จากชุดคำถามที่ยิงต่อเนื่อง หลังจากที่มี สปท.เปิดไต๋ชัดๆพร้อมคิวทิ้งเก้าอี้ก่อนเวลาเพื่อเตรียมแต่งตัวลงสนามการเมือง ก่อนครบเดดไลน์ 90 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มีคิวปล่อยของแถม

อ่านไต๋ผู้มีอำนาจเตรียมตั้ง “พรรคทหาร”

จนถึงสำนักโพลช่วยแตกประเด็น สรุปผลสำรวจความเห็นประชาชน ไม่ขัดข้องหากจะมีการตั้งพรรคการเมืองหนุน คสช. ชี้ทำนอง “ทางโล่ง” ค่าย “เขียวลายพราง” ในคิว “ต่อท่ออำนาจ”

เลยคิดแทนผู้นำ อ่านทางบิ๊ก คสช.กันเจี๊ยวจ๊าวเลย

และที่เป็นตัวกระตุ้น คงเพราะจับโฟกัสไปที่ตัวละครเอก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. รอบนี้ถึงไม่ตอบรับ แต่ไม่เสียงแข็งบอกปัดเช่นเคย

“สถานการณ์จะเป็นตัวชี้ชัดต่อไปเอง”

ล่าสุด ถูกบี้ให้พูดให้ชัดปมนี้ “บิ๊กตู่” กลับมาปฏิเสธ “ไม่ใช่เวลาจะตอบ”

ไม่มัดคอให้โดนเสียงสวด “เสียสัตย์” ในวันข้างหน้า

แต่เพียงแค่กั๊กๆเท่านี้ บรรดา “นักอ่านทาง” อำนาจ รอปั่นกระแสก็คึกคักในฉับพลัน ทั้งที่ประเภทมีโบรกเกอร์ “นายหน้าผู้มีอำนาจ” มาทาบทามจริง ทั้งที่ใช้วิชาปั่นค่าตัว เร่ง “โชว์ของ” กันยกใหญ่

เตรียมเสลี่ยงรอหาม “บิ๊กตู่” กันพร้อมเพรียง

ทั้งนายสมพงษ์ สระกวี ที่ทิ้งเก้าอี้ สปท.ประกาศจะรวมกับ “เพื่อน ตท.12” ของนายกฯ ไปผนึกกับพรรคเล็กๆ เป็นพรรคกลางๆพอดีคำ โดยยกชื่อ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ มาเอี่ยว

เข้าเค้ากระแสข่าวอดีตบิ๊ก คมช.กำลังซุ่มเตรียม “งานใหญ่” อยู่เหมือนกัน

ยังไม่รวมค่ายที่เปิดตัวรอแล้วเพียบ อาทิ พรรคประชาชนปฏิรูป ที่รออุ้ม “บิ๊กตู่”เต็มแรง พรรคพลังท้องถิ่นไท มีข่าวเป็นหนึ่งในค่ายการเมืองใหม่ ที่มี “ชัชวาลย์ คงอุดม” อดีต ส.ว.กทม. เป็นสปอนเซอร์

...

ผู้ยิ่งใหญ่แห่งย่านเตาปูนรายนี้ก็แน่นปึ้กกับ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ที่อีกทางก็มีข่าวเชื่อมต่อคอนเน็กชั่นเครือข่ายเก่าในพรรคเพื่อไทย ที่เคยร่วมงานกันมาสมัยยุครัฐบาลทักษิณ

นอกจากนี้ บรรดา “ดีลเมกเกอร์” สายต่างๆก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว ทั้งข่าวดีลป้อมค่ายในสายเอสเอ็มอี การรวมตัวจัดตั้งสโมสรอดีต ส.ส. การเคลื่อนไหวของข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่นพื้นที่เมืองหลวงผิดปกติ

พร้อมๆกับบิ๊กเนมการเมืองอย่าง “เดอะจ้อน” อลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. หรือ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กระทั่ง “บิ๊กวิน” พล.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.

มืองานคอนเน็กชั่นกว้างขวาง เริ่มถูกเอ่ยถึงถี่ในช่วงนี้

อีกทางหนึ่ง หันมาที่ 2 พรรคใหญ่ ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ถึงแม้ไม่ถูกเอ่ยอ้างถึง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปิ๋วจากแผนอำนาจ

เพราะเอาเข้าจริง มองข้ามช็อต ถึงแม้กฎกติการัฐธรรมนูญใหม่จะเอื้อให้พรรคขนาดกลางขนาดย่อม แต่ก็น่าจะ“พองตัว” ได้ระดับหนึ่ง ขณะที่พรรคใหม่ก็ยังไม่ชัดว่าจัดตั้งเต็มสูบ ถึงขั้นปั้นเป็นพรรคหลัก

บวกแต้มแล้วกรุ๊ปนี้ จาก 500 ที่นั่ง ส.ส.ทั้ง 2 ระบบ ได้บวก-ลบ แต้ม 100 คงไม่มากน้อยเท่าไหร่

ยังไงก็ต้องพึ่งพาเสียงพรรคใหญ่ประเภท 100 แต้มขึ้นเป็นหลัก

หากจะตามรอยสูตรสำเร็จ “รัฐบาลผสม” ฉบับ “ป๋าโมเดล”

เพียงแต่จะเป็นค่ายไหน ปชป.-เพื่อไทย คอการเมืองก็คงมองออก

นั่นก็ไม่แปลกที่คนค่าย ปชป.จะออกลูกเฮี้ยวใส่อำนาจพิเศษบ่อยๆ เหมือนมั่นใจยังไงก็อยู่ในข่าย “ถูกเลือก” ตามสูตรบังคับ

ยังไงก็มีแต้มต่อ รอตั๋วขึ้นขบวนรถไฟสายอำนาจรอบต่อไป

โดยอาจลืมฉุกคิดไปเหมือนกันว่า สายลมของการเปลี่ยนแปลงในช่วงเปลี่ยนผ่านไม่มีอะไรแน่นอน

บางครั้งผกผัน พัดมาวูบเดียว พลิกทิศเปลี่ยนทางกันเลย.


ทีมข่าวการเมือง