ตอนที่ 1
ในงาน “คิวปิดฮัท” ที่โรงแรมหรู...ลูกค้าชายหญิงยืนกันคนละด้าน ทุกคนแจ่มเจิดเฉิดฉายร่าเริงในงานหาคู่ที่เลือดในกายฉีดกระฉูด
ภีม เตชะดำรงกุล ชายหนุ่มมาดแมนเคราเขียวสุดหล่อ ในชุดสูทสีขาว เจ้าของบริษัทจับคู่ที่จัดงาน ยืนเท่อยู่บนเวที เอ่ยทักทายสมาชิกคิวปิดฮัทด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์...
“สวัสดีครับ ตำนานหนึ่งกล่าวว่า มนุษย์เราในอดีต เคยมีความสุขสมบูรณ์แบบจนเหล่าเทวดาอิจฉา เหล่าเทวดาจึงเอามนุษย์มาผ่าครึ่ง แล้วโยนทั้งสองชิ้นให้กระจัดกระจายไป นับจากนั้นมนุษย์ทุกคนก็อยู่ไม่เป็นสุข รู้สึกโดดเดี่ยว และขาดหาย เราทุกคนจึงมีภารกิจต้องตามหาชีวิตอีกครึ่งหนึ่งที่หายไป และนี่คือหน้าที่ของเรา บริษัทหาคู่ที่ดีที่สุดในประเทศไทยคิวปิดฮัท”
ดนตรีกระหึ่มขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ม่านหลังเวทีเลื่อน ช้าๆ เปิดชื่อบริษัทอย่างอลังการ...
ทิมกับธรณ์ หนุ่มหล่อสองพี่น้องเดินเข้ามาในงานพอดี ทิมท่าทางเก้อเขินพยายามซ่อนใบหน้าอย่างไม่อยากมา แต่ธรณ์ผู้น้องยิ่มร่าเข้ามาในงานอย่างกระตือรือร้นตาเป็นประกายแจ่มใสสนุกสนาน
แองเจิ้ลสาวแปดคนของบริษัทในชุดคิวปิด ติดปีกเล็กๆน่ารักอยู่ด้านหลังปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางเสียงฮือฮา ภีมแนะนำอย่างภูมิใจว่า...
“กามเทพสาวทั้งแปดคนตรงหน้าคุณและตัวผม ภีม เตชะดำรงกุล ขออาสาเป็นผู้ช่วยของคนโสดทุกคนในการตามหาชีวิตอีกครึ่งหนึ่งที่หายไป”
กามเทพสาวทั้งแปดและภีม ยกธนูของตนยิงไปที่ลูกบอลเก้าลูกที่กระจัดกระจายอยู่บนเพดานห้องจัดงาน โดยฝั่งลูกค้าชายเป็นบอลสีขาว เมื่อถูกกามเทพยิงก็แตกออกได้หัวใจครึ่งซีกสีขาวโปรยปรายลงมา กลุ่มชายหนุ่มที่เป็นลูกค้าต่างแย่งกันหยิบฮือฮาเฮฮิ้วกัน ทิมกับธรณ์ต่างได้หัวใจสีขาวไปคนละซีก
ส่วนทางด้านลูกค้าหญิงจะเป็นบอลสีแดง เมื่อถูกกามเทพยิง หัวใจครึ่งซีกสีแดงก็โปรยปรายลูกค้าสาวแย่งกันวี้ดว้ายกรี๊ดกร๊าดได้ไปคนละซีกหัวใจ แองจี้และซินดี้ที่ทำหน้าที่พิธีกรก็ได้หัวใจไปคนละซีกเช่นกัน
หอมหมื่นลี้ การะเกดและแพรวพราว บอกเพื่อนลูกค้าที่มาร่วมงานว่า ให้ทุกคนเดินไปหาคนที่คุณสนใจยื่นหัวใจของคุณออกไปและรอให้เขายื่นหัวใจของเขาออกมา
ทุกคนเดินไปที่โต๊ะเล็กๆที่วางอยู่ทั่วไปในงาน เอาซีกหัวใจของตนวางบนโต๊ะ บางคู่หัวใจที่มีรอยหยักประกบกันพอดีเป็นหัวใจเต็มดวงต่างดีใจ และแองเจิ้ลจะเดินลงมามอบกล่องของขวัญให้
“ลองประกบคู่ดูนะคะ ถ้ากลายเป็นหัวใจที่สมบูรณ์ คุณจะได้รางวัลพิเศษ” แองเจิ้ลมิลินประกาศ
“ไม่ว่าจะประกบคู่ได้หรือไม่ ทุกคนต้องพูดคุยกันตามเวลาที่เรากำหนด” แองเจิ้ลนันทิสาย้ำ
“เมื่อครบสิบหน้านาทีจะมีเสียงกระดิ่งให้เปลี่ยนคู่นะคะ” แองเจิ้ลหรรษาโชว์กระดิ่งตี กริ๊ง...ง...ง...
หนุ่มสาวเปลี่ยนคู่คุย เอาหัวใจวางถ้าประกบกัน สนิทก็จะได้รับกล่องของขวัญและพูดคุยทำความรู้จักกัน แต่ถ้าไม่ ก็ต้องเดินหาต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบทั้งงาน
ooooooo
แองจี้กับซินดี้ยืนเป็นพิธีกรบนเวที บรรยากาศในงานยังคงเป็นการประกบหัวใจหาคู่กันสนุกสนาน
“นี่คือรูปแบบงานปาร์ตี้หาคู่ของคิวปิดฮัท ที่วันนี้ดิฉันแองจี้และรายการฟลายไฮ วิธ แองจี้นำมาเสนอนะคะ”
“แหม...ถ้าปกติ ซินดี้คงไม่ได้มีโอกาสมาใช้บริการหรอกค่ะ ไม่เดือดร้อนเรื่องทำนองนี้เท่าไหร่” ซินดี้พูดแล้วหัวเราะคิกคักเชิดๆ
ขณะนั้นเอง มีชายหนุ่มหล่อกระชากใจสาว เดินอยู่หลังกล้อง ทั้งซินดี้และแองจี้ปากก็พูดไปอย่างพิธีกรมืออาชีพแต่ตามองตามหนุ่มหล่อไปราวกับมีพลังดึงดูดอย่างแรง ผู้ช่วยกล้องเห็นสายตาสองสาวหลุดไปก็ชูนิ้วชี้เรียกสติสองสาวจึงรู้สึกตัวมองตามนิ้ว ค่อยๆหันหน้ามาทางกล้องช้าๆราวกับตุ๊กตาไขลาน...แอ๊ด...แอ๊ด...แอ๊ด....แต่ปากก็ยังพูดไม่หยุด
แต่แล้วสองหนุ่มหล่อก็เดินผ่านหลังกล้องไปอีก ทั้งแองจี้และซินดี้สายตาหลุดตามไป ร้อนถึงผู้ช่วยกล้องต้องดึงสายตาทั้งสองกลับไปอีก แต่ปากทั้งสองสาวยังคงพูดได้จ๋อยๆอย่างมืออาชีพจริงๆ
“รูปแบบงานปาร์ตี้จะเปลี่ยนแปลงไปทุกๆครั้งเพื่อให้สมาชิกทุกคนได้สนุกนาน ทำความรู้จักกันโดยไม่ซ้ำรูปแบบ” แองจี้พูดไม่ขาด ซินดี้ก็รับได้อย่างไม่ติดขัดว่า
“ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ คิวปิดฮัทยังมีบริการ แอพพลิเคชั่นพูดคุยสำหรับคนโสด...” สองหนุ่มหล่อเดินผ่านหลังกล้องอีกแล้ว สองสาวมองตามไปจนผู้ช่วยกล้องต้องวิ่งมาตั้งนิ้วใหม่ให้หมุนกลับ ซินดี้ยังคงพูดได้จ๋อยๆ “ที่เด็ดที่สุด ก็เห็นจะเป็นโปรแกรมเลือกคู่ ที่เขาลือกันนักหนาว่าแม่นเป๊ะเว่อร์ๆค่ะ”
ทันใดนั้น ทิมกับธรณ์ที่หล่อกระชากใจสาวเดินผ่านมาอีก คราวนี้เดินแยกกัน แองจี้มองตามธรณ์ที่เดินไปทางซ้าย คราวนี้สะดุดความหล่อจนพูดไม่ออก โยนมุกถามซินดี้ “โอ้ย...เอ้อ...แล้วมันเป็นยังไงคะ คุณซินดี้”
“ก็แค่ใส่ข้อมูลของเราและข้อมูลของคนที่เรามองหา” พลันสายตาซินดี้ก็จ๊ะกับทิมที่เดินไปทางขวา มองตามไปเหมือนต้องมนต์ แต่ยังพูดต่อได้ไม่ติดขัด
สองสาวมองตามธรณ์กับทิมอย่างหลงใหลจนหันหน้ามาชนกันเปรี้ยง! จึงสะดุ้งจากภวังค์
ที่แท้ทิมตามหาธรณ์อยู่อย่างกระวนกระวายใจอยากกลับบ้าน พอเจอกันก็บอกน้องชายว่าตนทนอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว แต่ธรณ์บอกว่าสนุกดีออกทิมชวนกลับ ธรณ์อ้างว่า
“อ้าว...แม่สั่งไว้นะพี่ แม่อยากให้เราแต่งงานไวๆเราต้องหาแม่พันธุ์จากงานนี้ให้ได้นะพี่” ธรณ์หัวเราะอารมณ์ดี
“ไปเหอะ งานพี่เยอะแยะ เสียเวลา...” ทิมโอบไหล่น้องชายพาออกจากงานไปจนได้ ทำเอาซินดี้กับแองจี้เซ็ง
การถ่ายงานจับคู่เสร็จ แองเจิ้ลวราลีเดินมาขอบคุณสองสาวที่มาเป็นพิธีกรให้บริษัท
ซินดี้หัวเราะเหยียดว่าคนพวกนี้เดือดร้อนอะไรนักหนาถึงกับต้องจ่ายเงินให้คนมาหาคู่ให้” แล้วกระซิบบอกวราลีว่า “เธอต้องตอบแทนสถานีฉันด้วยการให้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของบริษัทเธอ” แองจี้ขอแจมด้วยให้ใส่ชื่อสองคนลงไปเลย วราลีถามว่าไหนบอกว่าคนพวกนี้ไร้สาระ สองสาวไม่ตอบแต่ชวนกันลุยไปหาสองหนุ่มที่หล่อน่าอ้ำกันเลย สองสาวสอดส่ายสายตาหาทิมกับธรณ์ให้ควั่ก!
ธรณ์ยังพยายามโน้มน้าวให้พี่ชายอยู่ต่อ แต่ทิม โทร.เรียกพลให้เอารถมารับแล้ว ธรณ์บ่นอุบอิบว่า
“ซีเรียสไปได้ อยู่ให้มันจบๆ แม่จะได้ไม่ยุ่งกับเราอีก นี่เรากลับก่อน คราวหน้าก็ต้องมาอีก”
“เป็นผู้ชายกลัวทำไมไม่มีแฟน งานกับเงินต่างหากของจริง พี่จะรีบกลับไปเตรียมตัวสำหรับประชุมพรุ่งนี้ แกก็ต้องเข้าด้วยนะ”
ธรณ์เซ็ง พอดีพลเอารถมาจอด สองพี่น้องจึงขึ้นรถกลับไป คนหนึ่งเสียด๊าย...เสียดาย อีกคนกลับไปอย่างสบายใจ
ซินดี้กับแองจี้ตามหาสองหนุ่มให้พล่าน แต่ไม่เจอ แองจี้บ่นอย่างผิดหวังว่า
“ฮือ...เสียใจหนักมาก สองหนุ่มนั่นเป็นใครก็ไม่รู้ หล่อ ดูดีขนาดนั้น ไม่มีแฟนได้ไง อยากรู้...อยากรู้!”
ooooooo
รุ่งขึ้นจากการจัดงาน ภีมเอาคลิปการจัดงานมารายงานเจริญผู้เป็นพ่อผู้เคร่งขรึมจริงจัง และอิศริยาแม่ที่ชอบเพลง และนักร้อง พ่อดูคลิปอย่างเคร่งขรึม เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า
“เชอะ บริษัทจับคู่ เรียนมาตั้งสูง มีกิจการโรงพยาบาลรออยู่ แต่แกเลือกที่จะทำบริษัทจับคู่เนี่ยนะ”
“แม่เป็นคนให้หุ้นให้ผมทำบริษัทนี้ พ่อเป็นหมอรักษาคน ผมเป็นกามเทพรักษาใจ ผิดตรงไหน” ภีมค้านเซ็งๆ
เจริญมองและเคาะนิ้วเตือนอิศริยาที่กำลังดูคลิปสบายใจ อิศริยาสะดุ้งจากภวังค์ยิ้มแห้งๆ บอกว่า
“ก็ตอนนั้น...ฉันอยากให้แกมีคู่ แต่จำได้ไหม ฉันสั่งแล้ว ภายในห้าปี ถ้ามันไม่มีกำไร แกต้องปิด”
“แต่นี่เพิ่งปีที่สี่”
“มันไม่มีกำไรมาสองปีแล้ว ปีนี้ปีสุดท้ายที่แกจะพิสูจน์ตัวเอง ถ้าแกทำให้มันมีกำไรไม่ได้ แกต้องปิดมันแล้วไปทำงานบริหารโรงพยาบาล งานของครอบครัว งานที่ส่งเสียเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เด็ก” เจริญย้ำเงื่อนไข
ภีมได้แต่เซ็ง...
เมื่อถูกพ่อกับแม่ยื่นคำขาดเช่นนั้น ภีมเรียกประชุมในวันต่อมา เขาขอบคุณทุกคนที่ช่วยงานกันอย่างเต็มที่ ทุกคนดี๊ด๊าดีใจที่มีผลงาน วราลีเป็นต้นเสียงบอกให้ทุกคนปรบมือ ทุกคนปรบมือกิ๊วก๊าวกัน
“เอาล่ะ...เมื่อคืน...คุณแม่ผมนายทุนของบริษัท ยื่นคำขาดลงมา ว่าบริษัทเปิดมามีแต่ขาดทุน อย่างที่นี่ ยังไงก็ต้องปิด ท่านอยากให้ผมกลับไปช่วยทำโรงพยาบาล ไม่ใช่มาทุ่มเทให้กับบริษัทที่มีแต่เจ๊งกับเจ๊งแบบนี้”
พวกสาวๆในบริษัทต่างร้องกันขรมว่าไม่ได้ เรารักที่นี่ รักงานนี้ไม่อยากเปลี่ยน วราลีที่เป็นเจ๊ใหญ่ของน้องๆบอกว่าทุกคนรักงานนี้มาก มิลินถามว่าแล้วบอสบอกคุณแม่ไปว่ายังไง
“ผมอึ้งไม่มีคำตอบ...นอนคิดทั้งคืน ถ้าไม่อยากปิดบริษัทก็ต้องหาวิธีทำให้บริษัทมีกำไร” พนักงานถามกันว่าแล้วบอสคิดยังไง ขอให้บอกมา พวกเราพร้อมจะทำตามทุกอย่าง “ผมนอนคิดถึงสาเหตุที่เราขาดทุนแล้วพบสาเหตุว่า...มันมาจากคุณ...คุณ...คุณ...คุณและคุณ!” ภีมชี้กราดไปที่ทั้งแปดคน วราลีโต้ว่าบริหารงานผิดแล้วโทษพนักงานจะดีหรือบอสสส!
ภีมถามมิลินว่าเธอมีแฟนหรือยัง มิลินบอกไม่มี เพราะเปลืองเงิน ถามนันทิสาก็บอกว่าไม่มีวันมี ภีมสรุปว่า
“เห็นไหม พวกคุณแปดคนน่ะ มีปัญหาไม่มีใครมีแฟน ไม่มีใครรู้จักความรัก คนที่ไม่เชื่อมั่นในความรัก มาทำงานหาคู่ให้คนอื่นเนี่ยนะ พอผมคิดขึ้นมาได้ ผมแทบจะพุ่งเอาหัวโขกกำแพง นี่ผมเลือกพนักงานยังไงเนี่ย!”
วราลีบอกให้พุ่งเลยตัวเองยังไม่มีแล้วจะมาบังคับอะไรคนอื่น ภีมจี้ว่าเธอนั่นแหละตัวดี ถามเบนว่าเคยมีแฟนนานที่สุดเท่าไหร่ เบนบอกว่าสรุปแล้วไม่เคยเกินปี
“ดูสิ...ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับพวกคุณที่แต่งชุดกามเทพ คอยเชียร์คนอื่นอยู่ทุกวัน ถามจริงๆทำไมมันยากนักหนา กะอีแค่มีแฟน??”
หอมหมื่นลี้จะชี้แจง แต่ต้องสะดุ้งอ้าปากค้างเมื่อภีมตบโต๊ะปัง! ประกาศิตว่า
“ต่อไปนี้ต้องตั้งใจ ผมขอออกคำสั่งเด็ดขาด พวกคุณทุกคนต้องมีแฟนภายใน 1 ปี ใครมีแฟนมาเอาไปเลยหนึ่งล้านบาท ผมเชื่อ คนที่รู้จักความรักจริงๆเท่านั้นจึงจะทำงานของเราได้ดี คนคนนั้นจะมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นอย่างชัดเจน จนกู้บริษัทคืนมาได้”
มิลินตาโตเท่าไข่ห่านกับเงินหนึ่งล้าน ภีมย้ำว่าถ้าพวกเธอทำไม่ได้ ปีหน้าตนจะปิดบริษัท พวกเธอทั้งแปดคนเป็นเพื่อนกันตกงานก็แย่แล้ว นี่ไม่ได้เจอกันอีก พวกเธอจะทนไหวหรือ สาวๆโวยกันให้แซ่ดไม่ยอมให้ปิดบริษัท
“เพราะฉะนั้น นับจากนาทีนี้ พวกคุณมีภารกิจที่สำคัญ ตามหารักแท้ให้ได้ภายในหนึ่งปี ก่อนวาเลนไทน์หน้า กามเทพอย่างพวกคุณจะต้องปรับทัศนคติเรื่องความรักของพวกคุณเสียใหม่”
การะเกดกับแพรวพราวต่างทำหน้าเหมือนอยาก ตาย ให้หารักแท้ในหนึ่งปี?! ทำอย่างกับมีขายตามสี่แยกไฟแดง...
“นี่ๆ...พวกคุณคือกามเทพของผม กามเทพต้องไม่หลอกลวงลูกค้า บริษัทของเรา...ขายความรัก! เราต้องเชื่อมั่นในความรัก ต้องเชื่อด้วยหัวใจ...ด้วย-หัว-ใจ เท่านั้น!”
ภีมตบโต๊ะอีกปัง! พวกสาวๆมองหน้ากันเหวอ คิดหนัก เพราะทุกคนมีทัศนคติไม่ดีเรื่องความรัก
ooooooo
หรรษาหนักใจ ปรึกษาปรับทุกข์กับแมนรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่เป็นเจ้าของบริษัทออกาไนซ์เป็นผู้หญิงนะยะที่ไม่แสดงออกเด่นชัดนัก รับเป็นออกาไนซ์ให้คิวปิดฮัทตลอดมาและรู้จักทุกคนดี
พอแมนรู้ว่าถูกภีมสั่งให้มีแฟนทุกคนก็ถามว่าแล้วทั้งแปดคนเป็นยังไงกันมั่ง
“สติแตกน่ะสิ พอคุณภีมสั่งปั๊บ คืนนั้นสติแตกกันหมดเลย”
แล้วก็เกิดปัญหาใหญ่ เมื่อแองจี้เข้ามาถามซินดี้ที่สถานีพิงค์เลดี้ว่ามีคนเอาภาพรายการของเราไปทำข่าวก๊อซซิปหรือ ซินดี้บอกว่าพวกวงการเซเลบริตี้ แองจี้เสนอให้ฟ้องเลย มันมีสิทธิ์อะไร!
“อันนี้เอาไว้ก่อน คุณไม่อยากรู้หรือว่าเขาลงข่าวเรื่องอะไร” ซินดี้เปิดคอมฯ หน้าปกเป็นรูปแองจี้กับซินดี้ กำลังออกอากาศเกี่ยวกับคิวปิดฮัท ด้านหลังมีภาพลูกค้าหลายคน มีวงกลมสองวงเน้นที่ชายหนุ่มสองคน และ ขยายใหญ่เป็นภาพชัดๆ คือ ภาพของทิมกับธรณ์พร้อมข้อความ “ฮือฮา มหาเศรษฐีพี่น้อง จนปัญญาต้องใช้บริการเลือกคู่”
แองจี้จำได้ว่าเป็นสองหนุ่มที่เราตามหา ซินดี้บอกว่า “ธรณ์ พิชยธร คนน้อง ส่วนคนนี้ของฉันคนพี่ ทิม พิชยธร”
แองจี้จำได้ว่านามสกุลนี้เป็นเจ้าของโรงแรมแกรนด์พิชยะ โรงแรมหรูมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ
“ถูกต้อง ทิมคือประธานบริหาร ส่วนธรณ์เป็นน้อง เขาสองคนเป็นพี่น้องเทวดาคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดเก่งโคตรเก่ง หล่อโคตรหล่อ ถ้าได้สองคนนี้เป็นผัวก็เหมือนถูกลอตโต้ของยูไนเต็ดสเตรท ออฟ อเมริกา สิบเบอร์ซ้อน!”
สองสาวเต้นดีดติ้ว กระทืบเท่าเร่าๆ ร้อง “อยากได้...อยากโดน...อยากได้...อยากโดน!”
หรรษางานเข้าทันที ถูกภีมถามว่าวันนั้นเธอเป็นเจ้าของงานเป็นคิวเธอจัด บอกมาซิว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ยังไง!
หรรษามีจุดอ่อนที่ประหม่าง่าย และเมื่อประหม่าตกใจแล้วเธอจะพูดไม่รู้เรื่องงุงิอิ๊อ๊ะเป็นภาษาต่างดาวที่ต้องให้การะเกดคอยแปลอีกที หรรษาประหม่าได้แต่ขอโทษ...ขอโทษ
“บอสคะ...เรื่องนี้จะเป็นความผิดของหนูษาคนเดียวคงไม่ใช่นะคะ ในเมื่อบอสเป็นคนอนุญาตให้รายการโทรทัศน์นั่นมาถ่าย” การะเกดโต้แทน ภีมอ้างว่าเป็นหน้าที่ของแผนกพีอาร์ของเธอที่ต้องตรวจเทปแล้วเบลอหน้าของลูกค้าทุกคน แต่เธอไม่ทำ “คุณแองจี้ คุณซินดี้ เธอไม่ยอมให้เราไปดูค่ะ เธอบอกว่าเธอจะเบลอหน้าลูกค้าให้เรา แต่เธอก็ไม่ได้ทำ”
“เลิกเถียงแทนเขาเสียที หรรษา คุณต้องโต้เสียที จะให้การะเกดให้คนอื่นปกป้องไปถึงไหน นี่มันงานของคุณนะ คุณต้องรับผิดชอบเองพูดอะไรบ้างสิ”
“บอสจะให้ทำอะไรคะ” หรรษาเริ่มพูดไม่เป็นภาษา ภีมเอ็ดว่าพูดไม่รู้เรื่อง การะเกดพูดแทรกว่าก็บอกแล้วว่าอย่าดุ พอถูกดุเขาจะพูดภาษาต่างดาวไม่รู้เรื่อง แล้วแปลให้ฟังว่า หรรษาบอกว่าบอสจะให้ทำอะไรคะ หรรษาพูดอีก การะเกดแปลอีกว่า “หนูษาบอกว่า เขายินดีทำให้ทุกอย่าง เขาจะไม่ยอมให้บริษัทโดนฟ้องแน่นอนค่ะ”
“โอ๊ย...กูจะบ้า หรรษาไปจัดการเรื่องนี้ คุณต้องไปเจรจากับนายทิม ไปขอร้องไปกราบเท้าเขา อะไรก็ได้ที่ทำให้เขาเปลี่ยนไม่ฟ้องบริษัทของเรา แค่นี้ทำได้ไหม ได้ไหม!!” หรรษาบอกว่าได้ “แล้วงานนี้คุณห้ามยุ่งนะการะเกดผมรู้คุณเป็นหัวหน้าฝ่ายพีอาร์ คุณห่วงน้อง แต่งานของคุณก็เยอะแยะทำไม่หมดแล้ว เพราะฉะนั้น ห้ามยุ่งเด็ดขาด”
การะเกดจำต้องพยักหน้า หรรษาจ๋อยสนิท
ooooooo
หรรษาไปขอพบทิมที่สำนักงานแกรนด์พิชยะ นั่งรอไม่นานแพทเลขาของทิมก็เดินมาบอกว่าคุณทิมไม่ให้เข้าพบ เธอพยายามพูดให้เห็นความสำคัญว่าเป็นเรื่องด่วนเกี่ยวกับชื่อเสียงของคุณทิมกับน้องชาย
“คุณทิมยืนยันว่าจะฟ้องร้องค่าเสียหาย ทางทนายของเราจะเป็นคนติดต่อไป ไม่มีคำว่าเจรจาครับ”
หรรษาพยายามออดอ้อนขอให้ตนได้พบคุณทิมสักครั้ง หยิบกระเช้าผลไม้วางไว้บนตักแพทฝากให้คุณทิมด้วย แพทสะดุ้งเล็กน้อยเธอรีบยกกระเช้าขึ้นถามว่าหนักหรือ แพทยกกระเช้าขึ้นดูเห็นปลายกรรไกรแทงออกมาจากก้นกระเช้า แพทชี้
“ชัด ชัดเลย นั่นไง นั่น...จะแทงผมหรือ นี่ดู กรรไกรทั้งอันใส่ลงมาได้”
หรรษาหน้าเจื่อนบอกว่าตนอุตส่าห์เลือกซื้อผลไม้มาจัดเองกลัวจะไม่สด แพทชี้ที่กรรไกร? เธอสารภาพว่าเป็นของตนเอง แพทโวยลั่น...
“ส่งคนประเภทไหนมาเนี่ย คนแบบนี้หรือจะมาเจรจากับคุณทิมเจ้านายผม เจ้านายผมน่ะเป็นประธานบริหารโรงแรมมูลค่ากี่พันล้าน แล้วดูคุณสิคนแบบคุณเนี่ยหรือจะมาโน้มน้าวจิตใจคนอย่างคุณทิม โฮ้ย...ไม่มีทาง!”
วันต่อมาหรรษานั่งคุยกับวราลีและการะเกดที่มุมกาแฟในคิวปิดฮัท วราลีเล่าว่าทนายของทิมยื่นฟ้องเมื่อวานเรียกเงินสามสิบล้าน สองคนพี่น้องก็เป็นหกสิบล้านฐานทำให้เสียชื่อเสียงถูกสังคมมองว่าไม่มีน้ำยาหาแฟนไม่ได้
“ฮือ...” หรรษาร้องแล้วพูดภาษาต่างดาวรัว วราลีงง การะเกดแปลให้ฟังว่า
“คุณแพทเลขาคุณทิมด่าหนูษาว่าคนอย่างนี้หรือจะมาเจรจากับคุณทิมไม่มีทางได้เจอ ต่อให้เจอก็ไม่สำเร็จ” วราลีว่านี่เป็นการบั่นทอน ให้กำลังใจว่าหนูษาต้องทำได้ ให้เธอพูดว่าทำได้ ทำได้ หรรษาพูดว่าทำได้...ทำได้... แล้วต่อด้วยภาษาต่างดาวอีก การะเกดแปลให้ฟังว่า “หนูษาเขาถามว่าจะให้ทำวิธีไหนล่ะคะ”
“รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ไปที่ทำงาน ไปที่บ้าน ที่ฟิตเนส ที่วัด ที่โรงเจ ที่ไหนก็ได้ที่เขาไป” วราลีแนะ
วราลีกับการะเกดช่วยกันเชียร์อัพ“ทำได้...ทำได้... ทำได้...” หรรษาฮึดขึ้นมา ร้องพร้อมกับรุ่นพี่ทั้งสองว่า “ทำได้!!”
ooooooo
บ้านหรรษาเป็นร้านโชห่วยในตลาด เธออยู่กับพ่อและพี่สาวคือโส่ยกับสวย เธอนั่งหาข้อมูลของทิมจากคอมฯอยู่ด้านในของร้านที่มองเห็นหน้าร้าน หน้าจอคอมฯปรากฏประวัติข้อมูลของทิม...
“ทิม พิชยธร มีไอคิว 150 ระดับอัจฉริยะ เรียนจบปริญญาตรีสอง ปริญญาโทอีกหนึ่ง เกียรติบัตรด้านการช่วยเหลือสังคม ด้านการกีฬา...โห...คนคุณภาพจริงๆ” หรรษาอุทานทึ่ง
ในด้านการงานเขาเข้มงวดจริงจังกับโครงการต่างๆ ชนกับทุกคนที่แก้ตัวและหาข้ออ้างที่ทำงานไม่บรรลุเป้า โดยมีธรณ์นั่งฟังเบื่อๆ และแพทที่คอยช่วยเหลือทิมอย่างดี
เมื่อศึกษาเพื่อ “รู้เขา” อย่างถี่ถ้วนแล้ว หรรษามองตัวเองเพื่อ “รู้เรา” แล้วถอนใจพึมพำ
“ส่วนเรา น.ส.หรรษา ไอคิวเบาๆ สอบได้แค่พอผ่าน เรื่องการทำงานของเราน่ะหรือ...เฮ้อ...”
หรรษาคิดถึงอดีตของตัวเองที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับภีมเรื่องการพูดและเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง สอนก็ไม่จำจนเขาบ่น
“ผมเบื่อคุณเต็มทีแล้ว ทั้งเขียนผิด ทั้งเรียงประโยคมั่ว จะเล่าอะไร ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ต้องมาให้ครบ พูดเป็นท่อนๆ รวบๆคำ รัวออกมาเป็นก้อนๆ ใครจะไปฟังรู้เรื่อง”
“การพูดชัดถ้อยชัดคำ สื่อสารชัดเจน มั่นใจ เป็นบุคลิกอย่างแรกที่ทำให้คุณเป็นคนมีเสน่ห์ ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ นี่พ่อบ้านมาเตือนแล้วนะครับพ่อบ้าน... พ่อบ้านนะเคอะ” เบนชี้ตัวเองย้ำ
“คำว่าเคอะก็ไม่มี!!” ภีมเสียงเข้ม หรรษาฟังทั้งสองแล้วยิ่งจ๋อย...
เมื่อกลับมามองปัจจุบัน เธอได้ข้อสรุปว่า “ทำงานเก่ง ฉลาดไม่พอ ชาติตระกูลยังต้องยอดเยี่ยมอีก” แล้วเปิดคลิปวีดิโอที่ทิมถ่ายกับครอบครัวคือหม่อมหลวงชื่นผู้เป็นแม่และธรณ์
ทิมดูทุกคนอย่างละเอียด นับแต่สีชุดของธรณ์ สร้อยและเครื่องราชฯของแม่จับให้ตรงเป๊ะแล้วสั่งให้ถ่ายใหม่ทั้งหมด สั่งแพทส่งให้ตนตรวจก่อนเผยแพร่ด้วย
จากที่ดูคลิป หรรษาเห็นความแตกต่างกันคนละขั้วของสองพี่น้อง ธรณ์เป็นคนยิ้มแย้มน่ารัก ส่วนทิมหน้านิ่งเย็นชาเป็นเจ้าชายน้ำแข็งเล่นไม่เป็น ขำไม่เป็น ดูแล้วหรรษาพึมพำ “นั่นสังคมเขา แล้วดูสังคมเราสิ...”
เมื่อหันมาเปรียบเทียบกับครอบครัวตัวเอง ทั้งพ่อโส่ยและพี่สวยเป็นคนมองทุกอย่างรอบตัวเป็นเรื่องเล่นๆ สบายๆจนไม่แยแสกับอะไรแม้แต่ลูกค้าที่มาซื้อของ พ่อโส่ยกับพี่สวยก็ไม่แคร์ ไม่ยี่หระ ไม่สนใจ ไม่ง้อ จ่ายเงินแล้วพบว่าของหมดอายุก็ไม่ยอมคืนเงิน จนลูกค้าด่า
“โอ้ยเฮียโส่ยขายของแบบนี้ถึงได้เจ๊งเป็นหนี้เป็นสินโดนฟ้องล้มละลาย” ลูกค้าโดดแย่งเงินคืนแล้วออกไปเลย เฮียโส่ยกับสวยก็หัวเราะกันเหมือนเป็นเรื่องขบขันไม่ทุกข์ร้อนกับความผิดพลาดอะไรทั้งนั้น
“นี่แหละสังคมของหนูษา พ่อกะพี่สาวเรา ลูกค้าด่ายังไม่ทุกข์ร้อน อืม...ตายล่ะ” หรรษาลุกพรวดขึ้นยืนเมื่อนึกถึงเรื่องทั้งหมด พึมพำสรุปว่า “ทิม พิชยธร ‘มิสเตอร์ถูกทุกข้อ’...ส่วนเรามัน ‘ผิดทุกที่’ แท้ๆเลย...โห....”
เมื่อ ‘รู้เขา รู้เรา’ แล้ว หรรษาถึงกับเข่าอ่อน จริงอย่างที่แพทพูด เราไม่มีทางชนะคุณทิมได้เลย...
ooooooo
แต่ยึดถือว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หรรษาพยายามต่อไป ไปหาทิมที่คฤหาสน์ บอกว่ามาจากคิวปิดฮัท คนรับใช้ก็ออกมาบอกว่าเรื่องงานคุณทิมให้ไปพบที่บริษัท
ครั้นไปพบที่โรงแรม ที่ร้านอาหารหรู ทุกที่ก็ได้รับคำปฏิเสธว่าคุณทิมไม่ให้พบ จนไปดักพบที่ร้านหมอฟันให้กำลังใจตัวเองว่า “งานนี้หนูษาเจอคุณทิมแน่ สู้ๆ”
ที่ร้านทำฟันของหมอศรันย์ที่รู้จักกันในฟิตเนสเมื่อไม่นานนี้เป็นการคบกันหลวมๆ แต่คุยถูกคอกันดี ทิมล้วงในเสื้อสูทจะหยิบโทรศัพท์ เจอหัวใจสีขาวครึ่งซีกที่ได้ในวันงานหาคู่ เมื่อจะกลับเขาจะเอาทิ้งแต่ธรณ์จับยัดใส่กระเป๋าเขาไว้ ทิมเอาหัวใจสีขาวนั้นไปทิ้งถังขยะแล้วเดินเขาห้องทำฟัน
หมอศรันย์ตรวจช่องปากแล้วบอกว่าฟันเขาเรียบร้อยดี ทิมบอกว่าตนเห็นมีหินปูนที่กระพุ้งแก้ม พลางชี้ให้ดูหมอ
บอกว่านิดเดียวเอง “ก็นั่นแหละ ผมรำคาญ” ทิมยืนยัน หมอจึงง้างปากทิมเริ่มทำฟัน พลางคุย
“Perfectionism ‘โรคมนุษย์สมบูรณ์แบบ’ คนที่เป็นโรคนี้จะเป็นคนที่ไม่สามารถยืดหยุ่นมาตรฐานอะไรได้ อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมและชีวิตเต็มไปด้วยไม้บรรทัด บงการทั้งชีวิตตัวเองและชีวิตคนรอบข้าง”
ทิมส่งเสียงอื้อๆเอ้อๆ เพราะถูกง้างปากไว้แต่พอจับความได้ว่าตนไม่เป็นแบบนั้น หมอศรันย์ดักคอขำๆว่า
“ไม่ต้องบ่น ไม่ต้องด่า ผมไม่ฟังครับ ผมไม่ใช่ลูกน้องมหาเศรษฐีอย่างคุณ...เสียใจด้วย”
ทิมโกรธจะด่าก็ด่าไม่ได้เพราะปากถูกง้างอยู่...
หรรษานั่งรอทิมอยู่ข้างนอกหยิบหัวใจครึ่งซีกสีแดงของตนออกมาดู เจ้าหน้าที่มาจับพัดลมให้พัดกระจายแอร์ให้ทั่วๆ พัดลมพัดรูปหัวใจของทิมที่อยู่ในถังขยะและของหรรษาที่อยู่ในมือปลิวไป เธอวิ่งไปคว้าคลานเข้าไปเก็บที่มุมห้อง
ปรากฏว่าหัวใจสองซีกปลิวไปต่อเข้ากันสนิทพอดี๊พอดี...เธอมองอึ้ง นึกฉงน
“หัวใจ...เป็นคู่กันเสียด้วย มาจากไหนหนอ...” เธอหยิบหัวใจสองซีกที่ต่อกันพอดี ยิ้มให้กับความบังเอิญ บรรจงเก็บหัวใจสองซีกที่ต่อเป็นดวงเดียวกันเข้ากระเป๋าอย่างทะนุถนอม
ooooooo
หมอศรันย์ทำฟันให้ทิมเสร็จ ทิมตรวจฟันตัวเองในกระจก หมอชวนเย็นนี้ไปเล่นฟิตเนสกันไหม ทิมบอกทันทีว่าต้องไปเพราะหน้าอกด้านขวาของตนใหญ่กว่าด้านซ้าย
“ทุกคนที่ถนัดขวาก็เป็นอย่างนั้น ยกของบ่อยกว่า มือที่ขยับทำให้หน้าอกด้านนั้นใหญ่กว่าก็ธรรมดา” ทิมบอกว่ามันควรจะเท่าๆกัน ตนต้องจัดการเสียหน่อย “อืม...เลยไปนะ ตึกในซอยมีจิตแพทย์ หาซะหน่อยนะคุณ เครียดจัง”
“แล้วพบกัน ขอบคุณครับ” ทิมตัดบทโบกมือลา แต่เหลือบเห็นหรรษานั่งอยู่ก็ชะงัก ถาม “ไอ้หมอ...มีทางออกอื่นไหม” หมอศรันย์บอกว่าออกขวานี้เลยจะได้เลยไปเจอจิตแพทย์ด้วย เลยโดนคนที่ตัวเองคิดว่าบ้าด่า “ไอ้บ้า!”
หรรษารออยู่นาน ลุกไปถามเจ้าหน้าที่ว่าคนไข้ห้อง 605 เข้าไปทำอะไร พยาบาลตอบเกินคำถามว่า
“คุณทิม เพื่อนคุณหมอเหรอคะ? ขัดหินปูนค่ะ”
หรรษาถามว่าเสร็จแล้วหรือ พยาบาลบอกว่าออกไปนานแล้ว ออกทางประตูหลัง หรรษาทำท่าจะตามไป พยาบาลบอกไม่ต้องตามหรอกเพราะออกไปนานแล้วคงไม่ทัน
“อีกแล้วหรือเนี่ย ไม่สำเร็จอีกแล้ว” หรรษาเศร้ากับความพยายามที่ล้มเหลวครั้งแล้ว...ครั้งเล่า
ที่สำนักงานคิวปิดฮัท...วราลีนั่งค้อนภีมตาแทบถลน จนภีมถามว่าเขวี้ยงค้อนใส่ตนทำไม มีอะไรก็พูดมา วราลีนั่งหน้าบูดไม่พูด ภีมบอกว่าถ้าไม่พูดจะไม่ให้พูดอีกเลยตลอดชีวิต วราลีจีบปากจีบคอพรั่งพรูออกมายิ่งกว่าน้ำป่าหลากว่า
“เรื่องให้ทุกคนมีแฟนเนี่ย ถามจริงๆเอาสมองส่วนไหนคิด มันโคตรไร้สาระ ไม่มีเหตุผล ไม่ถูกหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ถูกหลักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ไม่ถูกกาลเทศะ ไม่มีใครเขาทำ ไม่ได้เรื่อง! ไม่เวิร์ก!!”
วราลีใส่ไม่ยั้งประสาคนสนิทกันจนภีมอ้าปากค้าง เถียงไม่ทันก็บอกว่า “ยาวไป” ครั้นเธอบอกว่าไม่ชอบเขาก็บอกว่า“สั้นไป” เธอเลยบอกว่า “ไม่ยินดีทำค่ะ” แล้วดักคอว่าคราวนี้พอดีแล้ว
“คุณเป็นคนมีความสามารถ ตอนผมเปิดบริษัทผมลงทุนซื้อตัวคุณมา คุณก็เลยเป็นพนักงานคนที่สองของบริษัทและเป็นคนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดขององค์กรมาโดยตลอด ถ้าคุณไม่เชื่อเรื่องความรัก ถามจริงๆคุณทำงานจับคู่ให้คนรักกันมาได้ยังไงตั้งหลายปี”
“คำเดียวเลยนะ ไม่สั้นไม่ยาว ‘เงิน!’ ค่ะ คุณจ่ายฉัน ฉันมืออาชีพ ฉันก็ทำงานให้คุณเต็มที่ ให้คุ้มค่าจ้าง จบ”
“แต่สำหรับผม ที่ทำบริษัทนี้ เพราะผมเชื่อในพลังใจ พลังความรัก” ภีมฉอดๆไม่แพ้กัน
“ไม่จริง คุณเชื่อในเงินเหมือนกัน อาชีพนี้ไม่มีเครื่องจักร ไม่ต้องใช้คนเยอะ ธุรกิจจับเสือมือเปล่า แค่เอาระบบข้อมูลมาจับคู่กัน สมองระดับคุณบวกลบคูณหารแล้วว่ากำไรแน่นอน คุณคิดแค่นี้เหมือนฉันนั่นแหละ”
ภีมเถียงไม่ออก หาว่าดูถูกกันเกินไปแบบนี้ชกกันดีกว่า ทั้งสองฮึ่มฮั่มใส่กันเหมือนจะเอาจริง แต่แล้วก็แยกกัน
“นี่...ก่อนเปิดบริษัท ผมไปอบรม ผมมีประกาศรับรององค์กรของเราระดับโลกนะครับ”
“ฉันทำงานตรงนี้มาพอๆกับคุณ ฉันบอกได้เลย คนที่เดินมาหาเราเขามีปัญหาด้านบุคลิก คนไม่มีคู่น่ะร้อยทั้งร้อยอ่ะ...จะนับให้ดู มั่นใจตนเองมากเกินไป/ ไม่พยายามเข้าใจคนอื่น/บุคลิกแย่ก็ยังไม่รู้ตัว/ไม่มีเวลาเข้าสังคม...ปัญหามันก็แค่เนี้ย” ภีมถามว่าหมายความว่ายังไง “ทุกอย่างแก้ด้วยการปรับทัศนคติและบุคลิกภาพ ถ้าบริษัทนี้เจ๊งก็ปล่อยมันไป เราไปทำบริษัทใหม่กัน บริษัทด้านพัฒนาบุคลิกภาพไงคะ งานถนัดของฉันเลย”
“ไม่!” ภีมเสียงดังเด็ดขาด วราลีแอบด่าว่าทิฐิ! บ้าเอาชนะ! แต่ภีมหูดีโต้ด้วยเสียงดังกว่าว่า “ไม่ใช่ทิฐิ! แต่ไอ้บุคลิกภาพพวกนั้นมันข้างนอก ถ้ามีความรักมันคือข้างใน ข้างในใจนี่น่ะ คนเราต้องพัฒนาจากข้างในก่อนข้างนอกสิ”
“โอ๊ย...เพ้อฝัน! พวกลูกค้าเราเวลาเดินเข้ามาเราก็จับมาพัฒนาบุคลิกภาพก่อนทั้งนั้น บุคลิกภาพและการสื่อสารคือชัยชนะของทุกอย่าง”
“ถ้าข้างในมีความรัก คนเราจะอ่อนโยนลง จะยอมคนอื่น พัฒนาจากภายในนี่สิยั่งยืนกว่า ไม่เชื่อ...เป่ายิ้งฉุบ”
ทั้งสองกำมือเป่ายิ้งฉุบเหมือนเด็กเล่นกัน พอภีมชนะก็ร้องเย้ วราลีไม่ยอมให้เอาใหม่ พอตัวเองชนะก็ร้องเย้ ภีมไม่ยอมให้เอาใหม่ แต่แทนที่จะกำมือเป่ายิ้งฉุบ ภีมกลับกรีดนิ้วทำมือไอเลิฟยู วราลีงงถามว่าอะไรของคุณ?
“ความรักไง ความรักชนะทุกอย่าง” ถูกวราลีด่าก็ยังทำมือและยิ้มระรื่น วราลีเอามือตบหน้าผากตัวเองงงกับความบ๊องของภีม
เบนดูอยู่ พึมพำเหลือเชื่อ...“กล้าเล่นได้ยังไงเนี่ย??”
ooooooo
หลังจากโต้เถียงเอาเป็นเอาตายกับวราลีและจบลงเหมือนเด็กเล่นกันแล้ว ภีมออกมาคุมอัครราชมงคลกับทรงพลอินทรชิด ติดป้ายโฆษณาที่หน้าร้าน เขายืนเล็งให้ขยับซ้ายนิด สูงหน่อยอย่างพิถีพิถัน
“วันนี้คุณมีแฟนแล้วหรือยัง” คือป้ายที่ติดหราอยู่หน้าร้าน หรรษาเดินซังกะตายกลับมาเห็นภีมคุมงานอยู่หน้าร้านก็พยายามหลบเข้าไปไม่อยากให้เขาเห็นกลัวถูกถามเรื่องแฟนและเรื่องทิม จึงเอากระเป๋าบังหน้าเดินเลี่ยงไปแต่ความซุ่มซ่ามที่เป็นคุณสมบัติประจำตัว
มือปัดถูกป้ายไวนิลที่วางอยู่ล้มเป็นโดมิโนเสียงดังไล่กัน พับๆๆๆๆ ภีมตกใจหันมอง
“หรรษา!!”
หรรษายิ้มแหยตามเคย...เมื่อถูกภีมดุ เธอเสียงอ่อยติงว่าบอสไม่เห็นต้องโฆษณาเยอะแยะขนาดนี้เลย
“ก็เพราะผมมีลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องอย่างพวกคุณไง ถึงต้องทำขนาดนี้ นี่อะไรเป็นบริษัทหาคู่แท้ๆ แต่ดันไม่มีแฟนสักคน” นึกได้ว่าตัวเองก็ไม่มีเลยทำหน้าตายหันไปถามอัครราชมงคลกับทรงพลอินทรชิดว่ามีแฟนหรือยัง ทั้งสองพยักหน้า หรรษาตกใจถามว่ามีแล้วหรือ ทั้งสองชี้ไปที่ทรงสะคราญ หรรษายิ่งตกใจ ทรงสะคราญเล่าหน้าชื่นตาบานว่า
ปีที่แล้วคบกับอัครราชมงคลในไตรมาสที่ 1 และที่ 2 พอไตรมาสที่ 3 ก็คบกับทรงพลอินทรชิด ตอนนี้เลิกคบทั้งสองคนแล้วเพราะเซ้าซี้ ตอแย น่ารำคาญ
“จะให้บอกกี่ครั้งการมีแฟนเป็นเรื่องธรรมชาติ เอางี้ ปัญหาของคุณคืออะไร” ภีมหันมาไล่บี้หรรษาอีก
หรรษาเล่าประสบการณ์ในวัยใสให้ฟังว่า ตอนอยู่ชั้นประถมมีแฟนชื่อป๋อง ตอนนั้นฟรุ้งฟริ้งหวานแหววชวนกันไปนั่งชิงช้า ผลัดกันไกว ถึงคราวตนไกวยิ่งไกวก็ยิ่งสนุก ไกวแรงจนโซ่ชิงช้าขาดสะบัดฟาดป๋องจนหมดสติ เฮียพ่อของป๋องตกใจวิ่งเข้ามาตวาด
“เฮ้ย...เล่นอะไรของลื้อเนี่ยหนูษา ลื้ออย่ามาเล่นกับอาป๋องอีกนะ”
“โทษขอไม่ได้ให้พื้นฟาดหัว” หรรษาตกใจประหม่าจนพูดคำไขว้กันไปมาฟังแทบไม่รู้เรื่อง
พอเรียนมัธยม ป๋องบอกว่าตนไม่เชื่อว่าหนูษาเป็นตัวซวย หรรษาขอบใจแต่ป๊าของป๋องไม่อยากให้ตนคบกับป๋องเพราะกลัวป๋องจะเจอแต่เรื่องไม่ดี ป๋องบอกว่าห้ามหัวใจเราไม่ให้รักไม่ได้ เรียนจบก่อน ตนรอได้ พลางกินลูกชิ้นปิ้งกัน
หรรษามัวแต่เขินเดินไม่ดูทางสะดุดรากไม้ใหญ่ล้มลงป๋องรีบรับตัวไว้แต่เสียหลักล้มไปด้วยกัน ไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งที่หรรษากินอยู่ปักที่พื้นหญ้า หรรษามองอย่างโล่งใจ แต่มืออีกข้างที่ถือลูกชิ้นปิ้งเป็นถุงไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งทั้งถุงแทงทะลุมาเสียบพุงป๋อง หรรษาร้องกรี๊ด ป๋องร้องจ๊ากอย่างเจ็บปวด หรรษาหน้าเหวอ ละล่ำละลักบอก...
“โทษขอ...ไม่ได้ตั้งใจให้เสียบไม้ชิ้นป๋องพุง”
แต่เรื่องที่ทำให้เธอติดแบล็กลิสต์จนทุกวันนี้ เหตุเกิดเมื่อเธอเรียนมหาวิทยาลัย ไปกางเต็นท์พักแรมกันที่เขาใหญ่ มีกองไฟห่างๆกันหน้าเต็นท์ หรรษาไปเข้าห้องน้ำกับเพื่อนกลับมา แฟนหนุ่มในชุดนอนโผล่จากเต็นท์มาทักทาย บ่นว่าหนาว
พอแฟนกู๊ดไนต์ผลุบเข้าเต็นท์ เพื่อนสาวก็เข้าเต็นท์ไปแล้ว หรรษามองกองไฟเกรงแฟนจะหนาว จึงแยกกองไฟไปที่หน้าเต็นท์แฟนหนุ่ม พึมพำสุขใจ...“ไฟรักจากเราส่งไปให้เธอหายหนาวนะ” ส่งจูบไปที่เต็นท์เคลิ้ม...
ทันใดนั้นลมพัดกระโชกมาก ลูกไฟกระเด็นไปติดเต็นท์ของแฟนหนุ่ม ลมกระพือจนไฟลุกอย่างเร็ว หรรษาตกใจร้องตะโกน “ไฟไหม้! ไฟไหม้!!”
แฟนหนุ่มและเพื่อนสาวที่เต็นท์ใกล้เคียงวิ่งพรวดออกมาช่วยกันดับไฟอลหม่าน...
ooooooo