แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะกุมอำนาจมากว่า 100 วันแล้ว แต่นโยบายที่มีต่อ “จีน” ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย ยังดูสับสนจับทิศทางลำบาก

ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งและรับตำแหน่งใหม่ๆ ทรัมป์โจมตีจีนว่าขโมยงานชาวอเมริกันด้วยการค้าที่ไม่เป็นธรรม และขู่จะตอบโต้ จนหวั่นว่าจะเกิดสงครามการค้าจนโลกปั่นป่วน แต่หลังการประชุม สุดยอดกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่รัฐฟลอริดาในเดือน เม.ย. และได้โทรศัพท์หารือกันอีกทรัมป์กลับลำชนิด 360 องศา ชมเชยว่าสี จิ้นผิง เป็น “คนดี” และพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เกาหลีเหนือยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ

ทรัมป์ยังปฏิเสธที่จะรับโทรศัพท์จากผู้นำ “ไต้หวัน” เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งนั่นทำให้จีนพอใจอย่างมาก

พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ต่างจับตามองพัฒนาการของ 2 ยักษ์ใหญ่นี้ใกล้ชิด เพราะหวั่นว่าถ้าสหรัฐฯ หันมาจับขั้วเป็นมิตรกับจีนจริงจัง อิทธิพลของพวกตนในภูมิภาคอาจลดลง โดยเฉพาะด้านความมั่นคง โดยเกาหลีใต้กลัวว่าจีนจะบีบให้สหรัฐฯ ลดกำลังทหารหรือยกเลิกการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ “ธาด” (THAAD) เพื่อป้องกันการโจมตีจากเกาหลีเหนือ ส่วนไต้หวันก็กลัวว่าจะซื้ออาวุธจากสหรัฐฯอีกไม่ได้

ขณะที่ประเทศ “อาเซียน” ทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน ไปจนถึงไต้หวัน ที่มีกรณีพิพาทแย่งชิงกรรมสิทธิ์ใน “ทะเลจีนใต้” กับจีน ก็หวั่นว่าถ้าสหรัฐฯกอดคอกับจีน พวกตนจะถูกทอดทิ้งให้งัดข้อกับจีนกันเอง แทนที่จะมีสหรัฐฯเป็นลูกพี่ใหญ่ดังที่เคยเป็นมา

แต่นักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่าทรัมป์ซึ่งเป็นอดีตนักธุรกิจและเป็นนักต่อรอง แค่กำลังพยายาม “เกี้ยว” จีนให้ช่วยสยบเกาหลีเหนือ ถ้าจีนช่วยไม่สำเร็จ เขาก็อาจกลับลำแบบ 360 องศาอีก เหมือนกรณี “รัสเซีย” ซึ่งทรัมป์เคยชมประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซะเลิศลอย แต่พักหลังๆความสัมพันธ์เย็นชาเพราะงัดข้อกันเรื่องสงครามซีเรีย

...

การที่ทรัมป์โทรศัพท์ถึงผู้นำฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย พร้อมโปรยยาหอมและเชิญไปเยือนสหรัฐฯ ก็อาจเป็นเพราะเห็นว่าจำเป็นต้องพึ่งพาให้ช่วยแก้ปัญหาเกาหลีเหนือ หรือต้องรีบดึงออกมาจากอ้อมกอดจีน

ทรัมป์ก็คือทรัมป์ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ต้องดูกันแบบวันต่อวัน เพื่อผลประโยชน์ต่างตอบแทน อาจพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ตลอดเวลา!

บวร โทศรีแก้ว