ตอนที่ 3
ความรู้สึกว่ามีคนตามอยู่หลายครั้ง ทำให้พริมกับกวินระแวงและระวังตัวมากขึ้น วันนี้บัทเลอร์ประจำโรงแรมเห็นทั้งสองเดินอยู่ในสวนของพิชยมันตราก็ตามไปเพื่อจะถามว่าจะทานอาหารเช้าที่ไหน ทั้งสองก็ระแวงว่าเป็นคนร้าย
กวินสั่งอาหารเช้าที่ริมชายหาด เป็นข้าวต้มกุ้งของโปรดของพริม นอกจากนี้กวินยังดูแลจนเธอซึ้งใจหวั่นไหวต้องเตือนใจตัวเองตลอดเวลาว่าอย่าตกบ่วงเสน่ห์ง่ายๆ แอบหยิบตำราพิชัยยุทธ์สกัดจุดขึ้นมาเปิดอ่านอย่างจริงจัง
สับสนหนักเข้าก็โทร.คุยกับเจ๊ลี เบนและหนูษา ทุกคนแซวและลุ้นกันสนุกสนาน แต่พริมก็ปากแข็งว่ายังไงก็ไม่สำเร็จหรอก แล้วก็กำหนดตัวเองให้มีระยะห่างจนกวินแปลกใจ แต่การตามหาคนเอาล็อกเกตมาขายก็ยังดำเนินต่อไป
วันนี้เมื่อไปถึงอ่าวนางเจอร้านที่ตามหาแต่ติดป้ายปิดชั่วคราว เมื่อไม่รู้ว่าจะไปติดต่อใครที่ไหน ร้านจะเปิดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จึงพากันกลับ ขณะข้ามถนนพริมถูกรถที่ขับมาอย่างเร็วเฉี่ยวแล้วหนี พริมบอกว่าคนขับรถเป็นคนเดียวกับที่ตามเรามาแต่เช้าแล้วตนจำได้ พริมตกใจทำท่าจะเป็นลม กวินเลยอุ้มเธอไปที่รถ
พริมทำตัวห่างเหินบอกกวินว่าไม่ต้องมาพยายามเอาใจ กวินบอกว่าตนไม่ได้พยายามแต่เต็มใจทำ ถามว่า
“คนเราจะอยากเอาใจคนที่เราชอบเนี่ย มันผิดตรงไหน คุณไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครบ้างหรือ...ผมไม่รู้ว่าคุณมีเรื่องอะไรฝังใจถึงได้ปิดทุกๆโอกาส แต่ถ้าคุณไม่ยอมเปิดใจคุณจะรู้ได้ไงว่าผู้ชายคนหนึ่งจริงจังจริงใจแค่ไหน”
พริมจะชี้แจง แต่กวินตัดบทขอตัว นัดว่าถึงเวลาอาหารเย็นแล้วจะมารับ
เมื่อกุ๊กชินรู้ว่ากวินกับพริมมาตามหาคนที่เอาล็อกเกตไปขายก็ทำตัวตีสองหน้า ด้านหนึ่งกะล่อนคุยสนุกสนานแต่อีกด้านก็สร้างบรรยากาศน่ากลัวเพื่อกีดขวางการสืบหาคนเอาล็อกเกตไปขายกระทั่งพยายามทำให้ทั้งสองหวาดกลัวหนีกลับไป
แต่นอกจากไม่ได้ผลเพราะทั้งสองมุ่งมั่นที่จะสืบรู้ให้ได้แล้ว ยังเป็นการผลักดันให้พริมกับกวินยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น กวินแสดงความเป็นสุภาพบุรุษปกป้องดูแลพริมทั้งในยามปกติและเมื่อเจอเหตุร้ายอันตราย จนพริมรู้สึกอยู่กับเขาแล้วอบอุ่น ปลอดภัย
พริมรู้ตัวว่าหัวใจตัวเองเริ่มสับสน หวั่นไหว แต่ก็พยายามเตือนสติเอาธรรมะเข้าข่ม หนักเข้าก็สไกป์คุยกับเจ๊ลีและหนูษา ก็ถูกทั้งสองแซว ลุ้นและยุจนตัวเองยิ่งไขว้เขว หัวใจปั่นป่วนจนทำอะไรไม่ถูก
กุ๊กชินตามก่อกวนกวินกับพริม ทุกครั้งกวินก็ปกป้องพริมพ้นภัย ปลอบเธอว่า “อยู่กับผมคุณไม่ต้องกลัว” หรือไม่ก็ “ผมอยู่นี่แล้วไม่ต้องกลัว” จนกระทั่งถูกชายลึกลับ แอบเข้าไปค้นในห้องนอนจนพริมขวัญผวา กวินอาสานอนเป็นเพื่อนเพื่อปกป้องเธอ
พริมกลัวทั้งภัยจากภายนอกและระวังคนใกล้ตัวแต่ที่หวาดหวั่นที่สุดคือกลัวหัวใจตัวเอง กวินรู้ว่าพริมเคร่งธรรมะก็บอกกับตัวเองว่าต้องเข้าให้ถึงจึงจะชนะใจ จึงมุ่งมั่นท่องคำบาลีที่พริมชอบใช้บ่อยๆ
นอกจากนี้ยังชวนเล่นเกมระลึกชาติระลึกอดีตกัน หลอกจนพริมเล่าเรื่องรักครั้งแรกกับคมกริชให้ฟัง และจบลงด้วยข้อสรุปที่เจ็บปวดว่า
“ลาก่อน...รักแรกที่แสนประทับใจของฉัน”
“อย่าให้อดีตมาทำลายอนาคตสิ แฟนใหม่คุณอาจเพอร์เฟกต์ลิมิเต็ดอิดิชั่นก็ได้”
“ศีลไม่เสมอกัน การเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครไม่มีความสุขหรอก ฉันเจอกับตัวมาแล้ว”
“ต้องเปลี่ยน กับเปลี่ยนเพื่อคนที่เรารัก มันต่างกันนะ ถ้าผมจะเปลี่ยนก็ไม่ใช่เพื่อคุณ แต่เพราะคุณต่างหาก!”
กำลังคุยกันถึงอดีต พริมก็ตะลึงเมื่อเห็นมีคนอยู่ในห้องพักของตน แต่เมื่อไปดูก็ไม่เจอ พริมกลัวคืนนี้คนร้ายจะย้อนมาอีก
“ไม่ต้องกลัวนะคุณพริม ผมจะไม่ทิ้งให้คุณอยู่คนเดียวอีก คืนนี้ผมจะอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างไปไหน” กวินกอดพริมไว้ พริมเผลอใจไปชั่วขณะแต่พอรู้ตัวก็ผละออกหาทางเอาตัวรอด เสนอว่า
“ฉันว่า...เราน่าจะสวดมนต์ข้ามคืน...บุญกุศลจะได้ช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้” แล้วพึมพำสวดมนต์มั่ว
“แต่ผมว่ารีบหลับดีกว่า...แค่อึดใจก็เช้าแล้ว มีผมอยู่เป็นเพื่อนทั้งคนรับรองคุณจะอุ่นใจ...หลับสบายทั้งคืน”
พริมทั้งกลัวคนร้าย ระแวงคนข้างตัว และระวังหัวใจตัวเอง ละล้าละลังไม่รู้จะทำยังไงดี
ปรากฏว่าต่างคนต่างก็ไม่หลับ พริมจึงบอกให้กวินเล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้ฟังบ้าง กวินเล่าเรื่องในครอบครัวให้พริมฟัง ตั้งแต่ปู่ที่เป็นชาวฮ่องกงไปตั้งรกรากที่อเมริกาให้ป้ากับพ่อดูแลกิจการ ส่วนตัวเองพอเรียนจบก็ออกมาลุย เพราะไม่อยากเดินตามรอยพ่อกับปู่
แต่ถูกญาติพูดฝังหัวตนตลอดมาว่าผู้หญิงไทยคิดจะจับฝรั่งหวังรวยทางลัด เขาจึงเข้าคลับปาร์ตี้กับสาวๆ สนุกสุดเหวี่ยงไม่จริงจังกับใคร เล่าแล้วถามพริมว่า “รักแท้ไม่มีจริง! ธรรมะสอนไม่ให้ยึดติดใช่ไหม ถ้างั้น ผมก็บรรลุขั้นสุดแล้ว!”
ฟังแล้วพริมเตือนสติว่า เชื่อว่าแม่เขาต้องเป็นคนดี ไม่อย่างนั้นพ่อเขาคงไม่ส่งเขาตามหาข้ามทวีปแบบนี้
“ผมรู้จักแม่มาทั้งชีวิตยังไม่มั่นใจเท่าคุณเลย” กวินยิ้มเยาะ พริมบอกว่าอย่าหมดศรัทธาง่ายๆ ตนจะทำให้เขาเปลี่ยนความคิดให้ได้ “จะเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนได้ แต่เปลี่ยนใจไม่ให้ชอบคุณคงยาก” กวินวกมาเรื่องเดิมอีก
พริมเลยตัดบทขอเฟซไทม์คุยกับเจ๊ลีดีกว่า กวินก็ตามติดแจ บอกว่า “คุณไปไหนผมไปด้วย...เป็นห่วงอ่ะ”
จนกระทั่งเช้า กวินบ่นกับตัวเองเซ็งๆว่า
“อยู่กับสาวสองต่อสองทั้งคืน แต่ปล่อยยายชีรอดไปได้? เฮ้ย...เรามาถึงจุดนี้ได้ไง!!”
ooooooo
เช้านี้วราลีกับหรรษาหน้าตื่นตกใจเมื่อพริมไลน์มาบอกว่าเมื่อคืนถูกคนร้ายบุก และกวินก็จ้องจะเคลม ทิมส่งไลน์บอกหรรษาว่าตนรู้เรื่องพริมแล้วกำลังบินไปจัดการเรื่องนี้
พริมรู้ก็โล่งใจ แต่ยังบ่นกับเจ๊ลีอย่างกังวลว่า เมื่อคืนรอดมาได้แต่คืนต่อๆไปจะทำยังไง?
“หรือว่างานนี้ ยายชีจะเสร็จผีผ้าห่ม” วราลีนิ่งไปครู่หนึ่งก็ดีดนิ้วเปาะ สั่ง “หนูษา! เก็บเสื้อผ้าบินไปช่วยด่วน”
พริมได้ยินถามว่าแล้วงานของหนูษาล่ะ?
“ทางนี้เจ๊ใหญ่จัดให้! มิชชั่นของหนูษาคือปกป้องพรหมจรรย์ของแม่ชีพริมา แล้วก็ไปลั้ลลากับคุณทิม... แบบชิลๆ”
ทีแรกหรรษาก็กังวล แต่พอฟังเจ๊ลีบอกให้ไปลั้ลลากับทิม หรรษาก็มโนเคลิ้ม...
เช้านี้ กวินเดินไปที่มุมหนึ่งของพิชยมันตรา เขาคุยโทรศัพท์เบาๆ เหมือนมีความลับว่า
“ถ้ามาถึงแล้วไม่ต้องรอผมเดินงานต่อได้เลย” พอดีพริมเดินมา กวินมองพริมพูดโทรศัพท์ต่อสีหน้าเจ้าเล่ห์ว่า “ถ้าคิวปิดฮัทมีศักยภาพพอจะเป็นเฮดออฟฟิศก็ต้องรับมือได้...ทำตามนั้น”
วางสายแล้ว กวินหันมายิ้มหวานกับพริมที่เดินมาถึงพอดี
ทิมไปถึงพิชยมันตราแล้ว พบกวินกำลังเอาเรื่องกับผู้จัดการแผนกต้อนรับเรื่องมีคนเข้าไปในห้อง ยื่นคำขาดจะให้ย้ายห้อง ในขณะที่พริมกลับพูดกับพนักงานอย่างใจเย็นเห็นอกเห็นใจ กวินยังจะให้แจ้งความตำรวจ พริมบอกว่าตนเกรงใจคุณทิม กวินมองขวับถามว่าใคร!
“ผมเอง” ทิมมาถึงพอดี เขาสั่งพนักงานให้ตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมใหม่ทั้งหมดแล้วรายงานตนทันที หันไปคุยกับพริมและกวินว่า “ผมจะรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมดเอง ถ้าคุณพริมต้องการย้ายโรงแรม”
“ไม่เป็นไรค่ะไม่ไว้ใจคนกันเองแล้วจะไว้ใจใครคะ”
“ขอบคุณที่เชื่อใจครับ” ทิมยิ้มให้พริม กวินได้ฟังและเห็นท่าทีของทั้งสองก็ชักสีหน้าไม่พอใจ ถามว่า
“แล้วไง จะให้พักห้องเดิมรอไอ้โม่งมาตีหัวเหรอ”
พริมดุกวินด้วยสายตาพูดบาลีปรามว่าควรเปล่งวาจางาม วาจาชั่วไม่ควรเปล่ง กวินจึงสงบปากแต่มองทิมอย่างกดดัน
“ผมจะเปลี่ยนห้องพักให้ คุณพริมเป็นคนที่ผมต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว”
กวินยิ่งมั่นใจว่าทิมจีบพริมแน่ๆ เมื่อไปห้องอาหาร ทิมจัดค็อกเทลสูตรใหม่ต้อนรับ พริมถามว่าไม่มีแอลกอฮอล์ใช่ไหม ทิมบอกว่า “ผมรู้ใจคุณพริมไม่มีแน่นอนครับ” ทำให้กวินคิดว่าตนเจอคู่แข่งเข้าแล้ว เลียบเคียงถามว่ารู้จักกันมานานแล้วหรือ ทิมตอบอย่างชื่นชมว่า “นานพอที่จะรู้ใจ คุณพริมเป็นคนเฟรนลี่คุยกันง่าย”
“เหรอ...ไม่ยักเหมือนตอนเราเจอกันนะ” กวินประชด
เมื่อมาอีกมุมหนึ่งของห้องอาหารทั้งสามนั่งที่โต๊ะริมระเบียง เชฟของหวานยกจานขนมหวานมาเสิร์ฟ ทิมแนะนำว่า
“จานนี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา ยังไม่ได้ลงเมนู” ทิมหยิบขนมหวานชิ้นหนึ่งป้อนพริม เธอบอกว่าอร่อย “บิวตี้พิชยมันตรา...ขนมหวานสำหรับสาวหวานโดยเฉพาะ เพื่อรสชาติเฉพาะตัว ส่วนผสมเราเลือกใช้แต่เบลคช็อกโกแลตเท่านั้น” ทิมพูดพลางชำเลืองมาทางกวินเหมือนรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำเอากวินชะงัก
กวินจับตาดูความสัมพันธ์ระหว่างพริมกับทิมอย่างระแวง จนเมื่อทิมขอตัวไปดูห้องพักให้ กวินจึงลุกไปห้องน้ำแต่ที่แท้เขาตามทิมไปถามว่า “คุณรู้ว่าผมเป็นใคร?”
“ยินดีต้อนรับครับ...มิสเตอร์เบลค ข้อมูลแขกที่เข้าพักเป็นสิ่งสำคัญที่ผมต้องรู้” กวินบอกว่าตนมาแบบส่วนตัว “เรื่องนั้นได้รับแจ้งจากคุณภีมแล้ว คุณวางใจได้ ผมไม่บอกใครหรอก ผมไม่รู้ว่าคุณมีเหตุผลอะไรที่ต้องปิดบังคุณพริม แต่มันอาจทำให้เธอรู้สึกไม่ดีถ้ารู้ทีหลัง”
“ดูคุณจะเป็นห่วงความรู้สึกคุณพริมมากนะ”
“ผมบอกไปแล้ว...คุณพริมเป็นคนพิเศษที่ผมต้องดูแล”
ทิมพูดเพราะพริมเป็นเพื่อนรักของหรรษา แต่กวินกลับคิดว่าทิมจีบพริมจริงๆ มองเขาด้วยสายตาคู่แข่ง!
หรรษาเพิ่งมาถึงกระบี่หาโรงแรมไม่เจอใจคอไม่ดี โทร.หาเจ๊ลีบอกว่ายังหาโรงแรมไม่เจอโทร.หาทิมก็ไม่รับสายจะทำยังไงดี เจ๊ลีบอกให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจัดการให้ พูดราวกับออกศึกว่า
“เพื่อมิชชั่นปกป้องพรหมจรรย์ของแม่ชี เราต้องร่วมมือกัน”
ooooooo
กวินหวงพริมจนงุ่นง่านพล่านไปหมด ทั้งท้าทิมว่าเป็นคู่แข่งเรามาเล่นเกมกันไหม ทั้งถามพริมว่ารู้สึกอย่างไรกับทิม พอพริมบอกว่า ดูเขาเป็นผู้ใหญ่ สุขุม พึ่งพาได้ ก็ยิ่งไม่พอใจ พาลว่าไม่เคยเห็นเธอพูดถึงผู้ชายอื่นในแง่ดี
ขณะกำลังตึงกันอยู่ ทิมมาบอกว่าได้ห้องแล้วให้ไปดูกัน พริมรีบเดินตามทิมไป กวินเดินฮึดฮัดตามหลัง ผ่านชายผู้หนึ่ง ยกหนังสือพิมพ์ปิดหน้าอ่านอยู่ พอกวินเดินผ่านไปเขาลดหนังสือพิมพ์ลง-คิวปิดนั่นเอง
“ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ แต่ทุกข์ที่เกิดจากข้างนอกไม่เจ็บเท่าทุกข์ที่เกิดจากใจตัวเอง”
คิวปิดยกถ้วยกาแฟร้อนขึ้น มองเงาตัวเองที่ลอยอยู่ในถ้วยก่อนจิบ...
ห้องที่ทิมจัดให้นั้นเป็นห้องที่เพิ่งปรับปรุงเสร็จยังไม่เคยมีใครเข้าพัก พริมดีใจถามว่าตนประเดิมเป็นคนแรกเลยหรือ กวินเดินตามฟังทิมกับพริมคุยหวานกันก็ยิ่งหงุดหงิด ทนไม่ไหวก็คำรามลอดไรฟัน “มันมากไปแล้วนะ!!”
แต่ขณะที่กวินอารมณ์กำลังจะระเบิด หรรษาก็มาถึง เธอดีใจร้องเรียกพริมเสียงใส พริมถลาไปหาด้วยความดีใจ
ทั้งหมดจึงพากันเข้าไปดูห้องพัก หรรษาอุทานตื่นเต้นว่า นี่เป็นห้องฮันนีมูนเลยนะ แล้วไปดูห้องน้ำ เป็นห้องน้ำที่ไม่มีประตูและเป็นห้องกระจกใสโล่ง
พริมช็อกพูดไม่ออก กวินพูดอย่างชื่นชอบว่าบรรยากาศยอดเยี่ยม! พริมถามทิมเหมือนจะเป็นลมว่า
“ห้องอื่นไม่มีแล้วเหรอคะ ฉันอยู่ไม่ได้หรอก” ทิมบอกว่าห้องเต็มหมดแล้ว “งั้นคืนนี้ฉันขอไปพักกับหนูษาดีกว่า หรรษาได้ยินก็โพล่งไปอย่างตื่นเต้นว่าตนอยากพักห้องแบบนี้บ้าง พอทุกคนหันมอง หรรษาก็หน้าเจื่อนรู้ตัวว่าพูดผิดจังหวะ
ooooooo
ที่คิวปิดฮัท...วันนี้ภีมหงุดหงิดมาก รื้อเอกสารบนโต๊ะปึงปังเพราะหาแฟ้มที่ต้องการไม่เจอ ถามเบนว่าทำไมไม่เรียงตามลำดับความสำคัญ เบนบอกว่าเมื่อวาน บอสบอกให้เรียงตามวันที่
“นั่นมันเมื่อวานแต่วันนี้มันไม่เหมือนกัน” เบนบ่นว่าใครจะรู้ใจบอสรายวันได้ถูก ภีมสวนทันควันว่า “วราลียังทำได้เลย”
เบนบ่นเบาๆ ว่าก็คงไม่มีใครทำได้เท่าคุณลีอีกแล้ว ภีมชะงักเสียหน้าที่เผลอหลุดปากไป พอดีมีโทรศัพท์เข้า ที่หน้าจอโชว์ชื่อ โซลเมท ภีมรับสายแล้วตกใจ “หา... อะไรนะ!!”
เพราะภีมมอบให้หรรษารับผิดชอบงานนี้ พอรู้ว่าหรรษาไปหาพริมที่กระบี่ก็เดือดพล่าน
“ทิ้งงานไปหาพริมาเนี่ยนะ ใครอนุญาต!! โทร.ตามหรรษากลับมาเดี๋ยวนี้” เบนรับคำลนลาน วราลี โผล่มมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ภีมให้เบนตอบ เบนบอกว่า พรุ่งนี้โซลเมทจะส่งคนมาประเมินคุณภาพระบบภายใน วราลีตกใจถามว่าพรุ่งนี้!!
“โซลเมทคงอยากทดสอบก็เลยตั้งใจมาแบบไม่ให้รู้ตัว เควิน เบลค...เสือยังไงก็มีเขี้ยวเล็บ เผลอไม่ได้จริงๆ” ภีมบ่น
“มาพรุ่งนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร ฉันจัดการเอง หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว แค่นี้...คนเดียวก็เอาอยู่”
วราลีเด็ดเดี่ยว แน่วแน่ มั่นใจมาก ภีมหูผึ่งแอบดีใจ
วันต่อมา วราลียกแฟ้มเอกสารข้อมูลไปวางที่ห้องทำงานภีม อธิบายอย่างมืออาชีพถึงผลประกอบการ โครงสร้าง ส่วนที่เหลือก็จะแยกไว้ตามหัวข้ออื่นๆ ภีมฟังและมองเอกสาร รู้สึกอุ่นใจขึ้น วราลีบอกว่าเหลือแผนงานขยายฐานในเอเชียตนต้องรีบไปทำ
ภีมมองวราลีแล้วยิ่งไม่อยากให้ไปจากคิวปิดฮัท พอวราลีจะเดินออกไปก็เอ่ย “เดี๋ยวก่อน” วราลีหยุดถามว่ามีอะไรไหม ภีมพูดไม่เต็มปากเต็มเสียงว่า “เรื่องที่คุณจะไป...คือ...ผมไม่อยาก...” ภีมพูดไม่ออก พอดีเบนเข้ามารายงานว่าตนฝากข้อความให้หรรษารีบกลับมาทำงานเดี๋ยวนี้ตามคำสั่งแล้ว ภีมทำหน้าเก้อๆ อึกอัก
“เมื่อกี๊บอสจะพูดอะไรรึเปล่า” วราลีถาม ภีมส่ายหน้าพูดไม่ออก ทำเป็นหยิบโน้นหยิบนี่มาอ่านตีมึนซะงั้น
ooooooo
เมื่อหรรษามาและพริมมีเพื่อน ทิมจึงชวนไปเที่ยวเกาะกันขากลับจะได้แวะซื้อของสดที่หมู่บ้านประมงด้วย หรรษาดีใจชวนพริมไปเปลี่ยนชุดกัน เมื่อพริม หรรษา และทิมเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย กวินก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวหงุดหงิด
ไปถึงหาดส่วนตัวที่สงบสวยงาม ทิมเชิญทุกคนตามสบายบอกว่านี่เป็นหาดส่วนตัวมีเวลาตนชอบมาแคมปิ้งที่นี่
คิวปิดยืนสังเกตการณ์อยู่ที่หัวเรือสปีดโบ๊ตที่ลอยลำอยู่ รำพึงลุ้นๆ
“อย่าให้ต้องเหนื่อยออกแรงนักเลยพ่อคุณแม่คุณรักกันเสียทีเถอะ...”
กวินรู้สึกโดดเดี่ยวหงุดหงิดเพราะคิดว่าทิมจะแย่งพริมไปจากตน จนกระทั่งหรรษากับพริมถ่ายรูปจะเอาไปอวดคนที่คิวปิดฮัทขยับไปขยับมาจนหรรษาหกล้ม ทิมรีบเข้าไปดูหรรษาบอกว่าเจ็บ ทิมปลอบเหมือนเด็กว่าเดี๋ยวจะเป่าให้
ทั้งสองออดอ้อนปลอบโยนกันอย่างคนรัก กวินรู้ความจริงก็หน้าแตกยืนเหวอ พาลหาว่าทำไมพริมไม่บอกก่อน อ้อนว่าทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าตนหึงเธอมากแค่ไหน
“คุณจะหึงไม่หึง ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน” พริมทำเสียงขึงขังแล้วรีบเดินหนีอย่างกลัวใจตัวเอง กวินรู้ทันเดินตามไป ชี้ให้ดูคู่ทิมกับหรรษาว่า “คู่นี้น่ารักดีนะ ดูแตกต่างแต่ก็ลงตัว คุณก็ดูมีความสุขเวลาเห็นคนมีความรักไม่อิจฉาเขาบ้างหรือ”
“พุทธศาสนาสอนให้คนยินดีกับความสุขของผู้อื่น โดยไม่จำเป็นต้องมี”
ทันใดนั้นกวินโยนมะพร้าวอ่อนให้พริมถามว่า รู้ไหมว่ามะพร้าวลูกนี้มีรสชาติยังไง พริมย้อนว่าจะไปรู้ได้ไง
“มันก็เหมือนความรัก ถ้าไม่ลองก็ไม่มีทางรู้ว่ามันดีหรือแย่กว่าเดิม”
พริมหวั่นไหว ใจหนึ่งอยากรู้แต่อีกใจก็กลัว...
ooooooo
กวินวางแผนรุกพริมมโนว่าตนว่ายน้ำอยู่แล้วแกล้งทำเป็นจมน้ำร้องขอความช่วยเหลือเพื่อให้พริมลงไปช่วยฉวยโอกาสตอนนั้นกอดจูบเสียให้ฉ่ำใจ คิวปิดอยู่บนเรือหยั่งรู้ พึมพำว่า
“ความรักไม่ใช่เรื่องที่จะใช่เล่ห์กลกันได้นะพ่อคุณ” แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเหนือชั้นกว่า
ดังนั้น...เมื่อกวินเริ่มแผนทำเป็นจะจมน้ำร้องโวยวายให้ช่วย ปรากฏมีสาหร่ายทะเลลอยเลื้อยมาพันเท้าพันมือกวินจนจะจมน้ำจริงๆ กวินตกใจร้องเสียงหลง “ช่วยด้วย!! ช่วยด้วย!!!”
หรรษานั่งอยู่กับพริมได้ยินเสียงหันไปมองบอกพริมว่าคนจะจมน้ำแต่ตัวเองขยับตัวไม่ได้ พริมเห็นชูชีพวางอยู่ก็วิ่งไปหยิบใส่แล้ววิ่งลงทะเลไปทันที
ในทะเล...กวินถูกสาหร่ายพันดึงจมลงใต้น้ำ เขาดิ้นรนจนเกือบจะหมดแรง พลันสาหร่ายก็กลายเป็นด้ายแดงพันกวินแทน ขณะเขากำลังจะหมดสตินั้น ก็เห็นพริมว่ายน้ำพุ่งเข้ามายื่นมือไปคว้าไว้ พลันด้ายแดงก็หายไป พอกวินเป็นอิสระก็ทะยานขึ้นเหนือน้ำ พริมบอกให้เขาตั้งสติ อดทนไว้ก่อน แต่กวินกำลังจะหมดแรง พริมพยายามดึงไว้แต่ก็ทำท่าจะจมไปด้วยกัน
พลันก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์ มีด้ายแดงมาพันทั้งสองคนดึงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พอโผล่พ้นน้ำก็เหมือนถูกลากไปอย่างแรงจนน้ำกระจาย หรรษานั่งลุ้นอยู่อุทานตะลึงเมื่อเห็นสองคนถูกลากมาอย่างเร็วน้ำแตะกระจายราวกับเล่นเจ็ตสกี
เมื่อขึ้นมาแล้ว พริมกับหรรษานั่งพนมมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พริมเอ่ยอย่างศรัทธา...
“ลูกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆที่ช่วยลูกกับคุณกวินไว้”
หรรษาพูดกับทิมอย่างตื่นเต้นไม่เชื่อสายตาตัวเองว่า “คุณทิมต้องเห็นเองน้ำนี่กระจายอย่างกับเจ็ตสกี”
พอไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จ พริมลุกเดินไปบอกว่าจะไปดูกวินหน่อย ทิ้งเขาไว้คนเดียวมันไม่ดี หรรษามองหน้าทิมเปรย
“เพิ่งเคยเห็นพี่พริมเอาใจใส่ดูแลห่วงใยผู้ชายก็วันนี้แหละ หนูษานึกว่าพี่พริมไม่ชอบคุณกวินเสียอีก”
ทิมได้แต่หัวเราะหึๆ แต่หรรษายังไม่เข้าใจ
ooooooo
พริมเข้าไปในเต็นท์นอน ถามกวินว่าเป็นยังไงบ้าง เขาบอกว่าไหวอยู่ แต่มันแปลกมากอยู่ๆก็เหมือนถูกใครดึงลงไป
พริมบอกว่าสงสัยเขาไปทำอะไรรุ่มร่ามไว้แน่ถึงโดนลงโทษ กวินนึกถึงแผนที่ตัวเองจะสร้างสถานการณ์หลอกจูบพริมใต้น้ำ ปากแข็งแก้ตัวว่าไม่ มีตนอยู่กับเธอตลอดเวลาจะไปทำอะไรรุ่มร่ามที่ไหนได้ยังไง พริมเลยเปลี่ยนเรื่องถามว่ามีไข้ไหม กวินโล่งอกที่พริมไม่สนใจเรื่องนี้อีก แล้วก็แอบดีใจที่พริมจะไปเอายาให้กินถาม “เป็นห่วงเหรอ?”
“ฉันไม่ใช่คนแล้งน้ำใจสักหน่อย” พริมตอบเขินๆ แล้วลุกไป กวินมองตามอย่างมีความสุข
แต่พอออกมาจากเต็นท์ก็เจอหรรษาแอบดูอยู่เพราะเจ๊ลีสั่งให้จับตาดูว่าพริมกับกวินได้กันยังไงและให้รีบรายงาน หรรษาตกใจเกือบหลุดไป ดีแต่พริมไม่ติดใจเลยรอดตัว
เมื่อพริมเอายาให้กวินกินเช็ดตัวให้และวัดปรอท เขารู้สึกอบอุ่นเพราะไม่เคยมีใครอ่อนโยนกับตนขนาดนี้ เมื่อพริมจะออกไป เขาจับมือเธอขอร้องให้อยู่เป็นเพื่อนตนก่อนได้ไหม พริมเห็นเขาเศร้าและกำลังมีไข้จึงไม่ขัดขืน พยักหน้ารับบอกว่าแป๊บเดียวนะ กวินดีใจมองพริมอย่างซาบซึ้ง เอ่ยก่อนหลับตาลงว่า “อาจเป็นโชคดี... ที่ผมจมน้ำ”
กวินกุมมือพริมไว้จนหลับไป พริมมองเขาตอนหลับ...อดหวั่นไหวไม่ได้...
หรรษายังแอบดูอยู่ ตกใจเมื่อทิมมายืนข้างๆ ถามว่า มาทำอะไรตรงนี้ หรรษาตกใจเกือบหลุดแต่ตั้งสติทันบอกว่าบังเอิญมาเห็นพี่พริมกับคุณกวิน
“ผมรู้ทันนะ อย่าไปขัดจังหวะเขาเลย เอาเวลาไปซ้อมฮันนีมูนกันดีกว่า” พลางโอบไหล่มองเจ้าชู้ ทำเอาหรรษาไปไม่เป็น ปากพึมพำบ้า...แต่ซบไหล่ปล่อยให้ทิมพาไปโดยดี
ooooooo
เพราะเป็นห่วงกวินที่ยังป่วยอยู่ พริมจึงไม่ไปหมู่บ้านประมงกับทิมและหรรษา สองคนจึงไปกันเอง พริมถูกสายตาลึกลับจับจ้อง เมื่อพริมแยกไปสายตาลึกลับก็แยกไปอีกทาง
หรรษาลงเรือไปแล้วถามทิมว่าปล่อยพริมไว้แบบนี้จะดีไหม ทิมบอกว่าเวลาจะทำให้เขารู้ใจตัวเอง
พริมกลับไปที่เต็นท์กลางนั่งอ่านหนังสืออยู่ มีชายใส่หมวกหลุบปิดหน้าถือไม้เข้ามาอย่างมุ่งร้าย แต่บังเอิญเดินทำเสียงดัง พริมรู้ตัวลุกถามว่าใคร ชายนั้นหลบทำให้พริมมองไม่เห็น แต่จู่ๆก็เดินไปจ๊ะเอ๋กับหรรษา ต่างตกใจร้องกรี๊ด พริมถามว่ายังไม่ไปกันอีกหรือ หรรษาบอกว่ายัง ไม่รู้ทิมหายไปไหนตนเลยกลับมาดูที่เรือ แล้วเฉไฉขอไปตามทิมต่อ
พอหรรษาไป ชายลึกลับก็ถือไม้เข้ามาทำท่าจะทำร้ายพริม พริมตกใจร้อง กวินได้ยินเขาลุกขึ้นมาทั้งที่มีไข้สูง เมื่อเห็นพริมตกอยู่ในอันตรายเขาพุ่งเข้าใส่ชายลึกลับทันที
ชายลึกลับวิ่งหนี กวินวิ่งตามไปพริมเห็นดังนั้นจึงตามอีกคน ชายคนนั้นวิ่งหนีเข้าไปในโรงเรือนทำผ้าบาติก กวินกับพริมวิ่งตามเข้าไป เห็นผ้าบาติกที่ย้อมเสร็จแล้วแขวนไว้สวยงาม แต่คนร้ายหายไปแล้ว พริมถามกวินว่าคนร้ายหนีไปไหน แต่กวินกำลังหลงอยู่ในดงผ้าบาติก เขาคิดถึงแม่ที่เคยพามาดู
ครั้งนั้นแม่ซื้อผ้าบาติกกลับไปและคลี่ผ้าคลุมหยอกล้อกับเขาในวัย 7 ขวบอย่างร่าเริง ที่เขาจำติดตาและเจ็บปวดจนถึงวันนี้คือ ในวันที่แม่ลากกระเป๋าออกจากบ้าน แม่เอาผ้าบาติกผืนนั้นผูกไว้ที่กระเป๋าด้วย... คิดแล้วเจ็บปวดจนน้ำตาไหล พริมตามมาเห็นถามว่าเขาร้องไห้หรือ กวินงงย้อนถามว่า “ผมร้องไห้เหรอ...” เอามือแตะที่แก้มเจอคราบน้ำตาก็อึ้งสงสัยว่าตนร้องไห้ทำไม เขาไม่ยอมรับความจริงที่เจ็บปวดเพราะคิดถึงแม่...
ที่หน้าโรงเรือน ชายสวมหมวกคนนั้นย่องมาซุ่มที่ประตู กวินกับพริมออกจากโรงเรือนมาซื้อของทะเลที่ตลาดสด ขณะนั้นเองทิมได้รับโทรศัพท์จากวราลี พอเขารับสายก็หน้าเครียด เมื่อรู้ว่าหรรษาต้องกลับวันนี้ให้ได้ ซ้ำภีมยังพูดแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ว่า
“บอกหรรษาด้วย ถ้ากลับไม่ทันจะให้ย้ายไปอยู่ฝ่ายแม่บ้านกับสะคราญ!!!”
กลับถึงเต็นท์กลาง หรรษาลนลานบอกทิมให้ออกเรือด่วน กลับไปไม่ทันตนตายแน่ๆ พอไปหาพริมกับกวินทั้งสองหายไปไหนไม่รู้
“เอางี้นะหนูษา เราต้องรีบไปกันก่อน เดี๋ยวผมให้เรืออีกลำมารับคุณพริมกับคุณกวินเอง”
“มาเลยทั้งสองคน ให้ไว...ให้ไว...” คิวปิดยืนที่เรือร้องเร่งแล้วออกเรือไปอย่างสบายใจ
ooooooo
เมื่อกวินกับพริมกลับมาก็ตกใจที่เรือหายไปแล้ว พริมถามว่าแล้วเราจะกลับกันยังไง ขณะกำลังกังวล เสียงกุ๊กชินก็ร้องมาอย่างร่าเริง “หลบหน่อยพระเอกมา” พอทั้งสองหันมองเห็นเป็นกุ๊กชินก็ดีใจ เมื่อกุ๊กชินรู้ว่าเรือหายจึงชวนกลับกับตน แต่ขอแวะซื้ออะไรอีกหน่อยก่อน
พอเข้าตลาดกุ๊กชินก็ทักทายกับพ่อค้าแม่ค้าอย่างสนิทสนมคุ้นเคย เจอป้าขายแกงก็ร้องบอกว่า “เหมือนเดิม” ป้าคนขายส่งแกงเหลืองให้
“แกงเหลืองร้านนี้ของโปรดพ่อผม มาทีไรต้องซื้อกลับให้ได้” พริมถามว่าแล้วทำไมไม่ทำเอง “พ่อไม่กิน บอกอร่อยสู้ไม่ได้ สมัยก่อนตอนอยู่ที่นี่พ่อต้องมากินแทบทุกวัน” กวินถามว่าเคยอยู่ที่นี่หรือ “ที่นี่บ้านเกิดพ่อเอง บ้านเก่าอยู่แถวๆโรงทำผ้าบาติกโน้น”
กุ๊กชินถามว่าอยากไปเที่ยวโรงทำผ้าไหมตนจะพาไป พริมรีบปฏิเสธเพราะเพิ่งไปพังประตูเขามา
หรรษากลับไปถึงกรุงเทพฯตกใจว่าพริมหายไป ทิมคาดว่าสองคนก็ยังติดอยู่ที่หมู่บ้าน ทิมโทร.หาพริมทันที จึงรู้ว่ายังอยู่ที่ตลาดแต่หาเรือกลับเองได้แล้ว น่าจะกลับถึงช่วงค่ำๆ หรรษาจึงยิ้มออกที่พริมกับกวินปลอดภัย
คืนนี้ พริมโทร.คุยกับหรรษา ถามว่าจะเข้าออฟฟิศวันนี้เลยหรือ หรรษาบอกว่าเจ๊ลีบอกให้เข้าวันนี้ แล้วขอโทษพริมที่วันนี้ตนกลับก่อน
“ช่างมันเถอะ แต่หนูษากลับไปแบบนี้ คืนนี้พี่ก็ต้องรับมือคุณกวินคนเดียว แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว”
“พี่พริมชอบคุณกวินอยู่หรือเปล่า” หรรษาทำใจกล้าถาม พริมอึ้งไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าจะถูกถามแบบนี้ “พี่พริมเหมือนกำลังมีความรักเลยค่ะ”
“หนูษา เอาอะไรมาพูด พี่เนี่ยนะมีความรัก... เป็นไปไม่ได้หรอก พี่เคยมีความรัก...ถึงมันจะนานแล้วก็เถอะ แต่พี่ก็รู้ว่าความรักเป็นยังไง”
“หนูษาคิดผิดเหรอคะเนี่ย” หรรษาเหวอ
“พี่กับคุณกวิน เราแตกต่างกันมาก ไม่มีทางที่จะรักกันได้หรอก”
“แต่ความแตกต่างมันช่วยเติมสิ่งที่เราขาด ดูอย่างหนูษากับคุณทิมสิ”
“เพราะหนูษากับคุณทิมจริงใจต่อกัน แต่คุณกวินเป็นคนยังไงแน่พี่ก็ยังไม่รู้”
พริมวางสาย ถอนใจอย่างสับสนกังวล คืนนี้กวินเอา หมอนมานอนที่โซฟาบอกให้พริมนอนเตียง พริมรีบขอ คำยืนยันขู่ว่าพูดแล้วคืนคำผิดศีลมุสานะ กวินบอกว่ารู้แล้วและอวยพรให้ฝันดี นอนทับจึงรู้ว่าล็อกเกตอยู่ในกระเป๋ากางเกง ควักออกมาดูเป็นล็อกเกตของพ่อ เลยนึกถึงแม่ ถามพริมว่า
“คุณเล่านิทานให้หลานฟังบ่อยหรือเปล่า” พริมบอกว่าบ่อยเหมือนกัน เอะใจถามว่าเขารู้ได้ไง กวินไม่ตอบแต่ถามว่า “เคยได้ยินนิทานคิวปิดไหม เรื่องที่ว่าคนเราทำไม ถึงมีหัวใจแค่ครึ่งดวง...ผมเคยได้ยินเมื่อตอนเด็กๆ...”
พริมบอกว่าคนเรามีหัวใจเพียงครึ่งดวง เพื่อตามหา อีกครึ่งดวงที่หายไป กวินฟังแล้วเสียใจ คิดว่า...
“ล็อกเกตนี้ก็เหมือนกัน หัวใจครึ่งดวง...จะนำพาเราไปเจออีกครึ่งหนึ่งของมัน...ทั้งที่พามาเจอล็อกเกตแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ให้ผมเจอแม่ด้วย...” พริมสงสารบอกว่าตนจะช่วยเขาเต็มที่ไม่ต้องห่วง “เพราะมีคุณอยู่ข้างๆ ผมถึงยังอยากจะได้ยินนิทานเรื่องนั้นอีกสักครั้ง” กวินกุมล็อกเกตหลับไปอย่างง่ายดาย
“คนอะไรบทจะหลับก็เหมือนปิดสวิตช์” พริมเผลอมองเขาอย่างเอ็นดู พอนึกขึ้นได้ก็เขินรีบผละไป
ooooooo