ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ก.ค.60 ปิดที่ 1,574.11 จุด ลดลง 5.30 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 33,135.44 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 803.49 ล้านบาท

หุ้นที่มูลค่าซื้อขายสูงสุด KTC ปิด 107 บาท ลบ 4 บาท, PTT ปิด 374 บาท บวก 1 บาท, BDMS ปิด 19.90 บาท บวก 0.40 บาท, SUPER ปิด 1.43 บาท เพิ่มขึ้น 0.07 บาท และ SCB ปิด 155 บาท ลบ 2 บาท

บล.โนมูระ พัฒนสิน มองระยะสั้นตลาดซึมลง แม้ราคาน้ำมันโลกจะดีดตัวขึ้นมาต่อเนื่อง 8 วันทำการ ดีต่อหุ้นพลังงาน แต่ต้องติดตามว่าจะเป็นเพียงแค่รีบาวน์ช่วงสั้น หรือฟื้นตัวอย่างแท้จริง แนะกลยุทธ์เลือกเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กลุ่มแบงก์ชอบ TISCO-TCAP-SCB กลุ่มรับเหมาฯ เลือกหุ้น CK-UNIQ-PYLON และกลุ่มค้าปลีกเชียร์ BJC-ROBINS

ปิดท้าย “ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ มองแนวโน้มหุ้นไทยเดือน ก.ค.จะยังคงแกว่งตัวออกข้างต่อไปในกรอบ 1,540-1,600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยผลักดันดัชนีไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน โดยขาขึ้นยังคงจำกัดจาก Valuation ของตลาดที่ทรงตัวระดับสูง

ส่วนความเสี่ยงขาลงยังคงจำกัด จากทิศทางฟันด์โฟลว์ที่ยังไม่ไหลออก แนะกลยุทธ์ลงทุนระยะสั้น ขึ้นขาย-ลงซื้อ ตามกรอบแนวต้านแนวรับดังกล่าว

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ เลือกหุ้นกลุ่มที่มีรายได้สม่ำเสมอ และไม่พึ่งพิงภาวะเศรษฐกิจมากนัก เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค (Utility) ที่เป็นหลุมหลบภัยในภาวะนี้ได้ต่อไป เนื่องจากมีความผันผวนต่ำ และจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง โดยกลุ่มสาธารณูปโภคนับเป็น Top pick ของทรีนีตี้มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว

โดยหุ้นที่แนะนำลงทุนคือ BCPG และ WHAUP จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ซึ่งคาดหวังการปรับขึ้นของราคาหุ้นได้ด้วย ส่วนหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH เหมาะสำหรับนักลงทุนที่อยากรับเงินปันผลสูง ไม่เน้นการเคลื่อนไหวของราคา!!

...

นอกจากนี้ ยังสนใจกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็น เช่น CPALL, BJC และกลุ่มการแพทย์ เช่น BCH, CHG ที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าตลาด ในสภาวะที่การจับจ่ายใช้สอยยังคงตึงตัวอยู่

กลุ่มพลังงานต้นน้ำเลือก PTT และ PTTEP ส่วนกลุ่มโรงกลั่นเลือก BCP, SPRC, TOP เนื่องจากยังคงมี Valuation และระดับเงินปันผลที่น่าสนใจ คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลด้วย!!

อินเด็กซ์ 51