หลังการตบเท้าเข้ารายงานตัวของพลพรรคช้างศึก ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
นั่นถือเป็นการออกสตาร์ตนับหนึ่งของทีมชาติยุคใหม่ ภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือป้ายแดง “มิโลวาน ราเยวัช” และทีมงานสตาฟฟ์ ที่ประมุขลูกหนังไทย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ลงทุนอิมพอร์ตเข้ามาแทนที่การจากไปของกุนซือ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
ด้วยหวังว่าเฮดโค้ชชาวเซอร์เบีย ผู้เคยสร้างประวัติศาสตร์พาทีมชาติกานา ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้มาแล้ว จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง และพลิกโฉมพัฒนาแข้งช้างศึกให้ก้าวไกลไปสู่ระดับอินเตอร์ให้ได้ในอนาคต
แทนที่จะวนเวียนประสบความสำเร็จอยู่แต่ในกะลาอาเซียนอย่างที่นายกลูกหนังท่านชอบย้ำ!
ว่ากันว่าตอนนี้ กุนซือใหม่อย่างราเยวัช ทำอะไรก็ดูเจริญหูเจริญตาไปเสียหมด ไล่ตั้งแต่การเรียกตัวนักเตะชุดแรก 35 คน ที่เปิดโอกาสให้นักเตะหน้าใหม่ และคนที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสในยุค “ซิโก้” ได้เข้ามาพิสูจน์ตัวเองในแคมป์ทีมชาติ
ซึ่งที่สุดแล้ว การตัดตัวผู้เล่น 23 คนสุดท้ายจะเป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนลูกหนังกันหรือเปล่า! ป่านฉะนี้พระเดชพระคุณท่านทั้งหลาย ก็คงได้ทราบกันไปแล้ว
แต่งานนี้ “นายกอ๊อด” ยืนยันล่วงหน้าแล้วว่า เรื่องของการเลือกตัวผู้เล่น หรือหั่นรายชื่อเอาใครเข้า ใครออกนั้น เป็นสิทธิ์ขาดและอำนาจของโค้ชราเยวัชแต่เพียงผู้เดียว ตัวเอง หรือผู้บริหารคนอื่นๆไม่มีส่วนเข้าไปข้องเกี่ยวหรือแทรกแซงแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ในส่วนของการฝึกซ้อมที่แคมป์เกียรติธานี คันทรีคลับ เฮดโค้ชชาวเซอร์เบีย และทีมงาน ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากบรรดานักฟุตบอลว่า เป็นทีมโค้ชที่ทำงานละเอียด และเน้นแท็กติกการซ้อมที่ถูกจุด โดยเฉพาะวินัยในเกมรับที่เป็นจุดบอดของทีมชาติไทยมาช้านาน
...
โดยราเยวัชกล่าวถึงการซ้อมของลูกทีมช้างศึกในสัปดาห์แรกที่ผ่านมาว่า เขาพอใจกับนักเตะทุกคนที่มีความกระตือรือร้น สามารถพัฒนาและแก้ไขในจุดบกพร่องต่างๆได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวทราบดีถึงความคาดหวังของแฟนบอลชาวไทย รู้ว่าทุกคนต้องการจะเห็นอะไร ซึ่งตนก็ยืนยันว่าจะพยายามทำงานให้หนักที่สุด
สำหรับเกมแรกที่โค้ชราเยวัชจะประเดิมคุมทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ ก็คือแมตช์ที่ขุนพลช้างศึกจะบุกไปอุ่นเครื่องตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์ กับทีมชาติอุซเบกิสถาน ในวันอังคารที่ 6 มิ.ย.นี้ ที่บุนยอดกอร์ สเตเดียม กรุงทัชเคนท์
ก่อนจะกลับมาเปิดบ้าน เล่นเกมคัดเลือกบอลโลก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย “นัดที่ 8” กับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ “ยูเออี” ในวันที่ 13 มิ.ย. ที่ราชมังคลากีฬาสถาน
ต้องถือเป็นงานหนักไม่น้อย สำหรับการออกสตาร์ตกุมบังเหียนแข้งช้างศึกของกุนซือชาวเซอร์เบีย ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า การเริ่มงานใหม่ทุกอย่างย่อมยากเสมอ
ก็หวังว่าแฟนฟุตบอลชาวไทย จะเปิดใจกว้างกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของทีมชาติไทยในคราวนี้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร
อ้อ! แมตช์ประเดิม มิโลวาน ราเยวัช คุมทีมชาติไทยไปลับเกือกกับอุซเบฯในวันอังคารนี้ จะมีการถ่ายทอดสดกลับมาให้ดูกันด้วย
งานนี้ “ไทยรัฐทีวี” เอชดี ช่อง 32 จัดให้คอบอลทุกท่านได้ชมกันเต็มสองลูกกะตา
ตั้งแต่ 2 ทุ่มครึ่งเป็นต้นไป...ห้ามพลาดนะครับ!!!
วรเทพ มากโภคา