ผมเพิ่งจะมีโอกาสไปเยือน สปป.ลาว เมื่อต้นปีที่ผ่านนี้ โดยการเชื้อเชิญของ SCG ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของทีมฟุตบอล SCG เมืองทอง ยูไนเต็ด...ให้ไปดูการเตะฟุตบอลกระชับมิตรกับทีมรวมดาราลาวที่นครเวียงจันทน์
ได้เห็นความเจริญอย่างผิดหูผิดตาต่างไปจากที่ผมเคยเห็นเมื่อไปครั้งหลังสุด 6-7 ปีก่อน ก็เก็บเอามาเขียนเล่าอยู่หลายวันด้วยความดีใจแทนรัฐบาลเพื่อนบ้าน
แต่เนื่องจากผมอยู่แต่ในเวียงจันทน์จึงมิได้ออกไปต่างจังหวัดใดๆเลย จึงนึกภาพไม่ออกว่าต่างจังหวัดของ สปป.ลาวนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อทราบจากท่านนายอำเภอบ้านโคกว่าพวกเราจะมีโอกาสข้ามไปเยี่ยมเมืองปากลายของ สปป.ลาว จึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดของเพื่อนบ้านเราสมกับที่เคยตั้งใจไว้
คณะของเราต้องนั่งรถไปที่ด่าน ถาวรภูดู่ บ้านภูดู่ หมู่ 2 ตำบลม่วงเจ็ดต้น ในเขตดูแลของท่านนายอำเภอบ้านโคก เช่นกัน
จากนั้นก็ขับรถเข้าสู่บ้านผาแก้ว ซึ่งเป็นด่านของ สปป.ลาว แล้วมุ่งหน้าไปสู่เมือง ปากลาย ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร
เส้นทางยังคงลัดเลาะไปตามภูเขาและขึ้นๆลงๆ เช่นเดียวกับทางฝั่งบ้านเราเวลาขับรถมาจากอุตรดิตถ์ ถึงบ้านโคกที่ผมเล่าไว้แล้วเมื่อวานนี้
ภูเขาทางฝั่งลาวก็ค่อนข้างหัวโล้นเหมือนกันครับ และมีการทำพืชไร่ริมเขาค่อนข้างมาก ไม่แพ้บ้านเรา ทราบว่าส่วนใหญ่เป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เหมือนๆกับเรานี่แหละ
พักหนึ่งก็ถึง เมือง ปากลาย แขวง ไชยะบุรี ซึ่งดูขนาดแล้วก็ประมาณอำเภอบ้านโคกของฝั่งเรา มีตลาดอยู่หย่อมหนึ่งแล้วก็มีบ้านพัก มีโรงแรม มีสถานที่ทำการของราชการ ตั้งอยู่ในช่วงกลางๆของตลาด
เราหยุดพักที่ศาลาริมแม่น้ำโขง ซึ่งไหลผ่านเมืองปากลายพอดิบพอดีและได้นั่งสนทนากับท่านรองเจ้าเมืองที่รอเราอยู่ที่นี่
...
สำหรับทิวทัศน์ที่มองออกไปนอกศาลาก็สวยงามพอใช้เห็นอีกฝั่งของแม่น้ำโขงที่เป็นภูเขาและป่าไม้ชะอุ่ม รวมทั้งเห็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เพิ่งสร้างเสร็จอยู่ไกลๆ
ท่านรองเจ้าเมือง สมดี คงสะวัน เล่าว่า เมืองปากลายของท่านมีประชากร 72,000 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร
เนื่องจากปากลายอยู่ระหว่างกลางของการเดินทาง ซึ่งถ้าจะไปเวียงจันทน์ก็ประมาณ 210 กิโลเมตร หรือถ้าจะไปทางหลวงพระบางก็อีก 270 กิโลเมตร จึงเหมาะที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยว ตั้งรับนักท่องเที่ยวที่จะมาจากประเทศไทย ทั้งคนไทยและคนชาติอื่นๆ
ขณะนี้สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ที่เมืองปากลายของท่านสร้างเสร็จแล้ว จะเปิดใช้เร็วๆนี้ จะทำให้ไปเวียงจันทน์สะดวกยิ่งขึ้น
รัฐบาลลาวเองก็มีแผนจะกำหนดให้ปากลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และกันเนื้อที่ไว้ส่วนหนึ่งประมาณ 300 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์เท่ากับ 6 ไร่โดยประมาณ) เพื่อจะทำเป็นศูนย์การค้า ศูนย์พักผ่อนหย่อนใจ โรงแรม รวมอยู่ในบริเวณเดียวกัน
เริ่มมีการเปิดประมูลกันแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นที่ตกลงกันว่าจะเป็นของนายทุนจากประเทศไหน
ท่านรองเจ้าเมืองบอกพวกเราว่า สำหรับพี่น้องภาคเหนือของประเทศไทย ที่ประสงค์จะไปเที่ยวนครเวียงจันทน์ จะไปได้ง่ายมากในยุคนี้ แค่นั่งรถมาอุตรดิตถ์มาที่บ้านโคก ผ่านด่านภูดู่มาที่ปากลาย จากนั้นขับรถไปอีก 2 ชั่วโมงเศษๆก็ถึงแล้ว
ผมถามท่านว่า ที่ปากลายมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ท่านตอบว่า ก็มีการนั่งเรือชมแม่น้ำโขง หรือจะลอยแพไปก็ได้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็มีงานบุญบั้งไฟสนุกสนานไม่แพ้ภาคอีสานเมืองไทย และช่วงออกพรรษาก็จะมีงานบุญแข่งเรือ ซึ่งเป็นงานใหญ่ของที่นี่
ได้เวลาอันสมควรแล้ว เราก็ลาท่านเพื่อเตรียมตัวกลับ พร้อมกับให้กำลังใจท่าน ขอให้แผนงานต่างๆที่ท่านวางไว้จงประสบความสำเร็จ
ผมแวะไปเดินดูตลาดปากลายอยู่หน่อยหนึ่ง พบว่าสินค้าส่วนใหญ่ก็ข้ามไปจากบ้านเรานี่เอง ราคาจึงสูงกว่าบ้านเรามาก โดยเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลัง ยี่ห้อดังของไทยมีขายเต็มไปหมด
ราคาเป็นเงินกีบเท่าไร ผมจำไม่ได้แล้วแต่เทียบเป็นเงินไทยคือ ขวดละ 20 บาท 2 เท่าตัวของราคาในประเทศไทยเราเลยละครับ... ใครที่ชอบดื่มโปรดรับทราบไว้ด้วยละกัน.
“ซูม”