ตอนที่ 17

นอกจากต้องการเหมืองแล้วกอบคุณยังต้องการตัวมาศจันทร์ด้วย เขาพาเธอมากักขังแล้วจะปล้ำข่มขืน แต่พอดีอีวาโทร.มาแจ้งข่าวดีว่าได้กุญแจมาแล้ว กอบคุณจึงผละจากมาศจันทร์ไปทันที

เวลาเดียวกันนั้น โตมรหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยากรู้ว่าอีวาทำงานให้ใครกันแน่ เช่นเดียวกับพวกวีนัสที่พากันกลับมายังบ้านพักของหมู่รงค์ในนครสวรรค์ ต่างสงสัยเหมือนกับโตมรว่าความจริงแล้วอีวาทำงานให้ใคร

พายุได้รับมรดกธุรกิจขนส่งของสุพจน์ที่เขียนพินัยกรรมไว้ให้ และหนี้สินอีกไม่น้อย รวมทั้งเอกสารสำคัญเกี่ยวกับการปล้นที่มีเอี่ยวกับเสี่ยโชคชัย ซึ่งเรื่องหนี้สินพายุตั้งใจเคลียร์แทนพ่ออยู่แล้ว แต่ต้องจัดการกับปัญหาที่คาราคาซังให้เสร็จสิ้นก่อน

เปียเพิ่งรู้ว่าอีวาทำงานให้กอบคุณ เธอนัดเขามาพบแต่ยังไม่ยอมให้กุญแจที่เพิ่งได้มา พูดอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมว่า

“ถึงฉันจะทำงานให้คุณก็จริง แต่ฉันก็ต้องเซฟไว้ก่อน กุญแจจะถึงมือคุณก็ต่อเมื่อฉันได้ส่วนแบ่งอย่างปลอดภัย”

“นี่คิดจะต่อรองกับฉันหรือ”

“ไม่ได้ต่อรอง แต่เพื่อความปลอดภัย”

เปียยิ้มพอใจ บอกลากอบคุณไปพร้อมอีวา

โดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งสะกดรอยตามทุกฝีก้าว จนกระทั่งสองคนเข้าไปหาความสุขกันในโรงแรมม่านรูด บุรุษผู้นี้ก็ปรากฏตัวใช้ปืนจ่อหัวคนทั้งคู่

เขาคือจ่านนท์นั่นเอง อีวากับเปียคาดไม่ถึงอึ้งกันไปชั่วขณะ เพราะเข้าใจว่าจ่านนท์โดนพวกตนวางยาตายแล้ว

“คิดว่าฉันจะตายง่ายๆอย่างนั้นหรือ...อีวา ลูกไม้แบบนี้มันใช้ได้แค่ครั้งเดียว ฉันรู้อยู่แล้วว่าสันดานอย่างเธอมันไม่เคยเปลี่ยนแปลง”

“ไม่ต้องมาพล่าม จะเอายังไงก็ว่ามา”

“เธอก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าฉันต้องการอะไร”

อีวามองกุญแจในมือของตนแล้วถามจ่านนท์ว่าตนคงต่อรองอะไรไม่ได้แล้วใช่ไหม จ่านนท์ยิ้มแทนคำตอบ อีวาจำใจโยนกุญแจให้เขาไปทั้งที่เสียดาย

“ว่าง่ายๆแบบนี้ฉันคงยิงแกสองคนไม่ลง...ลาก่อน”

จ่านนท์ถอยฉากออกไป เปียแค้นใจแต่อีวากลับบอกเขาว่าอย่าห่วงเลย ตนรู้ว่าจ่านนท์ต้องไปที่ไหน

ooooooo

กอบคุณไม่ได้กุญแจจากอีวา เขาย้อนกลับมาหามาศจันทร์พร้อมเอกสารการโอนหุ้น บังคับให้เธอเซ็น แต่หญิงสาวไม่ยอมแถมยังปาเอกสารใส่หน้าเขาด้วยความโมโห

“ถึงฆ่าฉัน ฉันก็ไม่ยอมเซ็นให้คนอย่างแกหรอก”

“ไม่เป็นไร ฉันรอได้ ฉันจะทิ้งเอกสารไว้นี่ เผื่อเธอจะเปลี่ยนใจ”

กอบคุณกลับออกมาครู่เดียว อีวาก็ติดต่อเข้ามาบอกข่าวว่าจ่านนท์ยังไม่ตาย กอบคุณยิ่งเครียดไปกันใหญ่ บ่นอุบว่าทำไมมันตายยากตายเย็นนัก!

ด้านอิ่มจิตที่ต้องการทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามพินัยกรรมของสุพจน์ วันเดียวกันนี้เธอตามผู้จัดการธนาคารที่สุพจน์เป็นหนี้อยู่มาเจรจากันต่อหน้าพายุ

“เรื่องหนี้สินผมทราบครับ และยินดีที่จะรับสภาพหนี้นั้น”

“แต่หนี้มันเยอะนะครับ ตอนนี้อยู่ในช่วงเจรจาประนอมหนี้ด้วย”

“ฉันเอาตัวเลขให้พายุดูแล้วล่ะค่ะ”

“ผมว่าเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ผมสัญญาว่าจะ

ใช้เงินคืนทุกบาททุกสตางค์ แต่คุณต้องช่วยผมด้วย”

“จะให้ผมช่วยอะไรครับ”

“คุณก็ทราบว่าพ่อผมมีหุ้นอยู่ในบริษัทขนส่งของเสี่ยโชคชัย”

“ครับ ผมทราบดี”

“นั่นแหละคือที่มาของเงินที่จะใช้หนี้คุณ”

“คุณพูดเรื่องอะไร”

“ผมหมายถึงเงินประกันที่บริษัทประกันจ่าย

เป็นสินไหมตอนที่รถขนส่งเงินถูกปล้น ที่ธนาคาร

คุณรักษารหัสโอนเงินของเสี่ยโชคชัยเอาไว้ คุณจะช่วยผมไหม”
“ผมรู้ว่าเงินมันมาก ถ้าคุณช่วยผม ผมก็จะช่วยคุณ”

“มันต้องแบบนี้สิ...ผมให้คุณ 10% จากจำนวนทั้งหมด”

“มันไม่น้อยไปหรือ”

“ผมให้คุณครึ่งหนึ่งก็ได้ แต่คุณคิดว่าจะไม่มีใครสงสัยหรือ เงินร้อยล้านกับห้าร้อยล้าน อันไหนจะโยกง่ายกว่ากัน ถ้าคุณไม่โลภ คุณกับครอบครัวก็สบายไปทั้งชาติ”

“ตกลง...ผมต้องทำยังไงบ้าง”

“แค่เอากุญแจอีกดอกมาให้ผม”

“กุญแจอยู่ที่ห้องทำงานผม”

พายุยิ้มพอใจ ส่วนจ่านนท์ที่สะกดรอยตามผู้จัดการธนาคารมาเพราะต้องการกุญแจอีกดอก เขาสงสัยว่าผู้จัดการมาที่บริษัทสุพจน์ทำไม แล้วพายุมาเกี่ยวอะไรด้วย

ooooooo

อีวากับเปียมาพบกอบคุณเล่าเรื่องจ่านนท์เอากุญแจไป กอบคุณจะให้สองคนแก้ตัวอีกครั้งด้วยการไปเอากุญแจอีกดอกมา การไขตู้เซฟต้องใช้กุญแจสองดอกไขพร้อมกัน ซึ่งมันอยู่ที่ผู้จัดการธนาคาร

อีวากับเปียรีบไปทันที แต่ยังช้ากว่าจ่านนท์ที่ไปดักรวบตัวผู้จัดการไว้ก่อน แล้วพามาสอบสวนสองต่อสอง แต่ผู้จัดการตอบเลี่ยงพยายามปิดบังความจริง

“คุณไปหาไอ้พายุมันทำไม”

“ก็แค่เรื่องบริษัทของคุณสุพจน์ พายุเป็นลูกที่ได้รับมรดก”

“งั้นหรือ ที่แท้พายุก็เป็นลูกของนายสุพจน์นี่เอง หรือว่ามันปล้นให้พ่อมัน...ไม่น่าใช่...หรือว่าเงินประกัน”

“เอ่อ...เปล่า...”

จ่านนท์ชักมีดออกมาให้อีกฝ่ายเสียวเล่น ผู้จัดการหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ขอร้องปากคอสั่น

“อย่าทำอะไรผมเลย ผมไม่รู้เรื่อง”

“ใครบอกว่าผมจะทำอะไรคุณล่ะ ผมเอาไว้ปาดคอลูกกับเมียคุณต่างหาก”

ผู้จัดการยิ่งตระหนกไปกันใหญ่ถึงกับร้องลั่น

“อย่านะ พวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”

“อย่างนั้นคนที่รู้เรื่องก็บอกมาได้แล้ว”

ผู้จัดการละล่ำละลักรับปาก จ่านนท์แสยะยิ้มพอใจ แววตาดุดันน่ากลัว!

ooooooo

ทางด้านพายุกับอิ่มจิต หลังจากผู้จัดการธนาคารกลับออกไปแล้ว อิ่มจิตก็ถามกึ่งท้วงพายุว่า

“แน่ใจนะว่าผู้จัดการจะช่วยเรา”

“ผมว่าข้อเสนอที่ผมเสนอไปเป็นใครใครก็อยากได้”

“แต่น้าว่าระวังไว้หน่อยก็ดีนะ คนแบบนี้ผลประโยชน์มาก่อน เขารับปากเราได้ แต่ถ้ามีคนให้มากกว่า เขาก็รับปากคนอื่นได้เหมือนกัน”

“ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้ว” พายุตอบอย่างมั่นใจในแผนการของตน...

ข้างฝ่ายจ่านนท์จอมเจ้าเล่ห์ เขาขู่บังคับผู้จัดการธนาคารให้เข้าไปเอากุญแจในห้องทำงาน แต่ครู่เดียวผู้จัดการก็กลับออกมาบอกว่าวันนี้ระบบปิดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่

จ่านนท์ไม่เชื่อและสังหารผู้จัดการตายคาลานจอดรถก่อนหลบหนีไป อีกสักครู่พนักงานหญิงคนหนึ่งออกมาเห็นศพผู้จัดการ เธอกรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด

อีวากับเปียมาถึงไล่เลี่ยกับที่จ่านนท์จากไป ทั้งคู่เห็นพนักงานคนหนึ่งกรีดร้องตัวเนื้อสั่น ก็รีบวิ่งเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ทราบค่ะ เมื่อกี้หนูยังเห็นผู้จัดการเข้าไปค้นกุญแจเซฟในห้องอยู่เลย ออกมาก็เป็นแบบนี้”

อีวากับเปียเดาได้ไม่ยากว่าฝีมือใคร ในขณะที่หมู่รงค์ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่อีกด้านก็รำพึงออกมาอย่างจนใจ

“อโหสินะผู้จัดการ ฉันช่วยไม่ทันจริงๆ”

ooooooo

เวลานี้จ่านนท์ได้กุญแจทั้งสองดอกมาครอบครองเรียบร้อยแล้ว แต่เขายังไม่กล้าไปไขตู้เซฟเพื่อเอารหัสออกมาเพราะรู้แน่แก่ใจว่ามีคนคอยรุมทึ้งอยู่

จ่านนท์แอบส่งสารถึงพายุว่าอยากพบ แล้วพอแน่ใจว่าพายุมาแน่ จ่านนท์ก็แอบไปจับตัวดารินมาไว้ต่อรองเพื่อให้พายุทำอะไรบางอย่าง ส่วนมงคลกับโตมรที่จ้องเล่นงานพายุก็หาทางแจ้งข้อหาบุกรุกปล้นบ้านเพื่อให้ตำรวจตามจับ กอบคุณทราบเรื่องจากลูกน้องก็สะใจที่พายุมีคดีเพิ่มมากขึ้น

มงคลได้รับการติดต่อจากนายใหญ่ทั้งที่ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน เขาอยากเจอมงคลกับลูกชาย รวมทั้ง กอบคุณด้วย แต่สองฝ่ายไม่รู้มาก่อน พอมาเผชิญหน้ากันยังจุดนัดหมายต่างพากันสงสัย จนกระทั่งได้ยินเสียงชายคนหนึ่งดังออกมาจากมุมมืด
“ที่พวกคุณมาพบกัน มันเป็นคำสั่งของนายใหญ่ทั้งคู่นั่นแหละ”

ทุกคนเข้าใจว่าเขาคือนายใหญ่ แต่เขาบอกว่า

“ฉันไม่ใช่นายใหญ่ แต่เป็นคนนำสาร นายใหญ่บอกให้คุณทั้งสองร่วมมือกัน แล้วสุดท้ายนายใหญ่จะเป็นคนจัดสรรเงินทั้งหมดให้เอง”

“ฉันจะไว้ใจสารวัตรได้ยังไง” โตมรถาม

“ไม่มีคำตอบ แต่นายใหญ่สั่งว่า ถ้าไม่ตกลงก็...” แทนคำพูดต่อไป ทุกคนได้ยินเสียงขึ้นลำกล้องปืนเป็นการข่มขู่ กอบคุณรับปากทันใด

“ได้...แค่งานนี้เสร็จ ต่างคนก็ต่างไป”

“ได้เงินแล้วจัดการเก็บกวาดให้สิ้นซากด้วยนะสารวัตร”

กอบคุณพยักหน้ารับ เข้าใจดีว่าสิ่งที่ต้องทำคือจัดการพวกพายุ...ในเวลาเดียวกันนั้น พายุกำลังไปพบจ่านนท์ สองคนเถียงกันพอหอมปากหอมคอ ก่อนจ่านนท์ จะพูดธุระของตนที่ต้องการให้พายุไปไขตู้เซฟ

“อย่างที่คิดจริงๆ จ่ามักจะให้ผมบังกระสุนให้เสมอ ...แลกกับอะไร”

“อย่างที่เคยตกลง เงิน 15 ล้านดอลลาร์นั่น”

“แล้วจ่าแน่ใจได้ยังไงว่าผมไขเสร็จแล้ว ผมจะเอารหัสมาให้จ่า ผมอาจเชิดเงินหนีไปก็ได้”

“งั้นแกคงไม่อยากเห็นหัวนังนี่หลุดจากบ่ามั้ง”

จ่านนท์ลากดารินที่โดนพันธนาการแทบกระดิกตัว ไม่ได้ออกมา พายุตกใจมากและไม่มีทางเลือกเพราะชีวิตดารินสำคัญกว่า เขายอมรับกุญแจสองดอกจากจ่านนท์ แล้วกลับมาเล่าให้พวกหมู่รงค์ฟัง

“มันเสี่ยงนะ” กำนันไผ่เตือน ขณะที่หมู่รงค์บอกว่า ถึงจะเอามาให้มันได้ คิดหรือว่าจ่านนท์จะทำตามสัญญา แต่พายุก็ย้ำว่ายังไงต้องช่วยชีวิตดารินไว้ก่อน

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง” ภูผาขันอาสา วีนัสเอาด้วยบอกว่าจะช่วยเขาเอง ส่วนกำนันไผ่กับ

หมู่รงค์วางแผนช่วยพายุในวันที่เขาต้องเข้าไปไขตู้เซฟเพื่อเอารหัส

ooooooo

มิสเตอร์จอห์นที่เงียบหายไปนาน วันนี้เขามาติดต่อที่บริษัทสุพจน์เพื่อให้ขนสิ่งของผิดกฎหมาย โดยขอร้องแกมบังคับอิ่มจิตกับพายุ อ้างความเป็นลูกหนี้ของสุพจน์ที่อิ่มจิตก็ทราบดี

อิ่มจิตไม่มีทางเลือกจึงต้องรับปากและขอเป็นการทำผิดกฎหมายเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นจอห์นที่พายุมองออกว่าเจ้าเล่ห์ก็ติดต่อมายังมงคล แจ้งว่าตนต้องการขนของจากชายแดนทางตะวันตกและตกลงกับทางบริษัทสุพจน์เรียบร้อยแล้ว

โตมรฟังพ่อเล่าแล้วสงสัยว่าจอห์นต้องการอะไรจากเรา มงคลบอกว่าจอห์นอยากได้คน ส่วนเราได้ส่วนแบ่ง

“ดี...จบงานนี้ฉันจะขอเคลียร์กับไอ้พายุเสียที”

“พ่อว่าแกอย่าเพิ่งไปเจอหน้ามันดีกว่า”

“ได้...รอให้เสร็จงานนายใหญ่ก่อน”

“พรุ่งนี้จ่านนท์มันต้องไปเอารหัสแน่”

“มันเป็นคนไปเอา แต่เราจะเป็นคนครอบครอง” โตมรกล่าวอย่างมั่นใจ...

ทางด้านมาศจันทร์ที่ถูกกอบคุณจับขังแล้วให้ลูกน้องเฝ้าไว้อย่างแน่นหนา เมื่อเช้าเธอไม่ยอมเซ็นเอกสารโอนหุ้นให้กอบคุณ แต่จู่ๆค่ำนี้เธอบอกผ่านลูกน้องให้แจ้งกอบคุณว่าเธอเปลี่ยนใจแล้ว เธออยากพบเขา

เมื่อกอบคุณมาถึงก็ถามเธอว่าคิดยังไงถึงได้เปลี่ยนใจ มาศจันทร์บอกว่าตนขอแลกเปลี่ยน

“แลกเปลี่ยนกับอะไร”

“การแต่งงานของเรา...คุณได้หุ้น ฉันไปตามทางของฉัน”

กอบคุณคิดนิดเดียวก็ตอบตกลง แต่มาศจันทร์ยังไม่ไว้ใจ ชี้แจงต่อไปว่า

“มีการตกลงไว้ว่า หากในกรณีที่มีการโอนหุ้นต่อไปจะต้องเซ็นต่อหน้าคณะกรรมการ การโอนหุ้นถึงจะมีผล ถ้าไม่เชื่อก็ลองเช็กกับทนายของบริษัทดูก็ได้”

“ได้ พรุ่งนี้เราจะเข้าไปเซ็น...เธอนัดกรรมการมาประชุมด่วนด้วย”

“ขอฉันโทร.หาเลขาก่อน”

กอบคุณยื่นโทรศัพท์ให้โดยดี มาศจันทร์รับมาโทร. หาเลขา พูดเสียงดังฟังชัด

“ฉันมาศจันทร์นะ พรุ่งนี้ช่วยนัดกรรมการมาประชุมด้วย วาระด่วนเกี่ยวกับหุ้น...ขอบใจมาก”

กอบคุณคลายความระแวง ถามหญิงสาวว่าไม่เสียดายหุ้นหรือ มาศจันทร์แววตาแข็งกร้าว ตอบเด็ดเดี่ยวว่า สิ่งเดียวในชีวิตที่ตนเสียดายก็คือพ่อกับป้ารัตนา...

ooooooo

พายุจำยอมทำตามความต้องการของจ่านนท์เพื่อช่วยชีวิตดารินที่ยังถูกควบคุมตัวเอาไว้ โดยมีกำนันไผ่กับหมู่รงค์คอยระวังภัยให้จนพายุสามารถเอากล่องใส่รหัสจากเซฟมาได้

แน่นอนว่าอีวากับเปียคอยจับตามอง รวมทั้งโตมรที่ต้องการเงินประกันก้อนใหญ่เหมือนกัน เมื่อเห็นว่าพายุทำงานสำเร็จแล้ว ทุกฝ่ายจึงจู่โจมเข้ามาช่วงชิง แต่คนที่ได้ไปคือจ่านนท์ ส่วนพายุพอรู้ที่กักขังควบคุมดารินก็รีบแจ้งวีนัสกับภูผาไปช่วยเธอออกมาอย่างปลอดภัย

อีวากับเปียกัดจ่านนท์ไม่ปล่อย สองคนตามไปแย่งกล่องใส่รหัสมาจนได้ โดยไม่รู้ว่าความจริงพายุตุกติกไม่ได้ไขเซฟ แถมยังต่อรองหลอกถามแหล่งซ่อนเงินดอลลาร์ของกลางในคดีปล้นเมื่อห้าปีก่อนแล้วให้ภูผากับวีนัสรีบไปเอามาก่อนที่จ่านนท์จะย้อนกลับไป

จ่านนท์เจ็บใจมาก ขณะที่อีวากับเปียลอยนวลไปพร้อมกล่องใส่รหัสแล้วเตรียมจะเอาไปให้กอบคุณเพราะเขาเป็นคนเดียวที่เข้าถึงตัวนายใหญ่ได้ เปียมีความระแวงว่าจะโดนกอบคุณหักหลัง แต่อีวามั่นใจว่าไม่มีทาง

กอบคุณพามาศจันทร์มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯไปที่บริษัทเพื่อดำเนินการเรื่องการโอนหุ้น แต่ระหว่างเดินทางหญิงสาวหลอกกอบคุณให้แวะปั๊มน้ำมันอ้างว่าปวดท้อง แล้วแอบมาขอยืมโทรศัพท์คนอื่นโทร.หายุทธ มิหนำซ้ำเธอยังเอาเอกสารสำคัญที่กอบคุณหวงนักหนามาได้ด้วย

หลังจากได้รับการติดต่อจากมาศจันทร์ ยุทธรีบส่งข่าวไปทางมือถือหมู่รงค์ ทำให้พายุตามมาเจอกอบคุณที่ไม่รักษาสัญญาหลังจากมาศจันทร์เซ็นโอนหุ้นต่อหน้ากรรมการบริษัทให้แล้วแต่เขาไม่ยอมปล่อยเธอไป

แม้จะมาเจอคนทั้งคู่แต่พายุก็ไม่สามารถช่วยมาศจันทร์ได้ เพราะกอบคุณเอาระเบิดชนิดเดียวกับที่เคยใช้กับวิวัฒน์มาผูกติดตัวมาศจันทร์ไว้ ซึ่งการจะช่วยเธอได้ต้องปลดชนวนด้วยลายมือกอบคุณเท่านั้น

พายุจนใจจะช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนมาศจันทร์กลับไม่สะทกสะท้าน เพราะเธอแอบเอาเอกสารสำคัญที่ฉกฉวยมาได้โดยที่กอบคุณไม่รู้ตัวให้พายุไปแล้ว

หลังจากตัวเองได้เป็นเจ้าของบริษัทของวิวัฒน์อย่างถูกต้อง กอบคุณพามาศจันทร์ไปกินอาหารอย่างสบายอารมณ์ ตรงข้ามกับหญิงสาวที่ขุ่นมัวไม่พอใจอยากรู้ว่าเขาจะเอายังไงอีก

“สิ่งที่ฉันจะต้องทำอย่างแรกน่ะหรือ ก็คือเก็บกวาดทำความสะอาดเหมือง จากนั้นก็ต้องแต่งงานกับเธอเพื่อไม่ให้ใครสงสัย”

“นี่แกวางแผนมาตลอดเลยหรือ”

“แน่นอน ฉันคงไม่เป็นตำรวจต๊อกต๋อยไปตลอดชีวิตหรอก”

มาศจันทร์รู้สึกขยะแขยงในสันดานของกอบคุณ ถามเสียงแข็งว่า “แล้วแกมาเป็นตำรวจทำไม”

“ก็เพื่อแบบนี้ไง พ่อฉันส่งฉันมาเป็นตำรวจเพื่อเป็นสายให้...เขาจะได้ประกอบธุรกิจได้คล่องมือ”

“คงเป็นธุรกิจผิดกฎหมายสินะ”

“ถูก...ไม่มีอะไรรวยเร็วเท่าทำธุรกิจกับของที่หายาก คุณกับพ่อคุณก็เป็นแบบนั้น ทองก็หายาก ของผิดกฎหมายก็หายาก เอาน่า ไม่ต้องกลัวหรอก ผมจะดูแลและยกย่องคุณเป็นเมียอย่างสมหน้าตา ผมสัญญา”

จบคำกอบคุณโปรยยิ้มยียวน มาศจันทร์แววตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น

ooooooo

ยุทธถูกกอบคุณส่งคนไปเก็บกลางตลาด พอดีวีนัสและภูผามีนัดกับผู้การสมภพแล้วมาประสบเหตุ ภูผาจัดการมือปืนตายไปหนึ่งและจับอีกคนเอาไว้ได้

ผู้การสมภพอดีตนายเก่าของวีนัส ปัจจุบันเป็นผู้บังคับการกองปราบ วีนัสจึงฝากความหวังให้ท่านช่วยคลี่คลายคดีปล้นที่พายุถูกปรักปรำ ซึ่งเวลานี้มีหลักฐานหลายอย่างที่ระบุว่าสารวัตรกอบคุณอยู่เบื้องหลังทั้งหมด

เมื่อพายุได้หลักฐานสำคัญมาด้วย ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นที่จะเอาผิดกอบคุณ แต่เวลานี้พายุห่วงมาศจันทร์ที่อยู่ในมือกอบคุณ หมู่รงค์รู้เรื่องระเบิดก็หนักใจว่าคราวนี้จะไปเอาลายนิ้วมือกอบคุณมาจากไหน คราววิวัฒน์โชคดี เพราะได้จากสาวคู่ขาของกอบคุณ

ระหว่างนี้สายของหมู่รงค์เข้ามารายงานว่ากอบคุณพามาศจันทร์มาที่บ้านพักในเหมือง ทุกคนตื่นตัวพยายามหาทางช่วยเหลือหญิงสาว

อีวากับเปียก็ทราบข่าวกอบคุณเหมือนกัน สองคนมาพร้อมกล่องใส่รหัสแต่ไม่ยอมให้กอบคุณ อีวาต้องการให้กับนายใหญ่โดยตรงและหวังเงินส่วนแบ่ง กอบคุณไม่ค่อยพอใจ หยั่งเชิงว่าตนจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นรหัสของจริง อีวาตอบอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมว่าจนกว่าจะโอนเงินจริงๆ และต้องโอนต่อหน้าทุกคน

กอบคุณตัดสินใจพาสองคนไปพบนายใหญ่โดยเอามาศจันทร์ไปด้วย พายุล่วงรู้เพราะแอบเข้ามาในบ้านเพื่อหาทางช่วยเหลือมาศจันทร์ เขากลับออกมาบอกหมู่รงค์และช่วยกันคิดอ่านว่าต้องเดินทางยังไงถึงจะตามพวกกอบคุณทัน

วันเดียวกันนี้ กำนันไผ่ปรับทุกข์กับอิ่มจิตถึงเรื่องราวที่ผ่านมา

“สุพจน์เดินทางผิดมาตลอด ไม่น่าเลย”

“จริงๆแล้วคุณสุพจน์เป็นคนที่น่าสงสาร เขาไม่เคยได้ในสิ่งที่เขาอยากได้เลย ทั้งๆที่เขาทำงานหนักมาตลอด”

“ที่จริงฉันยอมเสียสละนิ่มให้เขา แต่ฉันทนไม่ได้ที่สุพจน์มันย่ำยีนิ่ม”

“ฉันเป็นต้นเหตุเอง ที่จริงคุณสุพจน์เขาไม่ได้รักฉันหรอก ฉันต่างหากที่รักเขา สำหรับเขา เขาต้องการแค่สมบัติของฉัน”

“แล้วทำไมกิจการของสุพจน์ถึงทรุดลงล่ะ”

“คุณสุพจน์คบคนไม่ดี เขาคิดว่าคนพวกนี้จะช่วยให้เขามีทั้งเงินและอำนาจได้”

คนไม่ดีคนนั้นคือนายบัญชา...กำนันไผ่เคยได้ยินชื่อ ถามว่าบัญชานักธุรกิจใหญ่ใช่ไหม

“ใช่...ที่จริงเขาไม่ใช่นักธุรกิจหรอก เขามันก็แค่โจรใส่สูท”

“สุพจน์ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาได้ยังไง”

“คุณสุพจน์ตกลงร่วมลงทุนกับนายบัญชา และก็รู้ว่าสิ่งที่ลงทุนไปนั้นเขาเอาไปลงทุนสิ่งผิดกฎหมาย โดยใช้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่เน่าๆของเขาบังหน้า...จนกระทั่งกิจการทั้งหมดของนายบัญชาพังเพราะถูกตำรวจจับได้ เขาจึงหนีไป”

“เรื่องนายบัญชา ฉันพอรู้เรื่องบ้าง เป็นข่าวใหญ่ตอนที่เขาถูกจับและถูกวิสามัญ”

“แต่ก่อนที่นายบัญชาจะตาย เขาก็ยังติดต่อกับคุณสุพจน์อยู่นะ”

“ช่างเถอะ ยังไงสุพจน์ก็ไปสบายแล้ว เหลือแต่คุณ”

“ฉันปลงแล้วล่ะค่ะ จากนี้ฉันคงใช้ชีวิตเงียบๆอยู่กับพระธรรม” อิ่มจิตหน้าเศร้า เธอคือผู้สูญเสีย...สูญเสียทั้งสามีและลูกสาว

ooooooo

ภายในห้องสอบสวนกองปราบ ผู้การสมภพ วีนัส และภูผากำลังสนทนาและรวบรวมเอกสารเอาผิดกอบคุณ ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งเข้ามารายงาน

“ผมส่งมือปืนที่ลอบยิงนายยุทธไปสอบสวนแล้วครับ เบื้องต้นคนร้ายให้การรับสารภาพว่ารับจ้างคนของสารวัตรกอบคุณมายิงนายยุทธครับ”

“ดีมาก สอบสวนต่อไป แล้วกันนายภูผานี่ไว้เป็นพยานก่อน”

“สารวัตรกอบคุณนี่ร้ายจริงๆ อย่างนี้เราจับกุมเลยได้ไหมคะ”

“หลักฐานยังไม่เพียงพอ ผมต้องการหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องการปล้นรถขนเงิน เพราะเท่าที่รู้มาน่าจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเข้ามาอีกคนสองคน...นายบัญชากับจอห์น”

“นายบัญชา...นักธุรกิจใหญ่น่ะหรือ...ถูกวิสามัญตายไปแล้วนี่คะ”

“ใช่ครับ คดีนี้เป็นคดีใหญ่มาก ผมอยู่ในคุกยังรู้เรื่องเลย”

“กอบคุณเป็นคนวิสามัญปิดคดี”

วีนัสกับภูผาชะงักแทบไม่เชื่อหู...ผู้การสมภพเล่าย้อนไปเมื่อห้าปีที่แล้ว กอบคุณนำกำลังตำรวจเข้าจับกุมนายบัญชา สองฝ่ายสาดกระสุนใส่กันอยู่พักใหญ่ก่อนที่รถของบัญชาจะระเบิดไฟลุกท่วม

“กอบคุณเป็นคนทำงานที่มีผลงานดีเด่นมาก เขาสามารถปิดคดีมาเฟียได้แทบทุกคดี โดยเฉพาะคดีของนายบัญชา ทำให้เขาได้รับพิจารณาเลื่อนชั้นยศเป็นพันตำรวจตรี”

“ถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง ผมว่าสารวัตรกอบคุณอาจจะวางแผนฆ่านายบัญชาเพื่อปิดปากคดีปล้นรถขนเงินก็ได้”

“ผมก็เคยคิดอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นการปิดปากจริงๆ สารวัตรกอบคุณก็ทำได้เนียนมาก”

“แล้วนายจอห์นล่ะคะ”

“นั่นแหละกุญแจสำคัญ เรากำลังตามเขาอยู่” สิ้นคำของผู้การสมภพ วีนัสกับภูผามองหน้ากันครุ่นคิด

ooooooo

จอห์น...บุคคลที่ผู้การสมภพกำลังตามหา เวลานี้เขานำพามงคลกับโตมรขนของผิดกฎหมายไปแถวชายแดน แต่ระหว่างทางจอห์นถ่วงเวลาเหมือนรอคอยใครบางคน

จนกระทั่งอีวากับเปียโผล่มาพร้อมกล่องใส่รหัส จอห์นถึงยอมบอกสองพ่อลูกว่าเรารอเงินประกันภัยและนายใหญ่จะมาเย็นนี้

หมูรงค์ตุกติกซิกแซ็กจนสามารถนำเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพมาใช้เดินทางพร้อมพายุเพื่อติดตามกอบคุณที่จับมาศจันทร์ไป เช่นเดียวกับผู้การสมภพพอรู้แหล่งที่อยู่ของจอห์นจากลูกน้องก็เตรียมเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์โดยมีวีนัสกับภูผาไปด้วย

จุดหมายของทุกคนคือสนามกีฬาขนาดใหญ่ กอบคุณพามาศจันทร์มาสมทบกับจอห์น มงคลกับโตมรเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าจอห์นรู้จักกอบคุณ ซึ่งจอห์นบอกว่าถ้าตนไม่รู้จักแล้วพวกเราจะขนของผิดกฎหมายผ่านด่านตำรวจมาตลอดได้ยังไง

จ่านนท์ซุ่มส่องกล้องทางไกลอยู่ห่างๆ ขณะที่พายุกับหมู่รงค์เข้าไปรวมกลุ่มของผู้การสมภพ ทุกคนอยู่ในสภาพพร้อมลุย

ภายในห้องขนาดใหญ่ของสนามกีฬา พวกจอห์นกำลังรอคอยการมาของนายใหญ่...ที่แท้นายบัญชาที่ใครต่อใครคิดว่าตายแล้วเมื่อหลายปีก่อนคือนายใหญ่ และเขายังมีชีวิตอยู่!

“เหตุการณ์ในวันนั้น ฉันสร้างฉากขึ้นมาให้พ่อฉันตายเอง” กอบคุณสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน

ทุกคนแปลกใจ โดยเฉพาะมาศจันทร์ที่เพิ่งรับรู้จากกอบคุณเมื่อวันก่อนนี้เองว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า แล้วจะเป็นลูกนายบัญชาได้ยังไง

“กอบคุณน่ะเขาเป็นเด็กกำพร้าจริงๆ แต่ฉันเห็นแววของเขา เลยขอเอามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม จากนั้นฉันก็ส่งเสียให้กอบคุณเขาเรียนจนจบนายร้อยตำรวจและก็คอยช่วยงานฉันอย่างลับๆ เรื่องการปล้น ฉันกับกอบคุณเป็นคนวางแผนทั้งหมด พวกคุณทุกคนล้วนเป็นตัวเบี้ย ซึ่งถ้าไม่ใช่ผมกับกอบคุณ พวกคุณไม่มีทางทำงานนี้สำเร็จหรอก เพราะฉะนั้นส่งรหัสมาได้แล้ว”

อีวาจะส่งกล่องนั้นให้บัญชาที่ร้องขอ แต่เปียไม่ยอม จึงพบจุดจบอย่างรวดเร็ว เปียโดนบัญชายิงแสกหน้าตายคาที่ มงคลกับโตมรเห็นดังนั้นก็เตรียมชักปืนแต่ช้ากว่ากอบคุณและพวกจอห์น

“อย่าดีกว่า คุณมงคล คุณโตมร ได้ไม่เท่าเสียหรอก”

สิ้นเสียงข่มขู่ของกอบคุณ บัญชาให้จอห์นไปหยิบกล่องรหัสมาจัดการโอนเงินโดยใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก แต่ปรากฏว่ารหัสไม่ผ่านไม่สามารถโอนเงินได้ อีวาตกใจหน้าซีด รู้ทันทีว่าจ่านนท์ตุกติก แต่ความจริงคือพายุต่างหาก

ทันใดนั้นเอง ผู้การสมภพนำกำลังตำรวจและกลุ่มของพายุจู่โจมเข้ามา บัญชาไม่ยอมโดนจับแน่ เขาเปิด

ฉากยิงต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างบ้าดีเดือด กอบคุณควบคุมตัวมาศจันทร์ไว้ ส่วนมงคลกับโตมรและอีวาพยายามหาทางเอาตัวรอด พวกพายุจึงแยกย้ายกันจัดการ

พายุหาทางช่วยมาศจันทร์มาจากกอบคุณ แต่

เพราะเธอมีระเบิดติดตัวจึงยากลำบากอย่างยิ่ง กระนั้นก็ไม่ทำให้พายุถอดใจ เขาช่วยเธอได้สำเร็จด้วยการตัดนิ้วมือของกอบคุณมาปลดชนวนระเบิด แต่กอบคุณยังกระเสือกกระสนหนีไปได้ทั้งที่เจ็บปวดแสนสาหัส

จ่านนท์เพ่งเล็งแต่พายุคนเดียวเพราะต้องการรหัสโอนเงิน แต่พายุบอกว่าตนไม่ได้ไขรหัสออกมา รหัสยังอยู่ที่ธนาคาร จ่านนท์แค้นมากยิงกราดทั้งพายุและอีวา

อีวาโดนยิงในระยะเผาขนตายคาที่ พายุหลบหลีกได้แล้วเตะต่อยจ่านนท์จนปืนร่วง แต่จ่านนท์ก็ยังไม่สิ้น

ฤทธิ์ชักมีดจะจ้วงแทงพายุ แต่ช้ากว่ามาศจันทร์ที่คว้าปืนระเบิดหัวจ่านนท์กระจุย

วีนัสกับหมู่รงค์ช่วยตำรวจตามจับมงคล บัญชา

และจอห์นไว้ได้ ส่วนภูผาวิ่งไล่กวดโตมรไปบนดาดฟ้าตึกแล้วต่อสู้กันมือเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่โตมรจะเสียหลักตกตึกดับดิ้นไปอีกคน

กอบคุณคนเดียวที่หลบหนีไปได้ ภูผาคาดว่าเขาน่าจะหนีไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่มาศจันทร์เชื่อว่าเขาไม่มีทางไปไหน ตราบใดที่เขาคิดว่าเขายังเป็นเจ้าของเหมืองอยู่

จริงแท้แน่นอน กอบคุณตกอยู่ในวังวนของความอยากได้อยากมีทั้งอำนาจและเงินทอง เขาย้อนกลับไปที่บริษัทวิวัฒน์ แต่ต้องผิดหวังอย่างแรงเมื่อรู้ว่าบริษัทปิดตัวไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยมาศจันทร์ตามมายืนยันและเล่าให้ฟังว่า

“คุณคิดว่าคุณพ่อฉันโง่นักหรือไง คุณพ่อรู้ว่าต้องเป็นแบบนี้แน่ ถึงได้มีการประชุมสั่งปิดบริษัท โดยให้ฉันเป็นคนลงนามในฐานะประธานบริษัทที่ได้รับโอนหุ้นมาจากป้ารัตนา และวันที่คุณไปประชุมให้กรรมการโอนหุ้นน่ะ มันเป็นแค่การจัดฉาก”

กอบคุณสีหน้าซีดเผือด สบถอย่างสุดแค้น “แสบนักนะพวกแก”

ผู้การสมภพกับลูกน้องขยับเข้ามา ส่วนพายุดูเชิงอยู่ถัดไป

“สารวัตรกอบคุณ ผมขอจับคุณในข้อหาประพฤติโดยมิชอบ ซ่อนเร้นอำพรางเอกสารแห่งคดี และยังมีคดีฆาตกรรมอีกหลายศพ”

“เอาหลักฐานมาสิ...ผมฆ่าใคร มีหลักฐานหรือเปล่า คนที่ผู้การควรจะจับน่าจะเป็นนายพายุมากกว่ามั้ง”

“สำหรับผม ผมไม่รู้ว่าสารวัตรมีคดีอะไร แต่คดีปล้นเงิน สารวัตรมีส่วนเต็มๆ มีทั้งเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด เงินของกลางก็อยู่กับผม กำลังส่งตรวจดีเอ็นเอ คำสารภาพของสารวัตรก็เป็นส่วนสำคัญที่ให้ศาลรื้อฟื้นการพิจารณาคดีขึ้นใหม่ แบบนี้ผู้การควรจับผมหรือคุณ”

กอบคุณเครียดจนพูดไม่ออก เขาตัดสินใจกระชากมาศจันทร์มาเป็นตัวประกันและต้องการให้เธอเซ็นโอนหุ้นบริษัท แต่สุดท้ายตัวเขาเองก็หนีไม่รอด หลบเข้าไปโวยวายอาละวาดในห้องราวกับคนเสียสติก่อนระเบิดสมองตัวเองหนีความผิดจบชีวิตตำรวจนอกรีตอย่างทุกข์ทรมาน

ooooooo

หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย พายุกลายเป็นผู้บริสุทธิ์และปรับความเข้าใจกับภูผาได้ด้วยดีท่ามกลางความปลื้มปีติของกำนันไผ่ ฝ่ายดารินได้กลับมาทำงานบริษัทประกันภัยอย่างสมภาคภูมิ

ส่วนภูผากับวีนัสก็ทำท่าจะไปได้สวย เพราะฝ่ายหญิงตัดใจจากพายุแล้วเปิดใจพิจารณาภูผาที่อุตส่าห์เว้าวอนขอโอกาสอย่างหมดฟอร์ม แต่ทั้งหมดล้วนมาจากความจริงใจ เพราะภูผาปิ๊งวีนัสตั้งแต่วันแรกที่พบกัน

แต่ดูเหมือนคนที่เดือดร้อนอยู่คนเดียวคือหมู่รงค์ ความหวังดีต่อเพื่อนทำให้เขาโดนขังคุกทหารเพราะ ปลอมแปลงคำสั่งผู้บังคับบัญชาเอาเฮลิคอปเตอร์ออกไปใช้

“ก็มันจำเป็นนี่” หมู่รงค์โอดครวญกับนายเวร

“มันจำเป็น แต่มีความผิด เอาเถอะน่า อีกสองเดือนก็ออกแล้ว ได้ข่าวว่าเขาจะเลื่อนยศให้หมู่ขึ้นสัญญาบัตรเป็นกรณีพิเศษด้วยนี่”

“หา!! สองเดือน ผมไม่เอายศได้ไหม”

นายเวรไม่สนใจเดินกลับออกไป หมู่รงค์หน้าละห้อยบ่นอย่างสุดเซ็ง

“พายุนะพายุ เพราะมึงคนเดียว ออกไปล่ะน่าดู”

เวลาเดียวกันนั้น เพื่อนเลิฟของหมู่รงค์กำลังมีความสุขอยู่กับหญิงคนรัก สองหนุ่มสาวเดินชมเหมืองด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน

มาศจันทร์หยุดยืนมองเหมืองกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแล้วเปรยว่า “บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจว่าคุณพ่อสร้างอาณาจักรนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร”

“ท่านคงอยากวางรากฐานเอาไว้ให้คุณ ไม่อยากให้คุณลำบาก”

“ถ้าต้องแลกด้วยชีวิตคนทุกคนที่ฉันรัก ฉันขออยู่แบบไม่มีอะไรดีกว่า อย่างน้อยก็ยังหลงเหลือความรักและความสุข”

“ถึงคุณจะสูญเสียคนที่คุณรักไป แต่คุณก็ยังมีคนที่รักคุณอยู่นะ”

“นายแน่ใจหรือ”

“ผมแน่ใจครับ แน่ใจตั้งแต่วันแรกที่ผมช่วยคุณตอนที่ถูกปล้น”

“นี่ฉันเสน่ห์แรงขนาดนั้นเลยหรือ”

“ไม่รู้สิ พอรู้ตัวอีกทีก็รักแล้ว...แล้วคุณล่ะ”

“ฉันหรือ...อืม...ไม่ตอบดีกว่า”

หญิงสาวกลบเกลื่อนความเขินอายด้วยการเดินหนี พายุยิ้มกว้างก้าวตามมาสวมกอดเธอไว้อย่างมีความสุข ท่ามกลางทิวทัศน์สวยงามยามพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

ooooooo

–อวสาน–

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ