ปอกมะม่วงเรามักจะทิ้งเปลือกไปอย่างไร้ค่า แต่วันนี้จะไม่ไร้ค่าอีกต่อไป...สามารถนำไปทำเป็นชาที่มีสรรพคุณช่วยยับยั้งโรคมะเร็งได้

เป็นนวัตกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรเกิดจากความคิดของ น.ส.ปวริศา วรรณกุล และ น.ส.กนกวรรณ สังข์ศิลป์ นักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี โดยมี ผศ.ดร.นันช์ชนก นันทะไชย เป็นอาจารย์ให้คำปรึกษา

ด้วยสองนักศึกษาเจ้าของไอเดียชอบรับประทานมะม่วงน้ำดอกไม้เป็นชีวิตจิตใจ เพราะมีสีสวย รสชาติดี กลิ่นหอม แต่ในการกินแต่ละครั้งจะมีเปลือกเหลือทิ้งไปเป็นขยะมากมาย

จึงคิดหาวิธีที่จะนำเปลือกมะม่วงมาใช้ประโยชน์ สิ่งแรกที่นึกคิดได้ ทดลองทำเป็นชาชงใส่น้ำร้อนดื่ม...เลือกเปลือกที่เรียบเนียนไม่มีรอยเจาะ หรือรอยแมลงกัดกิน นำมาล้างน้ำสะอาดแล้วนำไปผึ่งให้แห้ง

จากนั้นหั่นให้ได้ขนาด 1×3 ซม. จะพอดีกับใบชาทั่วไป แล้วผึ่งลมไว้ 15 นาที แล้วนวดด้วยมืออีก 10 นาที นำไปอบแห้งที่อุณหภูมิ 60°C ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้เหลือค่าความชื้นแค่ 4% แล้วเก็บในถุงปิดสนิท หรือในภาชนะที่ใส่ตัวดูดความชื้น ทิ้งไว้นานประมาณ 1 สัปดาห์

เพียงแค่นี้สามารถนำมาใช้เป็นชาชงได้แล้ว เมื่อทดลองให้ผู้บริโภคคนอื่นๆได้ทดลองดื่ม ทุกคนให้การยอมรับทั้งรสชาติ กลิ่น สี

ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อนำไปทดสอบในห้องแล็บของ มทร.ธัญบุรี เพื่อวิเคราะห์แยกสารที่อยู่ในชาเปลือกมะม่วง พบว่า มีสารประกอบฟีนอล (Phenolic Compounds) และแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ที่มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ สามารถยับยั้งหรือชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่จะนำไปสู่การก่อมะเร็งได้ และยังมีฤทธิ์ช่วยต้านอาการอักเสบ ภาวะการอักเสบของโรคไขข้อ โรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์

...

นอกจากนี้ ยังมีเบต้าแคโรทีนและวิตามิน A บำรุงสายตา ที่เป็นเกราะป้องกันเรตินา (จอตา) ไม่ให้เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วได้อีกด้วย...ในอนาคตสองนักศึกษาสาวเตรียมที่จะนำชาเปลือกมะม่วงไปต่อยอดพัฒนาเป็นชาบดผงละลายในน้ำเย็น ที่ผู้บริโภคสามารถใส่น้ำแข็งรับประทานได้อีกต่างหาก.

สะ–เล–เต