บิสกิต เป็นขนมปังกรอบที่ฝรั่งตาน้ำข้าวสมัยก่อนพกพาติดตัวไว้ทานระหว่างเดินทาง ส่วนผสมไม่ได้มีอะไรมากมีแค่แป้ง เนย น้ำตาล เกลือ และผงฟู นำมาผสมและอบให้แห้ง
ปัจจุบันมีบิสกิตหลากหลายยี่ห้อและรสชาติให้เลือกซื้อหาไว้ติดบ้าน สำหรับทานรองท้องก่อนอาหารมื้อหลัก หรือทานเป็นของว่างระหว่างวัน
โดยธรรมชาติของอาหารสดและอาหารแปรรูปเกือบทุกชนิด เมื่อเก็บไว้นานๆ ย่อมเปลี่ยนสภาพ จากของสดใหม่กลายเป็นเน่าเสีย สาเหตุเกิดจากจุลินทรีย์ ทั้งแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา ที่อยู่รอบตัวเรา หากปนเปื้อนลงสู่อาหาร จุลินทรีย์เหล่านี้จะทำให้สี กลิ่น และรสชาติอาหารเปลี่ยนไป
บิสกิตก็เช่นกัน แม้ว่าจะเป็นอาหารที่เก็บไว้ทานได้เป็นเวลานาน แต่หากเก็บรักษาไม่ดี ทั้งขณะอยู่ในร้านค้ารอการจำหน่าย หรือซื้อมาแล้วทานครั้งเดียวไม่หมดแล้วเก็บไว้ทานในวันต่อๆไป ก็อาจทำให้มีเชื้อราปนเปื้อน ทำให้บิสกิตเปลี่ยนสภาพและเสื่อมเสียได้
เพื่อชะลอการเสื่อมเสียของอาหาร ผู้ผลิตมักเติมสารกันบูดลงไปเพื่อช่วยยืดอายุอาหาร ปกติสารกันบูดเป็นวัตถุเจือปนที่ อย.อนุญาตให้ใช้ในอาหารได้ แต่ต้องใช้เฉพาะชนิดที่อนุญาต เช่น กรดเบนโซอิก, กรดซอร์บิก, ไนเตรต, ไนไตรท์ และใช้ในปริมาณตามที่กฎหมายกำหนดให้ใช้เท่านั้น
เพราะหากเกินกว่านั้น จะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ทานได้ เช่น หากได้รับ กรดเบนโซอิก จากอาหารในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย วิงเวียน และปวดศีรษะ
วันนี้สถาบันอาหารได้สุ่มเก็บตัวอย่างบิสกิตจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ยี่ห้อ ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อนำมาวิเคราะห์สารกันบูดปนเปื้อน 2 ชนิด ได้แก่ กรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิก
ผลปรากฏว่า บิสกิตทุกตัวอย่างไม่พบทั้งกรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิกปนเปื้อนเลย
หากต้องการเลี่ยง ไม่ให้ได้รับสารกันบูดเข้าสู่ร่างกาย ขอแนะให้ดูรายละเอียดบนฉลากอาหารก่อนซื้อ หากมีคำว่า ใช้วัตถุกันเสีย ก็ควรหลีกเลี่ยง เพื่อความสบายใจ.