นิทานชาวบ้าน ชุดสี่สหาย...ไอ้หูกาง ไอ้ก้นแหลม ให้สามมือปาม ไอ้ขี้มูกมาก ที่แม่เล่าให้ผมฟังตอนยังเล็กๆ รู้สึกได้ว่าสนุกมาก มาคิดได้ตอนแก่ นิทานของแม่สอนให้รู้รักสามัคคี
อ่านเจอ สี่สหายขายปัญญา จากหนังสือนิทานพื้นบ้านไทย คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ พิมพ์เผยแพร่ปี 2536 คนละเรื่องเดียวกัน สนุกคล้ายกัน สนุกแบบไหน ลองอ่านกันดู
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีชายสี่คนเป็นเพื่อนกัน แต่ละคนมีเอกลักษณ์ประจำตัวต่างกัน
คนที่ 1 ศีรษะใส แดงระเรื่อ เพราะไม่มีผมบนหัวเลย ดังนั้นเขาจึงต้องเอาน้ำลูบหัวเป็นประจำ เพื่อบรรเทาความร้อน เพื่อนเรียกเขาว่า ไอ้หัวล้าน
คนที่ 2 มีขี้ตามาก จนเป็นที่อาศัยของแมลงหวี่ เขาจึงต้องมีปกตินิสัย คอยเอามือโบกพัดไล่แมลงหวี่ เพื่อนเรียกเขาว่า ไอ้ตาแฉะ
คนที่ 3 มีขี้มูกมาก จนไหลย้อยเข้าปากเสมอ เขาจึงต้องเอามือปาดขี้มูกไม่ขาด เพื่อนเรียกเขา ไอ้ขี้มูกมาก
คนที่ 4 มีเหาเต็มหัว เขาจึงต้องเกาหัวอยู่เรื่อยๆ เพื่อนเรียกตามลักษณะ ไอ้เหากินหัว
ทั้งสี่สหายคบหารักใคร่ชอบพอกัน ไปไหนก็ไปกัน จนวันหนึ่งเริ่มรู้สึกตรงกันว่า น่าจะไม่สนุก จึงคิดกันว่า ถ้าจะเที่ยวให้สนุกกว่า น่าจะเริ่มวางกติกากันใหม่
คิดกันไปสารพัดสารพัน จนมาได้ข้อยุติว่า ก็แค่ระหว่างเดินทาง ทั้งสี่สหายจะไม่ทำอย่างที่เคยทำ
ไอ้หัวล้าน จะไม่เอาน้ำลูบหัว ไอ้ตาแฉะ จะไม่ใช้มือไล่แมลงหวี่ ไอ้ขี้มูกมาก จะไม่เอามือปาดขี้มูก และไอ้เหาเต็มหัว จะไม่เกาหัว
ถ้าใครเผลอใช้นิสัยอย่างเคย ต้องเป็นคนแพ้
ตกลงกันขันแข็งแล้ว ทั้งสี่สหายก็เริ่มเดินทาง ครั้งนี้เขาเลือกเดินทางทางน้ำ สี่คนมีสี่พาย ก็ช่วยกันพายเรือไปข้างหน้า แต่ไม่นาน สี่สหายก็รู้ว่า ความเร็วของเรือ เริ่มช้าลงๆ
...
เวลายิ่งนาน ไอ้หัวล้านก็ยิ่งร้อนหัว ไอ้ตาแฉะก็เริ่มจะทนแมลงหวี่ตอมตาไม่ไหว ไอ้ขี้มูกมากก็ทนขี้มูกที่ไหลย้อยเข้าปากไม่ได้ ไอ้เหากินหัวก็เริ่มคันหัว จนมือที่พายเรือเริ่มพายไม่ไหว
เรือเริ่มลอยเอื่อยๆไปตามกระแสน้ำ ทั้งสี่สหายซึ่งรู้กันว่าทุกคนมีปัญหา กำลังคิดหาทางออกให้ตัวเอง
ไอ้หัวล้านเริ่มต้นเป็นคนแรก เขาพูดเสียงดัง เคยเห็นช้างตัวใหญ่ลงมากินน้ำในหนอง...ช้างเอางวงดูดน้ำใส่หัวอย่างนี้ๆ ปากพูดแล้ว ไอ้หัวล้านก็เอามือทำท่าเหมือนงวงช้าง วักน้ำราดหัวตัวเอง
ไอ้เหากินหัว เอาอย่าง เขาก็เล่าบ้าง ในการเที่ยวป่าครั้งหนึ่ง เคยเห็นกวางยืนอยู่ข้างๆช้าง กวางตัวนั้นมันมีเขาบนหัว...ปากพูดมือไอ้เหากินหัวก็ทำสองมือทำท่าเหมือนเขากวางบนหัว แล้วก็เอานิ้วมือเกาหัวตัวเอง
ไอ้ขี้มูกมาก ...ทำท่าเพลินกับเรื่องเล่าของสองเพื่อน...เขาเสริมทันที วันนั้นเขาก็เห็นทั้งช้างกับกวางตรงหน้า เขามีปืนไปด้วย ทนไม่ไหว จึงยิงโป้งทันที พูดแล้วไอ้ขี้มูกมาก ก็ทำท่ายิงปืน ทั้งเอามือเช็ดขี้มูกพร้อมๆกันไป
ไอ้ตาแฉะ ถูกแมลงหวี่ตอมมานาน จึงได้โอกาสบอกสามเพื่อนว่า เรื่องที่ทุกคนเล่ามาเป็นเรื่องโกหก ทั้งนั้น “กูไม่เชื่อๆ” ปากพูดมือไอ้ตาแฉะก็โบกไปมา ไล่แมลงหวี่ที่ตอมตาไปด้วย
นิทานเรื่องนี้ จบลงตรงสี่สหาย ใช้ปัญหาแก้ปัญหาให้ตัวเอง โดยไม่ผิดกติกาที่ตกลงกัน...แล้วก็ช่วยกันออกแรงแข็งขัน พายเรือต่อไป จนเรือลำนั้นถึงจุดหมายปลายทาง
ผมตั้งใจเอานิทานเรื่องนี้มาเล่าต่อ เมื่อได้ฟังรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หลุดปากบ่น เศรษฐกิจเมืองไทยทำท่าไม่ดี เพราะท่านดูแลเครื่องยนต์ การเงิน การคลัง อยู่เครื่องเดียว
ส่วนอีกสามเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายในประเทศ การส่งออก การค้า การเกษตร ฯลฯ รองสมคิดไม่พูดถึง แต่ทำให้คิดได้ว่า เขาก็คงติดเครื่องยนต์ของเขาเหมือนกัน เพียงแต่แรงดันของเครื่องยนต์ไปคนละทาง
เรือแป๊ะลำนั้น จึงหันรีหันขวางไม่ไปถึงไหน และฟังให้คิดต่อได้อีกว่า เรือแป๊ะลำนั้นกัปตัน...ไม่มี.
กิเลน ประลองเชิง