เกิดความแตกตื่นโกลาหลอีกครั้งหลังตรวจพบ นักฟุตบอลชาวอุซเบกิสถาน สังกัดสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งๆที่ ผ่านการคัดกรองโรคและกักตัว 14 วันแล้ว ออกมาดำเนินชีวิตตาม ปกติวิสัยถึง 15 วัน (ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.ถึง 10 ก.ย.) มีโอกาสสูงที่จะแพร่เชื้อไปยังคนใกล้ชิดและคนที่ได้สัมผัสคลุกคลีด้วย รายนี้อันตรายยิ่งกว่าในรายของทหารอียิปต์ที่ระยอง นักบอลชาวเซอร์เบีย ทีมบุรีรัมย์ และดีเจที่ถูกคุมขังในเรือนจำ
ทหารอียิปต์นั้นชัดเจนว่าติดเชื้อมาจากประเทศต้นทาง โชคดีที่กลุ่มเสี่ยงทั่วจังหวัดระยองไม่มีใครติดเชื้อ ขณะที่นักเตะชาวเซอร์เบียก็ติดเชื้อมาจากนอกประเทศเช่นกัน แต่ตรวจพบเชื้อในสถานที่กักกันเสียก่อน จึงทำการรักษาและป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดได้ ส่วนดีเจแม้ติดเชื้อในประเทศ แต่ช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงแพร่เชื้อนั้นเจ้าตัวได้ถูกกักแยกโรคอยู่ในเรือนจำแล้ว อีกทั้งผลตรวจทั้งกลุ่มเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำประมาณ 1 พันคน ก็ไม่พบผู้ติดเชื้อ
ไปดูไทม์ไลน์ของ นักบอลผู้ป่วยโควิดรายล่าสุดนี้ กันนะครับ วันที่ 11 ส.ค. ก่อนเดินทางเข้าไทย ได้ตรวจหาเชื้อไวรัสที่ประเทศอุซเบกิสถาน แล้วผลเป็นลบ คัดกรองก่อนขึ้นเครื่องบินไม่มีไข้ วันที่ 13 ส.ค. ลงเครื่องสนามบินสุวรรณภูมิ ผ่านการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค เข้ากักกันในสถานกักกันทางเลือก (โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กทม.) ตรวจเชื้อ 2 ครั้งก็ไม่พบเชื้อ กระทั่งวันที่ 27 ส.ค. ออกจากสถานกักกันเดินทางไป จ.บุรีรัมย์
วันที่ 28 ส.ค.จนถึง 9 ก.ย. ฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม ที่สโมสรซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านพัก โดยมีการ เตะอุ่นเครื่อง กับทีมราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในวันที่ 30 ส.ค. และลงอุ่นเครื่องกับทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด ในวันที่ 5 ก.ย. กระทั่งวันที่ 10 ก.ย. ขึ้นเครื่องบิน สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3521 ลงที่สุวรรณภูมิแล้วนั่งรถบัสสโมสรไป เข้าแคมป์ ที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ และได้ทราบ ผลตรวจเชื้อเป็นบวก ในวันเดียวกันนั้น (เก็บเชื้อไปตรวจเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ก่อนจะลงแข่งไทยลีกตามข้อตกลงระหว่างสมาคมฟุตบอลไทยกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์)
...
ช่วงเวลาอันตรายคือ 15 วันที่ใช้ชีวิตอิสระหลังออกจากสถานที่ กักกันแล้ว คงต้องรอดูผลการสอบสวนโรคหากลุ่มเสี่ยง และเข้าไปตรวจเชื้อ สกัดการแพร่ระบาดได้ดีขนาดไหน อย่างไรก็ตาม กรณีของนักเตะรายนี้ ศบค.ไม่ควรรีบโบ้ยว่า อาจจะติดเชื้อมาจากประเทศต้นทาง ถ้าอยากให้ประชาชนสบายใจ ควรเอา ข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ ได้มาแถลงดีกว่า
ผมไม่กังวลว่าจะเจอคนติดเชื้อโควิดอีกมากเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในอนาคตก็ต้องเจอผู้ป่วยเพิ่มอีกแน่ ขอเพียงหาต้นตอให้พบ และสอบสวนโรคสกัดการแพร่เชื้อให้ได้ก็แล้วกัน ในทางกลับกันต่อให้มีผู้ป่วยแค่รายเดียว แต่ถ้าหาต้นตอการติดเชื้อไม่ได้ โอกาสเกิดการระบาดก็สูง ที่น่าห่วงคือชาวพม่าที่ลักลอบหนีเข้าไทย มีข่าวจับได้ รายวัน ส่วนพวกที่เล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่หลบหนีเข้ามาได้ ไม่รู้ ว่ามีกี่คนแล้ว หากโชคร้ายมีเชื้อโควิดติดมาด้วยแค่เพียง 1 คน ก็อาจ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดรอบสองได้
หรือแม้กระทั่งกรณีของดีเจ แม้ว่าตรวจกลุ่มเสี่ยงเป็นพันคนแล้วไม่พบใครติดเชื้อก็ตาม แต่ตราบใดที่ ยังหาต้นตอไม่ได้ ว่าดีเจรับเชื้อมาจากไหน ย่อมไม่อาจวางใจได้อยู่ดี
ระยะหลังๆด้วยสถานการณ์ภายในประเทศคุมได้อยู่หมัด คนส่วนใหญ่เลยค่อนข้างปล่อยตัว การ์ดตกกันไปบ้าง แต่ตอนนี้มี 2 กรณีแล้วที่ยังหาต้นตอการติดเชื้อไม่เจอ เพื่อความไม่ประมาทเรากลับมาตั้งการ์ดสูงขึ้นหน่อยดีกว่า ใส่แมสก์ล้างมือเป็นประจำ ที่สำคัญเวลาไปไหนหมั่นเช็กอินแพลตฟอร์มไทยชนะกันด้วย เสียเวลาไม่ถึง 10 วินาที แต่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนรวม เผื่อเจอผู้ป่วยใหม่จะได้ง่ายต่อการสอบสวนและควบคุมโรค.
ลมกรด