มะม่วงชนิดนี้ ถูกระบุว่ามีถิ่นกำเนิดที่ประเทศไต้หวัน แล้วกระจายพันธุ์ปลูกในเขตร้อนไปทั่วโลก ซึ่งในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่และประเทศอียิปต์นิยมรับประทานมาช้านานแล้ว โดย “มะม่วงงาช้างแดง” จะมีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ ผลมีขนาดใหญ่ ผลโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 3.5-4.2 กิโลกรัมต่อผล รูปทรงของผลสวยงามน่าชมมาก ปลายผลงอนดูคล้ายกับงาช้าง จึงถูกตั้งชื่อเป็นภาษาไทยว่า “มะม่วงงาช้างแดง” ตามสีของผิวผลและลักษณะผลดังกล่าว ผลดิบสีเขียวอมม่วงแล้วจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเข้มตลอดทั้งผลเมื่อแก่จัดหรือสุก ตามภาพประกอบคอลัมน์ เวลาติดผลดกผลห้อยเป็นระย้างดงามยิ่งนัก
ผลอ่อน มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อผลแก่จัดมีรสหวานปนมันเหมือนกับเนื้อมะม่วงเขียวเสวยของไทยทุกอย่าง ผลสุกเนื้อในเป็นสีเหลืองอมส้ม รสชาติหวานหอม เนื้อไม่เละแม้สุกงอม ไม่มีเสี้ยน วัดความหวานของผลสุกได้ประมาณ 15–18 องศาบริกซ์ ไม่มีกลิ่นขี้ไต้เหมือนมะม่วงต่างประเทศทั่วไป รับประทานอร่อยมาก เมล็ดเล็ก และที่สำคัญ “มะม่วงงาช้างแดง” จะแก่จัดหรือสุกในช่วงที่มะม่วงสายพันธุ์อื่นๆได้วายไปจากตลาดผลไม้หมดแล้ว จึงทำให้ผู้ปลูกสามารถเก็บผลขายได้ราคาดีและตลาดต้องการเยอะ เวลาติดผลจะเป็นพวง 5-7 ผล ติดผลไม่ขาดต้นหรือเกือบทั้งปี ต้นสูงเต็มที่ไม่เกิน 2.5–3 เมตรเท่านั้น แตกกิ่งก้านแผ่ออกทางด้านข้างเป็นพุ่มกว้างโดยธรรมชาติของสายพันธุ์ ทำให้ผู้ปลูกสามารถเก็บผลผลิตได้ง่ายขึ้น ให้ผลผลิตหรือมีดอกติดผลหลังปลูกเพียงแค่ 3-4 ปีแค่นั้น ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลกินในครัวเรือนหรือเก็บผลขายได้ราคาดี เพราะมีผลแก่จัดหรือผลสุกหลังจากมะม่วงพันธุ์ต่างๆ วายไปจากตลาดผลไม้แล้วนั่นเอง
...
ใคร ต้องการกิ่งตอนแท้ติดต่อ “คุณวิรัช ทับทองหลาง” 130 หมู่ 6 ต.ท้อแท้ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก โทร.08–9706–1931, 08–4989–1998 หรือที่งานพฤกษาสยาม ห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ กทม. เอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 4 ล็อกบี 32–บี 33 วันที่ 26 พ.ค.-4 มิ.ย.60 ราคาสอบถามกันเองครับ.
“นายเกษตร”