ยังติดลมเล่นกันไม่เลิก
ตามอาการดุดันของทีมไฟเตอร์สองค่ายการเมืองใหญ่ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์”
ทั้ง นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ ค่ายเพื่อไทย และ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังอารมณ์ค้าง รุมปรามาสการบริหารงานรัฐบาลทหารไม่หยุดหย่อน
แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จะประกาศเลื่อนโปรแกรมตีปี๊บผลงานครบรอบ 3 ปี คสช.ออกไปยาวๆ จากต้นเดือน มิ.ย.ออกไปเป็นเดือน ก.ย.นี้
ในอารมณ์ที่ผู้นำ คสช.เองก็ยอมรับกลายๆถึงสาเหตุการเลื่อนแถลงผลงาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังไม่พอใจ เพราะยังทำให้เสร็จตามเวลาไม่ได้ แต่ก็พยายามทำทุกอย่างดีที่สุด ตราบเท่าที่มีงบประมาณและมีเวลาทำ
“บิ๊กตู่” ขอถอยกลับไปตั้งหลัก ปรับจูนการบ้านกันใหม่
บนสถานการณ์ในช่วงไม่เป็นใจให้รัฐบาล จากปัญหา “คาร์บอมบ์” บริเวณห้างสรรพสินค้าชื่อดัง จ.ปัตตานี ตามติดด้วยกรณี “ไปป์บอมบ์” หน้าโรงละครแห่งชาติ ใกล้สนามหลวง
เจอดิสเครดิตด้านความมั่นคงฉีกหน้ารัฐบาลสองครั้งซ้อนๆก่อนถึงคิวแถลงผลงานตามกำหนดเดิมไม่กี่วัน
บลัฟเรตติ้ง ลดทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลกันล่วงหน้าไปแล้ว
ต้องกลับไปลงแส้ทีมงาน ตระเตรียมปรับและปั่นผลงานกันใหม่ให้เข้มข้น เห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นกว่าเดิม ตามรูปการณ์ในปัจจุบันที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กำลังเร่งปั๊มผลงานออกนโยบายอัดเศรษฐกิจฐานรากกันต่อเนื่อง
ตั้งแต่การปรับเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 1,500 บาท การขึ้นทะเบียนคนจนรอบสองมีผู้มาลงทะเบียนแสดงตัว 14.1 ล้านคน การตั้งกองทุนประชารัฐเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท และการอนุมัติโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย วงเงิน 4,322 ล้านบาท ตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย
...
หลากหลายโปรโมชั่นมัดใจชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง ให้เลิกคิดถึงประชานิยมของคนแดนไกล
ล้อไปกับจังหวะเครือข่ายแม่น้ำร่วมสายอย่าง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ทิ้งทวนโชว์ผลงานปฏิรูปประเทศวาระเร่งด่วนออกมาถี่ยิบ ในช่วงใกล้พ้นตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
แต่ละคณะช่วงชิงกันสร้างผลงานให้ตรงกับธงที่ คสช.ตั้งไว้ ชงให้ ครม.รับไม้ไปเล่นต่อ
เปิดทางให้ล้วงลูกถึงขั้นให้ผู้นำ คสช.ใช้อำนาจมาตรา 44 มาจัดการวาระเร่งด่วนการปฏิรูปประเทศ
ประเคนมาตามลำดับตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ จัดระเบียบการสื่อสารในสังคมออนไลน์ ติดดาบให้ตรวจสอบข้อมูลทางระบบคอมพิวเตอร์ของเอกชนได้
บล็อกการใช้สงครามโซเชียลมาเป็นเครื่องมือเป่าหูชาวบ้านให้เข้าใจผิดรัฐบาล
ล่าสุดถึงคิวรายงานการปฏิรูปตำรวจ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ผ่าตัดใหญ่โครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปลี่ยนเจ้านายใหม่ไปขึ้นตรงต่อ รมว.ยุติธรรม แทนนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกฯที่ได้รับมอบหมาย
ปรับปรุงระบบแต่งตั้งโยกย้ายให้มีความเป็นธรรม บูรณาการระบบสอบสวนใหม่ ไม่ให้พนักงานสอบสวนต้องทำงานหนักมากเกินไปเหมือนในปัจจุบัน
ที่สำคัญยังควักกระเป๋าเพิ่มค่าตอบแทนให้ตำรวจชั้นประทวน และสัญญาบัตร มีเงินเดือนมากกว่าข้าราชการพลเรือนสามัญ
ผลักดันให้ชาวสีกากีมีสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น ไม่ด้อยกว่าคนในเครื่องแบบชุดเขียว
ประคองไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมจากทุกกลุ่มในช่วงย่างเข้าโค้งสุดท้ายโรดแม็ป
ท็อปบูตหันมาใช้กลยุทธ์การตลาดหาเสียง ซื้อใจรากหญ้า และเน้นเนื้องานปฏิรูปประเทศการันตีไว้ต่อยอดอนาคตการเมือง
ตามแนวโน้มที่มีความพยายามผลักดันสูตร “ป๋าเปรมโมเดล” ของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ให้ทุกพรรคการเมืองเชิญผู้นำ คสช.กลับมาเป็นนายกฯ ในช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศอีก 4-5 ปี
กรุยทางให้ “บิ๊กตู่” คัมแบ็กเป็นผู้นำรอบสอง โดยไม่ต้องลงเลือกตั้ง เพื่อผลักดันการปฏิรูปประเทศให้มีความต่อเนื่อง
มันก็เป็นธรรมดาที่อย่างน้อยต้องมีผลงานสั่งสมให้อุ่นใจที่จะฝากอนาคตได้
ถ้าต้นทุนไม่ดีพอก็ตีตั๋วไปต่อลำบาก.
ทีมข่าวการเมือง