลย์ ว่าภาพวาดของเธอที่เขานำไปเข้าร่วมประมูลการกุศลนั้นได้ราคาสูง และเพื่อนของเจ้านายของเขาก็เป็นคนประมูลไป และสนใจที่จะว่าจ้างเธอให้ช่วยวาดภาพเหมือนของตนเองให้
เยาวมาลย์ดีใจบอกรับงานในทันทีโดยไม่รู้เลยว่าเจ้านายของอาชาชายคือ อาศิรวิษ (ปีเตอร์ ไนท์) ซึ่งเป็นนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของบริษัทในเครือพิชิตทรัพย์กรุ๊ปอันยิ่งใหญ่ และคนที่เขาแนะนำว่าเป็นเพื่อนซึ่งมอบหมายให้อาชาชายช่วยดูแลเพราะถูกชะตานั้นคือ นาถภุชงค์ (เหม-ภูมิภาฑิต นิตยารส) ซึ่งเป็นนาคที่มีเรื่องวิวาทกับสุรมารา แต่ได้หนีขึ้นมาโลกมนุษย์ระหว่างต้องโทษที่เมืองบาดาล โดยมีจุดประสงค์คือตามหาดวงแก้วสารพัดนึกที่ผู้ครอบครองจะขอพรได้หนึ่งข้อตามใจปรารถนา ซึ่งได้หายไปจากสวรรค์นับแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น นาคหนุ่มตั้งใจจะใช้ข้ออ้างเรื่องภาพสีน้ำเพื่อที่จะได้มาพบสุรมาราเพราะคิดว่าดวงแก้วอยู่กับเขา
ระหว่างที่ยังไม่ถึงเวลานัดเจอกับนาถภุชงค์ เยาวมาลย์ก็ขอให้สุรมารามาเป็นแบบวาดรูปให้พลาง ๆ ก่อน ช่วงเวลาที่ได้อาศัยร่วมชายคากันนั้น ทำให้สุรมาราเกือบจะเข้าใจว่าเยาวมาลย์เป็นคนที่ดีกว่าที่คาดเอาไว้แล้ว หากไม่เป็นเพราะว่าพอใกล้ครบกำหนดสิบห้าวันที่สลากกินแบ่งรัฐบาลจะออก เธอจึงวางแผนจะเอาเขาไปปล่อยทิ้งไว้ที่ปั้มน้ำมันเพื่อต่อรองกับนิลุบลอัจฉรา แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นใจเหมือนถูกแกล้ง ที่รถของหญิงสาวเสียกลางทาง ครั้นลงจากรถมาดูอาการก็ถูกฝนห่าใหญ่ตกใส่ก่อนจะหยุดไปดื้อ ๆ สุรมาราลงมาอบรมเธอยกใหญ่ เพราะรู้อยู่ก่อนแล้วจากนิลุบลอัจฉราว่าเธอเห็นแก่อามิสสินจ้างเลขท้ายสามตัวนั้น กว่าจะได้กลับบ้านก็เมื่อเธอยอมรับผิดตามตรงทำให้รถที่เสียอยู่ติดขึ้นมาเอง ราวกับถูกสวรรค์กลั่นแกล้งไม่ให้สามารถทิ้งสุรมาราไปได้
เยาวมาลย์เป็นไข้หนักหลังจากตากฝนจนต้องขอเลื่อนนัดที่ใกล้จะถึงของนาถภุชงค์ออกไปก่อน ช่วงเวลาว่างที่ถูกเลื่อนออกไปนั้นหมดไปไม่ต่างกับก่อนหน้านี้ แต่ว่าเยาวมาลย์กลับรู้สึกว่าสุรมาราเริ่มจะใจดีกับเธอขึ้นมานิดหน่อย แม้ว่าการใจดีครั้งแรกจะทำไปเพราะเห็นว่าเธอป่วยจึงช่วยดูแลให้แบบผิด ๆ ถูก ๆ จนเกือบจะทำไฟไหม้บ้านไปหนึ่งครั้งก็ตาม แต่เธอก็เริ่มรู้สึกว่านับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นบ้าง แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนต้องจำใจยอมรับชายหนุ่มให้มาอาศัยร่วมบ้านแบบไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลยก็ตาม
เมื่อถึงวันที่นัดหมายใหม่ นาถภุชงค์ไม่รอช้าที่จะแสดงตัวให้สุรมารารู้ว่าตนเองก็อยู่ที่โลกมนุษย์ด้วยเช่นกัน ทำให้สุรมาราเป็นกังวลมากขึ้น เพราะรู้นิสัยชอบเอาชนะของอีกฝ่ายที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างเยาวมาลย์ เพราะระหว่างที่อาศัยร่วมบ้านมาระยะหนึ่งด้วยกันสุรมาราก็ยอมรับว่าหญิงสาวไม่ใช่มนุษย์ที่หลงในรูป หรือเห็นแก่เงินอย่างที่เขาเคยตั้งแง่เอาไว้ แต่เยาวมาลย์เองก็ยังไม่เชื่อสิ่งที่ถูกเตือนเสียทีเดียวว่า นาถภุชงค์ไม่ดีจนทำให้ยักษ์หนุ่มไม่พอใจจนแสดงอาการออกมามากขึ้น ระแวงแม้กระทั่งอาชาชายที่เป็นผู้แนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน นั่นทำให้เธอยังคงเฉยซ้ำจะติดรำคาญบ้างเมื่อสุรมาราตักเตือ นหรือเริ่มจะแสดงอาการที่หญิงสาวรู้สึกว่าผิดสังเกตออกมาอย่างเช่นการตัดพ้อ หรือเป็นห่วงเกินเหตุ เพราะในสายตาของหญิงสาวแล้วเธอมองว่า สุรมารากับนาถภุชงค์ไม่แตกต่างกันนัก และออกปากตามตรงว่าขออยู่ตรงกลางโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องบาดหมางของทั้งคู่ เยาวมาลย์ปฏิเสธข้อเสนอของนาถภุชงค์ที่ยินดีจะช่วยเรื่องการเงิน แลกกับการให้เธอช่วยหาดวงแก้วที่หายไป ซึ่งเข้าใจว่าอยู่กับสุรมารา เรื่องนี้ทำให้เยาวมาลย์กลับมาสู่ภาวะว่างงานอีกรอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจว่าจะเริ่มจากงานของนาถภุชงค์เป็นงานแรก
ระหว่างนั้นอาชาชายต้องยกเลิกการไปงานเลี้ยงรุ่นที่จะไปด้วยกับเยาวมาลย์กะทันหัน เพราะมารดาประสบอุบัติเหตุ ทำให้เยาวมาลย์ตัดสินใจจะพาสุรมาราไปด้วยแทน เพื่อให้คุ้มกับค่ากับค่าร้านอาหารที่ออกเงินจองไปก่อนหน้านี้ ขากลับมาถึงบ้านเธอจึงพบว่าที่สวนของบ้านถูกรื้อค้นกระจุยกระจายด้วยฝีมือของนาถภุชงค์ เพื่อหาดวงแก้วสารพัดนึก ซึ่งความจริงแล้วสุรมาราแอบซ่อนเอาไว้ใต้ต้นปาริชาตที่บ้านพร้อมอธิษฐานขอฝากเอาไว้กับพระแม่ธรณี เขาบอกเหตุผลกับเธอเพียงว่าต้องการที่ซ่อนใหม่ และความจริงแล้วดวงแก้วที่อยู่กับยักษ์หนุ่มมีเพียงแค่ครึ่งเดียว ซึ่งสุรมาราเพิ่งจะได้รับมาจากนิลุบลอัจฉราที่ซ่อนเอาไว้ให้โดยไม่บอกว่าอีกครึ่งหนึ่งซ่อนอยู่ที่ไหน
จากเหตุการณ์นั้นทำให้เยาวมาลย์ไม่พอใจนาถภุชงค์เป็นอย่างมาก จนอดไม่ไหวที่จะเลิกอยู่นิ่งถึงขั้นสืบเบอร์โทรศัพท์จากอาชาชายเพื่อโทรไปต่อว่า แต่นาถภุชงค์กลับไม่สนใจนักแถมยังยื่นข้อเสนอใหม่ให้ เพราะดวงแก้วสารพัดนึกนั้นมีคุณสมบัติพิเศษที่จะให้พรหนึ่งประการแก่ผู้ที่ขอ และเขาจะให้เธอขอพรข้อหนึ่งหากร่วมมือช่วยหา แต่เยาวมาลย์กลับปฏิเสธไป ทว่านาถภุชงค์ก็ยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจเพราะเชื่อว่ายังไงก็ตามตัวเองต้องได้ดวงแก้วมาครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม นาถภุชงค์จึงตัดสินใจรุกหนักขึ้น โดยกลับมาที่บ้านของเยาวมาลย์อีกครั้ง แต่บังเอิญวันนั้นเยาวมาลย์มีนัดสัมภาษณ์งานวาดภาพปกให้กับสำนักพิมพ์ จึงเหลือเพียงสุรมาราที่อยู่เผชิญหน้ากับนาถภุชงค์ตามลำพัง
และเพราะครั้งก่อนที่นาคหนุ่มมาทำให้สวน และบริเวณบ้านเสียหายหนักสุรมาราจึงจำเป็นต้องหลอกให้อีกฝ่ายเชื่อว่าเขาซ่อนดวงแก้วเอาไว้ที่อื่น ทั้งที่ความจริงนั้นเขาแอบซ่อนเอาไว้ในรถของเยาวมาลย์ก่อนหน้านั้น เมื่อนาถภุชงค์รู้ตัวว่าโดนหลอกให้ไปที่สวนสาธารณะ ก็โกรธหนักเข้าจู่โจมสุรมาราพร้อมนิลุบลอัจฉราที่แอบสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ แล้วใช้นาคบาศรัดไว้ ก่อนจะติดต่อกับเยาวมาลย์ที่เพิ่งจะรู้ว่าของสำคัญนั้นอยู่กับตัวเองเพราะกลับมาที่บ้านแล้วไม่พบใคร
หญิงสาวจำต้องไปตามนัดโดยถือหม้อแสตนเลสซึ่งบรรจุดวงแก้วครึ่งหนึ่งไปด้วย เพราะสามารถกันแสงแวววับที่เล็ดลอดออกมาได้ เธอเดินหาสถานที่ในสวนสาธารณะเพื่อดูว่าจุดไหนที่นิลุบลอัจฉราใช้มนตร์อำพรางเอาไว้ นาถภุชงค์ถูกสุรมาราขัดขืน และต่อสู้กลับ จึงเผลอกลับร่างจริงเยาวมาลย์มาเห็นนาถภุชงค์ในร่างนาคก็ตกใจจนเป็นลมสลบไป ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าการต่อสู้จบลงแล้ว แม้ว่านาคหนุ่มจะฉวยโอกาสช่วงชุลมุนกลืนดวงแก้วลงไป แต่ดวงแก้วที่ไม่สมบูรณ์นั้นก็ระคายจนต้องคายออกมาก่อนจะกลับคืนเป็นร่างจำแลงมนุษย์
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นาถภุชงค์รับรู้ความจริงว่าดวงแก้วอีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่ไหน เพราะตอนที่คายพิษนาคออกมานั้นมีแต่เยาวมาลย์ที่ไม่ได้รับพิษบาดเจ็บเลย นาคหนุ่มเลือกที่จะเก็บความลับนั้นไว้เพียงไม่นาน ก่อนจะเป็นฝ่ายบอกใบ้กับหญิงสาวด้วยตัวเอง ในวันที่แม่ของอาชาชายเสียชีวิตที่โรงพยาบาลว่าตัวของเธอเองคือดวงแก้วอีกครึ่งหนึ่ง แต่เยาวมาลย์ไม่เชื่อ และคิดว่าถูกนาถภุชงค์หลอกตามนิสัยของเขา เธอเลือกกลับไปถามสุรมาราแทนคำตอบที่ได้ทำให้เยาวมาลย์ผิดคาด เพราะยักษ์หนุ่มยอมรับว่านั่นเป็นเรื่องจริงที่เขาเพิ่งจะรู้ เมื่อตอนที่ได้รับดวงแก้วครึ่งหนึ่งมาจากนิลุบลอัจฉรา และการจะรวมดวงแก้วกลับเข้ามาให้เต็มดวงนั้นต้องรอจนกระทั่งดวงจิตของเยาวมาลย์ดับไปตามกำหนด ซึ่งหมายความว่าเธอจะตายในระยะเวลาสิบเดือนนับตั้งแต่วันที่เจอสุรมาราครั้งแรก เพราะหน้าที่ที่แท้จริงของเขาคือการปกป้องดวงแก้วก่อนจะนำกลับคืนไปยังสวรรค์เพื่อเป็นการไถ่โทษ และถึงแม้สุรมาราจะพยายามปลอบพร้อมชี้ให้เห็นว่าการจุติในภพภูมิใหม่เป็นเรื่องธรรมด าแต่เยาวมาลย์ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าเธอกำลังจะได้งานทำที่ใหม่ และยังมีความสุขกับการมีชีวิตมากกว่าจะฝากความเชื่อเอาไว้กับภพหน้าที่ยังไม่รู้อะไรแน่ชัด ที่สำคัญเธอยืนกรานว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่สนใจคำพูดของสุรมาราว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ และย้ำกับเขาให้แน่ใจว่าหากจะอยู่ร่วมบ้านกันต่อไปก็ให้เลิกพูดเรื่องนั้นอีก เพราะเธอจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างคุ้มค่าที่สุดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เยาวมาลย์คิดอะไรได้มากขึ้น เริ่มรู้สึกที่จะเปิดให้กับสุรมารา และยอมรับความรู้สึกของตัวเองที่มีกับอีกฝ่ายแม้จะไม่เอ่ยปากออกไปก็ตาม หลังจากงานศพของแม่ของอาชาชายเสร็จสิ้นลง เยาวมาลย์บังเอิญได้ยินความลับบางอย่างของครอบครัวที่เลี้ยงตนเองมา ทั้งที่เพียงตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนเฉย ๆ ความจริงที่น่าสงสัยเกี่ยวกับ นงพะงา (มายด์-วรัทยา ว่องชยาภรณ์) ลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นลูกสาวของมิ่งขวัญถึงสาเหตุของความร่ำรวยที่ผิดปกติ ซึ่งเธอเคยสงสัยตอนที่ได้ยินข่าวจากอาชาชายว่าหล่อนกำลังคบหากับอาศิรวิษแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ โดยหลอกชายหนุ่มว่าตนเองเป็นลูกเศรษฐีที่กำพร้า รวมทั้งความจริงที่ว่าลุงกับป้าของเยาวมาลย์ใช้ชีวิตสมถะตามปกติเป็นฉากหน้าเท่านั้น เพราะแท้ที่จริงทั้งคู่รวมมือกันโยกย้ายมรดกของเยาวมาลย์มาใช้ในครอบครัว รวมทั้งเปลี่ยนชื่อมันให้เป็นของลูกสาวตัวเองแทน