ตอนที่ 6
ผินกับแย้มช่วยกันเล่าจนเห็นภาพ ว่าจำปาบ่นที่การะเกดทำงานบ้านงานครัวไม่เป็นสักอย่าง เธอร้องกรี๊ดลั่นเรือนอย่างไม่พอใจ แถมลุกเดินพรวดแทบชนจำปา พอสอนให้กรองมาลัยก็ว่าเวียนหัว..สอนให้ทำข้าวแช่ก็หาว่าเหม็นทุกอย่าง จำปาอ่อนใจให้ผินกับแย้มทำแทน กลับขู่ว่าใครเป็นนายกันแน่...เปลี่ยนมาสอนเย็บผ้า การะเกดก็ทำโย้เย้น่าเกลียด จำปาถามเคืองๆว่าใช้อะไรเย็บ นางกลับย้อนว่าใช้ตีนเย็บ ปริกจ้องหน้าโกรธแทนนาย
การะเกดแว้ดใส่ “มองอะไรกูนังปริก มึงอยากเจ็บตัวฤา...อีผินอีแย้ม มึงดึงชายผ้ากูทำไม มึงเต็มใจให้อีบ่าวมันดูหมิ่นดูแคลนกูรึ กูมิใช่สิ้นไร้ไม้ตอก วันหนึ่งกูก็จะเป็นสะใภ้ รังเกียจเดียดฉันท์กูปานนี้ กูก็ลูกพระยานาหมื่น มึงจะให้กูเงียบปากรึ ว่าไงอีปริก”
ปริกลุกเดินหนี การะเกดไม่ยอมผลักปริกคะมำ ปริกหันมาจ้องจะเอาเรื่อง การะเกดยิ่งโกรธ โวยกับจำปาให้ตัดสินความ ว่าบ่าวกำเริบกับนาย มิมีผู้ใดในอยุธยาทำ ถ้าเข้าข้างปริก คงได้ลือกันทั้งพระนคร จำปาโกรธสั่งการะเกดกลับเข้าห้อง เธอเชิดหน้าเน้นย้ำอย่าลืมที่บอก
เกศสุรางค์ฟังเรื่องราวแล้วยอมรับว่านิสัยน่าเกลียดมาก แล้วถามทำไมทั้งสองจึงรักการะเกด ผินกับแย้มคลานเข้ามากอดขาน้ำตาคลอ เกศสุรางค์ซึ้งใจกล่าวน้ำเสียงจริงใจ
“ขอบใจพี่สองคนมาก พี่ดูแลข้ามาตั้งแต่ข้าร้ายกาจชั่วร้าย จนข้ากลายเป็นข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ลืมความดีของพี่เลย”
ด้านนอกห้อง ขุนศรีวิสารวาจาหน้าเครียดคิดถึงภาพความใกล้ชิดยิ้มแย้มให้กันของการะเกดกับขุนเรือง ทนไม่ไหวลุกไปเคาะประตูห้อง ผินเปิดประตูงงๆ ท่านขุนให้ถามการะเกดว่าวันพรุ่งจะพาไปตลาดตะพานชีกุน จะไปหรือไม่ หญิงสาวได้ยินอ้าปากจะถาม ท่านขุนตัดบท
“ไม่ต้องถามอันใด บอกแม่นายว่าวันพรุ่ง ข้าจะพาไปตลาดตะพาน” พูดจบก็เดินไปทันที
ooooooo
รุ่งเช้า ที่ตลาดตะพานชีกุน เกศสุรางค์เดินมองอย่างตื่นตา เห็นกำแพงพระนครก็ให้คิดถึง ตอนเรียน อาจารย์เล่าว่า ที่นี่มีสะพานข้ามคลองใหญ่ทำด้วยอิฐ 15 สะพาน ทำด้วยไม้ 15 สะพาน รวมเป็น 30 สะพาน เชิงสะพานจะมีแขกนั่งร้านขายปะวะหล่ำกำไล ขายเครื่องประดับผู้หญิง
เกศสุรางค์เห็นอย่างที่อาจารย์เล่า ก็วิ่งไปดูของที่แขกนั่งขาย ขุนศรีวิสารวาจาออกปากว่าถ้าชอบก็เลือกดู หญิงสาวมองทำนองเขาจะจ่ายให้หรือ เขาเปรยว่าคงไม่ทำให้ล่มจม
“ป๋ามาก...”
“เจ้าว่าอันใด” ขุนศรีวิสารวาจาหน้าเหวอ
“ข้าว่าป๋ามาก โธ่...คุณพี่จะสนทำไมคะ ข้าพูดไปงั้นเอง”
“สน...สนด้ายกับเข็มฤา”
เกศสุรางค์ขี้เกียจอธิบายความหมายจึงเปลี่ยนเรื่อง ชี้ถาม “อุ๊ย! นั่นจับปิ้ง น่ารักจัง จะปิดมิดไหมคะอันกระจิ๊ดเดียว”
ท่านขุนพลอยหัวเราะไปด้วย จากนั้นเกศสุรางค์ถามเรื่องลายของถาดและขันเงิน ท่านขุนบอกเป็นของอินเดียแล้วถามรู้จักไหม เธอรีบบอกรู้จักหมดทั้งเนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา ท่านขุนเป็นฝ่ายสงสัยแทน หญิงสาวบ่นหิวกลบเกลื่อน แล้วเดินเลือกซื้อของกินแจกจ่ายบ่าวทุกคน ท่านขุนยิ่งแปลกใจเพราะปกติไม่มีใครใส่ใจพวกบ่าวที่ติดตาม
พอกินเสร็จ เกศสุรางค์ก็ขอไปตลาดชีกุนด้วย ขุนศรีวิสารวาจาปฏิเสธ สั่งบ่าวพาเธอกลับ เพราะเขามีนัดกินเหล้ากับขุนเรือง เธอโอดครวญ
“อะไรกัน ทิ้งกันอีกแล้ว เมื่อคราวไปตลาดท่าเรือจ้างวัดนางชี ข้ายังไปได้ คราวนี้คุณพี่ก็ให้ข้าเดินเที่ยวอีกสิเจ้าคะ ข้าเดินเที่ยวได้หลายรอบไม่เบื่อเลยสักนิด”
“มิใช่แค่กินเหล้าให้ผู้อื่นเห็นอย่างที่ออเจ้าคิดดอกหนา อย่าได้วุ่นวายไป ถ้ามิเชื่อฟัง คราหน้าข้าจักไม่พาออเจ้าเที่ยวอีก”
เกศสุรางค์หน้าง้ำผิดหวัง พอขุนศรีวิสารวาจาแยกไปแล้ว จึงสั่งจ้อยพายเรือไปจอดท่าตลาดบ้านจีน แถมขู่ถ้าเขาไม่จอดจะกระโดดน้ำไปเอง ผินกับแย้มอยู่ในเรืออีกลำกับจวง จิก ม่วง แหวน และยอด ตกใจเมื่อเห็นเช่นนั้น จำต้องเดินตามล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อความปลอดภัย