ตอนที่ 4
พริมเดินเขินออกมาดูดาวที่ระเบียง หันเห็นอ่างจากุชชี่ก็นึกถึงคำพูดของกวินที่ชวนลงแช่ว่า...“เวลาล้ามากๆ มันช่วยให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย...” เธอหันมองกวินที่นอนหลับอยู่อย่างชั่งใจ...
กวินนอนหลับลึก...ฝันว่า ตัวเองเดินหลงไปเจอลำธารเล็กๆตื้นๆ ที่คอห้อยล็อกเกตรูปพ่อติดตัว ขณะนั่งแกว่งชิงช้าสบายๆอยู่ใต้ต้นไม้ พลันก็มีเสียงทักจากคิวปิดว่า “ไม่ได้เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะนะ”
กวินหันมองถามว่าตนหรือเปลี่ยน? คิวปิดบอกว่าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่เลือกมาที่นี่ ชีวิตเขาเคยอยู่แต่ในแสงสี แต่เวลานี้เขากลับมายืนอยู่ในที่ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากธารน้ำเล็กๆ กับสถานที่เงียบสงบ กวินบอกว่าตนแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้น
“แน่เหรอ...ไม่ใช่เพราะคุณรู้แล้วว่าที่นั่นไม่มีสิ่งที่คุณหาหรอกเหรอ? ถึงห้อมล้อมด้วยผู้คน แต่ก็ยังคงเหงา” กวินนิ่งคิวปิดพูดเหมือนขอคำสัญญาว่า “ในฝัน... เราจะพูดกันแต่ความจริง ตกลงไหม”
กวินมองไปรอบๆอย่างซึมซับความสงบร่มเย็นริมลำธาร รำพึง “ไม่รู้มาก่อนว่ามีที่แบบนี้”
“สถานที่ก็เหมือนความรักของคน บางทีเราไม่รู้ว่าหัวใจต้องการอะไร จนกว่าจะได้เจออีกครึ่งหนึ่งของมันเหมือนที่คุณเพิ่งเคยเจอที่นี่” กวินถามว่าทำไมต้องเป็นที่นี่ “ก็เพราะที่นี่เหมือนใครบางคนที่คุณรู้จักไม่ใช่เหรอ ใครบางคนที่ทำให้ใจของคุณสงบลงได้”
กวินพยายามนึกว่าคนนั้นเป็นใคร ขณะนั้น...ที่อีกมุมหนึ่งปรากฏหญิงสาวใส่ชุดขาวห้อยล็อกเกตที่คอยืนหันหลังอยู่ คิวปิดถามว่านึกออกหรือยังว่าเขาเป็นใคร กวินผุดลุกขึ้นอุทานอย่างตื่นเต้น...
“พริมา...”
หญิงสาวใส่ชุดขาวหันมา คือพริมจริงๆ! คิวปิดถามว่า รักเธอหรือเปล่าและต้องการอะไรจากเธอกันแน่
“ผมชอบเธอ ชอบมากจริงๆ” คิวปิดถามอีกว่าเขาอยากให้เธอรักไหม “ใช่...ผมอยากให้เธอรักผม”
“หลังจากนั้นล่ะ ถ้าเธอรักแล้วจะทำยังไงต่อ?” กวินบอกว่ารักกันก็จบ ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย “หมายความ ว่าถ้าเธอรักคุณ คุณก็จะหมดความสนใจในตัวเธอ...แล้วคุณก็จะทิ้งเธอไปอย่างนั้นหรือ” กวินตอบอย่างสับสนว่าตนก็ไม่รู้ คิวปิดถามอีกว่า “คุณเชื่อในพรหมลิขิตหรือเปล่า เชื่อในปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้นไหม” คิวปิดมองไปอีกฝั่งของลำธารบอกเขาว่า “ตรงนั้นอาจมีคนบางคนที่จะเป็นอีกครึ่งหนึ่งของคุณ”
“ถ้ามันไม่ใช่ล่ะ” กวินถามอย่างสับสน คิดถึงวันที่แม่ลากกระเป๋าออกจากบ้านแล้ว เขาพูดอย่างหวาดหวั่นว่า “ผมไม่อยากถูกทอดทิ้งอีกแล้ว”
“อย่าไปกลัวสิ” คิวปิดย้อนคำของเขาที่เคยบอกพริม ทำให้กวินมีกำลังใจขึ้น เขาเดินไปริมลำธารแต่แล้วก็ลังเลว่าจะข้ามหรือไม่ข้ามดี ในที่สุด เขาตัดสินใจเดินข้ามลำธารไปอีกฝั่ง
ooooooo
ฝ่ายพริมนึกถึงคำชวนของกวินว่าลงไปแช่ในอ่างจากุชชีแล้วจะผ่อนคลาย จึงเปลี่ยนชุดลงไปแช่ในอ่าง เธอขยับจะหยิบล็อกเกตที่วางอยู่ ขณะเอื้อมจะหยิบอีกใจก็กลัว ในที่สุดเธอชักมือกลับและถอยห่างออกจากล็อกเกต
มองท้องฟ้าเห็นดาวพราวเต็มไปหมด คิดถึงที่หรรษาพูดว่า “พี่พริมเหมือนคนกำลังมีความรัก” ใจก็ไขว้เขว สับสน พูดกับกล้องว่า “รู้ทั้งรู้ว่ามันเสี่ยงแต่ทำยังไงก็หยุดคิดถึงมันไม่ได้...”
พริมเตือนตัวเองว่าสมาธิจะทำให้เรามีสติ แล้วนั่งหลับตาพยายามทำสมาธิ ทันใดนั้น ล็อกเกตที่วางอยู่บนโต๊ะก็มีเสียงดังกลิ๊ก...แล้วเกิดแสงสว่างวาบขึ้น พอลืมตากลายเป็นตัวเองไปอยู่ในความฝันของกวินที่อยู่ริมธารน้ำใส ไปแล้ว...
กวินดีใจอุทาน “นั่นคุณจริงๆด้วย” จับมือพริมกุมมองหน้าเว้าวอน “ถ้าเป็นคุณ คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่ไหม”
สิ้นเสียงถามของกวิน เสียงคิวปิดแทรกเตือนสติว่า “ในฝันเราจะพูดกันแต่ความจริง” พริมตัดสินใจตอบว่า...
“ฉันเชื่อว่า...ถ้าบนโลกนี้มีใครสักคนที่ยอมรับตัวตนที่ฉันเป็นได้ ฉันก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคนคนนั้นตลอดไป”
“ผมรักในสิ่งที่คุณเป็น พริมา”
พริมฟังแล้วตื้นตัน ซาบซึ้ง กวินยื่นหน้าไปจูบพริมอย่างอ่อนโยน...
คิวปิดมองอยู่ไกลๆ ยิ้มพอใจที่ภารกิจจูบสำเร็จแล้ว!
เมื่อพริมและกวินตื่นจากความฝัน พบว่าแช่อยู่ในอ่างจากุชชีด้วยกัน พริมร้องกรี๊ดฟาดกวินพลางด่า ไอ้ตัวกิเลส ตันหา ราคะ กวินปัดป้องร้องบอกให้ใจเย็นๆ เตือนว่า “คุณโมหะ...”
“กวิน...คุณก็ยังตอบไม่ได้อยู่ดี เธอรักแล้วคุณจะทำยังไง” คิวปิดติดตามผลงานของตัวเองบ่นหนักใจ
กวินถามพริมว่าตนมาอยู่ในอ่างกับเธอได้ยังไง ตนหลับไปแล้วจริงๆ และกำลังฝันดีว่าอยู่ในป่าริมธารน้ำ พยายามนึกแต่จำไม่ได้ รู้แต่ว่าที่นั่นเงียบสงบ และตนมีความสุขมากตอนที่พบกับใครบางคน...พริมฟังแล้วคุ้นๆกับที่ตัวเองฝันถึงเขาเหมือนกัน สับสนวุ่นวายใจกับความรู้สึกของตัวเอง...มองเขานิ่ง...ด้วยแววตาที่อ่อนลง...
พริมว้าวุ่นกับความรู้สึกของตัวเอง พยายามรักษาระยะห่างจากเขา แต่กวินก็ตามถามว่าจะไปไหน
“ไปวัด ฉันอยากทำบุญ เผื่อจิตใจจะสงบลงบ้าง คุณอย่ามากวนได้ไหม”
ขณะนั้นเองมีวันรุ่นคึกคะนองแว้น-สก๊อยบิดเร่งมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามา กวินร้องเตือนและดึงพริมหลบ แต่ยังไม่ทันเขาถูกมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวล้มลง มอเตอร์ไซค์ก็ไถลล้ม วัยรุ่นหญิงชายบาดเจ็บวัยรุ่นหญิงขาหักวัยรุ่นชายหัวแตก ในสภาพที่ต่างก็บาดเจ็บ แต่กวินกลับบอกให้พริมไปช่วยวัยรุ่นทั้งสอง ตัวเขาเองก็พยายามลุกไปช่วยและบอกให้พริมเรียกรถพยาบาล พริมมองเขาอย่างประทับใจที่พยายามช่วยคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็บาดเจ็บ
เมื่อรถพยาบาลพาวัยรุ่นทั้งสองส่งโรงพยาบาลแล้ว พริมกับกวินนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เธอเอ่ยอย่างชื่นชมว่า
“ฉันเพิ่งเคยเจอคนที่ยอมช่วยคนอื่นโดยไม่สนใจตัวเอง”
“นั่นสิ ถ้าเป็นตัวผมเมื่อก่อนคงไม่ทำแบบนี้แน่...แต่มีบางคนทำให้ผมอยากช่วยคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนบ้างเหมือนกัน”
พยาบาลออกจากห้องฉุกเฉิน พริมลุกไปถามว่าติดต่อญาติคนเจ็บได้หรือยัง
“น้องผู้หญิงบ้านอยู่อ่าวนางเป็นร้านขายของมือสอง ญาติกำลังเดินทางมาค่ะ”
พริมกับกวินมองหน้ากันอึ้ง เมื่อได้เบาะแสร้านที่ตามหาโดยไม่คาดคิด
พอญาติมา กวินกับพริมเลียบเคียงถามถึงร้านที่ตนตามหา ปรากฏว่าถูกร้านถูกคนพอดี กวินเอาล็อกเกตให้ดูถามว่าจำได้ไหม เขาบอกว่าจำได้ซื้อจากคนในเกาะนี่เอง ถามไถ่กันแล้วเป็นคนเดียวกับที่พริมถูกวิ่งราว เพราะลักษณะขี้ยา มีรอยสักที่แขนซ้าย เจ้าของร้านจำได้ด้วยว่าชื่อกุ้ง
เมื่อไปที่ร้านอาหารของกุ๊กชิน กวินกับพริมเล่าเรื่องเบาะแสคนเอาล็อกเกตไปขายให้ฟัง ถามกุ๊กชินว่ารู้จักกุ้งใช่ไหม
กุ๊กชินอึกอัก พึมพำว่า “ถ้าไอ้กุ้งถูกจับ ผมคงสงสารแม่มันน่ะ” เล่าว่าแม่ของกุ้งเปิดร้านขายของ อยู่กันสองแม่ลูกเท่านั้น
กวินเงียบไป พริมมองหน้า เห็นแววกังวลบนใบหน้าเขา...
ooooooo
เมื่อเช่ารถเพื่อไปที่ร้านขายของตามที่กุ๊กชินบอก กวินกลับจอดรถข้างทาง พริมถามว่าจอดทำไม กวินปรารภว่าตนไม่อยากไปที่นั่น กลัวว่าถ้าแม่ของกุ้งเป็นแม่ตน ตนคงทำตัวไม่ถูก และถ้ากุ้งเป็นน้องชายของตนจริง ตนจะทำยังไงกับน้องที่เป็นขี้ยา
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก คุณก็ช่วยให้กุ้งเลิกยาสิ พาไปรักษา ชีวิตแม่กับน้องจะได้ดีขึ้น แล้วมันก็เป็นบุญกับตัวคุณเองด้วย”
“ผมคงทำได้แค่ทำใจยอมรับสินะ” กวินยังกังวล
เมื่อไปถึงร้านขายของ พอแม่กุ้งรู้ว่ามาหาลูกชายก็เกิดปฏิกิริยาทันที บอกว่ากุ้งไม่อยู่ ไม่กลับบ้านมาเป็นชาติแล้ว ถ้าไม่ซื้ออะไรก็ไปจากร้านตนเสียอย่ามายืนเกะกะ ทั้งสองเห็นรองเท้าและของใช้ของกุ้งอยู่ในบ้าน รู้ว่ากุ้งอยู่แต่ก็ยอมออกจากร้านไป
พอพริมกับกวินออกไปแล้ว กุ้งโผล่จากที่ซ่อนถามแม่ว่าพวกมันไปแล้วแน่หรือ แม่บอกกุ้งอย่างตกใจห่วงใยว่า
“แกอยู่ที่นี่ไม่ได้ เดี๋ยวพวกมันพาตำรวจย้อนกลับมา”
ooooooo
การรับรู้เรื่องกุ้งและเห็นแล้วว่าแม่ของกุ้งไม่ใช่แม่ตน กวินคิดหนักว่า...แม่หายไปไหน จนเก็บไปฝัน ละเมอตะโกนเรียก แต่พอสะดุ้งขึ้นก็เศร้า...เมื่อรู้ว่านั่นเป็นเพียงความฝัน...
เช้านี้ ป้ามาธาร์โทร.มาบอกว่าพ่ออาการไม่ดีให้เขารีบกลับ พริมเดินมาได้ยินก็เป็นห่วงไปด้วย
กวินชวนพริมเข้าโบสถ์ไหว้พระ พริมมองอย่างแปลกใจ ถามว่าเขาไม่เคยเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยแก้ปัญหาได้ แล้วทำไมถึงอยากมาวัด
“ผมเชื่อคุณ...คุณบอกว่าทุกครั้งที่ใจสับสนให้ทำจิตนิ่ง วางทุกสิ่ง ทิ้งทุกอย่าง ตั้งสติแล้วจะเกิดปัญญา ผมลองทำตามคุณแล้วรู้สึกสบายใจจริงๆด้วย”
กวินก้มกราบพระประธานแล้วเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิ หลับตา สีหน้าที่เคร่งเครียด ค่อยๆคลาย...
พริมมองอย่างรู้สึกดีกับการเปลี่ยนแปลงของเขา เมื่อออกจากวัดถามว่าจะให้ซื้อตั๋วกลับอเมริกาเลยไหม
“กลับไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ หมอบอกว่าอาการป่วยของพ่ออยู่ที่กำลังใจ อย่างเดียวที่ผมทำได้ก็คือ...”
กวินกลับไปหาแม่ของกุ้งที่ร้านอีกครั้ง บอกว่าตนกำลังตามหาแม่ บอกแม่ของกุ้งว่าตนไปถอนแจ้งความแล้ว ถ้ากุ้งกลับมาก็จะพาไปเลิกยาและหางานให้ทำ แม้แม่ของกุ้งจะทำเหมือนเชื่อแต่พอกุ้งกลับมาก็ไล่ให้รีบหนีไปและอย่ากลับมาอีก พอกุ้งออกจากบ้านก็เห็นพริมกับกวินกำลังเดินมา จึงหนีไปอีกทาง แต่พริมกับกวินมัวถกเถียงกันเรื่องช่วยกุ้ง เพราะกวินบอกว่าตนจะช่วยกุ้งแต่กุ้งก็ต้องช่วยตนด้วย ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ พริมขอให้เขาใช้ความดีเข้าแลก กวินถามว่าแลกกับใครล่ะในเมื่อทุกคนเข้ามาหาตนล้วนแต่หวังอะไรจากตนทั้งนั้น
พริมถามว่าเขาคิดว่าตนหวังอะไรจากเขา กวินแก้ตัวว่าตนไม่ได้คิด เธอเข้าใจผิดแล้ว
“คุณต่างหากที่เข้าใจผิด ฉันไม่เคยอยากได้อะไรจากคุณ และไม่มีวันคิดด้วย” พูดแล้วเดินหนีไปอย่างไม่พอใจ
กวินตบปากตัวเองที่พูดจนเป็นเรื่อง รีบตามพริมไป ขอให้คุยกันก่อน เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ
“ไม่ใช่อีกต่อไปแล้วค่ะ ฉันได้รับคำสั่งให้ดูแลช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณ ฉันผิดเองที่เผลอใช้ความรู้สึกส่วนตัวปนกับงาน เพราะสงสารคุณ”
พริมบอกว่าตนสงสาร แต่ถ้าเขาตามหาแม่เจอเมื่อไรตนก็หมดหน้าที่ เราก็จะแยกจากกัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก พูดแล้วแยกตัวไป
กวินผิดหวังอย่างมาก เขาพยายามซ่อนความรู้สึกบอกพริมว่า “เรากลับที่พักกันเถอะ”
ขณะเดินผ่านกำแพงบ้านไม้หลังหนึ่ง ถูกสายตาลึกลับคู่หนึ่งจับจ้องตลอดเวลา กุ้งหนีไปอีกทางหนึ่ง ถูกพ่อค้ายาดักเอาไม้หน้าสามตีหัวจนเลือดอาบโทษฐานเบี้ยวค่ายา กวินกับพริม
มาเจอพอดี กวินโดดเข้าช่วยกุ้งต่อสู้กับคนร้าย พริมตะโกนว่าจะโทร.แจ้งตำรวจ นักค้ายาได้ยินคำว่าตำรวจก็เผ่นแน่บ
กวินเข้าไปดูแลกุ้ง เห็นรอยสักที่แขนซ้ายของกุ้ง เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะถาม พริมถามว่าพากลับไปคุยที่ร้านกับแม่กุ้งด้วยดีไหม กุ้งดิ้นร้องว่าไม่ไปแล้ววิ่งหนีไป กวินกับพริมวิ่งตามไปไม่ลดละ
กุ้งวิ่งไปปีนกำแพง ที่นั่นกุ๊กชินสวมหมวกอำพรางใบหน้าอยู่อีกฟากกำแพงช่วยดึงกุ้งขึ้นไป กวินวิ่งตามมาทันดึงตัวกุ้งไว้ ยื้อกับกุ๊กชินที่ดึงกุ้งอยู่อีกฝั่งกำแพง พริมดึงกางเกงกวินช่วยเขาอีกแรง เจ้ากรรม...กางเกงหลุดกวินตกใจปล่อยมือจากกุ้ง ทำให้กุ้งข้ามกำแพงไปได้ กุ๊กชินพากุ้งซ้อนมอเตอร์ไซค์หนีไป
พริมมองกวินตาปริบๆ พริมเท้าเจ็บจากการช่วยกวิน เขาถามว่าเจ็บตรงไหนไหมจะเข้าไปช่วย พริมบอกว่าตนเดินเองได้ อ้างว่าตนได้รับหน้าที่ให้ดูแลเขาไม่ใช่ให้เขาดูแลตน พยายามลุกเดินไป
“แต่ถ้าคุณยังดื้อ คืนนี้คุณจะปวดจนเดินไม่ได้ เว้นแต่คุณจะใช้เป็นข้ออ้างลางาน เพราะไม่อยากทำหน้าที่ดูแลผม”
“ฉันไม่เคยบกพร่องในหน้าที่ค่ะ” พริมโต้ แต่กวินก็ย่อตัวให้เธอขี่หลังแล้ว พริมจึงจำต้องขี่หลังเขา พอกวินลุกเดินก็แกล้งเซจนพริมตกใจรีบกอดเขาไว้แน่น...กวินยิ้มเจ้าเล่ห์...สมใจ
ooooooo
วันที่วราลีจะไปจากคิวปิดฮัทนับถอยหลังมาทุกทีแล้ว ยิ่งใกล้วันก็ยิ่งใจคอไม่ดี ส่วนที่ห้องทำงานใหม่ของเธอ ธรณ์ก็จัดแต่งอย่างหรูบอกว่าตอนนี้เธอเป็นผู้บริหารแล้วก็ต้องมีห้องทำงานที่สมเกียรติหน่อย
แล้วก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นจนตกใจกันทั่ว เพราะเช้าวันนี้เอกสารที่เตรียมไว้พรีเซนต์โดนทำลาย เพราะในการจัดเก็บเอกสาร เบนยกเอกสารที่จะทำลายไปวางใกล้ๆเอกสารที่ปริ๊นต์ไว้เตรียมพรีเซนต์ เบนบอกให้สะคราญช่วยทำลาย สะคราญหยิบผิดกองเอาเอกสารที่เตรียมพรีเซนต์ไปทำลายหมด
เมื่อถึงเวลา สมิธนำทีมประเมินเข้ามา สมิธขอโทษที่มาก่อนวันนัด ภีมพูดอย่างมั่นใจว่ามาเมื่อไหร่พวกเราก็พร้อม แต่ไม่รู้ว่าเอกสารเตรียมพรีเซนต์ถูกทำลายไปแล้ว หรรษาที่ต้องรับผิดชอบแทบบ้า เมื่อภีมสั่งให้ต้องเตรียมเอกสารพรีเซนต์ให้ทัน ทันใดนั้นก็ได้รับไลน์จากวราลีที่หรรษาโทร.ไปเล่าให้ฟังแล้ว วราลีบอกว่า
“ตัวช่วยอยู่ในซองลับ เฮ้อ...ถ้าไม่มีเจ๊ซะคนพวกเธอจะอยู่ยังไงนี่”
หรรษารีบเปิดลิ้นชักเห็นซองสีน้ำตาลวางอยู่ ที่หน้าซองเขียนว่า
“เปิดเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น”
หรรษารีบเปิด ลิปสติกแท่งหนึ่งร่วงจากซอง หรรษาสงสัยว่าจะเอาไปทำอะไร แต่พอนึกได้ดึงฝาลิปสติกจึงเห็นว่าข้างในเป็นธัมบ์ไดรฟ์ หรรษารีบเสียบในคอมพิวเตอร์ เปิดดูจึงเห็นเป็นธัมบ์ไดรฟ์พรีเซนต์งานผ่านหน้าจอ ทุกคนมองหน้ากัน ถอนใจโล่งอกเหมือนรอดตาย...
ooooooo
การพรีเซนต์ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม ภีมจับมือกับทีมโซลเมทอย่างภาคภูมิใจ หรรษากับเบนเดินมารอส่งแขกหน้าห้อง วราลียื่นหน้ามาถามจากข้างหลังหรรษาว่าเป็นไง ค่ายแตกไหม?
“เจ๊ลี...นางฟ้าของหนูษา เจ๊ลีช่วยชีวิตคิวปิดฮัทไว้แท้ๆ” หรรษาเสียงตื่นเต้นดีใจสุดๆ เบนก็พูดแทรกว่า
“นอกจากค่ายจะไม่แตก ข้าศึกยังโดนล้อม...คลิปพรีเซนต์บริษัทของคุณลีเอาอยู่”
ภีมเดินออกมาเห็นวราลีก็ยกนิ้วโป้งให้ ทำเอาวราลียิ้มเขิน เมื่อกลับมาที่โต๊ะทำงาน วราลีบอกหรรษาว่าตนต้องไปทำงานที่เวียดนามหลายเดือน ถามว่าเจ๋งไหมทำงานแรกก็ได้โกอินเตอร์เลย หรรษาถามว่าเจ๊เป็นคนร่วมสร้างคิวปิดฮัทมากับมือจะไม่อยู่ดูความสำเร็จหรือ วราลีหน้าสลดลง ภีมกับเบนยืนดูอยู่ เบนชวนไปช่วยหนูษากล่อมอีกแรงไหม
“ผมไม่อยากขัดขวางความเจริญของเขา” ภีมส่ายหน้าแล้วเดินเศร้าออกไป เบนก็ได้แต่มองวราลีอย่างเสียดาย
ooooooo
เมื่อกวินพาพริมกลับถึงห้องพัก เขาเอาห่อน้ำแข็งประคบที่ข้อเท้าพริมอย่างเบามือ พริมขอบคุณ พูดอย่างซึ้งใจว่าไม่รู้จะตอบแทนเขายังไงดี กวินตอบเป็นการเป็นงานว่าไม่ต้อง เพราะตนทำตามหน้าที่ของสุภาพบุรุษไม่หวังอะไรตอบแทน พริมรู้สึกถึงความห่างเหินทั้งท่าทีและน้ำเสียงของเขาอย่างไม่สบายใจ
วันรุ่งขึ้น พริมกับกวินไปที่ร้านกุ๊กชิน กุ๊กชินถามว่ากุ้งหนีไปกับคนร้ายที่ตามพวกเขาหรือ กวินพยักหน้าเปรยๆว่าผู้ชายคนนั้นต้องการอะไรกันแน่ พริมสงสัยว่าทำไมเขาจึงขัดขวางไม่ให้เราเจอกุ้ง ทำไมต้องมาดักทำร้ายเรา
“ที่นี่เคยเป็นที่สงบปลอดภัย แต่ดันมีคนร้ายมาเพ่นพ่าน ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ต่อไป ผมกลัวจะเป็นอันตราย” กุ๊กชินได้จังหวะขู่หวังให้ทั้งสองไปจากที่นี่ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อกวินตอบอย่างไม่พรั่นพรึงว่า
“ต่อให้อันตรายกว่านี้ ผมก็ไม่กลัว” พริมอดที่จะเตือนเขาไม่ได้ว่าความไม่ประมาทเป็นความไม่ตาย ถึงเขาไม่กลัวก็ต้องระวัง “ครับ ผมจะระวัง เพราะไม่อยากให้คุณเป็นอันตรายไปด้วย”
ไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อ กวินก็เห็นชายใส่หมวกอำพรางหน้า ผลุบๆ โผล่ๆ เขาพยักพเยิดให้พริมดู พอพริมหันมองชายคนนั้นก็วิ่งหนีไป ทั้งสองลุกตามไปทันที
กวินกับพริมวิ่งตามเข้าไปในดงกล้วย ชายคนนั้นหายไป แต่ไปเจอเด็กชายที่เคยเจอในร้านกุ๊กชินนอนที่พื้นเอาใบตองแห้งปิดตัวไว้ พริมจำได้พาเข้าไปในร้าน กุ๊กชินบ่นว่าบอกแล้วว่าหิวเมื่อไหร่ให้มา เด็กบอกว่าตนมาแล้วไม่เห็นใคร
พริมอบรมว่าการหยิบของโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของถือเป็นการขโมย ทำบ่อยๆจะติดเป็นนิสัย
“แต่แม่ผมไม่สบายมาก ไม่มียา ไม่มีข้าว ผมก็เลยออกมาหาอะไรให้แม่กิน”
กวินถามว่าแล้วพ่อไปไหน กุ๊กชินชิงทำเสียงเยาะว่า “เฮอะ...พ่อมันน่ะเหรอ ผู้ชายเฮงซวย หน้าตาก็ดีแต่เป็นผีพนัน ลูกเมียอดอยากก็ไม่เคยสนใจ มีเงินเท่าไหร่ก็ไถไปละลายในบ่อนลงขวด เมามาก็ตบตีเมีย”
พริมฟังแล้วคิดถึงพฤติกรรมของคมกริชทันที เธอเจ็บปวดกับความรักครั้งแรกจนน้ำตาคลอ รีบกลบเกลื่อนถามเด็กว่าบ้านอยู่ไหน จะไปพาแม่หาหมอ กุ๊กชินตัดบทว่าตนรู้จักครอบครัวนี้ดีเดี๋ยวตนจัดการเอง พริมชมว่าเขาเป็นคนดีมาก
“โอ๊ย...ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมเคยลำบาก พอมีก็อยากช่วยเหลือคนอื่น ไม่ได้คิดอะไร อยากให้ก็ให้ ให้แล้วก็จบ”
“นี่ล่ะค่ะ การให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน แค่อยากให้ผู้อื่นมีความสุขเท่านั้น” พริมชื่นชม กวินฟังและคิดตาม
ooooooo
เย็นนี้ กวินคุยโทรศัพท์ถามปลายสายว่าโอนเงินเข้าบัญชีแล้วใช่ไหม ขอบใจแล้วเดินมาที่ระเบียงพูลวิลลา เห็นพริมนั่งเหม่อมองทะเลร้องไห้อยู่ เขาถามว่าร้องไห้ทำไม พริมจะเช็ดน้ำตา กวินรีบเช็ดให้
“ผมเห็นคุณร้องตั้งแต่ตอนอยู่ที่ร้านกุ๊กชินแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า” พริมบอกว่าสงสารน้องคนนั้น “คุณเป็นคนขี้สงสารจริงๆ สงสารผม สงสารเด็กคนนั้น ไม่สงสารตัวเองบ้างเหรอ”
พริมบอกว่าฟังเรื่องของเด็กคนนั้นแล้วคิดถึงตัวเอง ผู้หญิงอีกเท่าไหร่ที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจแต่ไม่มีทางหนีด้วยเหตุผลต่างกัน กวินถามว่าแล้วเหตุผลของเธอล่ะ?
“เพราะรักไงคะ ฉันคิดว่าความรักจะทำให้เขาเปลี่ยนแปลง แต่เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง จนวันนึงที่ฉันคิดได้...”
วันที่พริมคิดได้ก็หิ้วกระเป๋าไปขออยู่กับแพรไหมพี่สาวกับอธิปพี่เขย พี่สาวถามว่าทำไมต้องขอ เพราะบ้านนี้ก็เป็นบ้านของพริมด้วย ส่วนพี่เขยบอกว่า พี่ๆรักและเป็นห่วงพริมเสมอ นาทีนั้น พริมตระหนักอย่างซาบซึ้งว่า คนที่รักเราย่อมอยากเห็นเรามีความสุข เล่าแล้วบอกกวินว่า
“ครอบครัวทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองมีค่า ฉันเลยตัดสินใจว่าจะไม่ยอมทุกข์แบบนั้นอีก”
กวินจับไหล่ทั้งสองข้างของพริมมองหน้าเต็มตาถามว่า “รู้ไหมว่าทำไมการให้อภัยกุ้งถึงยากนัก” พริมส่ายหน้า เขาบอกว่า “เพราะคุณเป็นคนมีค่าสำหรับผม ผมจึงไม่สามารถให้อภัยคนที่ทำร้ายคุณ แต่เพราะคุณสอนให้ผมรู้จักการให้อภัย ผมจะพยายามทำมันให้ได้”
พริมบอกว่าความรู้สึกดีๆที่ตนมีให้เขา ไม่ได้มาจากความสงสารแต่เพราะเขาเป็นคนดี กวินฟังแล้วเขิน พริมแซวว่า
“อย่าเขินจนดีแตกซะล่ะคะ”
“ผมจะเป็นคนดีให้มากกว่านี้ ถ้าคุณสัญญาว่าจะอยู่ข้างๆผม ไม่ทิ้งกันไปไหน”
พริมเกือบให้สัญญา แต่หักห้ามใจได้ทันบอกว่า ตนจะเป็นกำลังใจให้เขาตลอดไป ในฐานะเพื่อน ทำให้กวินยิ้มเจื่อนไป แต่พริมเองก็รู้สึกสับสนในใจตัวเอง...ยังหวาดหวั่นกับความฝังใจที่ว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์”
คิวปิดจึงต้องเหนื่อยอีกครั้ง...ใช้ศักยภาพของคิวปิด พบพริมในความฝัน...
คราวนี้สอนให้พริมรู้จักเปิดใจตัวเอง กล้าที่จะก้าวออกจากกรอบที่ปิดกั้นตัวเองไว้ จะมีความรักต้องมีสัจจะ รักเดียวใจเดียว มีขันติ อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลและ ขอให้มีหลักธรรมแห่งการครองเรือน คู่รักก็จะมีความสุขได้ ย้ำว่า
“เมื่อไหร่ที่คุณกล้ารับมันได้ คุณจะได้พบความสุข”
กระนั้น...พริมก็ยังกลัวๆกล้าๆ...แต่เมื่อตื่นขึ้นมาเจอกวินขอมอร์นิ่งคิส ก็มีปฏิกิริยาทั้งทำท่ารังเกียจและไล่ทุบตีจนกวินวิ่งหนีไปรอบเตียง พอดีกุ๊กชินมาร้องเรียกขัดจังหวะ กวินจึงรอดตัว
กุ๊กชินบอกว่าพ่อตนหายไปตั้งแต่เช้ามืดไม่รู้ว่าหายไปไหนใครเห็นบ้างไหม กวินอาสาจะช่วยกันหา พริมจึงขอเวลาทำธุระส่วนตัวสิบนาที
พริมทำธุระส่วนตัวเสร็จหยิบสร้อยล็อกเกตสวมคอ ขณะเอาผ้าขนหนูไปผึ่งที่ระเบียง ก็ถูกหาญที่ตาขวางท่าทางคลุ้มคลั่งเข้ามาบีบคอจากด้านหลังจนพริมหายใจไม่ออก พริมดิ้นจนล็อกเกตหลุดออกมาจากเสื้อมีแสงวาบขึ้น
กวินรอพริมอยู่ สร้อยล็อกเกตที่เขามีแสงวาบขึ้นเช่นกัน เขาก้มมองอย่างประหลาดใจ เอะใจโผล่ไปดูที่ห้องจึงเห็นพริมถูกหาญบีบคอจนจะหมดลมแล้ว! เขาพุ่งเข้าไปดึงหาญออกมา ถูกหาญหันมาตะคอก
“มึง!! มึงตาย...มึงจะฆ่ากู”
หาญปล่อยมือจากพริมหันมาเล่นงานกวิน แต่ถูกกวินจับกดจนร้องลั่น “โอ๊ย...เจ็บ...ชินช่วยพ่อด้วย” กุ๊กชินวิ่งเข้ามา หาญโผเข้าหากุ๊กชินหวาดกลัวตัวสั่นร้อง “กลับบ้าน...พาพ่อกลับบ้าน...”
“ผมต้องขอโทษแทนพ่อด้วยนะครับ” กุ๊กชินเอ่ยกับพริมและกวินอย่างรู้สึกผิดแล้วพาพ่อกลับบ้าน
ooooooo