โอลิมปิกเกมส์ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกชนิดกีฬา ซึ่งหลายชนิดกีฬาของไทยต่าง ก็เคยผ่านเวทีนี้มาแล้ว แต่มีกีฬาไม่กี่ชนิดที่ประสบความสำเร็จสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือมวยสากลสมัครเล่น

มวยสากลสมัครเล่นนับเป็นกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และถือเป็นความหวังอันดับต้นๆ ถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ประเทศไทยยังควานหาเหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์ไม่เจอ

จนในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์เมื่อปี 1976 ที่แคนาดา “พี่จ้อน” พเยาว์ พูนธรัตน์ ก็ประเดิมเหรียญทองแดงแรกให้กับคนไทยได้ชื่นชม ซึ่งก็ถือเป็นการเบิกฤกษ์อย่างงดงามในสมัยนั้น จากนั้นวงการมวยเสื้อกล้ามไทยดูเหมือนจะคึกคักขึ้นเรื่อยๆ จนในปี 1984 “ขาวผ่อง สิทธิชูชัย” ทวี อัมพรมหา ก็หยิบเหรียญเงินมาคล้องคอได้สำเร็จ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก

จากนั้นเป็นต้นมาดูเหมือนวงการมวยสมัครเล่นของไทยเริ่มคึกคัก และมีเหรียญติดมือมาตลอด เพราะทุกคนต่างมุ่งหวังและเชื่อว่ามวยจะเป็นกีฬาที่เชิดหน้าชูตาของไทย จนในปี 1996 ที่สหรัฐฯ ความหวังของคนไทยก็สัมฤทธิผล เมื่อเสียงเพลงชาติไทยดังกึกก้องบนเวทีระดับโลกได้สมใจหวังจากเหรียญทองของ “โม้อมตะ” สมรักษ์ คำสิงห์

...

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ประเทศไทยก็จะมีเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ติดมือมาตลอด รวมถึงกีฬาชนิดอื่นๆ อย่างยกน้ำหนัก จนในปี 2012 มวยเสื้อกล้ามของไทยก็มีอันต้องไร้เหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์มีเพียงแค่เหรียญเงินกลับมาจาก “แก้ว พงษ์ประยูร” ทั้งที่หลายคนมองว่าน่าจะเป็นเหรียญทองซะมากกว่า

ซึ่งปัจจัยหลักเพราะการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม ส่วนหนึ่งเพราะเราขาดสิทธิ์ขาดเสียงในไอบาไปแล้วเพราะเกิดความขัดแย้งกับไอบา ถึงขนาดที่โอลิมปิกเกมส์ 2012 ทีมกำปั้นไทยเกือบชวดไปแข่งเพราะถูกทางไอบาแบน จึงเป็นเหตุให้ทาง
การกีฬาแห่งประเทศไทยต้องตั้งสมาคมใหม่ขึ้นมาเพื่อขัดตาทัพ และให้นักชกไทยได้ไปแข่งโอลิมปิกเกมส์ได้สำเร็จ

จากนั้นมาไม่ต้องพูดถึง แม้จะชกดีแค่ไหนต่อยยอดเยี่ยมเพียงใด ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนโดนแช่แข็งไม่มีผิด

หลายรายการนักชกเสื้อกล้ามไทยไปไม่ถึงดวงดาว โอลิมปิก 2016 ที่นครริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล ก็ไปไม่ถึงไหน เหมือนจะชนะแต่ก็แพ้แบบค้านสายตาไปหมด

อย่างไรก็ตาม สมาคมมวยในยุคของ “บิ๊กบางจาก” พิชัย ชุณหวชิร นายใหญ่ของสมาคมไม่ได้นิ่งดูดาย และรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอด พยายามทุกวิถีทางเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับทางไอบาอยู่ตลอด

และแน่นอน ทำดีต้องมีคนเห็น ไอบาเริ่มรับทราบถึงความตั้งใจของ “บิ๊กบางจาก” พร้อมกับไฟเขียวให้ทางสหพันธ์มวยสากลเอเชียแต่งตั้ง “อ.เค้ก” รศ.ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ์ เป็น 1 ใน 7 คณะกรรมการผู้ชี้ขาด และผู้ตัดสินของทวีปเอเชีย เพื่อร่วมพัฒนาคณะกรรมการและผู้ชี้ขาดให้มีความรู้เพื่อสร้างมาตรฐานให้สูงขึ้น

นี่เป็นขั้นแรกที่ถือว่าความสัมพันธ์ของไทยกับองค์กรมวยที่ใหญ่ที่สุด เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เปรียบเสมือนหนึ่งว่า “เป็นครอบครัวของไอบา” ไปแล้ว

จากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่สมาคมมวยของไทย ต้องมอบหมายใช้งานกับ “อ.เค้ก” รศ.ดร.ไพบูลย์ให้มากที่สุดเพื่อสร้างความสัมพันธ์ และแทรกตัวและสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีโลก ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลักดันผู้ตัดสินไทยให้ได้ทำหน้าที่ มีสิทธิ์มีเสียงในไอบาอย่างสม่ำเสมอ อันเป็นการปูทางเชื่อมไปยังชาติต่างๆ เพื่อเวลาที่นักชกไทยขึ้นเวทีจะได้รับความเกรงใจมากกว่าเดิม

ที่สำคัญที่สุดจะไม่ถูกกลั่นแกล้งอยู่ตลอด!!!

หรือถูกสกัด มองอะไรไม่ค่อยชัด เปรียบเสมือนคนมืดบอดไปหมด เหมือนที่เกิดขึ้นตลอดในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา...

เพราะเป้าหมายหลักที่วางไว้คือการทวงความยิ่งใหญ่และชื่อเสียงกลับคืนมาในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่น.

พัลลภ ศรีไพรวัลย์ เรื่อง
ชาติชาย จันทร์วัติ ภาพ