นายทุน “ตัดเขาสูง” สร้างสนามบนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีถูกแจ้งความบุกรุกป่าไปแล้ว 3 คดี...!

ภายหลังกรมอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จนท.ทหาร และ DSI ผนวกกำลังลุยตรวจพบหลักฐานชัดๆบุกรุกตัดโค่นต้นไม้จนโล่งเตียนใน...ที่หลวง แต่ยังไม่รู้สุดท้ายปลายทางแล้ว คดีที่เกิดขึ้นจะจบแบบไหน

นอกจากนี้ปัญหาการแบ่งเขตใหม่...อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน ก็อย่ามองข้าม มีอย่างที่ไหนพื้นที่อุทยานเดิมถูกตัดไปอยู่นอกเขตนับพันไร่ จะเป็นฝีมือใครหรือทำเพื่อใครนั้น แว่วๆว่ากำลังสอบสวนชุลมุน

มาวันนี้ทราบว่ายังมีปัญหาใหม่โผล่อีก ประชากร นกขุนทองเกาะพะงัน กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดนกสวยงาม ส่งผลทำให้เกิดมีขบวนการล่านกขุนทองบนเกาะอย่างหนักจนภาวการณ์เข้าขั้นวิกฤติแล้ว

โดยเหล่านักล่าจะนำตอไม้หรือรังไม้ สร้าง “รังเทียม” ขึ้นไปวางบนต้นไม้สูง ล่อให้นกขุนทองไปจับคู่วางไข่ในรังไม้ ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เมื่อลูกนกออกจากไข่จึงขึ้นไปเก็บลูกนกขายตามใบสั่งซื้อ

นายกีรติ เพชรทอง นักวิชาการป่าไม้ ปฏิบัติการผู้ช่วยอุทยานฯ กล่าวว่า เนื่องจากนกขุนทองเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดหนึ่งที่สามารถขออนุญาตเพาะพันธุ์ได้ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535

ขณะนี้จึงต้องรณรงค์ให้คนเกาะพะงันตระหนักถึงสถานการณ์น่าเป็นห่วงของฝูงนกขุนทองป่า ซึ่งจัดเป็นนกฝูงใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบในประเทศไทย ถัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 200-300 ตัว

ด้วยปัจจัยสภาพพื้นที่และอาหารอันอุดมสมบูรณ์ นกที่นี่จึงแข็งแรง สามารถเลียนเสียงมนุษย์ได้เร็วกว่านกถิ่นอื่น ราคาขายในท้องตลาดจึงค่อนข้างแพง เคยมีคนยอมจ่ายถึงตัวละ 5,000 บาท ก็มีมาแล้ว

...

แต่ขณะที่บทลงโทษพรานล่านกและการซื้อขายนกป่ามีโทษแค่จำคุก 4 ปี หรือปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น หากยังไม่มีใครเหลียวแลปัญหานี้ นกขุนทองฝูงใหญ่บนเกาะพะงันจึงอาจไม่มีให้เห็นอีกต่อไป

ก็ต้องถามใจคนพะงันกันชัดๆ ถึงเวลาหรือยังที่ต้องรวมพลังพิทักษ์สิ่งมีค่าชิ้นนี้ให้คงอยู่...!

วิสุทธิ์ รองพล