มีมุมมองจาก บล.ทิสโก้ที่ระบุว่า แม้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นแรงจากความเสี่ยงทางการเมืองที่ลดลงหลังการเลือกตั้งฝรั่งเศส แต่ก็เชื่อว่าตลาดน่าจะสะท้อนภาพข่าวดีไปหมดแล้ว จึงมีความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับฐานลงจาก Valuation ของตลาดที่อยู่ในระดับสูง และการย่อตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจกระทบต่อเงินเฟ้อและกำไรในตลาดหุ้น

โดย “คมศร ประกอบผล” หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ประเมินว่า หุ้นโลกปรับตัวขึ้นแรงช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามความเสี่ยงทางการเมืองในฝรั่งเศสที่ลดลง หลัง “Emmauel Macron” ซึ่งมีนโยบายที่ค่อนข้างเป็นบวกกับตลาดและเป็นมิตรกับสหภาพยุโรป ได้ผ่านเข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งรอบที่ 2 วันที่ 7 พ.ค.นี้

โดยโพลล่าสุดชี้ว่า นาย Macron ยังนำนาง Marine Le Pen ซึ่งเป็นฝ่ายขวาจัดและมีนโยบายต่อต้านสหภาพยุโรปค่อนข้างขาด (60% ต่อ 40%) ซึ่งชี้ว่านาย Macron มีโอกาสสูงมากที่จะชนะการเลือกตั้งเป็น ประธานาธิบดี

บล.ทิสโก้ มองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้นแรงน่าจะสะท้อนข่าวดีจากการเลือกตั้งฝรั่งเศสไปมากแล้ว และตลาดน่าจะมีความเสี่ยงที่ จะปรับฐานในระยะข้างหน้า เนื่องจาก Valuation ของตลาดที่อยู่ในระดับสูง

โดยดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ซื้อขายที่ Forward P/E ประมาณ 18 เท่า ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ Dotcom Bubble ในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 รวมไปถึงตลาดหุ้นไทย เอเชีย และยุโรป ซึ่งซื้อขายที่ Forward P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตแทบทั้งสิ้น จะมีเพียงตลาดหุ้นญี่ปุ่นเท่านั้นที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

โดยปัจจัยลบซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดการปรับฐานของตลาดหุ้นในช่วงนี้ ได้แก่ แรงเทขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะเหล็ก ซึ่งราคาแร่เหล็กในตลาด Dalian Commodity Exchange ปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องราว 45% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และเริ่มกดดันให้โลหะอุตสาหกรรมอื่นๆปรับตัวลดลงตาม

...

ประกอบกับราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลในช่วงสัปดาห์นี้ จากที่เคยทรงตัวที่ระดับ 52-55 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลในช่วงต้นปี

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงในช่วงนี้อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเงินเฟ้อ และการขยายตัวของกำไรในตลาดหุ้น และอาจเป็นแรงกดดันให้ตลาดหุ้นโลกรวมทั้งหุ้นไทยซึ่งซื้อขายที่ระดับ Valuation ค่อนข้างแพงมีความเสี่ยงที่จะปรับฐาน!!

อินเด็กซ์ 51