หลายคนยังสงสัย ทำไมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา จึงประกาศตัดสิทธิพิเศษทางการค้าหรือจีเอสพี ที่เคยให้ไทยมากว่า 30 ปี โดยอ้างว่า เพราะรัฐบาลไทยไม่ได้ให้สิทธิแรงงานตามมาตรฐานสากล ผู้นำรัฐบาลไทยท่านหนึ่งยืนยันว่า แก้ปัญหาตามที่สหรัฐฯต้องการแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่สหรัฐอเมริกาจัดให้ไทยอยู่ระดับเทียร์ 3 ที่ถือว่าย่ำแย่ รัฐบาล คสช.แก้ไขทั้งกฎหมายและจับกุมดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ระดับสูง จนสหรัฐฯพอใจเลื่อนอันดับไทยเป็นเทียร์ 2 แม้แต่ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย ที่เรียกว่า ไอยูยู ก็แก้ไขจนสหภาพยุโรปพอใจ

ตัวอย่างการปราบปรามการค้ามนุษย์ที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดคือ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์สดๆร้อนๆ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่เพิ่งผ่านมา ในคดีค้ามนุษย์ มีจำเลยถึง 103 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ เช่น อดีตนายกเทศมนตรี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายทหารยศพลโท

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยหลายคน เพราะนอกจากจำเลยจะทำความผิดฐานค้ามนุษย์ นำชาวบังกลาเทศและชาวโรฮีนจาเข้ามาไทยเพื่อส่งออกไปมาเลเซียแล้ว ยังสมคบกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติด้วย จำเลยที่เป็นพลโทถูกเพิ่มโทษจำคุก จาก 27 ปี เป็น 82 ปี อดีตนายก อบจ.โดน 50 ปี

แต่สหรัฐอเมริกาต้องยืนยันว่า การตัดจีเอสพีไม่เกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ และถ้าดูๆไปการค้ามนุษย์น่าจะใกล้เคียงกับพฤติกรรมบางอย่างของนักการเมือง เช่น การเดินสาย “ดูด” อดีต ส.ส.พรรคอื่น ให้เข้าพรรคของตน ด้วยการเสนอให้ผลประโยชน์ต่างๆ และข่าวเรื่อง ส.ส. “งูเห่า” หลังการเลือกตั้ง

กฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้นิยามหรือคำจำกัดความ ของการค้ามนุษย์ ได้แก่ การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เช่น การแสวงประโยชน์จากการค้าประเวณี การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ด้วยการเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย...รับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ หลอกลวง หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

...

ถ้าหากรายงานข่าวเรื่องดูดนักการเมืองเข้าพรรค หรือข่าว ส.ส.งูเห่าเป็นเรื่องจริง ต้องถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงในทางการเมือง เปรียบเทียบได้กับการค้ามนุษย์ แสดงว่าการเมืองไทยยังจมปลักอยู่ในน้ำเน่า และไม่มั่นใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะช่วยได้หรือไม่ เพราะเราเคยมีมาแล้วถึง 20 ฉบับ.