วันเสาร์สบายๆวันนี้ ทั่วโลกยังตกอยู่ในความหวาดผวา “ไวรัสโควิด–19” ที่กำลังแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นเป็น 50 ประเทศรวมทั้ง สหรัฐฯ ยุโรป ตัวเลขวันพฤหัสบดีมีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 82,348 ราย เสียชีวิต 2,805 ราย ในจีน 78,497 ราย เสียชีวิต 2,744 ราย โดยเฉพาะ อิตาลี กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่เชื้อไวรัสโควิด–19 ในยุโรป มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 447 ราย เสียชีวิต 12 ราย ญี่ปุ่น แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยช่วงปิดเทอมนี้ นอกจากผู้ติดเชื้อในเรือสำราญไดมอนด์ปริ๊นเซส 705 ราย ยังพบผู้ติดเชื้อในเมืองต่างๆอีก 186 ราย เสียชีวิต 4 ราย ใครกลับจากญี่ปุ่นต้องรีบกักตัวด่วนไม่งั้นผิดกฎหมาย
ใครที่ชอบกินอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะ ปลาดิบ ซูชิ ช่วงนี้ต้องงดด่วน
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้โพสต์ ข้อความเตือนเมื่อเช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ว่า “เชื้อไวรัส COVID–19 ไม่ทนความร้อน และถูกทำลายได้ด้วยวิธีการประกอบอาหารที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส องค์การอนามัยโลกจึงแนะนำให้ 1.หลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุก 2.จัดการกับเนื้อสัตว์ดิบ นมดิบ หรืออวัยวะของสัตว์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเข้าสู่ผลิตภัณฑ์อาหารที่รับประทานสด ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีการรับประทานปลาดิบ เนื้อสด กันเยอะ ช่วงนี้ขอให้เลี่ยงการรับประทานปลาดิบ เนื้อสด ของดิบไปก่อน”
ก็เลยเอามาฝากกันตรงนี้ เลิกกินปลาดิบของดิบไปสักพัก เพื่อสุขภาพของท่านเอง
ผมคาดว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้ ไวรัสโควิด–19 เป็น “โรคติดต่ออันตราย” คงจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้แล้ว “โรคติดต่ออันตราย” ตาม กฎหมายโรคติดต่อ ก็คือ “โรคติดต่อที่มีความรุนแรงสูงและสามารถแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว” ผู้ใดฝ่าฝืนมีบทลงโทษค่อนข้างแรง ทั้ง โทษจำคุกสูงสุด 2 ปี ปรับสูงสุดถึง 500,000 บาท วันนี้ผมเลยนำรายละเอียดมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้ทุกคนร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาด ไม่ใช่ถูกกักกัน 14 วัน แล้วหนีไปเที่ยวแพร่เชื้ออย่างที่โพสต์กันคะนองมือ สามารถแจ้งความเอาโทษได้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
...
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า เมื่อประกาศกระทรวงมีผลใช้บังคับแล้ว ประชาชน สถานพยาบาล ผู้ประกอบการ เช่น โรงแรม มีหน้าที่ตามกฎหมายให้รายงานและแจ้ง เมื่อสงสัยหรือมีเหตุสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย เช่น มาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค เช่น จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิตาลี อิหร่าน หรือมีโอกาสใกล้ชิดผู้ป่วย ถ้ามีอาการไข้ ทางเดินหายใจ ต้องนึกว่าเป็นโรคนั้นได้ ต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับแพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่ซักประวัติ เพื่อช่วยในการรักษา ขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเป็นอันตราย เช่น สวมหน้ากากอนามัย ไม่ไปอยู่ใกล้ชิดกับคนอื่น ซึ่งจะช่วยให้ตนเองปลอดภัยขึ้น แต่ การไม่แจ้งจะมีโทษปรับ 20,000 บาท ถือเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องช่วยกันครับ
ใน พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ยังกำหนด “บทลงโทษ” ไว้ถึง 7 มาตรา เช่น ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการแจ้ง ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท
ก็เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เป็นเรื่องร้ายแรง ที่ ทุกคนต้องช่วยกันสกัดไม่ให้ลุกลามและแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น โดยเฉพาะ คนในครอบครัว ทุกคนต้องช่วยกันนะครับ สังคมไทยจะได้น่าอยู่มากขึ้น แค่ “ไวรัสนักการเมือง” ประเทศไทยเราก็แย่มากอยู่แล้ว.
“ลม เปลี่ยนทิศ”