ในที่สุด “เดอะ เทอร์เรียร์ส” ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นครั้งแรกในรอบ 45 ปี หลังจากที่พวกเขาซิวตั๋วขึ้นพรีเมียร์ลีกใบสุดท้ายได้สำเร็จ ด้วยการพิชิต “เดอะ รอยัลส์” เรดดิ้ง ในการดวลจุดโทษ 4 ประตูต่อ 3 ในศึกเดอะแชมเปียนชิพเพลย์ออฟ นัดชิงชนะเลิศ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เกมเพลย์ออฟชิงตั๋วขึ้นพรีเมียร์ลีกใบสุดท้ายของศึกเดอะแชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2016-17 เป็นการโคจรมาเจอกันระหว่าง “เดอะ รอยัลส์” เรดดิ้ง ทีมอันดับ 3 จากฤดูกาลปกติ ดวลกับ “เดอะ เทอร์เรียร์ส” ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ทีมอันดับ 5 จากซีซั่นปกติ โดยเกมนี้มีมูลค่าไปกลับถึง 170 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

หลังจากทำอะไรกันไม่ได้เสมอโนสกอร์ 0-0 ในเกม 120 นาที ทำให้ฮัดเดอร์สฟิลด์และเรดดิ้ง ต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ก่อนที่ฮัดเดอร์สฟิลด์จะยิงแม่นกว่า เป็นฝ่ายเฉือนชนะเรดดิ้ง หวุดหวิด 4-3 ทำให้คว้าตั๋วใบสุดท้ายเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า ต่อจาก นิวคาสเซิล และไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน

เกมนี้ฮีโร่ของฮัดเดอร์สฟิลด์จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากแดนนี วอร์ด นายทวารตัวยืมจากลิเวอร์พูล ที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม เซฟจุดโทษได้ถึงสองครั้งจากการยิงของเลียม มัวร์ และ จอร์แดน โอบิตา 2 นักเตะเรดดิ้ง

ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่เก่าแก่ของอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1906 หรือเมื่อ 111 ปีก่อน เคยเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมาแล้ว 3 สมัย (ฤดูกาล 1923-24, 1924-25 และ 1925-26) นอกจากนี้ ยังเคยเป็นแชมป์เอฟเอคัพ ปี 1922 ด้วย

ปัจจุบัน ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1972 ภายใต้การคุมทัพของเดวิด วากเนอร์ กุนซือ ลูกครึ่งอเมริกัน-เยอรมัน

...

เดวิด วากเนอร์ กล่าวเปิดใจหลังพาฮัดเดอร์สฟิลด์เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จว่า การเลื่อนชั้นของทีมในครั้งนี้เปรียบเสมือนเทพนิยายเลยทีเดียว “ก่อนที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มขึ้น กูรูหลายคนกาชื่อเราทิ้ง ตลอดทั้งซีซั่น ผมคิดว่าเราควรจะทำได้ดีกว่านี้เล็กน้อย ช่วงคริสต์มาสเราเล่นได้ดีและมีโอกาสเลื่อนชั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเรื่องราวที่เหลือเชื่อมากๆ เปรียบเสมือนเทพนิยายเลยทีเดียว”

ฤดูกาลหน้า ฮัดเดอร์สฟิลด์ในฐานะน้องใหม่ จะต้องเจอการรับน้องอย่างหนักหน่วงจากบรรดารุ่นพี่ ระดับเฮฟวีเวทอย่างเชลซี, แมนฯยู, แมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และสเปอร์ส ซึ่งต้องรอลุ้นว่า “เดอะ เทอร์เรียร์ส” จะเอาตัวรอดได้หรือไม่

ส่วนคืนวันเสาร์นี้ (3 มิ.ย.) คอบอลตัวจริงพลาดไม่ได้เด็ดขาดกับศึกชิงเจ้ายุโรป “ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก” รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ปะทะ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ที่สนามมิลเลนเนียม สเตเดียม ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ของเวลส์

ถือเป็นคู่ชิงที่สมน้ำสมเนื้อสมศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง เพราะเป็นการดวลกันระหว่างแชมป์ลาลีกาของสเปน ซึ่งก็คือ เรอัล มาดริด กับยูเวนตุส ซึ่งเป็นแชมป์กัลโช ซีรีเอ อิตาลี

เรอัล มาดริดหวังจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์เก่าทีมแรกที่ป้องกันแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ ขณะที่ยูเวนตุส ถ้าได้แชมป์ถ้วยนี้ พวกเขาก็จะกลายเป็น “เทรบเบิลแชมป์” ในฤดูกาลนี้

เกมนี้ นอกจากจะเป็นการประชันกึ๋นระหว่างซีเนอดีน ซีดาน กุนซือมาดริด กับแมกซ์อัลเลกรี กุนซือยูเว่แล้ว

ยังเป็นการดวลความคมในการทำประตู ระหว่าง คริสเตียโน โรนัลโด ซุปตาร์ราชัน ชุดขาว กับ เปาโล ดิบาลา ดาวเด่นทีมม้าลายด้วย

“ราชัน” หรือ “ม้าลาย” ใครจะเป็นเจ้ายุโรปได้ชูถ้วย “บิ๊กเอียร์” ปีนี้ คืนวันเสาร์นี้ได้รู้กันแน่นอน.

หมวดแซม