หนุ่มจีนไร่ผักตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เหมือนคนจีนโพ้นทะเลทั่วไป เป็นพลเมืองชั้นสอง เจียมเนื้อเจียมตัว เอาใจพวกเจ้านาย
แต่ในสายตาหมู่เพื่อน วงคุยในตลาด โป้จิ๊น คุยทุกเรื่องสนุกสนาน บางเรื่องที่ฝังใจ อย่างเรื่อง “อาคุงหมอส่อง” ก็คุยแล้วคุยเล่า จนเพื่อนจำได้ เรียกไอ้ขี้โม้
โป้จิ๊น หัวเราะใส่เขาอารมณ์ดี จนรู้กันว่าเขาโกรธใครไม่เป็น
(นิทานธรรม 2 พวงทองจั่นเจริญ สำนักพิมพ์พิมพ์สวย มี.ค.2561)
คุณพวงทอง เก็บความจากคนเก่าๆ ในวงเล่าของโป้จิ๊น เขียนเป็นเรื่องสั้นขนาดยาว ที่อ่านแล้วประทับใจมาก จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ผมต้องขอคัดย่อ เอามาเล่าต่อ
หัวค่ำคืนหนึ่ง โป้จิ๊นขี่จักรยานออกจากบ้าน จะไปตลาด แต่เมื่อเจอรถจี๊ปคันหนึ่งจอดตายข้างถนน ชายคนเดียวเจ้าของรถ แนะนำตัวว่า เป็นหมอชื่อบุญส่ง
โป้จิ๊นทิ้งธุระ แนะให้จอดรถทิ้งไว้ จูงจักรยานนำหมอเดินตามไปถึงบ้านชั้นเดียว หลังคามุงจาก ตะโกนล้งเล้งเป็นภาษาจีนแคะ เรียกลูกชายให้ชงชามาให้หมอดื่ม สั่งเมียให้เข้าครัวหุงข้าว
กับข้าวมื้อนั้น ที่จริง อาหารบ้านป่ามื้อนั้น...คุณพวงทอง เขียนได้ละเอียดลออยิ่งกว่า เพื่อนคุณชายทั้ง 4 ที่เขียน “ตะลอนชิม” ทุกวันเสาร์ในไทยรัฐ
ผักกาดดองผัดหมอ บวบผัดไข่ใส่ต้นหอม ไก่เค็มผัดน้ำจิ้ม เต้าเจี้ยวดำกับพริกผสมขิง เติมซีอิ๊วน้ำตาลนิดหน่อย เมนูสุดท้าย มะระขี้นกยัดไส้ผักกาดดอง มีซี่โครงอ่อนร้อนควันฉุย มาพร้อมน้ำพริกขี้หนู
ชามนี้ แขกแปลกหน้า ชิมแล้วอุทาน อร่อยชนิดไม่เคยกินจากที่ไหนมาก่อน
แม่บ้านโป้จิ๊น คุยว่า มะระขี้นกชามนั้น มีสรรพคุณแทนยา เป็นโรคเบื่ออาหารกินแล้วเจริญอาหาร ทั้งยังแก้ร้อนใน แก้ไอ ขับเสมหะได้อีก
...
หมอกินกับข้าวหมดทุกอย่าง ข้าวก็เกือบหมดหม้อ บอกว่า ฝีมืออาหารบ้านโป้จิ๊น ภัตตาคารชั้นดีที่หมอเคยกินสู้ไม่ได้
หมออิ่มแล้ว โป้จิ๊นก็ไปโพงน้ำสั่งเมียให้ต้มน้ำ ผสมน้ำอุ่น ให้หมออาบ ตื่นเช้าโป้จิ้นก็เป็นธุระไปหาช่างจากอู่รถ หาอุปกรณ์มาใส่ ซ่อมจนรถหมอจนวิ่งได้ในตอนบ่าย ค่าช่าง ค่าอุปกรณ์ค่าเดินทาง โป้จิ้นจ่ายเงินไปก่อน
ก่อนลา หมอยื่นเงินปึกหนึ่งให้ โป้จิ๊นหนุ่มจีนขี้คุยผู้ร่าเริงตลอดเวลา หน้าสลด...ไม่รับ
“อาคุงหมอ เรื่องนิดหน่อยๆ” หมอบุญส่งรำพึง โชคร้ายที่รถเสีย แต่โชคดีที่มาเจอคนดี ติดบุญคุณติดน้ำใจ ชวนโป้จิ๊นไป กรุงเทพฯ จะพาไปเที่ยวพาไปกิน ทั้งออกปาก “ยกรายได้หมอหนึ่งวันให้”
โป้จิ๊นคุยเรื่อง “อาคุงหมอส่อง” ให้เพื่อนฟังหลายครั้ง...ครั้งหนึ่งเพื่อนถาม “ลื้อรู้ไหม หมอบุญส่งได้เงินค่ารักษาวันละเท่าไหร่” โป้จิ๊นตอบว่า “ไม่รู้”
“เท่าไหร่อั๊วก็ไม่เอา อั๊วไม่รวย แต่มีสองมือสองขา ทำมาหากิน อยู่กินได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินใคร” โป้จิ๊นว่า
พวงทอง จั่นเจริญ จบเรื่องเล่า ปัจจุบันครอบครัวโป้จิ๊น เป็นครอบครัวมั่งคั่ง คุณหมอบุญส่ง เลขะกุล ต้นแบบของนักต่อสู้เพื่อสัตว์ป่า จนเอเซียวีคเอาเรื่องไปขึ้นปก ต่างก็ลาลับจากโลกนี้ไปเจอกันบนสวรรค์
ทิ้งข้อคิดเรื่องเล่า มะระขี้นกยัดไส้ กับข้าวมื้อค่ำคืนที่รถเสีย...ที่หมอบุญส่งว่าอร่อยที่สุดในโลกนั้น รสที่ว่า เป็นรสของกับข้าวหรือรสน้ำใจ คนไทยเราเพิ่งรู้รสน้ำใจ จากการช่วย 13 หมูป่าออกจากถ้ำหลวง
และวันนี้ เรากำลังเริ่มชิมรสน้ำใจใหม่ จากการระดมเงินระดมแรง ช่วยพี่น้องลาว ที่กำลังเจออุทกภัย.
กิเลน ประลองเชิง