ผ่านเดือนร้อนมาได้ จากนี้ไปอย่าการ์ดตกก็แล้วกัน
ต้องยอมรับห้วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาในท่ามกลางอากาศร้อน แต่ก็มีเรื่องร้อนๆที่ทำให้รัฐบาลต้องปาดเหงื่อตลอดเวลา
หลายเรื่องคงไม่เท่าไร เพราะรู้จักถอยทิ้งระยะห่างจนผ่านพ้นไปได้ แต่ 2 เรื่องที่ประเดประดังเข้ามาล้วนส่งผลกระทบค่อนข้างสูง
ที่สำคัญก็คือคิดเองทำเองเสียด้วย
เรือดำน้ำที่โผล่ขึ้นมาแบบลับๆล่อๆนั่นเรื่องหนึ่ง
สภาคุมสื่อนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ว่าที่จริงแล้วเรื่องเรือดำน้ำนั้นเปิดท่าทีมานานแล้ว ซึ่งก็มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่กระบวนท่าในการดำเนินการทำให้เกิดข้อสงสัยจนตงิดหัวใจผู้คนในสังคม
จนต้องโยนให้เป็นเรื่องของกองทัพเรือที่จะชี้แจงแถลงไขถึงความเป็นมาพร้อมรายละเอียดเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน
ยังไม่รู้ว่ากองทัพเรือจะแจงได้หมดเปลือกแค่ไหนเมื่อคนของรัฐบาลต่างออกตัวไปแล้วไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องลับมุมแดง
หากกองทัพเรือแถลงมากไปก็เข้าเนื้ออีกเมื่อบอกว่าเป็นความลับแล้วเหตุไฉนจึงเปิดเผยออกมาอย่างนั้น
หรือหากว่าแถลงแบบด้วนๆ ก็เสียอีก เพราะไม่เข้าถึงข้อมูลต่างๆ
ทั้งขึ้นทั้งล่องล้วนมีแต่เสียกับเสีย ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะโยนให้กองทัพเรือรับผิดชอบแต่ก็รู้กันดีว่าความรับผิดชอบจริงๆนั้นอยู่ที่ใคร
เรื่องนี้แม้ด้านหนึ่งก็มีเหตุผลที่สังคมพร้อมจะรับได้ในเชิงยุทธศาสตร์ความมั่นคง แต่เมื่อใจร้อนใจเร็วคิดเพียงว่ามีอำนาจจะทำอะไรก็ได้มันก็เลยเกิดปัญหาเยี่ยงนี้แล
ไหนๆรอกันมานานแล้วจะรออีกสักหน่อยก็ไม่น่าจะเสียหายตรงไหน
มาอีกเรื่องหนึ่งที่บรรดาสื่อมวลชนทั้งระบบรวมตัวกันเพื่อคัดค้าน พ.ร.บ. คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ พ.ร.บ. คุมสื่อครอบงำประชาชนด้วยการให้มีการจัดตั้งสภาสื่อ
...
ไม่ว่าจะมองมุมไหนล้วนเป็นวิธีการ “ปิดปากสื่อ” ทั้งระบบ
แม้ว่าจะเป็นความคิดริเริ่มของ สปท.ที่ยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนกว่าจะประกาศใช้ได้ เพราะแม้ สปท.จะเห็นชอบก็ต้องให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบแล้วยังต้องให้ สนช.ดำเนินการให้เป็นกฎหมายบังคับใช้
ต้องรับฟังความเห็นของประชาชน ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
แต่ก็มีคำถามว่าแล้ว คสช.รับรู้เรื่องนี้หรือไม่ คงไม่ต้องไปฟังว่า คสช.จะตอบอย่างไร แต่ผู้คนล้วนชี้เป้าตรงกันแน่
เป็นเรื่องของการ “สมคบคิด” อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยปฏิกิริยาเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบอาชีพ ที่รวมพลังกันด้วยความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน ด้วยเหตุผลเดียวกันที่ไม่เห็นด้วยและประกาศยืนหยัดคัดค้านอย่างเต็มที่
สปท.จึงยอมถอยหลังลดเงื่อนไขลงไปเรื่อยๆ ล่าสุดบอกว่าไม่เอาแล้ว ใบประกอบวิชาชีพและบทลงโทษ
เอาเป็นว่า ที่เปลี่ยนแปลงและตัดออกไปนั้น อย่าได้คิดว่าจะยุติกันง่ายๆ เพราะการคัดค้านนั้นหมายถึงจะต้องไม่มี พ.ร.บ.ที่วางแผนคิดและจินตนาการกันขึ้นมา
ทางออกก็คือ ถอนเรื่องนี้ออกไปจากระบบเสียดีกว่า จากนั้นหาทางมานั่งโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกในทางสร้างสรรค์ ด้วยการไม่กำจัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน
ยังมีเรื่องของชาติบ้านเมืองที่จะต้องร่วมมือกันแก้ไขอีกเยอะ.
“สายล่อฟ้า”