ข่าวใหญ่ระดับโลก
เมื่อสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ต่อสายข้ามทวีปสนทนาทางโทรศัพท์กับ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย และนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
พร้อมเชิญให้เดินทางไปเยือนทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี.
ตามโปรแกรมการติดต่อกับชาติพันธมิตรต่างๆในเอเชียให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพี่เบิ้มจะได้รับความร่วมมือในการเดินหน้ายุทธศาสตร์กดดันเกาหลีเหนือ
ผู้นำหมายเลขหนึ่งของโลกต้องลงทุนต่อสายมาเอง
สัญญาณการเมืองโลกยกระดับความเข้มข้นถึงขีดสูงสุด โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ จีน รัสเซีย จ้องยึดเป็นชัยภูมิ
ถือดุลความได้เปรียบในสงครามเย็นยุคปัจจุบัน
ว่ากันตามสถานการณ์ นี่คือข้อได้เปรียบของไทยที่จะยึดเป็นเงื่อนไขในการเจรจา “ต่อรอง”
อย่างน้อยก็เรื่องของมาตรการทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯจ่อล็อกไทยไว้ในบัญชีประเทศเฝ้าจับตาพิเศษที่ได้เกินดุลการค้ามหาศาล หรือการดีลเมกะโปรเจกต์กับจีนแผ่นดินใหญ่
คงไม่มีใครกล้าบีบเราแรงๆแน่
เพราะนั่นคือปัจจัยแปรผัน พลิกดุลการเมืองโลกได้เลย
ขณะเดียวกัน โดยปรากฏการณ์ที่ประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯได้ต่อสายถึงผู้นำไทย มันยังสะท้อนถึงระดับสถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคทะเลจีนใต้
สงครามคาบสมุทรเกาหลีจ่อปะทุ
ตามฉากที่กองเรือรบของสหรัฐฯได้เคลื่อนมาประจำการอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้
ว่ากันตามเงื่อนไขสถานการณ์ โดยบรรยากาศมันก็ตรงจังหวะกันพอดี กับโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ “yuan class S26T” จากประเทศจีน
ในมุมของเกมการประคองดุลอำนาจ
ยุทธศาสตร์การทหารในห้วงสงครามเย็นยุคใหม่
...
อธิบายกันได้ ในมุมของความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องมีการเสริมเขี้ยวเล็บ ซึ่งไม่ใช่
แค่เรื่องของการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเท่านั้น แต่มันยังหมายรวมถึงการผูกออปชั่นกับประเทศมหาอำนาจ
ไว้ไมตรี เผื่อความร่วมมือกันในระยาว
ไม่ใช่แค่สงคราม สถานการณ์ความมั่นคง แต่ยังรวมถึงเงื่อนไขด้านเศรษฐกิจ
เรื่องของเรื่อง ถ้าพูดกันตรงๆมันก็มีปัจจัยเหตุให้เอ่ยอ้างกันได้อย่างมีน้ำหนัก
ไม่ใช่ “ดำน้ำเงียบ” ผ่านมติ ครม.เป็นสัปดาห์แล้วเพิ่งปูดออกมาเป็นข่าว
เล่นเอา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ต้องรับบทตำบลกระสุนตก โดนถล่มอ่วมไปตามฟอร์ม
ต้นทุนหน้าตักของ “นายกฯลุงตู่” หดลงไปอีกบานตะไท
ถึงแม้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ เปิดฐานทัพเรือสัตหีบ
จัดฟลอร์แถลงใหญ่ชี้แจงข้อสงสัยสังคม
แต่นั่นก็คงได้แค่ความกระจ่างทางเทคนิคเป็นส่วนใหญ่ เพราะปมใหญ่มันอยู่ที่ความเหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไล่จี้กดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามสังคมด้วยตัวเองว่าทำไมต้องเร่งซื้อเรือดำน้ำในห้วงเวลานี้
กระแสไหลลามลึก คนส่วนใหญ่คาใจปมความโปร่งใสไปแล้ว
แนวโน้มพลิกคว่ำพลิกหงายเกมอำนาจรัฐบาลทหารได้เลย
เอาเป็นว่า ถ้ารอบนี้รัฐบาล คสช.ฝ่ามรสุม “เรือดำน้ำ” ผ่านจุดวิกฤติสุดของอำนาจพิเศษไปได้ นั่นก็คงไม่มีคลื่นอะไรมาขย่ม “เรือแป๊ะ” ให้ล่มได้อีก
และนั่นก็จะไปถึงจุดที่ พล.อ.ประวิตรแสดงความมั่นอกมั่นใจ ส่งสัญญาณบอกคนวงใน
หลังเลือกตั้งขึ้นกระดานไว้ล่วงหน้าได้
นายกฯยังชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”.
ทีมข่าวการเมือง