เมื่อปลายเดือนที่แล้ว มีพิธีมอบอาคาร 100 ปี กำพล วัชรพล ที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 109 (บ้านร่องส้าน) จังหวัดพะเยา ผมติดภารกิจไม่สามารถไปร่วมได้ ทำให้พลาดโอกาสสำคัญยิ่งไปโอกาสหนึ่ง นั่นคือหลังจากเสร็จพิธีมอบอาคารเรียนหลังใหม่ที่จังหวัดพะเยา อย่างเป็นทางการแล้ว คณะของ มูลนิธิไทยรัฐ ก็เดินทางไปเชียงราย เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพมหานคร
แต่เนื่องจากมีเวลามากพอจึงแวะไปนมัสการ พระเมธีวชิโรดม หรือ ว.วชิรเมธี นั่งสนทนาธรรมกับท่านที่ ศูนย์วิปัสสนาสากล ไร่เชิญตะวัน (เชียงราย) อยู่เกือบชั่วโมง อิ่มบุญ อิ่มใจกลับมาทั่วหน้า
ที่ผมบอกว่า “พลาดโอกาส” ก็เพราะถ้าผมไปร่วมในพิธีมอบอาคารเรียนที่พะเยากับเขาด้วย ก็คงได้ไปนั่งสนทนาธรรมกับ “ท่าน ว.” อิ่มบุญ อิ่มใจ เช่นเดียวกับพี่ๆเพื่อนๆจากไทยรัฐที่เดินทางไปในครั้งนี้
กระนั้นก็ถือว่าผมมีบุญอยู่มาก เพราะท่าน ว. ท่านมีเมตตา ส่งหนังสือที่ท่านเพิ่งจัดพิมพ์เสร็จหมาดๆมาให้ผม 1 เล่ม
ในชื่อเรื่องบนแผ่นปกว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” เป็นภาษาไทย และมีภาษาอังกฤษ THIS TOO SHALL PASS กำกับเอาไว้ด้วย
ขอกราบนมัสการผ่านคอลัมน์วันนี้ไปถึงท่านด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งที่ท่านระลึกถึง และมีเมตตา ฝาก “ของดี” มาให้
ผมอ่านได้ค่อนเล่มแล้วครับ เพราะหนังสือที่มีคุณค่าทุกตัวอักษรเช่นนี้ ก็ต้องอ่านแบบละเลียดทีละเล็กทีละน้อย จะบุ่มบ่ามลุยอ่านเหมือนนิยายเพื่อให้จบอย่างรวดเร็วคงไม่ถูกต้องแน่นอน
ท่านกล่าวไว้ในบทนำว่า หนังสือเล่มนี้รวมข้อเขียนที่ท่านเขียนขึ้นในระหว่างประเทศไทยกำลังใช้นโยบาย “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” สู้กับโควิด-19 ที่เริ่มระบาดรุนแรงตั้งแต่เดือนมีนาคม
...
ซึ่งท่านเองก็ต้องอยู่ที่ไร่เชิญตะวันหยุดรับนิมนต์ต่างๆ ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขแต่ก็เป็นผลดี ทำให้มีเวลาเขียนบทความได้หลาย สิบชิ้น นำมารวมตีพิมพ์ได้ 1 เล่ม หนา 331 หน้า ที่วางอยู่ข้างหน้าผมขณะนี้
ผมชอบตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วครับ “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ซึ่งเป็นคำปลอบประโลมให้เรายืนหยัดสู้กับความทุกข์ต่างๆ ซึ่งต่อให้หนักหนาแค่ไหน เดี๋ยวมันก็จะต้องผ่านไป
ในบทความเรื่อง “นาฏกรรมแห่งธรรมชาติ” หน้า 101 ของหนังสือท่าน ว. เขียนถึงความงามของธรรมชาติ ซึ่งต้องเผชิญกับพายุใหญ่ที่จู่ๆ ก็โหมกระหน่ำอย่างหนัก หลังพายุสงบท่านลงไปสำรวจความเสียหายพร้อมกับนึกถึงบทกวีนิพนธ์ที่ท่านเขียนไว้บทหนึ่ง...ความว่า
“พายุไม่โหมกระหน่ำทุกวัน
ฝนไม่ตกทั้งเดือน
แผ่นดินไม่ไหวทั้งปี
เรื่องเลวร้ายประดามีที่ผ่านเข้ามา
ไม่เร็วก็ช้า มันก็จะต้องผ่านไป
หนักหนาสาหัสแค่ไหน
จงรักษาชีวิต รักษาความหวังเอาไว้
ทนต่อไปและต่อไป
จนกว่าจะถึงวันอันสดใสของเราอย่างแท้จริง”
นับเป็นบทกวีที่ให้กำลังใจแก่มนุษย์ที่กำลังประสบทุกข์ ประสบเคราะห์ โดยแท้...อ่านไปท่องไป...ทั้งจิตที่กำลังตก ทั้งขวัญที่กำลังฝ่อจะหวนกลับคืนมาทันที
โควิด-19 เป็นทุกข์ที่สาหัสกว่าทุกข์อื่นๆ เพราะมันส่งผลกระทบต่อมนุษย์ไม่เพียงการทำลาย “ชีวิต” เท่านั้น ยังทำลายเศรษฐกิจ ทำให้คนตกงาน ทำให้ขาดรายได้ ทำให้อดอยากยากจน ฯลฯ
สำหรับคนที่โชคร้ายจริงๆ หรือจะถือว่าโชคดีก็ได้เพราะหมดทุกข์ไปเสียก่อน คือถูกมันคร่าชีวิต...ก็ถือว่าจบกันไป
แต่สำหรับคนที่ไม่ติดเชื้อและเอาชีวิตรอดมาได้ซึ่งจะต้องเจอสารพัดทุกข์อื่นๆอีกมากมายหลายอย่าง ก็สามารถที่จะใช้บทกวีของท่าน ว.บทนี้สำหรับปลอบประโลมใจได้อย่างดียิ่ง
ลำพังทุกข์เศรษฐกิจก็หนักหนาสาหัสมากอยู่แล้ว และจะต้องใช้เวลาแก้ไขยาวนานมาก 2 ปีจะฟื้นหรือไม่ยังไม่รู้
เกิดมีทุกข์ทางการเมืองแทรกมาอีกมีการเรียกร้องมีความเคลื่อนไหวปะทุเข้ามาพอดี... จะขัดแย้งกันไปอีกนานเท่าใด ยังคาดเดาไม่ถูกเช่นกัน
ก็เอาเถอะในที่สุดมันก็จะผ่านไปอาจจะช้าหน่อยเพราะเจอดอกใหญ่ถึง 2 ดอก ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง แต่ในที่สุดมันก็ต้องผ่านไป
เราจะทนต่อไปและต่อไป...จนกว่าจะถึงวันอันสดใสของพวกเรา ชาวไทยขอรับพระอาจารย์.
“ซูม”