ตอนที่ 4
ที่บ้านภีม...เช้านี้ คุณเจริญมาทานมื้อเช้าพร้อมภีม มีเบนอยู่ด้วย สั่งภีมว่านับแต่พรุ่งนี้ให้เขาจัดตารางเวลาใหม่ อาทิตย์ละสองวันไปทำงานบริหารที่โรงพยาบาล ภีมโวยว่านี่ลูกไม่ใช่ลูกน้องจะไม่ปรึกษากันสักนิดเลยหรือ มาถึงก็สั่งๆๆๆ
เจริญบอกว่าบริษัทจับคู่ของเขาไปไม่รอดแน่ขาดทุนอย่างนี้เจ๊งแน่นอนจะทู่ซี้ไปทำไม ภีมบอกว่าตนมีมาตรการใหม่สั่งลูกน้องให้ปรับเปลี่ยนตัวเองแล้วขอเวลาแค่หนึ่งปีเราคุยกันแล้ว เจริญบอกว่ามาตรการอะไรก็กู้ไม่ขึ้น หรือต่อให้กู้ขึ้นงานจับคู่ให้คนแต่งงานกัน งานง่ายๆแบบนี้ให้ลูกน้องทำก็ได้ งานบริหารโรงพยาบาลตนต้องการทายาทสืบสกุลเพราะฉะนั้น “แกต้องไปทำ!”
ภีมกำมือแน่นอย่างกดดันปวดร้าว เขาต้องการทำ “คิวปิดฮัท” ให้สำเร็จให้พ่อกับแม่ยอมรับตน เมื่อถูกพ่อสั่งเช่นนี้เขากระแทกช้อน โพล่งขึ้นว่า “เบื่อ! ไม่ทำ! ขอลาพัก ขอลาออกจากทุกตำแหน่งทุกบริษัทรวมทั้งตำแหน่งลูกด้วย!!”
ภีมลุกพรวดออกไปทันที เจริญตกใจไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องโกรธด้วย??
วันต่อมา เบนเล่าให้วราลีเจ๊ใหญ่ที่ร่วมก่อตั้งคิวปิดฮัทมากับภีมฟังว่า ภีมขึ้นรถขับหนีไปไม่กลับบ้านปิดมือถือด้วย โทร.ไปถามที่ฟิตเนสก็ไม่ได้ไป พวกที่ออฟฟิศเริ่มถามกันแล้วว่าทำไมตามตัวบอสไม่ได้ วราลียิ้มบอกเบนว่า
“อย่าเพิ่งบอกใคร เดี๋ยวตกใจกันหมด ฮึ...ไม่รู้จักเลขาในตำนานเสียแล้ว เดี๋ยวๆ ฉันติดตั้งแอพติดตามมือถือไว้”
ooooooo
การะเกดมาเยี่ยมและคุยกับหรรษาในห้อง ภีมเดินมาจะเข้าห้องเห็นการะเกดอยู่จึงถอยแล้วกลับไปเลย
ไม่นานการะเกดก็ได้รับโทรศัพท์จากทิมขอพูดกับหรรษา หรรษารับโทรศัพท์ไปใจคอไม่ดีกลัวทิมจนขึ้นสมอง
ทิมบอกว่าตนอยู่ที่ทำงาน งานเยอะมากไม่มีเวลาไปไหนเลย ถามว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เธอบอกว่าไม่มีไข้แล้วก็ไม่บวมแล้ว ทิมบอกว่าหมอบอกว่าเธอแค่เป็นไข้ไม่มีอะไรร้ายแรง โชคดีที่นักท่องเที่ยวมาช่วยได้ทันเวลา
หรรษาเห็นด้วย แล้วป้องปากพูดใส่โทรศัพท์เบาๆว่า โชคดีที่เขาไม่ถูกลอบทำร้าย ตอนไข้ขึ้นสูงตนฝันไม่ดีเลยฝันว่ามีผู้ร้ายขึ้นมาบนเรือด้วย ความห่วงใยของหรรษาทำเอาทิมอึ้ง ตื้อ พูดอะไรไม่ออก แล้วตัดสายเลย
การะเกดเห็นทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนม ถามว่าไปสนิทกันตอนไหน
“แค่มนุษยธรรมน่ะพี่ ชีวิตตรงนั้นมันมีกันแค่สองคน แต่ตอนนี้เรากลับสู่โลกความเป็นจริงแล้ว ขาโหด อย่างนั้นยังไงก็น่ากลัว พี่ไม่เคยเห็นตอนเขาโยนหนูลงทะเล”
ฝ่ายทิม หลังจากวางสายจากหรรษาแล้ว เขาบอกแพทที่เอาเอกสารเข้ามาให้ว่า
“แพท...ดูแลคนไข้ชื่อนี้ที่โรงพยาบาลต่อทีนะ” ทิมยื่นกระดาษจดเบอร์โทร.ให้ แพทดูแล้วเอะใจถามว่า หรรษา คิวปิดฮัทหรือ “คนนั้นแหละ ผม...เอ้อช่างเถอะ คุณไม่ต้องรู้หรอก ผมกับเขาคงไม่ต้องคุยกันอีกแล้ว คุณจัดการดูแลให้เขาออกจากโรงพยาบาลแล้วแจ้งผม แค่นั้น”
ทิมตัดใจจากหรรษา กลับมาใช้ชีวิตปกติตามแบบของตัวเอง
ooooooo
หมวดกับทิมเปิดคอมพ์ดูเทปวงจรปิด หมวดบอกว่าพบว่ากล้องวงจรปิดวันนั้นถูกลบเนื้อหาออกหลายส่วน เราไม่ได้พบภาพคนวางเพลิงแต่ได้ภาพคนคนนี้ พลางชี้ที่นิพัทธ์ เดินอยู่รอบโกดังในเวลาเกิดเหตุ ทิมเอะใจว่านิพัทธ์ไปที่นั่นทำไม
“อืม...ถ้าคุณรู้สึกว่าผิดปกติ คนคนนี้ก็จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยลอบทำร้ายคุณอันดับหนึ่งครับ คุณต้องจับตาดูเขาเป็นพิเศษ ส่วนผมจะลอบตรวจสอบการเงินของคุณนิพัทธ์โดยไม่ให้รู้ตัว การเงินของคนเราบอกอะไรได้หลายอย่างครับ”
ขณะเดียวกันนิพัทธ์ซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมรับเอกสารจากพนักงานไปเซ็นแล้วกำชับว่า แขกห้องคอนเฟอเรนซ์พรุ่งนี้ สำคัญมาก ดูแลให้ดี พอพนักงานออกไปทิมเดินเข้ามามองเขาด้วยสายตาประเมิน นิพัทธ์ถามว่ามีอะไรกับตนไหม
“คุณทำงานที่โรงแรมของเรามาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก จนตอนนี้ผมเป็นเอ็มดีคุณคิดว่าผมเป็นยังไง” นิพัทธ์บอกว่าเขาเป็นคนเก่งอายุแค่นี้ทำงานได้ขนาดนี้คุณพ่อเขาต้องภูมิใจ ทิมย้ำหน้าขรึมว่า “เอาจริงๆสิครับ”
นิพันธ์พูดตามตรงว่าตนยังไม่อยากตกงานตอนนี้ ทิมสัญญาว่าตนจะไม่ไล่เขาออกเพราะอยากรู้ความจริงจากส่วนลึกที่สุด พูดเหมือนสั่ง “พูดออกมาให้เต็มที่!”
“คุณเป็นคนแข็งกร้าว ไม่รับฟัง ไม่ยืดหยุ่น คุณไม่เคยไว้ใจใครมีแต่ความกังวลและจับผิดคนที่อยู่รอบตัวคุณก็เลยไม่มีความสุข”
พอฟังความรู้สึกจริงๆของนิพัทธ์ ทิมจ้องตาเขาบอกว่าสายตาเขาเกลียดตน นิพัทธ์งงถามว่า ว่ายังไงครับ ทิมไม่ตอบเดินออกไปเลยแต่ในใจเขาเวลานี้ มั่นใจว่านิพัทธ์คือคนลอบทำร้ายตน!
ooooooo
วราลีตามเจอภีมอยู่ในสปา เธอปลอมตัวเป็นพนักงานเข้าไปนวดให้เขา ได้จังหวะก็กดหัวที่นอนคว่ำอยู่เข้ากับหมอนแน่นถามอย่างผู้ชนะว่าคิดว่าหนีมาอย่างนี้ตนจะตามไม่เจอหรือ ถามว่าเขาจะเอายังไงกับชีวิตแน่ตอบมาเดี๋ยวนี้
ภีมหายใจไม่ออกดิ้นร้องให้ปล่อย วราลีไม่ปล่อยถามว่าแค่พ่อบังคับให้ทำงานโรงพยาบาลก็ทำอย่างนี้ต้องสู้สิ สู้! ถามว่าเจอปัญหาแค่นี้ก็หนี จะหนีกี่วันหรือหนีตลอดชีวิต
ภีมหายใจไม่ออกดิ้นจนวราลีกระเด็น ทิมลุกขึ้นผ้าคลุมหลุด ถึงวราลีจะเป็นสาวห้าว ลุย แต่พอเจอทิมโทงๆอยู่ตรงหน้าก็ผวาพยายามถอยจะออกจากห้อง ภีมได้ทีไล่ตามหัวเราะร่าที่แค่ตนโทงๆ ก็ปราบสาวห้าวได้อยู่หมัด
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วไปนั่งคุยกัน วราลีกล่อมจนภีมยอมกลับไปช่วยงานโรงพยาบาล บอกว่าพ่ออยากให้ตนทำงานโรงพยาบาลตนก็จะไปทำ
ภีมไปถึงโรงพยาบาลก็สั่งออเคสตร้ามาทั้งวงให้คุณหญิงอิศริยาแม่ที่ชอบการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจไปเป็นนักร้องกิตติมศักดิ์บอกว่านี่คือดนตรีบำบัด เจริญมาเห็นสั่งให้หยุดบอกคุณหญิงว่าถูกลูกหลอกแล้ว ภีมจึงสั่งให้วงออเคสตร้าสลายเหลือแต่เปียโนหลังเดียวพอ ย้ำว่า เพลงคือการรักษาที่ใจ พยักหน้าให้เปียโนเริ่มบรรเลง คุณหญิงอิศริยาก็ร้องเพลงอย่างเพลินอารมณ์ ภีมเห็นผู้คนรอบข้างยิ้มมีความสุขก็พูดอย่างภูมิใจว่า
“ยารักษาได้ที่กาย แต่ใจต้องใช้พลังรักษา ดนตรี การแสดง และความรักคือพลังใจครับ”
เจริญเจอฤทธิ์ภีมก็ได้แต่ส่ายหน้าที่เอาชนะลูกตัวเองไม่ได้
ภีมกลับไปที่คิวปิดฮัททำงานอย่างเข้มแข็งเหมือนเดิม เขาพูดกับวราลีเสียงเข้มว่า
“ผมจะไม่สู้กับพ่อแม่อย่างเดียว สู้กับคุณด้วยวราลี ผมไม่ยอมทิ้งบริษัทนี้ไปทำบริษัทบุคลิกภาพอะไรนั่นหรอก ของพวกนั้นมีเยอะแล้ว จับคู่นี่แหละ ผมจะทำให้ทุกคนดูให้ทุกคนได้เห็นพลังของความรัก!”
ooooooo
คืนนี้ ทิมหลับฝันถึงหรรษา ฝันว่าเขายิ้มหวานอย่างมีความสุขเมื่อเห็นหรรษาทำท่าเซเลอร์มูน จนเผลอละเมอว่าน่ารัก พอสะดุ้งตื่นก็กลุ้มใจตัวเองบ่นเซ็งๆ “เฮ้ย...ตามมาถึงในฝันเลยหรือ โฮ้ย...”
หรรษาที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ฝันร้ายตอนที่ถูกทิมจับโยนลงทะเล และที่เขาไล่ว่ากลับไปนี่ให้ไปลาออกจากงาน คนอย่างเธออยู่ใกล้ใครก็มีแต่พังกับพัง หรรษากลัวทิมจนร้องเสียงดัง “ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ” พยาบาลวิ่งเข้ามาปลอบว่าเธอแค่ฝันร้าย พักผ่อนเสีย...
ทิมตื่นจากฝันนอนไม่หลับจึงลุกขึ้นมารื้อวีดิโอการ์ตูนของธรณ์ดู เปลวกับป้าแมวมาเห็นต่างงงที่ตอนเด็กยังไม่ดูแล้ววันนี้นึกอะไรขึ้นมา ฝ่ายทิมรื้อเจอเรื่อง เซเลอร์มูนก็สงสัยว่า ธรณ์ดูเรื่องนี้ด้วยเหรอ?
วันนี้ทิมเรียกเจ้าหน้าที่บัญชีหญิงสาวที่บุคลิกป้าๆไปตำหนิว่าทำงานผิดพลาดอีกแล้ว บอกว่ากฎของตนใครทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง...พลันก็มีเสียงเคาะประตู แพทเข้ามาเขาถามว่ามีอะไรให้เซ็นว่ามา แต่กลับหลับตาคิดถึงคำพูดของหรรษาที่ว่า “เชื่อมั่นในตัวเราอีกนิดได้ไหมให้โอกาสเราอีกครั้งได้ไหม...รอเราได้ไหม” ทิมเผลอตะโกน “ออกไป!” แล้วสะดุ้งเสียงตัวเองลืมตามองกลายเป็นแพท ทิมแก้เกี้ยวว่าหมู่นี้ไม่มีสมาธิเลย เสียงอ่อนลงกับเจ้าหน้าที่บัญชีหญิงคนนั้นว่า
“คุณทำงานกับเรามานาน แล้วก็ไม่ได้ผิดซ้ำที่เดิม เอาเถอะถือเป็นการตักเตือน” เจ้าหน้าที่คนนั้นดีใจมากรีบยกมือไหว้ขอบคุณ บอกว่าต่อไปจะใส่ใจงานให้มากขึ้นจะไม่ผิดอีก แล้วออกไป
แพทจึงเอาเอกสารให้ดูถามว่ามีอะไรจะฝากบอกฝ่ายออกแบบไหม
ทิมตำหนิอย่างดุดันรุนแรงแต่ก็ให้ไปแก้ไขใหม่ให้บอกเขาว่า ให้ออกแบบภาพวาดที่มีสีจัดจ้านมีลูกเล่นมากกว่านี้
“ได้ครับ” แพทรับคำ ชมว่า “กลับมาคราวนี้ดูคุณใจดี อารมณ์ดีขึ้นนะครับ ดีแล้วครับ ไม่งั้นทีมงานเขาจะหันไปเชียร์คุณธรณ์หมด” ทิมถามทันทีว่าทำไมหรือ แพทไม่ตอบแต่สีหน้าไม่สบายใจ
วันต่อมาแพทพาทิมมาดูธรณ์ที่นั่งคุยกับกรรมการหลายคนอยู่อย่างสนิทสนม แพทเล่าว่าคุณจินตนาเอาขนมมาให้คุณธรณ์ คุณวิสุทธิ์ชวนคุณธรณ์ไปงานปาร์ตี้ในครอบครัวเสาร์นี้ด้วย ทิมถามว่าพวกกรรมการชอบธรณ์มากขนาดนั้นเลยหรือ
“ครับ พนักงานก็เหมือนกัน เขารู้สึกว่าคุณธรณ์ใจดี เข้าถึงง่ายน่ะครับ”
“แค่สร้างภาพ นายธรณ์อยากเป็นที่รักของทุกคน แล้วไง รักกันๆ ดีกันๆ หวานแหวว แล้วบริษัทผลกำไรลดลงไม่มีเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียจะเอากันไหมล่ะ”
“คุณทิมดุและเข้มงวดเพื่อให้ประสิทธิผลการทำงานดีขึ้น ผมเข้าใจดี แต่คนอื่นจะเข้าใจหรือเปล่า ผมไม่รู้ ตอนนี้ก็เริ่มมีบางแผนกพูดกันว่าอยากให้คุณธรณ์เข้ามาทำงานแทนคุณทิม ก็ไม่รู้คิดกันไปแบบนั้นได้ยังไง”
ฟังแล้วทิมเครียด มองไปที่ธรณ์อีกทีเห็นนั่งคุยกับพวกกรรมการอย่างสนิทสนมแล้วยิ่งเครียด
ooooooo
หรรษาถูกทิมสั่งให้กลับมาแล้วลาออกจากงานเสีย พอกลับมารู้ว่าของในบ้านถูกเจ้าหนี้ยึดไปหมดแล้วก็สะท้อนใจ ถามโส่ยว่าแล้วตนจะลาออกได้ไหมเนี่ย?
การะเกดตกใจที่หรรษาจะลาออก แต่วันนี้ได้ซื้อโทรศัพท์ใหม่เบอร์เดิมมาให้จะได้ติดต่อกันได้ หรรษาบอกว่า จากที่ตนเจรจากัน ทิมไม่ยอมรับการชดใช้อะไรสักอย่าง จะเอาผิดบริษัทเราท่าเดียว ตนเลยคิดว่าจะรับผิดชอบด้วยการลาออก
“เธอบอกคุณทิมไปอย่างนั้นหรือ”
“คุณทิมเป็นคนสั่งเองว่ากลับมาให้ลาออกเลย” การะเกดถามว่าออกแล้วจะไปทำงานอะไร ที่บ้านก็มีหนี้สินไม่ใช่หรือ “เงินเดือนที่ได้ก็เอามาเปิดร้านโชห่วยใหม่ พี่เกดก็เห็น ปล่อยพ่อกับพี่สวยทำร้านมันถึงได้เป็นอย่างนี้ไงคะ”
“เฮ้ย...เอาจริงหรือ ใจหายนะเนี่ย”
ทั้งหรรษาและการะเกดมองหน้ากันต่างเศร้า...
ooooooo
คืนนี้...ธรณ์เล่นกีตาร์เพลงรักอยู่ท่ามกลางเปลวกับป้าแมวและคนใช้อื่นอีกสองสามคนที่มาห้อมล้อมฟังเพลง ธรณ์ร้องเพลงเดียวกับคัพซองของหรรษา ทำให้ทิมคิดถึงหรรษาที่ร้องเพลงคัพซองบนเรือขึ้นมา
พอเพลงจบเปลวปรบมือชมว่าเพราะมาก บอกว่าลูกสาวตนที่ธรณ์เคยช่วยออกค่าผ่าตัดหัวใจให้เมื่อหลายปีก่อนจะรับปริญญาสิ้นเดือนนี้แล้ว เปลวบอกว่าที่ลูกสาวมีวันนี้ได้เพราะธรณ์ ธรณ์ฝากดีใจด้วยชวนน้องมาถ่ายรูปกันด้วย
“คุณธรณ์มีบุญคุณกับผมมาก คุณจะให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยนะครับ อย่าว่าผมเว่อร์นะครับ สำหรับคุณธรณ์แม้ชีวิตผมก็ให้ได้” เปลวพูดอย่างซาบซึ้ง จริงจัง
ป้าแมวแซวว่าไม่ใช่ลูกเรียนจบแล้วจะลาออกนะตนไม่อยากเหนื่อยคนเดียว เปลวถามว่าลาออกไปทำอะไรอยู่บ้านเบื่อจะตาย ทิมได้ยินคำว่าลาออกก็นึกถึงหรรษาที่เขาโมโหและบอกว่ากลับมาแล้วให้ลาออกเสีย เพราะอยู่ใกล้ใครก็มีแต่พังกับพัง ด่ายายวินาศสันตะโร ตนจะตายก็เพราะเธอนี่แหละ คิดแล้วก็กังวลกลัวเธอจะลาออกจริงๆ หยิบโทรศัพท์มากดทันที
พอหรรษาเห็นหน้าจอโชว์เบอร์ของทิมก็ผวาไม่ยอมรับ บอกการะเกดว่าตนไม่มีอะไรต้องติดต่อเขาแล้ว เขาคงโทร.มาตามมารยาทเท่านั้นแล้วปิดโทรศัพท์เลย การะเกดถามว่าตัดสายแบบนี้ ถ้าเขาโทร.มาเรื่องคดีล่ะ
“ไม่เอาอ่ะ เรื่องคดีต่างๆ คุณไปไล่บี้เอากับทนายคุณเองเถอะนะ”
ทิมถูกตัดสายก็โวย “เฮ้ย...กล้าตัดสายฉันหรือ” แล้วก็คิดกังวลเป็นห่วงกลัวหรรษาจะลาออกจริงๆ
ทิมยังหวาดระแวงและติดตามสืบคนที่จะทำร้ายตน หมวดที่บอกว่าจะไปสืบเรื่องการเงินของนิพัทธ์นั้นสืบแล้วมาบอกว่าสามเดือนนี้จู่ๆนิพัทธ์ก็มีรายได้มากกว่าปกติ ที่มาของเงินก็ลึกลับซ่อนเงื่อนมีพิรุธ
พอดีทั้งสองเห็นธรณ์นั่งคุยกับนิพัทธ์ที่มุมหนึ่ง หมวดทำเนียนเดินไปหลบแอบฟัง ได้ยินนิพัทธ์บอกธรณ์ว่า คุณจินตนาเป็นกรรมการที่เราต้องระมัดระวังมากที่สุด ได้ข่าวว่ากำลังซื้อหุ้นของเราเพิ่ม ท่าทางคงอยากจะมีอำนาจในแกรนด์พิชยะมากกว่านี้ ธรณ์ถามว่า...
“อยากเข้ามาบริหารเองงั้นเหรอ ถ้าคุณจินตนาคิดแบบนั้นจริงๆทางฝั่งเราคงไม่ยอมหรอก กิจการโรงแรมเป็นของเรามากี่ชั่วอายุคนแล้ว” นิพัทธ์บอกว่าจะช่วยสืบให้อีกทาง “ขอบคุณมากคุณนิพัทธ์ ถ้าผมเป็นพี่ทิมนะผมให้คุณนิพัทธ์เป็นซีอีโอไปนานแล้ว มีมือดีอย่างคุณ ผมไม่มานั่งบริหารเองหรอก เหนื่อย”
“นี่ผมก็รออยู่ วันไหนลมเปลี่ยนทิศ คุณขึ้นเป็นซีอีโอของแกรนด์พิชยะ วันนั้นวันของเราสองคน” นิพัทธ์ยิ้มร้าย
ทิมกับหมวดที่มาแอบฟัง มองทั้งสองแล้วมองหน้ากันไม่สบายใจ เมื่อมานั่งคุยกัน ทิมบอกว่าตนเพิ่งรู้ว่าคนที่คอยบอกข่าวเรื่องในบริษัทแนะนำการทำงานให้ธรณ์ก็คือนิพัทธ์ พูดอย่างได้ข้อสรุปว่า
“มิน่า นายธรณ์ทำงานได้ดีทีเดียว” หมวดถามว่าเขาสนิทกันมากหรือ ทิมเล่าว่าตอนที่ธรณ์เรียนอยู่เมืองนอก นิพัทธ์ประจำอยู่ที่นั่นจึงเหมือนพี่เลี้ยงธรณ์ หมวดเลยขมวดปัญหาว่า
“ประเด็นหนึ่งผมว่าน่าจะมีแรงจูงใจอะไรบางอย่างที่คุณนิพัทธ์จะทำร้ายคุณ ประเด็นสองคุณนิพัทธ์เลือกจะเข้าทางคุณธรณ์และเมื่อคุณธรณ์ขึ้นมามีอำนาจ คุณนิพัทธ์จะได้ประโยชน์”
“คุณกำลังบอกผมว่า ถ้าคนร้ายที่ทำร้ายผมคือคุณนิพัทธ์ จุดประสงค์เพื่อยกตำแหน่งผมให้ธรณ์หรือครับ”
“หรือไม่ สองคนก็ร่วมมือกัน เป็นไปได้ทั้งสองอย่างครับ
ฟังหมวดแล้วทิมยิ่งเครียด
ooooooo
วันนี้หรรษาเดินไปหาซองจดหมายที่วางขายในร้านโชห่วยแต่ไม่เห็นถามโส่ยว่ามีซองไหมตนจะส่งจดหมายลาออก เห็นโส่ยทำลับๆล่อๆอยู่แถวถังเหลืองที่ตั้งอยู่หน้าร้านให้คนทำบุญทอดผ้าป่า แล้วแอบหยิบเงินใส่กระเป๋าตัวเอง
หรรษาถามว่าพ่อทำอะไร โส่ยอ้างว่ากองผ้าป่ามีไว้ทำบุญให้คนยากไร้ พ่อนี่แหละคนยากไร้ตัวจริง สวยก็มาผสมโรงว่าอย่าคิดมากคนให้เขาไม่คิดหรอก ให้แล้วก็แล้วกันไปจะให้ใครเขาก็ได้ขึ้นสวรรค์เหมือนกันหมด แล้วแบมือขอพ่อร้อยนึง โส่ยอ้างว่าต้องเอาไปจ่ายค่าไฟเอาไปยี่สิบพอ ยื่นเงินให้แล้วออกไป สวยรับเงินแล้วหันไป ทางหน้าร้านร้องเชิญชวน
“เอ้า พี่...ทำบุญผ้าป่าไหมจ๊ะ ช่วยผู้ยากไร้จ้ะ”
“โห...เอางี้เลยเหรอ ฮือ...นี่ฉันต้องลาออกมาอยู่กับพ่อกับพี่แบบนี้จริงๆหรือ ฮือ...” หรรษาร้องไห้คิดไม่ตก แล้วก็สะดุ้งเฮือกเมื่อทิมโทร.เข้ามือถืออีกบ่น โทร.มาทำไมเนี่ย แล้วปิดเครื่องเลย
“ปิดเครื่องอีกแล้ว ยายขยะที่ยังไม่ได้ถูกคัดแยก!” ทิมบ่นหงุดหงิด
คุณหญิงชื่นเดินนำซินดี้กับแองจี้เข้ามาพอดี คุณหญิงแนะนำสองสาวแก่ทิมว่า
“นี่คุณสุคนธา ลูกสาวคุณสมภพ เจ้าของกิจการสื่อมือถือ โทรทัศน์มากมาย นี่คุณอังกาบ พิธีกรคนดังที่คนรูจักกันทั้งประเทศ”
สองสาวบอกว่าเรียกซินดี้กับแองจี้ก็ได้ ทิมยิ้มแย้มยินดีที่รู้จัก ซินดี้บอกว่าเราทั้งสองคนเป็นพิธีกรรายการ ฟลายไฮวิธ แองจี้ถามว่าเคยดูไหม พอทิมบอกว่าเคยดูก็ทำเสียงทำหน้าปลื้มกันสุดๆ คุณหญิงพูดอย่างชื่นชมว่า
“หนูซินดี้มีน้ำใจกับแม่มาก พาแม่ไปดูโขนเมื่อวาน วันนี้ยังพาแม่ไปช็อปปิ้งผ้าไทยอีก เห็นเปรยอยู่ว่าอยากเดินชมสวนบ้านเราบ้าง ทิมพาคุณซินดี้เยี่ยมชมโรงแรมหน่อยสิลูก เธอจะได้ทำรายการประชาสัมพันธ์ให้เรา ว่าไงลูก”
“ด้วยความยินดีครับ”
แองจี้บอกว่าถ้าอย่างนั้นตนจะได้เตรียมสัมภาษณ์ธรณ์ คุณหญิงบอกว่าเดี๋ยวจะไปดูให้ แล้วพาแองจี้ออกไป ซินดี้ส่งสายตายั่วยวนทิมทันที เขายิ้มให้เหมือนยินดีที่ได้เจอกัน
เมื่อทิมพาไปเดินชมสวน ซินดี้คุยว่าตนไปชมโรงแรมมาทั่วโลกแล้ว ที่ไหนก็สู้แกรนด์พิชยะของเราไม่ได้ ทิมขอบคุณ ถามว่าเธอชอบเที่ยวหรือ ซินดี้ฟุ้งต่ออย่างภูมิใจว่า
“เรียนจบไฮสคูลที่ออสเตรเลีย ปริญญาตรีที่ลอนดอน ปริญญาโทที่บอสตัน เราสองคนน่ะระดับบนๆเหนือกว่าคนครึ่งค่อนประเทศ”
ทิมฟังไปเรื่อยๆ พาไปดูผ้าไทยถามว่าชอบผ้าอะไร เธอทำเสียงตื่นเต้นว่า
“อ๋อ เอ็กซ์เพิร์ตเลยค่ะ ชอบที่สุดคือผ้ามัดไหม” ทิมถามว่ามัดหมี่หรือเปล่าครับ “You got it! จริงค่ะ โฮ้ย...ฉันอยู่ต่างประเทศมากกว่าก็เลยสับสน”
“เฮ้อ หมู่นี้เจอเยอะจริง พวกภาษาไทยตามอำเภอใจเนี่ย คนสมองน้อยไม่รู้ภาษาไทยผมเรียกไม่ใส่ใจ คนเรียนมากท่องมาทั่วโลก แล้วดูถูกภาษาตัวเองนี่ ผมเรียกขาดจิตสำนึก” ซินดี้โวยว่าด่าตนหรือ ทิมด่าเนียนๆว่า “ผมไม่ด่าพร่ำเพรื่อหรอก แต่คุณคือเจ้าของรายการที่เอาภาพผมไปออกอากาศโดยไม่ได้เบลอหน้า คิดว่าผมรู้จักคุณและคุณแองจี้เพราะดูรายการคุณน่ะหรือ เปล่าเลย เพราะผมกำลังจะฟ้องรายการคุณต่างหาก”
ซินดี้อึ้งเพิ่งนึกเรื่องนี้ออก แก้ตัวว่าตนกำลังจะคุยกับเขาเรื่องนี้ ทิมถามว่าพาแม่ตนไปดูผ้าไทย เอาใจแม่ตน แต่จะบอกให้ว่าแม่ช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอก ย้ำชัดๆว่า
“เพราะผมเป็นคนเผด็จการ เอาแต่ใจตัวเอง ผมไม่เลิกฟ้องคุณง่ายๆหรอก”
ซินดี้ทำหน้าเข้มถามว่าจะฟ้องจริงหรือ พอนึกได้ก็ยิ้มระรื่นบอกว่าฟ้องเลยคดีฟ้องอีกหลายปีเราจะได้เจอกันคุยกันด่ากัน ฟ้องตนให้หมดตัวเลย โน้มหน้าเข้าไปกระซิบว่า “หมดตัวทั้งชุดข้างนอกข้างใน”
ทิมมองหน้าเธอบอกว่าตนชอบ เธอบอกชอบก็ลุย เลยจู่โจมโอบคอเขาโน้มเข้าหาตัว ทิมพูดเรียบๆ แต่เจ็บแสบว่า
“ผมบอกว่าผมชอบคนพูดชัดเจน แต่ไม่ได้ชอบ... คนง่าย!” ทิมหน้าบึ้งสะบัดตัวออกจนซินดี้เกือบล้ม
ซินดี้หน้าตึงถามว่าเขาโกรธจริงหรือแค่เป็นข่าวไปสมัครหาคู่ ไม่ได้ไปคดโกงหรือฆ่าใครตาย แล้วยั่วว่า นี่อาจจะเป็น destiny ของเรา!
ทิมเห็นความเปรี้ยวจัดจ้านของซินดี้แล้วคิดถึงหรรษาขึ้นมา พูดเทียบเปรียบเปรยว่า...
“ผู้หญิงคนหนึ่งมีความพยายามอย่างมากที่จะแก้ไขความผิดตัวเองกับคนที่ไม่รู้สึกผิดเลย เฮ้อ...ตอนแรกผมคิดว่าคุณแค่ไร้มรรยาท แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณไร้ทั้งจรรยาบรรณและสามัญสำนึกในอาชีพสื่อด้วย” ด่าแล้วเดินหนีไปเลย
“คุณทิม! คุณจะไปไหน”
“ผมไม่เสียเวลาคุยกับพวกไร้จรรยาบรรณ เพราะคนพวกนี้เดี๋ยวก็เจ๊ง ทำอะไรก็ไม่เจริญหรอก สวัสดี ทางที่ดีคุณควรออกจากบ้านผมได้แล้ว Get Out!”
ทิมแสยะหน้าใส่แล้วเดินไปเลย ซินดี้โกรธ เซ็ง จนหน้าเกือบไม่เป็นคน
ooooooo
ธรณ์ถูกแองจี้ชวนไปออกทีวีคุณหญิงอวยว่าหนูอังกาบเตรียมทีมงานไว้พร้อมแล้ว แองจี้อ่านกลอนกำไลมาศจีบลอยๆ ธรณ์ส่ายหน้าเอือมๆ แองจี้เลยจะลงมือสัมภาษณ์ ธรณ์ถามว่าจะสัมภาษณ์เรื่องอะไร คุณหญิงตอบแทนว่า
“แม่เพิ่งคุยกับกรรมการ ตอนนี้หุ้นของแกรนด์พิชยะไม่ค่อยดี ธรณ์ช่วยให้สัมภาษณ์ว่าจะเข้ามาทำงานที่นี่เต็มตัวหน่อยได้ไหมลูก” ธรณ์บอกว่าแม่มั่วนิ่มอีกแล้ว ตนบอกแล้วว่าจะไปทำงานเฉพาะตอนที่พี่ทิมพักร้อน
คุณหญิงหว่านล้อมว่า “แค่ตอบสื่อน่ะ ถ้าเขารู้กันว่าแกรนด์พิชยะมีผู้บริหารเลือดใหม่อีกคนเป็นหนุ่มไฟแรงพวกเราเชื่อว่าหุ้นจะขึ้น นะธรณ์นะ...ช่วยสร้างภาพกันหน่อย คุณอังกาบอุตส่าห์พาทีมมาช่วยเราโปรโมตทั้งที”
ธรณ์เซ็งจำใจยอมให้สัมภาษณ์เพราะเห็นแก่แม่
ฝ่ายทิมเมื่อกลับไปห้องทำงานก็เรียกแพทมาสั่งว่าจะไม่ฟ้องซินดี้แล้ว แพทงง ทิมย้ำว่าตนไม่อยากเจอผู้หญิงคนนี้อีก แพทถามว่าแล้วเรื่องฟ้องคิวปิดฮัทล่ะ ทนายโทร.มาบอกว่าเอกสารพร้อมแล้วจะให้ดำเนินการเลยไหม
“ยกเลิก” แพททวนคำงงๆทิมย้ำว่า “ยกเลิกไม่ฟ้องแล้ว ถอนฟ้องเข้าใจหรือยัง”
“ครับ” แพทรับคำยิ้มแหยๆเดินออกไป
ooooooo
ทิมกลับมาถึงบ้าน เห็นแม่กำลังดูทีวีรายการ ฟลายไฮ วิธ แองเจิล ของแองจี้ จ้องตาเป๋งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอเห็นทิมก็กวักมือเรียกอย่างตื่นเต้นให้มาดูทีวี
รายการกำลังสัมภาษณ์ธรณ์ ทิมเข้ามานั่งดูกับแม่ ทั้งงงและแปลกใจ เป็นจังหวะที่ธรณ์กำลังพูดพอดี...
“ผมถือคติทำงานด้วยพลังบวกครับ เราต้องให้กำลังใจ ต้องพูดถึงข้อดีก่อนข้อเสีย ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสและยืดหยุ่น”
“ก็เลยมีการเม้าท์กันให้แซ่ดว่า เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ของเครือพิชยธร โดยผู้บริหารสุดหล่อ ธรณ์ พิชยธร ที่เข้ามาฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆของพี่ชาย สร้างสีสันใหม่ให้กับรูปแบบการบริหาร จนเป็นที่จับตามองอย่างมากในขณะนี้”
“ผมเทียบพี่ทิมไม่ติดหรอกครับ อย่าเอาไปเทียบกัน เราคนละสไตล์ ทุกๆสไตล์ก็มีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกัน”
“นี่มันอะไรกันครับแม่” ทิมถามงงๆ คุณหญิงบอกว่าให้ดูให้จบ ทิมจึงดูทีวีที่แองจี้กำลังดำเนินรายการอยู่
“ก็คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่า ธรณ์จะก้าวขึ้นมาเทียบชั้นกับทิม พิชยธร พี่ชายจอมเนี้ยบได้หรือไม่ แต่บอกได้คำเดียวเลยว่า แซ่บและน่าติดตามที่สุดค่ะ...”
คุณหญิงชื่นดูรายการจบก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า
“ผู้บริหารเขาชมเปาะว่า วันพรุ่งนี้หุ้นของแกรนด์พิชยะต้องขึ้น แม่ไม่คิดเลยว่าธรณ์จะทำได้ดีขนาดนี้ ต่อไปนี้ ทิมก็สบายแล้วลูก ไม่ต้องเป็นห่วงงานแล้ว เพราะน้องทำแทนได้ทุกอย่างเลย แม่ปลื้มมาก”
ทิมอึ้ง ระแวงธรณ์ขึ้นมา เขารักและหวงงานนี้มากและธรณ์ก็ทำเหมือนจะมาแทนตนมากขึ้นทุกที เขาขอตัวกับแม่บอกว่าเหนื่อยแล้วลุกไป คุณหญิงมองตามพูดตามหลังอย่างเป็นห่วงว่า
“เรื่องงานเพลาๆลงได้แล้วนะลูก แบ่งให้น้องทำบ้าง แม่เชื่อว่าธรณ์ทำได้ดี ไม่แพ้ทิมหรอกจ้ะ”
ทิมฟังแล้วยิ่งเจ็บและหวาดระแวง เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหมดความสำคัญลงทุกที...
ooooooo
รุ่งขึ้น...หรรษาถือซองใบลาออกเข้ามาในคิวปิดฮัท เธอยื่นซองขาวให้ภีม เธอรู้สึกกดดันมาก จนไม่กล้าสบตาภีม
ภีมรับซองถามว่าจะไปเมื่อไหร่ เธอขอเป็นสิ้นเดือนเพราะอยากได้เงินเดือนก่อน พ่อกับพี่สวยจะได้มีเงินใช้ ภีมบอกว่าไม่ค่อยมีใครกล้าทำแบบนี้ ส่วนใหญ่ตนจะเป็นคนออกปากเองมากกว่า แต่ยังไงก็ขอบใจ เขาหยิบซองที่หรรษาให้ยกขึ้นจบแล้วส่งคืน หรรษามองงงๆ พอเปิดซองดูกลายเป็นซองผ้าป่า!
มันคือซองผ้าป่าของพ่อที่เธอหยิบผิดมา! เธอเอามือตบหน้าผากตัวเอง แล้วก็สะดุ้งเมื่อภีมบอกว่ายังมีอีกเรื่องแล้วด่า
“ตั้งแต่ผมเปิดคิวปิดฮัทมาไม่เคยเจอลูกน้องคนไหนที่ห่วยแตกเท่าคุณมาก่อนเลย คุณคือหายนะ คือความวิบัติ คือความวินาศสันตะโร!”
หรรษาตกใจกลัวถูกไล่ออกพูดรัวขอโทษแต่เป็นภาษาต่างดาวที่ไม่มีใครฟังออก ภีมพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า
“จะบอกว่าทั้งหมดที่ผมเคยด่าคุณขอถอนคำพูดนะถอนหมดเลย คุณเก่งมากจริงๆ หนูษาที่ทำให้ทิม พิชยธรถอนฟ้องเราได้ เขาเพิ่งให้ทนายโทร.มาบอกผมเมื่อกี๊ ข่าวดีสุดๆเลย เห็นไหมถ้าคุณตั้งใจคุณก็ทำได้ ผมคิดไว้ไม่ผิดจริงๆ”
หรรษางงมาก โล่งอกทั้งที่ยังตกใจ คิดขอบคุณทิมที่ช่วยให้ตนไม่ตกงาน เธอยิ้มกว้างอย่างดีใจทั้งที่หน้ายังซีดอยู่
ooooooo
ทิมให้พนาขับรถไปจอดที่ฝั่งตรงข้ามบริษัท นั่งดูสำนักงานคิวปิดฮัทในรถนานจนพนาถามว่าจะให้ตนลงไปจัดการให้ไหม เขาถามว่าจัดการอะไร? พอดีหรรษาเดินออกมาเขาแล้วสั่งพนาเอารถกลับก่อนแล้วตัวเองลงจากรถเดินตามหรรษาไป
เดินตามหรรษาไปถึงป้ายรถเมล์ มีเด็กเร่ร่อนมาขอเงินบอกว่าตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าวเลย ทิมมองเด็กดุๆแล้วเริ่ม
“สั่งสอน” ทันที ถามทำไมไม่เรียนหนังสือเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี พ่อแม่ไปไหนทำไมไม่ดูแลลูก เขาสอน... สอน...จนเด็กร้องไห้โฮวิ่งหนีไป ทิมส่ายหน้าด่า “ไอ้เด็กเวร” พอหันกลับก็เจอหรรษายืนอยู่ข้างหลัง เธอสงสารเด็กจนมองเขาอย่างไม่รู้สึกกลัวอีกแล้ว “สอน” เขาว่า
“สงสารเด็กคนนั้น คนอื่นเขาไม่ได้มีโอกาสเหมือนคุณหรอกนะคะ เฮ้อ...คุณช่วยลด ‘ความถูกต้อง’ แล้วเพิ่ม ‘ความรู้สึก’ อีกนิด...นิดนึงได้ไหม?”
แทนที่จะคิดทิมกลับดุว่าทีหลังเธออย่าพูดอะไรแบบนี้อีก แค่นี้ตนก็หลอนเธอมากเกินไปแล้ว หรรษางงว่าหลอนอะไร ถามว่าเขามาทำอะไรแถวนี้ เขาทำไก๋ว่ามาสำรวจตลาด แล้วถามว่าเธอลาออกหรือเปล่า เธอบอกว่าเขียนจดหมายไว้แล้ว เขาขอดูจดหมาย เธอบอกว่า เตรียมไว้แล้วแต่หยิบผิดซองไปหยิบซองผ้าป่ามาให้บอสแทน พรุ่งนี้จะมาส่งใหม่
ทิมเปิดซองหยิบออกอ่าน “หนูษาเสียจัย ทำงานแย่มาตลอด” เขาก็มีเรื่องตำหนิเธอเรื่องการเรียนภาษาไทยอีกว่า แสดงถึง “ความใส่ใจ” ในการเรียนภาษาไทย บอกให้ตั้งใจศึกษาหน่อย ด่าอีกว่า ที่อยู่ในกะโหลกเธอเรียกว่าไขมัน!
หรรษาบอกว่าเขาด่าไม่ซ้ำกันเลย ก็พอดีรถเมล์มาเธอวิ่งไปขึ้นรถ ทิมวิ่งตามไป พอดีมีที่นั่งเลยได้นั่งคุยกัน เขาถามว่าลาออกแล้วจะไปทำอะไร เธอบอกว่าทำอะไรก๊อกๆ แก๊กๆมั้ง เขาถามอีกว่าเธอทนคุณภาพชีวิตแบบนี้ได้ยังไง จะนั่งรถเมล์ไปตลอดชีวิตรึไง?
หรรษาถามว่ารถเมล์ไม่ดีตรงไหน ราคาถูกแล้วก็สบาย ทิมบอกว่าอันตรายเพราะวัยรุ่นตีกันยิงกันบนรถเมล์บ่อยๆ แล้วสั่งสอนว่าลูกน้องอย่างเธอตนเจอบ่อย มากต้นเดือนก็ซื้อเครื่องสำอางแบรนด์หรู
เป็นเรื่องทันที เมื่อวัยรุ่นที่นั่งเก้าอี้ข้างหน้าหันมองขวับด่าว่าอย่ามาเวิ่นได้ไหมก็เขาอยากซื้อมันฟินส่วนตัว วัยรุ่นชายที่นั่งด้วยกันหันมาคำรามว่า ตนนั่งเฉยๆ ไม่ยุ่งกับใครเลย หน็อย...มาชวนให้ของขึ้น!
วัยรุ่นชายลุกขึ้นกระชากคอเสื้อทิมจนมีเรื่องกันผู้โดยสารคนอื่นพากันหนีลงจากรถหมด คนขับก็รีบโทร.แจ้งตำรวจ ทิมสู้ไปสั่งสอนไปว่า
“ไอ้เด็กใจร้อน คนเก่งคนกล้าไม่ต้องพิสูจน์ที่รอยสักโว้ย ต้องพิสูจน์ที่ความอดทน อดกลั้น ฉันไม่ได้ ว่าพวกแกนะ ฉันพูดทั่วๆไป”
“อดทน อดกลั้นไม่รู้จักโว้ย เป็นผู้ร้ายไม่ได้เป็นพระเอก” วัยรุ่นตะโกนตอบหยิบมีดพกจะแทงทิม เขาถีบวัยรุ่นคนนั้นกระเด็นไปชนพวกเดียวกันล้ม พอลุกขึ้นได้ ทิมก็จูงมือหรรษาวิ่งลงจากรถไปแล้ว วัยรุ่นวิ่งตาม เขาผลักเธอเข้าไปหลบในหลืบ วัยรุ่นตามเจอกำลังจะแทงก็พอดีตำรวจมาถึงจึงพากันวิ่งหนีไป
ooooooo
หรรษาแหยงบอกว่าตนไม่อยากขึ้นรถแล้ว เดินไปอีกสามสะพานลอยก็ถึงบ้าน ระหว่างนั้นหรรษาตำหนิตัวเองว่าตนกากอย่างที่เขาว่าจริงๆ เป็นภาระของบริษัทตลอด ขอบคุณเขาที่ถอนฟ้องบริษัท
ทิมซ้ำเติมว่าไม่ใช่แค่กาก โง่และอ่อนแอด้วยแล้วสั่งสอนตามเคยว่า คนเราต้องมีความพยายามสิ บอกว่าตนเบื่อความโง่ของเธอเต็มที พอดีเห็นตารางหมากฮอสที่ม้าหินมีฝาจีบขวดเป็นตัวหมากฮอสวางอยู่ด้วย ถามว่าอยากประสบความสำเร็จไหมตนจะสอนให้
ทิมเล่นหมากฮอสกินหรรษาสามตารวด หรรษาชมว่าเก่งเขาบอกว่าตนไม่ได้เก่งอะไรแต่เธอเล่นมั่วเองต่างหาก ไม่รู้จักวางแผนเลยอย่างนี้จะประสบความสำเร็จได้ยังไง สอนว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จสิ่งแรกที่ต้องทำคือวางเป้าหมาย ถามว่าเธอมีเป้าหมายอะไรบ้าง
พอเธอบอกว่าไม่อยากขายของเหมือนพ่อ แต่อยากเก่งเหมือนพี่เกด เจ๊ลี พี่แพรวและมั่นๆเหมือนหอ
“ดีมาก นั่นคือเป้าหมายระยะไกลใช้เป้าหมายระยะไกลสร้างเป้าหมายระยะกลาง เป้าหมายระยะกลางมีไหม” เธอถามว่ามันคืออะไร “เป้าหมายประจำวันไงล่ะ ไม่มีเป้าหมายประจำวัน สิ่งยั่วยุความสนุกต่างๆ มันก็จะเข้ามา”
หรรษาพยักหน้า หยิบปากกาขึ้นมาบอกเขาว่า “วันนี้ฉันได้คาถาของคนเก่งแล้ว ฉันต้องจำไว้ ตั้งเป้าหมาย อย่านอยด์ โฟกัส และพลิกแพลง”
ทิมชี้ที่ปากบอกว่า “เอาไปสิฉันให้” หรรษา
มองหน้าเขา สบตายิ้มกันด้วยความรู้สึกที่ดี...
ooooooo