ใกล้ๆสิ้นปีอย่างนี้ นอกจากจะมีการจัดงานรื่นเริงนานาชนิด เพื่อเตรียมรับลมหนาวไปจนถึงเตรียมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอย่างมากมายหลายๆงานแล้ว ยังเป็นประเพณีใหม่ของประเทศไทยในยุคหลังๆที่จะมีการจัดงานสัมมนาทางวิชาการด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และพยากรณ์ในอนาคตควบคู่กันไปด้วย

เข้าทำนองที่จัดงานสนุกสนานก็จัดกันไป เพราะใกล้จะได้เวลาพักผ่อน แต่สำหรับคนที่เอาจริงเอาจังกับชีวิตก็จัดงานทางวิชาการไป เพราะชีวิตยังต้องสู้ การสัมมนาหาความรู้เพื่อนำไปสู้ชีวิตในปีหน้า ปีโน้น ก็จะต้องทำไปพร้อมๆกัน

หนึ่งใน “กลุ่มคน” ที่จริงจังต่อชีวิตก็คือ คณะกรรมการสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ที่ผมจะเขียนถึงวันนี้แหละครับ...เอาจริงเอาจังมากทุกๆใกล้ๆสิ้นปี จะต้องจัดสัมมนาทางวิชาการ เพื่อเตรียมตัวสู้ชีวิตในปีหน้าฟ้าใหม่ ต่อกันมากว่า 20 ปีแล้ว

เชื้อเชิญ กูรูเอย ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เอย ตลอดจนครูบาอาจารย์ ที่เกาะติดสถานการณ์มาตลอดเอย ฯลฯ มาพูดมาคุยมาเสนอความคิด มาเสนอแนวทาง มาให้ข้อมูลเชิงลึกแก่นักธุรกิจและนักลงทุนเป็นข่าวใหญ่ได้รับความสนใจจากประชาชนมาโดยตลอด

สำหรับปีนี้ สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ โดยท่านนายก ชนินท์ ว่องกุศลกิจ ก็ยังฟิตเช่นเคย ส่งข่าว การจัดสัมมนาเศรษฐกิจประจำปี 2562 ของสมาคมมาให้ผมเรียบร้อย

วันพฤหัสฯที่ 14 พฤศจิกายน หรือวันมะรืนนี้แล้วนะครับ ตั้งแต่ 9 โมงเช้าเป็นต้นไป ยาวเหยียดจนถึงเกือบ 5 โมงเย็น ณ ห้อง คริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ

...

ในหัวข้อ “ธุรกิจไทย...จะรับมืออย่างไรกับเมกะเทรนด์ที่ถาโถม” ชื่อยาวหน่อย แต่ก็สื่อความหมายได้อย่างครบถ้วน

เมกะเทรนด์ (Mega Trends) หรือแนวโน้มอันยิ่งใหญ่หลากหลายมิติที่กำลังถาโถม อาละวาดไปทั่วโลก และแน่นอนประเทศไทยเราด้วยมีอยู่ 3 แนวโน้มหลักๆ

ได้แก่ 1.การทำธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยจะต้องตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมและการมีธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจ

2. สังคมสูงวัย ที่ทั่วโลกเจอกันมาแล้ว และประเทศเรากำลังเผชิญอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

3. สงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยี ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 อย่างพร้อมๆกัน เขย่าเศรษฐกิจและเขย่าขวัญผู้คนไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้

ฝ่ายวิชาการของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ได้หยิบ “3 เทรนด์” นี้มาเป็นตัวตั้ง พร้อมกับเชิญกูรูและผู้เชี่ยวชาญตลอดจนผู้ปฏิบัติการที่ช่ำชองด้านเศรษฐกิจ ด้านธุรกิจ มาร่วมอภิปรายร่วมให้ข้อมูล และให้ข้อเสนอแนะกระตั้กใหญ่

อาทิ คุณชาญศิลป์ ตรีนุชกร บิ๊ก ปตท., คุณขัตติยา อินทรวิชัย บิ๊กกสิกรไทย, คุณวิน พรหมแพทย์, ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ, ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์, นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์, คุณพิศาล มาณวพัฒน์, Mr.Stanley Kang, คุณจรีพร จารุกรสกุล, ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ฯลฯ กระจายกันเป็นวิทยากรในหัวข้อต่างๆ ในทั้ง 3 เทรนด์

แถมยังจะมี 3 นักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่งของสมาคมฯมาร่วมกันวิเคราะห์ “เศรษฐกิจไทยปี 2563” ที่จะมาถึงให้ฟังอีกด้วย ได้แก่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย, ดร.อมรเทพ จาวะลา และ ดร.กิริฎา เภาพิจิตร์ นั่นเอง

เกือบลืมไปซะแล้วซีว่าก่อนเข้าสู่การสัมมนา จะมีปาฐกถาพิเศษโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน ให้ฟังเป็นการเกริ่นนำร่องให้ด้วย

บัตรค่าเข้าฟังที่นั่งละ 3,000 บาท พร้อมอาหารกลางวันและอาหารว่างตลอดการสัมมนา จึงถือว่าถูกเหมือนได้ฟังฟรีในทัศนะของนักธุรกิจและนักลงทุนทั้งหลาย...ท่านใดสนใจโทรศัพท์ไปซื้อบัตรที่ 0-2226-4397, 0-2613-2439, 08-1800-1187 ได้นะครับ

หรือที่ email: alumni@econ.tu.ac.th  และ Facebook.com/TEAAnnualForum/ ตั้งแต่บัดนี้

สำหรับพวกเราชาวบ้านทั่วไปไม่ต้องการข้อมูลลึกซึ้งอะไรมากนัก รออ่านจากเนื้อข่าวในหน้าเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์ต่างๆ หลังการสัมมนาก็แล้วกัน...ส่วนใหญ่จะลงให้ทุกฉบับอยู่แล้วละครับ.

“ซูม”