ตอนที่ 5
พอเริ่มมีความรู้สึกดีต่อกัน หรรษาบอกทิมว่าคดีเรียบร้อยแล้วเราคงต้องบอกลากันเสียที ขอบคุณสำหรับทุกอย่างทิมตกใจถามว่า บอกลาเหรอ??
“ที่จริงคุณไม่ใช่คนใจร้ายอย่างที่ฉันเคยคิดเลย เวลาคุณด่าทั้งหมดเพราะคุณอยากให้คนอื่นเก่งเหมือนคุณ ขอให้คนดีๆอย่างคุณปลอดภัยจากคนที่ลอบทำร้ายคุณนะคะ”
พอหรรษาเดินไป ทิมบอกว่าที่ตนตามมาเพราะมีเรื่องอยากรู้เรื่องหนึ่ง ถามว่าการทำตัวเป็น “กากกกก” น่ะทำยังไง เป็นคนไม่สำคัญอย่างเธอทำยังไง หรรษาถามว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับชีวิตเขาหรือ
“ฉันหายไปพักร้อนไม่ถึงอาทิตย์ พอฉันกลับมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่ได้สำคัญอีกแล้วจะมีฉันหรือไม่มี แม่หรือคนอื่นๆเขาก็ไม่รู้สึกอะไร” ทิมพรั่งพรูออกมาอย่างเจ็บปวด
“คุณคงเคยชินกับการเป็นที่หนึ่ง” ทิมพยักหน้า หรรษามองหน้าวิเคราะห์อย่างแหลมคมว่า “เป้าหมายทุกระยะของคนอย่างคุณคือ ‘เป็นที่หนึ่ง’ แต่เป้าหมายทุกระยะของคนอย่างฉันคือ ‘เป็นที่รัก’ ฉันไม่ได้อยากเก่ง ฉันแค่อยากให้คนมารักและอยากรักใครสักคน คนเราเกิดมามีเป้าหมายแตกต่างกันน่ะค่ะ”
ทิมทวนว่าอยากให้คนมารัก ฉุกคิดว่าหรือธรณ์คิดแค่นั้นเหมือนเธอ ถามว่า “แล้วเธอนึกถึง ‘การเป็นที่รัก’ ตลอดเวลาเลยหรือ” หรรษาบอกว่าคงไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น เพียงแต่ว่าเราจะระมัดระวังคำพูด เราจะอ่อนโยนจะเอาใจใส่คนอื่น หัวเราะแหะๆ แล้วแอบตำหนิว่า...ซึ่งเขาไม่เคยมี ทิมถามว่าที่อยู่บนเรือด้วยกันตอนนั้น เธอพยายามทำตัวให้เป็นที่รักซิ?
หรรษาบอกว่าเปล่าเพราะเขาไม่มีทางรักคนอย่าง ตนอยู่แล้วจะทำไปทำไม ทิมบอกว่าเธอพูดถูก ขออย่า ลาออกเลยนะ
“ฉันรู้ค่ะ ที่จริงก็อยากลา เฮ้อ...เอาเถอะลองดูอีกสักตั้ง”
ทิมหลับตาตั้งสติ บอกตัวเองในใจว่า “เขาไม่ลาออกแล้ว...” แล้วเดินจากไป หรรษาก็เดินไปอีกทางเหมือนทั้งคู่หันหลังเดินห่างออกจากกันไปทุกทีแล้ว....
ooooooo
วันนี้ หนังสือกอสซิปลงรูปของทิมประคองหรรษาบนเรือเหมือนคนรักกอดกันที่นักท่องเที่ยวถ่ายไว้ พอทิมเห็นก็ด่าอย่างหัวเสีย แพทบอกว่าตนจะจัดการให้ เรื่องข่าวต้องโทร.หานักข่าวอธิบายความจริงกับเขา
พอซินดี้เห็นรูปและคำบรรยายว่า “ทิม พิชยธรควงสาวบาร์พัทยาระเริงสวาทกลางทะเล” ก็เหมือนระเบิดลงกลางหัวใจ ด่าว่านี่เป็นการหยามกันชัดๆ ประกาศว่าตนจะคว้านายทิม พิชยธร มาเป็นสามีให้ได้
ส่วนภีมก็ย้ำกฎเหล็กของคิวปิดฮัทกับหรรษาว่าคือห้ามเป็นแฟนกับลูกค้า ตะคอกถามเธอว่าแล้วนี่คืออะไร! หรรษาตกใจพูดรัวออกมาเป็นภาษาต่างดาวว่าตนไม่มีอะไรกับทิมจริงๆ
ภีมบอกว่าเธอทำผิดร้ายแรง ถึงตนจะดีใจที่เธอทุ่มเททำงานจนฝ่ายนั้นถอนฟ้องได้ แต่ความผิดนี้ตนก็สามารถไล่เธอออกได้เลย หรรษาบอกว่าตนอยู่บนเรือเพราะไปเจรจาจนทิมยอมถอนฟ้อง คิดดูแล้วกันคนอย่างทิมจะมาสนใจตนได้ยังไง
ภีมกลัวภาพลักษณ์ของคิวปิดฮัทจะเสีย ให้เธอไถ่โทษด้วยการให้เป็นคนพรีเซนต์การจัดเลี้ยงคราวหน้า ย้ำว่า
“ภารกิจของคุณคือไปออกเดตกับคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกค้า ออกไปรู้จักความรักซะจะได้ทำงานได้ดีขึ้น แล้วก็จัดงานพรีเซนต์นี้ให้ดี ส่วนเรื่องทิม พิชยธร ผมจะให้คุณเกดเข้ามาดูแลแทน และคุณห้ามยุ่งกับเขาอีกเด็ดขาด!”
หรรษาทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กินยาขมหม้อใหญ่
คุณหญิงชื่นเห็นข่าวนี้ก็โวยวายว่าตนอุตส่าห์พาซินดี้ที่มีชาติตระกูลมาแนะนำแต่ทิมกลับไปคว้าผู้หญิงไม่มีชาติตระกูลแบบนี้ ประกาศไม่ยอมรับผู้หญิงอย่างนี้มาเป็นสะใภ้เด็ดขาด
“ชาติตระกูลนี่มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือครับ ยายซินดี้ที่แม่พามาให้ผมรู้จักน่ะ ชาติตระกูลเก่าแก่ยันสมัยอยุธยาโน่น แต่นิสัยของเขาแย่ยิ่งกว่าผู้หญิงที่แม่ว่าเสียอีก”
“คำว่าชาติตระกูล หมายถึงมีสายสัมพันธ์ดีๆ คอนเน็กชั่นไง ครอบครัวหนูสุคนธาทำทั้งมือถือ ทำทั้ง งานสื่อ มีประโยชน์ต่อพิชยธรที่สุดแล้ว”
“คนที่นึกถึงแต่ตัวเอง ไม่สนใจว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนยังไง ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวแบบนั้น ต่อให้มีประโยชน์แค่ไหนผมก็รักไม่ลงหรอกครับ”
คุณหญิงบอกว่าเขาจะหาเศษหาเลยบ้างตนไม่ถือสาแต่อย่าไปหลงผู้หญิงแบบนั้น เขาจะไม่ชอบซินดี้ก็ไม่ว่าแต่ต้องไม่ใช่ผู้หญิงหยำฉ่ากระเชอก้นรั่วคนนั้น! ทิมเห็นแม่อยู่ในอารมณ์นั้นก็เงียบไปอย่างคร้านที่จะพูดอีกแล้ว
ooooooo
ความหวาดระแวงธรณ์ว่าจะเป็นคนที่คิดทำร้ายตน ทิมจึงมักจะมีคำพูดเหน็บแนมธรณ์ว่าจ้องทำร้ายตน จนธรณ์ถามว่าทำไมมองตนแบบนั้น
“นายไปออกทีวีบอกว่าจะเข้ามาทำงาน นายอยากบริหารตรงไหน แบ่งครึ่งกันเลยหรือเปล่า ถ้านายขอ ฉันจะให้”
ธรณ์ตอบสบายๆ ไม่ได้คิดอะไรว่า ตนไม่เอา ไม่อยากทำ ที่ออกทีวีไปนั่นเพราะแม่ขอให้ตนสร้างภาพ เพื่อปั่นให้หุ้นมีราคาเท่านั้น
“ทำเพื่อ ‘เป็นที่รัก’ ของแม่ ไม่ได้อยาก ‘เป็นที่หนึ่ง’ เหมือนฉัน แน่ใจหรือ”
“เออ...ผมชอบนะ เป็นที่รักกับเป็นที่หนึ่ง พี่เป็นที่หนึ่งมาตลอด ไม่เหงาบ้างหรือ ออกวิ่งไปข้างหน้าไม่มีใครตามทัน สุดท้ายเขาก็ปล่อยพี่วิ่งไปคนเดียว เหงาจะตาย”
“คนที่ชอบเป็นที่หนึ่งที่ออกวิ่งก็อยากเป็นที่รักคนอื่นนั่นแหละ อยากให้คนชื่นชม อยากให้คนที่เขารัก ‘รัก และซื่อสัตย์’ กับเขา เพราะฉะนั้น ไม่มีหรอก คนที่อยากเป็นที่หนึ่ง ใครๆก็อยากเป็นที่รักเหมือนกันหมด”
ธรณ์ฟังพี่ชายพูดแล้วถามว่าพี่เป็นอะไรหรือเปล่า ทิมบอกว่าเขาไม่ชอบทำงานแต่ก็ไปออกทีวีแถมตั้งใจทำงาน ถามว่า “ธรณ์ นายกำลังคิดอะไรอยู่” ธรณ์บอกว่าตนแค่อยากให้พี่ทึ่ง อยากให้พี่รู้ว่าตนไม่ได้โง่ ถามว่า
“วันนี้พี่รู้แล้วใช่ไหมล่ะ สะใจจริงๆ สายตาทึ่งแบบนี้แหละที่ผมอยากเห็น รู้สึกยอมรับในตัวผมแล้วใช่ไหมล่ะ สะใจจริงๆ” ธรณ์หัวเราะร่า นึกได้ถามว่า “นิพัทธ์บอกว่ามะรืนพี่จะไปตรวจคลังสินค้าอีกหรือ อย่าไปเลย คราวก่อนก็เพิ่งจะมีเรื่องไป ผมว่ามันเสี่ยงเกินไปนะ”
“รู้สึกว่านายจะเป็นห่วงเรื่องนี้มากเหลือเกินนะ” ทิมประชดมองอย่างประเมิน
“พูดแปลกๆอีกแล้ว พี่เป็นพี่ผม ก็ต้องห่วงสิครับ เชื่อผมนะ อย่าไปเลย”
ธรณ์มองทิมอย่างเป็นห่วงจริงใจ แต่สายตาของทิมมองธรณ์อย่างระแวง ไม่ไว้ใจ...
ooooooo
หมวดปรัชวินทร์ฟังทิมเล่าเรื่องที่ธรณ์พูดจาแปลกๆกับการสันนิษฐานของตัวเอง หมวดวิเคราะห์ว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่คลังสินค้าที่ธรณ์ไม่อยากให้เขาเห็น หรือไม่ก็กำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างอยู่
ฟังหมวดวิเคราะห์แล้วทิมยิ่งเครียด บอกว่าตนทนไม่ไหวแล้ว บอกให้เอากำลังไปล้อมจับเลย ตนจะเป็นตัวล่อให้เองเรื่องจะได้จบๆ ต่อไปนี้ตนจะไม่ทนอยู่เฉยๆให้มันมาเล่นงานฝ่ายเดียวอีก! หมวดถามว่าเขามีแผนหรือ ทิมพยักหน้า
รุ่งขึ้น ขณะไปทำงาน ทิมบอกแพทว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายให้บอกที่คลังว่าวันนี้ขอยกเลิกไม่ไปตรวจ แพทจะเรียกพนาเอารถมารับก็บอกว่ากลับเองดีกว่าและวันนี้จะไม่เข้ามาอีกแล้ว การประชุมตอนบ่ายก็ให้โทร.ตามธรณ์มาจัดการแทน
ธรณ์ได้รับโทรศัพท์จากแพทขณะอยู่ฟิตเนส เขาบอกนิพัทธ์ว่ามีเรื่องด่วนทิมป่วยให้ตนไปประชุมตอนบ่ายแทน เมื่อทิมฝากแพทบอกธรณ์แล้ว เขาคาดว่า พอตนไม่อยู่คงระวังตัวกันน้อยลง ที่เหลือให้ทำตามแผนของหมวด แล้วทิมก็โทร.หาหรรษา พอเธอเห็นทิมโทร.มา ก็ไม่กล้ารับสายให้การะเกดรับแทน การะเกดรับสายแต่กดเสียงออกลำโพงให้ได้ยินด้วยกัน
ทิมแปลกใจที่การะเกดรับสาย เธอบอกว่าหรรษาติดงานด่วนตนเลยรับแทนและภีมก็ให้ตนมาดูแลเคสของเขาแทนหรรษามีอะไรคุยกับตนได้เลย ทิมขอบคุณแต่ตนขอคุยกับหรรษา ช่วยตามเธอมารับสายด้วย หรรษาส่ายหน้าดิกเอากระดาษมาเขียนให้การะเกดบอกแทน การะเกดพยายามอ่านลายมือขยุกขยิกให้ทิมฟังว่า
“หรรษาบอกว่า งานโอเคค่ะ ผู้ชายบอสน่ารักมาก เรียกหนูษามาเชยชมทั้งตัววันนี้ไม่หยุดเลย คุณทิมไม่ต้องห่วงค่ะ”
ทั้งทิมและการะเกดต่างตกใจ ทิมทำเป็นโมโห ถามว่าใครห่วงเธอ ยายสมองกลวงปัญญาอ่อน ตนแค่ จะโทร.มาถามข่าวแล้วด่าว่า เป็นผู้หญิงปล่อยเนื้อปล่อยตัว ให้เขาเชยชมแล้วยังมาอวด มียางอายไหม? หรรษาได้ยินถามว่าทิมด่าตนหรือ การะเกดบอกให้หรรษาคุยเองเรื่องจะได้จบ เธอบอกว่าตนไม่สะดวกจริงๆ ขอโทษด้วย ทิมได้ยินโมโหกดตัดสายแล้วพรวดออกไปเลย
การะเกดรับไม่ได้ถามหรรษาว่าบอสทำเรื่องน่าเกลียดขนาดนี้ทำไมไม่บอก ตนจะไปบอกเจ๊ลี หรรษาบอกว่าตนชมบอสต่างหาก แล้วพูดทวนที่เขียนให้ฟังว่า
“หนูษาบอกว่า บอสเป็นผู้ชายที่น่ารักมาก วันนี้เรียกหนูษามาชมเชยทั้งวันไม่หยุดเลย”
การะเกดยกมือตบหน้าผากตัวเองฉาด บอกว่า หนักมากสะกดผิดแล้วยังสลับคำไปมาความหมายเพี้ยนไปหมดเตือนว่า “ภาษาเป็นสิ่งสำคัญนะ หนูษาต้องใส่ใจให้มากกว่านี้” หรรษาขอโทษ การะเกดบอก “ขอโทษบอสเถอะทำให้เขาเสียคนหมดแล้ว ป่านนี้คุณทิมคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ สื่อสารผิดชีวิตเปลี่ยนจริงๆ”
ขณะนั้นเองแมนเดินเข้ามาเก๊กแมนบอกหรรษาว่าตนนัดคุณป๋องไว้แล้วผ่านมาทางนี้เลยรับมาด้วย เร่งให้ไปปฏิบัติการหาสามีกันเร็ว หรรษาถามว่าคุณป๋อง? ใคร?
“เอ๊า...คำสั่งคุณภีมไงคะ รีบๆหาแฟน ถ้าได้ล้านนึงก็เอามาใช้หนี้ให้พ่อด้วย”
“หา! พี่ก็เลยหาคนมาให้หนูษาออกเดตงั้นหรือ” แมนพยักหน้า เร่งให้รีบไป อยู่ร้านอาหารตรงนี้เอง แล้วลากไปเลย
ทิมกำลังเดินเข้าไปหาหรรษา เห็นแมนลากเธอออกมาจึงแอบดู แอบฟัง ได้ยินหรรษาบอกว่าตนไม่อยาก ออกเดตกับใคร แมนบอกว่านี่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของตนทั้งหล่อ รวย เขาบ่นอยากมีแฟน ตนเลยนึกถึงหนูษา ยุว่า
“เอาเหอะ ลองคุยดู สมมติสปาร์กกันพี่ก็ได้ประโยชน์ได้งานจากคุณป๋องไปตลอด แต่ถ้าไม่ติด คุณป๋องพิการหรือตายพี่ก็หาลูกค้าใหม่ ไปเหอะน่าลองดูแค่นั่งกินข้าวกัน เปิดโอกาสให้ตัวเอง เผื่อฟลุคได้เงินล้าน ไปปลดหนี้ให้พ่อไง”
ทิมแอบฟังจับความได้ว่าหรรษาจะไปออกเดตก็รีบตามไป แมนพาหรรษาเข้าไปในร้าน ชี้ให้ดูป๋องบอกว่าเดี๋ยวจะมีคนพาไปพบคุณทองแท่งเอง หรรษามองคุณทองแท่งหนุ่มหล่อที่นั่งทื่อเหมือนหุ่น ตัดสินใจ
“เอาวะเพื่อเงิน 1 ล้าน”
ooooooo
ทองแท่งหนุ่มหล่อแต่เนิร์ด นั่งหน้าตาจริงจัง เย็นชา หรรษาเห็นแล้วเริ่มกลัว พอเข้าไปนั่งเขาบอกเริ่มกันเลยไม่ต้องเสียเวลา พอเธอตอบเบาๆ ทองแท่งก็พูดเป็นฉากๆรวดเดียวจบว่า
“ผมต้องการสร้างครอบครัว อยากมีลูกสองคน ภรรยาของผมจะต้องดูแลผมและลูกเป็นอย่างดี ไม่ขาดตก บกพร่อง เป็นทั้งแม่บ้านและทำงานนอกบ้านได้ด้วย ความสามารถต้องรอบด้าน หวังว่าคงไม่มากไปนะครับ”
“ตกลงคุณจะมาตามหาวันเดอร์วูแมนใช่ไหมคะ เซเลอร์มูนยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลยค่ะ”
“ไม่ตลกครับ ผมจริงจังมาก” ทองแท่งหน้านิ่ง “ผมอยู่ในระเบียบมาตลอด ทุกอย่างต้องเป๊ะตามตาราง ถ้าคุณตกลง เราจะแต่งงานกันในอีกสี่เดือนข้างหน้าแล้วก็จะมีลูกด้วยกันเลย”
“คงจะไม่ได้หรอกครับ” ทิมเข้ามาพูดขึงขัง ทองแท่งถามว่าเขาเป็นใคร??
ทิมย้อนว่าตนต้องถามเขามากกว่าว่าคิดยังไงถึงเอายายโปรโตซัวไร้สมองมาเป็นแฟน อยากตายก่อนแก่หรือไง ทองแท่งถามว่าเขาเป็นแฟนเธอหรือ ทิมบอกว่าตนไม่สิ้นคิดขนาดนั้นหรอก ที่พูดนี่เป็นห่วงเขาต่างหาก มองทั่วตัววิเคราะห์ว่า
“เสื้อฟ้าเนี้ยบ ของใช้ดูคลาสสิกมีระดับผู้ดีเก่านะ บ้านคุณเป็นบ้านไม้ใช่ไหม”
ทองแท่งตอบงงๆว่าใช่ ทิมบอกว่าเอายายวินาศสันตะโรนี่ไป ไฟไหม้ชัวร์ ทองแท่งอึ้งบอกว่างั้นไม่ต้องทำครัว แค่ทำงานบ้านก็พอ ทิมบอกว่าพังเละ ทองแท่งลดงานลงเรื่อยๆ เป็นเลี้ยงลูกเฉยๆ ทิมบอกไม่รอดแน่ สุดท้ายทองแท่งบอกให้เลี้ยงหมาแทนแล้วกัน ทิมสวนทันทีว่า “โฮ้ย...ตายหยังเขียด!”
“โอเค เคลียร์ ชัด จบ! ไปล่ะ” ทองแท่งหรือป๋องลุกขึ้นเดินออกไปทันที หรรษางงมากร้องเรียกเดี๋ยวก่อน แต่ทองแท่งไม่แม้แต่จะชะงัก หรรษามองตามตาละห้อยทำท่าจะร้องไห้...ครวญ...
“เงินล้านของฉัน ลอยออกไปแล้ว ฮืออออ”
“เงินล้านคืออะไร อยากได้เงินจากไอ้คนนี้หรือ” ทิมถามงงๆ แต่ยิ้มดีใจที่ไล่ทองแท่งได้สำเร็จ
ooooooo
ไล่ทองแท่งไปแล้ว ทิมถามหรรษาว่าเธอกับ บอสของเธอมีความสัมพันธ์อะไรกัน เธอเดินหนีไม่พูดด้วย เลยถูกเขาด่าว่าเป็นพวกไฟลัมพอริเฟอรา หรือถึงได้ไม่มีปากพูด หรรษาบอกว่าตนเป็นแค่โคลนตมแค่กากให้อยู่ห่างๆตนไว้
ทิมทำอุบายหลอกว่ามีคนสะกดรอยตาม พอเธอตกใจก็พาไปขึ้นรถขับไปพัทยา บอกว่าวันนี้หมวดปรัชวินทร์กำลังทำแผนหลอกล่อจับผู้ร้าย ตนอยู่ออฟฟิศไม่ได้เลยขับรถมาหาเธอ เหตุที่ต้องมาหาเธอเพราะ...
“ชีวิตเฮงซวยของฉันมันต้องเจอคนที่เฮงซวยกว่า ซึ่งก็คือเธอ! และเธอก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง”
เมื่อไปถึงพัทยาก็สั่งให้ลงจากรถไปเดินเล่น ระหว่างอยู่พัทยาทั้งสองต่างรู้สึกผ่อนคลาย หรรษาก่อปราสาททรายก็ถูกทิมแกล้งปัดพัง เธอเลยกำทรายซัดใส่หน้าเขา ทรายเข้าตาก็ตกใจรีบดูให้ ความใกล้ชิด ทำเอาทั้งคู่เลือดหนุ่มสาวซ่านใจเต้นแรง พอหรรษารู้ตัวก็แกล้งร้องว่ามดกัด ผละออกจากเขา
ทั้งสองผ่อนคลายสบายใจอยู่ที่ทะเลจนพระอาทิตย์ตก หรรษาเล่นผีเสื้อเงาบินไปมาอย่างร่าเริง ทิมยิ้มเอ็นดูกับความเป็นเด็กของเธอสอนให้เล่นกันเพลิน จนเธอได้รับไลน์จากการะเกด พอกดดูเธออ่านเบาๆ
“พรุ่งนี้จะพรีเซนต์งานแล้ว หนูษาสู้ๆนะ พี่เป็นกำลังใจให้”
หรรษาหมดสนุกไปทันที ทำหน้าอยากร้องไห้ ทิมถามว่าเป็นอะไร เธอเล่าให้ฟัง บอกว่าตนยังคิดคอนเซปต์ไม่ออกเลยแล้วหยิบปากกาที่ทิมให้ออกจากกระเป๋าภาวนา “คิด ต้องคิดให้ออก โฟกัส อย่านอยด์...โฟกัส อย่านอยด์...”
“เอาคอนเซปต์ คนที่แตกต่างกันมากๆ มารักกัน เอาไหม” ทิมเสนอ อธิบายว่า “เขาว่ากันว่า คนที่ต่างกันมากๆมักจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน เพื่อรักษาสมดุลให้โลกเรา คนที่ทำทุกอย่างถูกไปหมด จะรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับคนที่ชอบทำผิด เหมือนเขาได้ลดความจริงจัง ลดความเคร่งเครียดในตัวเอง”
หรรษาเคลิ้มกับสายตาที่เปิดเผยความรู้สึกของทิม เผลอเผยความรู้สึกของตัวเองออกไป พูดต่ออย่างเข้ากันเหมือนหัวใจคนละซีกที่มาต่อกันได้สนิทว่า...
“คนที่ทำทุกอย่างผิด ก็เหมือนความมืด ที่อยากหาแสงสว่าง อยากเห็นทางออก อยากเห็นความหวัง”
“พยายามเข้านะ อย่ายอมแพ้ พรุ่งนี้เธอต้องทำได้” ทิมปลุกเร้าใจ ทั้งสองยิ้มและมองกันด้วยความรัก แต่แล้วก็ชะงักเมื่อมีข้อความเข้ามือถือของทิมว่า ‘คุณนิพัทธ์มาที่คลังสินค้า’ หรรษาถามว่ามีอะไรหรือ “ฉันวางแผนล่อบางอย่าง แล้วคนที่มาติดกับคือนิพัทธ์ ไปกันเถอะ” ทิมหน้าเครียดลุกเดินไปทันที หรรษารีบตามไป
ooooooo
ทิมปล่อยข่าวว่าไม่สบายกลับไป และจะไม่เข้าออฟฟิศอีก นิพัทธ์ตายใจสั่งลูกน้องไปขนสินค้าที่ยักยอกเก็บไว้ที่โกดัง แต่ทุกอย่างอยู่ในสายตาของปรัชวินทร์ หมวดนำกำลังตำรวจไปจับนิพัทธ์ได้คาหนังคาเขา นำตัวไปสอบสวน
“ผมสอบสวนจนนายนิพัทธ์ยอมรับว่าเขามีภรรยาน้อย เขาขัดสนเรื่องเงินมากจนต้องยักยอกสินค้าไปขายเพื่อเอาเงินมาเลี้ยงดูภรรยาน้อยคนนี้” หมวดโทร.บอกทิมหลังจากสอบสวนจนนิพัทธ์สารภาพ
เมื่อทิมไปที่โรงพัก นิพัทธ์เห็นก็ดิ้นรนมาหาทีแรกด้วยอารมณ์โกรธ แต่พริบตาเดียวก็เจ้าเล่ห์ทำตัวหงอน่าสงสารขอร้องอย่าบอกเรื่องนี้แก่ลูกเมียตน เพราะไม่อยากให้เขาเสียใจ ทิมบอกว่าคนอย่างเขาที่พิชยธรไว้ใจตลอดมากลับยักยอกสินค้า และตามฆ่าตนขนาดนี้ไม่ควรได้รับความเห็นใจอะไรทั้งนั้น
นิพัทธ์ตกใจบอกว่าตนแค่ยักยอกสินค้า ตนไม่ได้ตามฆ่าเขา วันที่เขาเห็นในกล้องวงจรปิดตนแค่เข้าไปตรวจดูว่าคนของตนขนสินค้าออกไปหรือยัง กลัวเขามาเจอพอรู้ว่าเรียบร้อยตนก็ออกไป ก่อนที่จะเกิดการวางเพลิง ขอให้เขาถอนฟ้อง ตนสัญญาว่าจะหาเงินมาคืนบริษัท
ทีแรกทิมไม่เชื่อ แต่จากหลักฐานของหมวดบอกว่าเราไม่เจอหลักฐานอื่นที่จะเอาผิดกับนิพัทธ์เรื่องที่จะฆ่าเขาได้เลย ดูจากเวลากล้องวงจรปิด นิพัทธ์ออกไปจากคลังสินค้าก่อนเกิดเรื่องจริงๆ
“ไม่ใช่แล้วจะเป็นใคร...ผมรู้สึกว่าเป็นเขานี่แหละ” ทิมยืนยันจากความรู้สึก บอกว่าแค่คดียักยอกทรัพย์ เดี๋ยวเขาก็ประกันตัวออกมาได้
“คุณคงต้องระวังตัว คนรอบตัวคุณไม่ว่าใครให้สงสัยไว้ก่อน” ทิมถามว่าตนต้องอยู่อย่างหวาดระแวงต่อไปหรือ “คุณธรณ์มีความเชื่อมโยงกับนายนิพัทธ์หลายอย่าง ต่อไปนี้เราต้องจับตาดูเขาในฐานะผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งของคดี เพราะเขาคือคนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดถ้าคุณเป็นอะไรไป”
ทิมเครียด หรรษาเอื้อมมือไปแตะแขนเขาอย่างเห็นใจ ทั้งสองมองกันเผยความรู้สึกจากส่วนลึกต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อธรณ์เจอทิมที่บ้าน ธรณ์คิดไม่ถึงเรื่องนิพัทธ์ยักยอกสินค้าบริษัท ทิมถามประชดว่าตอนนี้ตนไล่นิพัทธ์มือขวาของเขาออกแล้วต่อไปใครจะแนะนำเขาได้อีก
ธรณ์บอกว่านิพัทธ์ทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แต่คนเรามีสองมือ ถึงจะเสียมือขวาไปแต่ก็ยังมีมือซ้ายและสมอง ถ้าตนจะแข่งกับพี่จริงๆต่อให้ยากแค่ไหนตนก็ไม่ยอมแพ้ ทิมอึ้งยิ่งระแวงธรณ์มากขึ้น
เปลวยืนอยู่หน้าห้อง หน้าเครียดเมื่อได้ยินการพูดคุยกันทั้งหมด
ooooooo
วันนี้หรรษาจะต้องพรีเซนต์งานแล้ว เธอนั่งจ๋องๆก้มหน้าอยู่ในห้องประชุมโดยมีภีมและวราลีมารอฟังการพรีเซนต์ หรรษาบอกทั้งสองว่าขอเวลาแป๊บนึง แล้วหลับตาตั้งสติ
ภีมเซ็งเอากระดาษมาวาดตารางแล้วเอาศอกกระทุ้งให้วราลีเล่น XO กัน วราลีดุเบาๆ ว่าจริงจังหน่อย ภีมถามว่าจริงจังทำไมในเมื่อคนพรีเซนต์เป็นแม่คนนั้น วราลีติงว่าอาทิตย์ก่อนเขายังชมหนูษาเรื่องคุณทิมอยู่หยกๆ
“นี่คุณ...เราตัดสินคนจากความสำเร็จแค่ครั้งเดียวไม่ได้หรอกนะ” ภีมตัดบท
หรรษาตั้งสติถือปากกาที่ทิมให้หลับตาเหมือนเป็นของขลัง คิดถึงคำสอนของเขาขณะเล่นหมากฮอสด้วยกันว่า
“โฟกัสที่เป้าหมาย โฟกัส!” เธอลืมตาจ้องปากกานิ่ง ภีมเริ่มหมดความอดทนตบโต๊ะปัง ถามว่าจะให้ตนมาฟังพรีเซนต์หรือนั่งมองเธอจ้องปากกา หรรษามองภีมเต็มตา พูดอย่างมั่นใจว่า
“คอนเซปต์ที่เราจะใช้งานในครั้งนี้คือ‘คู่ต่าง’ ค่ะ” แล้วอธิบายฉะฉานว่าคือคู่รักที่ต่างกัน อ้วนกับผอม ดำกับขาว คนอุ้มหมากับอุ้มแมว และคนสูงกับคนเตี้ย “คนเราทุกคนมีความชอบ มีรสนิยมที่แตกต่างกันตามสถานะและความเป็นอยู่ แต่ถ้าเราลองเปิดใจยอมรับคนที่มีความแตกต่างกับเรามากๆ บางทีเราอาจจะได้พบความรู้สึกที่แตกต่าง ได้เปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น”
ทุกคนในห้องประชุมจ้องหรรษาเป็นตาเดียว เธอยังคงพรีเซนต์อย่างมั่นใจฉะฉานลื่นไหลว่า ตนจะให้คู่ต่างพบกันในงานเลี้ยง ด้วยความเชื่อว่าความต่างนี้จะสามารถเติมเต็มกันและกันได้...จนกลายเป็นความรักที่มาพร้อมกับความสมดุล
“ในที่สุด ยายวินาศสันตะโรก็ทำสำเร็จ” ภีมลุกขึ้นปรบมือดังมาก วราลีก็ชมว่ามั่นคง เลอค่าและสตรองที่สุด
“ชอบหรือคะ นี่ชมหนูษาหรือคะ” หรรษาถามงงๆ พอทั้งสองพยักหน้า เธอก็หัวใจพองโต เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเอง มีเสียงกึกก้องในสมองว่า “มนต์แห่งจันทรา แสดงฤทธาแล้ว”
ooooooo
ฝ่ายทิม วันนี้มีประชุมแต่ใจเขาเป็นห่วงหรรษาถือโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาพอจะโทร.ถาม แพทก็มาเตือนว่าที่ประชุมพร้อมแล้วเขารอกันอยู่ ทิมจึงเก็บโทรศัพท์ไปเข้าประชุม แต่ในใจยังพะวักพะวนว้าวุ่นเรื่องหรรษาอยู่ ใจไม่อยู่กับที่ประชุม การถกเถียงกันเรื่องการเปิดไลน์บุฟเฟ่ต์ที่ผู้บริหารคนหนึ่งเสนอไม่ได้เข้าหูเขาเลย
ทิมทนไม่ไหวเขาตัดสินใจกดไลน์ส่งข้อความถึงหรรษาด้วยความเป็นห่วงยาวยืด ผู้บริหารทุกคนถกเถียงกันแล้วมองมาที่ทิมรอว่าเมื่อไหร่เขาจะเลิกเล่นมือถือ จนแพทเตือนว่าทุกคนรอความเห็นเขาอยู่ ทิมเงยหน้าจากมือถือละอายที่ตัวเองไม่มีสมาธิในการทำงานตั้งท่าจะวิจารณ์ว่ามันไม่ดี แต่ก็สะดุดเมื่อนึกถึงคำพูดของหรรษาที่ว่า...
“ให้ช่วยลด ‘ความถูกต้อง’ แล้วเพิ่ม ‘ความรู้สึก’ อีกนิดได้ไหม” และที่ว่า “เรื่องไร้สาระมันก็มีคุณค่าของตัวมันเอง เพราะพอหัวเราะขึ้นมาบรรยากาศการสนทนาก็ดีขึ้น” เขาก็เปลี่ยนเป็นพูดหน้าตายว่า
“เรื่องไลน์บุฟเฟ่ต์เพื่อกระตุ้นยอดขายนี่ก็ดีนะ แต่ว่าเราจะทำยังไงกับคนที่ไม่ชนะอาหารล่ะ”
ที่ประชุมงงกับคำว่า ‘ชนะอาหาร’ ของเขามาก พอแพทสะกิดถามเขาก็อธิบายหน้าตาเฉยว่าก็คนที่แพ้อาหารไงล่ะพูดเองขำเองหัวเราะเองอารมณ์ดี แต่ที่ประชุมเหวอไม่คิดว่าเขาจะเล่นมุก ทิมอายที่เล่นมุกแล้วฝืดไม่มีใครขำด้วยเลยบอกว่า
“ผมล้อเล่น เป็นมุก เพิ่มความรู้สึกดี เพิ่มอารมณ์ขันให้ที่ประชุม” ทุกคนเลยหัวเราะเอิ้กอ้ากเอาใจ ทิมยิ้มฝืดเซ็งๆ
ฝ่ายหรรษา พอพรีเซนต์เสร็จเปิดมือถือเห็นทิมส่งข้อความมายาวยืด เธอยิ้มแล้วรีบพิมพ์ข้อความตอบ แต่พอจะกดส่งกลับชะงัก คิดถึงที่ถูกภีมด่าและเรื่องที่ตนไม่อยากมีแฟน ในที่สุดตัดสินใจกดลบทิ้งทั้งหมด
“เขากับเราเนี่ยนะ อยู่ห่างๆกันดีกว่าไหม เฮ้อ...” กดลบทิ้งแล้ววางมือถือผลักให้ห่างตัวย้ำกับตัวเอง “จบๆๆๆ” หลับตาสะกดจิตตัวเองนิ่ง...
ooooooo
วันนี้แองจี้เอาบัตรคอนเสิร์ตลูกกรุงในอดีตให้คุณหญิงชื่นสองใบบอกว่าบัตรหายากมากเซเลบหลายคนมาขอ แต่ตนไม่ให้เพราะจะเก็บไว้ให้หม่อมชื่น
คุณหญิงดีใจมาก พอดีมีโทรศัพท์จากคิวปิดฮัทเข้ามา คุณหญิงรับสายอุทานตื่นเต้น
“สวัสดีค่ะ...จัดดูตัว เอ่อ นัดบอดให้ตาธรณ์กับหนูอังกาบหรือคะ สักครู่นะคะ”
ธรณ์นั่งอยู่ด้วยมองแองจี้ขวับถามว่านี่มันอะไรกัน เธอแอ๊บบอกว่าตนไม่ทราบ ขณะธรณ์กำลงซักถามแองจี้อยู่ คุณหญิงก็ตอบตกลงรับนัดไปแล้ว บอกธรณ์ว่าเมื่อตอนนี้เขายังไม่มีใครก็ลองเปิดใจกับหนูอังกาบดู แล้วพูดโทรศัพท์ต่อ
“พรุ่งนี้เลยนะคะ ที่ห้องอาหารโรงแรมของฉัน อ้อ แล้วก็อยากจะให้มาเตรียมการที่นี่เลยได้ไหมคะ...”
วราลีเจ๊ใหญ่จากคิวปิดฮัทมาเตี๊ยมกับธรณ์เรื่องการนัดบอดครั้งแรก แนะนำมุกตลกเมื่อไม่สบายใจที่จะตอบคำถาม ธรณ์ถามว่ามีคาถาป้องกันตัวไหม ตนยังไม่อยากถูกคุณแองจี้งาบตั้งแต่หัววัน วราลีบอกว่าไม่มี ธรณ์ถอนใจเซ็งๆ
เมื่อแองจี้มาแต่งตัวที่โรงแรมโดยมีหอมหมื่นลี้แต่งหน้าให้และหรรษาดูแลอยู่ตามหน้าที่ แองจี้บอกให้เติมปากให้แดงกว่านี้ตนอยากสวย แซ่บ เผ็ด พูดจนหอมหมื่นลี้ต้องจัดให้ แต่งเสร็จบอกหรรษาว่า
“สองคนนี้เป็นลูกค้าวีไอพี ต้องดูแลให้ดีๆจนเสร็จงานนะ พี่ไปก่อน ยังมีอีกคู่ที่ออฟฟิศ”
เมื่อเข้าไปในห้องอาหาร ธรณ์กับแองจี้นั่งในที่ส่วนตัวที่โรงแรมจัดไว้ให้ แองจี้มองธรณ์เคลิ้มถามเป็นนัยว่าเขาหิวหรือยัง ธรณ์บอกว่ายัง แองจี้มองเขาด้วยสายตายั่วยวนบอกว่าตนหิวมากเลย พอรู้ตัวก็กลบเกลื่อนชมว่าวันนี้เขาหล่อจัง ธรณ์ชมว่าเธอก็สวยมาก แต่ว่าคราบลิปสติกติดอยู่ที่ฟัน แองจี้อายมากจึงขอตัวไปห้องน้ำ ธรณ์มองตามอย่างอ่อนใจ
หรรษากำลังจะผลักประตูเข้าไปในห้องอาหาร ก็แว่วเสียงพนักงานคุยกับแองจี้ที่อีกมุมหนึ่งว่า
“ผมได้มาแล้วครับ 40 ดีกรีที่คุณแองจี้บอก แค่ครึ่งขวดก็เมาแล้วครับ”
หรรษาเห็นแองจี้ยิ้มร้าย เทเหล้าไปทั้งขวดก็ตกใจเป็นห่วงธรณ์ ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปหาธรณ์ทันที
ความรีบร้อนทำให้หรรษาสะดุดหกล้มลงไปที่แทบเท้าธรณ์ ธรณ์จำได้ว่าเป็นพนักงานคิวปิดฮัทที่ดูแลแองจี้ ถามว่าเจ็บตรงไหนไหม หรรษาบอกว่าตนไม่เป็นไร รีบกระซิบบอกธรณ์ว่า
“คุณอย่าดื่มพันช์ที่คุณแองจี้รินให้นะคะ” เห็นแองจี้กำลังเดินกลับมาเธอรีบบอก “คิวปิดฮัทต้องดูแลความปลอดภัยให้ลูกค้าทุกคน เชื่อหนูษานะคะ อย่าดื่มพันช์ หาทางทิ้งไปเถอะนะคะ”
แองจี้เดินกลับมาถึงพอดี หรรษาหลบไม่ทันจึงมุดลงใต้โต๊ะ ธรณ์ไม่ทันถามว่ามีอะไรกันก็พอดีแองจี้เข้ามา เห็นถามว่า “คุณธรณ์หาอะไรอยู่หรือคะ” ธรณ์อึ้งแล้วทำเสียงปกติว่าไม่มีอะไร
แองจี้รินพันช์ให้ธรณ์ชวนดื่มแด่เดตแรกของเรา ธรณ์เพิ่งได้รับคำเตือนจากหรรษาไม่กล้าดื่มเลยหาทางเบนความสนใจ แองจี้บ่นว่าหิวจังทำไมอาหารยังไม่มา แองจี้หลงกลหันไปมองหาพนักงาน ธรณ์จึงหาทางที่จะทิ้งหรรษาส่งสัญญาณมือจากใต้โต๊ะขอแก้ว พอธรณ์ส่งให้เธอรับไปดื่มแทนแล้วส่งแก้วคืน
แองจี้หันมาเห็นธรณ์ดื่มหมดแล้วจึงรินให้ใหม่ คราวนี้ธรณ์ทำเป็นหลอกล่อเธอให้ดูรูปที่ด้านหลังเธอ พอเธอหันมองเขาก็ส่งแก้วพันช์ให้หรรษาที่รอรับอยู่ใต้โต๊ะ หรรษารับไปดื่มรวดเดียวหมดอีก
เพื่อให้เนียนธรณ์รินพันช์ให้แองจี้และตัวเองแล้วดื่มเองบ้างส่งให้หรรษาบ้าง จนทั้งตัวเองและหรรษาเริ่มเมา หรรษาเอนไปพิงขาแองจี้ เธอนึกว่าธรณ์ส่งสัญญาณอะไรหัวเราะคิกส่งสายตายั่วยวนแล้วเอามือลูบลงไปเจอหน้าหรรษาอย่างจัง เปิดผ้าปูโต๊ะขึ้นดูเห็นหรรษาคออ่อนคอพับอยู่
แองจี้โวยวายจนคนในร้านแตกตื่น พอจำได้ว่าเคยเห็นหรรษาในหน้าหนังสือกอสซิปก็ด่าว่าคิดจะฟาดทั้งพี่ทั้งน้องเลยหรือ แล้วจะตบ แต่หรรษาก็หลบทันแองจี้เลยวืดหมุนคว้างไปเกาะผนังห้อง ธรณ์รีบประคองหรรษาหนีไป
ธรณ์พาหรรษาหนีมานั่งที่มุมปลอดคนของโรงแรม บ่นว่าอังกาบนี่ร้ายจริงๆ ถามว่าเคยมีเรื่องอะไรกันหรือ หรรษาบอกว่าเรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าไปสนใจเลยบอกให้เขาไปก่อนก็ได้ตนจะส่งข้อความให้รุ่นพี่มารับเอง หาวหวอดๆ พูดอ้อแอ้
“ดีใจจังสำเร็จ ปกป้องคุณแล้ว” แล้วพูดภาษาต่างดาวอีกจนธรณ์ขำถามว่าพูดอะไรไม่รู้เรื่อง หรรษาพยายามพูดอีกแต่พูดไม่รู้เรื่องและไม่ทันจบประโยคก็หลับฟุบลงบนตักธรณ์ เขามองเธออย่างเอ็นดูและปล่อยให้นอนอยู่อย่างนั้น...
หรรษานอนจนตื่น เธอบ่นตัวเองว่าแย่จังทำให้เขาลำบาก ธรณ์ขอบคุณที่ช่วยตนรอดจากแองจี้จะบอกทางบริษัทว่าเธอยอดเยี่ยมมาก หรรษาหัวใจฟูตาโตถามว่าจะบอกให้จริงหรือ ทำท่าร้อง “มนตร์แห่งจันทรา จงแสดงพลัง ณ บัดนี้ ดึงดึ่งดึ๋ง...”
“ซาล่า เฮ็ด ซาล่า” ธรณ์สนุกทำท่าปล่อยพลังของดราก้อนบอลแซด เลยเข้ากันกึ๊บเพราะเป็นแฟนการ์ตูนเหมือนกัน แต่พอดีมีข้อความเข้า หรรษาดูแล้วบอกว่าเพื่อนมารับแล้ว ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อน ธรณ์ขอเปลี่ยนคำขอบคุณเป็นเบอร์มือถือ เธอบอกว่าให้ไม่ได้มันเป็นกฎของบริษัท ธรณ์ถามว่าถ้าตนไม่ใช่ลูกค้าเราแลกเบอร์กันได้ไหม แต่ไม่ทันที่หรรษาจะตอบแมนก็ดี๊ด๊าเข้ามา พอเห็นธรณ์ก็ทำท่าจะโผเข้าหา ถูกหรรษาลากไปอีกทางบอกว่าธรณ์เป็นแมนทั้งแท่ง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
ooooooo
ทิมไปดักพบหรรษาที่หน้าบริษัทไม่เจอจึงตามมาดักรอที่ร้านโชห่วย ทิมตบยุงรอจนดึก เห็นเธอเดินควงแขนแมนหัวเราะต่อกระซิกและก้มจูบก่อนที่แมนจะกลับไป พอหรรษาจะไขกุญแจบ้านทิมก็พรวดเข้าไปหน้าถมึงทึง
หรรษาถามว่ามาได้ยังไง เขาบอกว่าถามหาร้านขายของชำที่กำลังจะเจ๊งใครๆก็รู้จัก เขาต่อว่าเธออย่างรุนแรงที่ไม่ตอบไลน์ตนแต่กลับมาอี๋อ๋อกับผู้ชายที่สับสนทางเพศคนนั้น ถามว่าเขาจะหาแฟนให้เธอหรือคิดจะเก็บไว้งาบเสียเอง หรรษาชี้แจงว่า แมนคลั่งไคล้ธรณ์จนมโนว่าตนเป็นธรณ์ชวนมารวมร่างกันแล้วจะก้มจูบ จนตนต้องเรียกสติและไล่ให้กลับไปเสีย
ชี้แจงแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไงตนกับทิมก็ไม่มีทางเป็นไปได้ บอกว่าเขาจะคิดยังไงก็ตามใจเพราะบอสไม่อยากให้ตนมีแฟน ทิมท้าว่าถ้าเธออยากมีแฟนจริงตนเป็นให้ก็ได้ จะถือว่าทำทาน จับตัวเขย่าจนหรรษาหัวสั่นหัวคลอน พูดสวนไปว่า
“ไม่มีทาง! กับคุณ ไม่มีวัน!” ทิมปล่อยมือทันที พูดอย่างเศร้าเสียใจที่สุดว่า
“ฉันเข้าใจแล้ว คนอย่างฉันเป็นที่รักของใครไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแม่ เป็นน้อง เป็นลูกค้า ทุกคนเกลียดฉัน! ใช่สิ มีคนเกลียดจนอยากให้ฉันตายด้วยซ้ำ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจต่อไปนี้เธอจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีก!” ทิมหันหลังเดินไปทันที
หรรษาตกใจกับอาการน้อยใจของทิม รู้สึกตัวเองผิด ร้องเรียก “เอ้อ...คุณ...” แต่ทิมเดินไปแล้ว เธอได้แต่เสียใจ...
เมื่อเข้าบ้านก็เอาแต่ร้องไห้ที่ทิมบอกว่าจะไม่มาให้เห็นอีก ฝ่ายทิมกลับถึงคฤหาสน์ก็ระบายอารมณ์ปัดข้าว ของในห้องน้ำทิ้ง สบถ “โธ่โว้ย!” แล้วนั่งลูบหน้าตัวเองอย่างเจ็บปวด หมดแรงสิ้นหวังกับทุกสิ่งทุกอย่าง...
รุ่งขึ้น ทิมโทรศัพท์ไปที่คิวปิดฮัทขอยกเลิกการเป็นสมาชิก ตนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบริษัทและคนในบริษัทนี้ ให้เอาชื่อตนออกทันทีเลย แพรวพราวรับสายงงๆ พอวางสายจากทิมก็ได้รับโทรศัพท์จากธรณ์ บอกว่าขอยกเลิกการเป็นสมาชิกคิวปิดฮัทนับแต่วินาทีนี้ ให้จัดการเดี๋ยวนี้เลย ธรณ์พูดโทรศัพท์พลางก็ขนเก้าอี้และกีตาร์ลงจากรถที่จอดอยู่หน้าคิวปิดฮัทเปิดมินิคอนเสิร์ต มีรูปหรรษาบนขาตั้งพร้อมข้อความ “รักคนนี้” เป็นแบ็กดร็อปประกอบเป็นมุมร้องเพลงจีบหวานแหวว
แพรวพราวเห็นดังนั้นโทร.บอกหรรษาว่า สองพี่น้องพร้อมใจกันยกเลิกเป็นสมาชิกกับเราเมื่อกี๊และให้หรรษารีบมาดูที่หน้าบริษัท พร้อมกับส่งคลิปที่ทรงพลถ่ายไปให้ดู บอกว่าถ้าบอสรู้หัวขาดแน่ เดี๋ยวจะให้ทรงพลไปจัดการให้ แต่ทรงพลไปจัดการไม่ได้ สะคราญจึงไปจัดการเอง เข้าไปสีธรณ์จนคนมองกันขำๆ
ธรณ์ถามทรงพลว่าถ่ายคลิปตนส่งให้หรรษาแล้วหรือยัง พอทรงพลบอกว่าส่งแล้ว ธรณ์พูดหน้าตายิ้มแย้มสมใจว่า
“งั้นก็โอเค เสร็จภารกิจ! เขาไม่ยอมให้เบอร์มือถือผม ผมก็เลยใช้มือถือคุณบอกรักเขาแทน เสร็จภารกิจแล้ว”
ธรณ์ถือกีตาร์ผิวปากเดินไปที่รถ ทรงพลถูกหลอกใช้แล้วยังต้องเก็บของไปให้ธรณ์อีก
แพรวพราวแซวหรรษาว่าในบรรดาเราแปดคนนี่สงสัยเธอจะฟาดเงินโบนัสคนแรกเลย ถามว่าคุณธรณ์หรือคุณทิมหรรษาตอบทันทีว่าคุณธรณ์นี่ไม่ใช่ แพรวพราวรุกว่าแล้วคุณทิมล่ะ! หรรษาได้แต่ยิ้มแห้งๆ
เมื่อทิมประกาศจะไม่ไปให้หรรษาเห็นหน้าอีก ก็ทำงานอย่างซึมเศร้าเพราะยังทำใจไม่ได้ นึกเห็นหน้าเธอตลอดเวลา
ในการประชุมผู้บริหาร แม้ระหว่างการประชุมจะมีปัญหาทำให้เขาหงุดหงิดอารมณ์เสีย แต่เมื่อเขานึกถึงคำเตือนสติของหรรษาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ที่โมโหก็กลายเป็นใจเย็น ที่จะด่าก็กลายเป็นอธิบายเหตุผลจนเข้าใจกัน เมื่อหุนหันพลันแล่นก็ขอเวลาทำสมาธิจนใจเย็นลง ที่จะไล่พนักงานออกก็ให้ทำงานต่อและแก้ไขข้อผิดพลาด ที่ตัวเองทำไม่เหมาะก็ขอโทษ
ความเปลี่ยนแปลงอย่างมากของทิม ทำให้พนักงานต่างชื่นชม ซาบซึ้ง บรรยากาศยิ้มแย้มทำงานกันอย่างสบายใจ
แต่ทิมไม่มีความสุขเขาคิดถึงหรรษาตลอดเวลา จนตัดสินใจว่า “ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!”
ooooooo